ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 886 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17701 - 17720 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17701 | การต่ออายุความตกลงก่อตั้งศูนย์อาเซียน - ญี่ปุ่น (ASEAN - Japan Centre: AJC) | พณ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการต่ออายุความตกลงก่อตั้งศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (The Agreement Establishing the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism) ออกไปอีก ๕ ปี (๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕) และเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นผู้แทนประเทศไทยในสมาชิกคณะมนตรีของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นผู้แทนในการลงนามให้การรับรองการต่ออายุความตกลงฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการริเริ่มการจัดกิจกรรมในรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่าย เช่น การจัดตั้งโครงการ Creative Industry Village เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นต้น และควรมีการบูรณาการการดำเนินกิจกรรมร่วมกับศูนย์อาเซียนอื่น ๆ เช่น ศูนย์อาเซียน-จีน และศูนย์อาเซียน-เกาหลี เพื่อรองรับการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งควรพิจารณารูปแบบการดำเนินโครงการและกิจกรรมบนหลักการที่เท่าเทียมกันให้มากขึ้น โดยคำนึงถึงการก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุลต่อทั้งญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17702 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา (ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ) | ยธ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีเนื้อหารายละเอียดและวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสร้างความร่วมมือที่มีอยู่ระหว่างสองฝ่าย และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการสืบสวนในทางคดี ๑.๒ ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เกี่ยวข้องกับข้อมูลของหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมทรัพย์สินทางปัญญา สังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น หากมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรชี้แจงและทำความเข้าใจกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การประสานการปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรต้องมีการทำความเข้าใจอย่างเคร่งครัดในการเข้าถึงและการรักษาข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยน รวมถึงการตั้งมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล ทั้งภายในองค์กรและระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ข้างต้นที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามกลไกของข้อตกลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17703 | การจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย | ศธ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) เพื่อเป็นคลังความรู้และศูนย์กลางด้านข้อมูลในเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการและการประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในบริบทของประเทศในภูมิภาค ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการขอรับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับศูนย์ฯ ควรมีลักษณะเทียบเคียงกับศูนย์ระดับภูมิภาคซีมีโอที่ประเทศไทยเคยรับเป็นเจ้าภาพแล้วทั้ง ๔ แห่ง และเป็นไปตามข้อบทที่กำหนดอยู่ในกฎบัตรของซีมีโอ (Charter of the Southeast Asian Ministers of Education Organization) ซึ่งไทยลงนามแล้วเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ การจัดตั้งศูนย์ฯ ควรมีขนาดกะทัดรัดเน้นบทบาทการเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ การส่งเสริม ประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานเจ้าภาพหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรจัดทำแผนแม่บทตามภารกิจและหน้าที่ขององค์กรในบริบทของประเทศไทย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปี รวมทั้งควรพิจารณาปรับบทบาทภารกิจของศูนย์ฯ ให้มีจุดเน้นอย่างชัดเจน และควรมุ่งในด้านการประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรที่ดำเนินการเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือในการเผยแพร่องค์ความรู้ รูปแบบการดำเนินงานและประสบการณ์เกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17704 | ขออนุมัติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2559 | พม | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๙ จำนวน ๒๑ โครงการ รวม ๖,๑๒๙ หน่วย วงเงินลงทุนรวม ๔,๓๒๒.๑๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการในส่วนของเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ กคช. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำกับดูแลให้ กคช. ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๙ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดประโยชน์และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการดำเนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งให้มีการประเมินผลการดำเนินการโครงการเป็นระยะเพื่อให้สามารถปรับปรุงการดำเนินโครงการให้เหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กคช. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการด้านการตลาดในเชิงรุกเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง พร้อมบริหารจัดการต้นทุนโดยคำนึงถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงกำกับติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด กรณีที่การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย กคช. ควรพิจารณาทบทวนการดำเนินงานพร้อมประเมินผลกระทบต่อองค์กรเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม และสำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะดำเนินการในอนาคต กคช. ควรพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ของการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนต่อไป รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายและประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อให้การดำเนินโครงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ให้ กคช. ควบคุมคุณภาพการผลิตที่อยู่อาศัยให้ได้มาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการคัดเลือกแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนบทบาทและขอบเขตการดำเนินงานของ กคช. ให้มีความชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานตามภารกิจของ กคช. และเพื่อให้ กคช. สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามภารกิจหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17705 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2560 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๖๐ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๖ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑,๓๑๔.๕๑๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงระบบประปาทั้งระบบ โดยจะมีการก่อสร้างระบบน้ำดิบ (ปรับปรุงสระพักน้ำดิบและวางท่อส่งน้ำดิบเพิ่ม) ระบบผลิตน้ำประปา (โรงกรองน้ำ ระบบจ่ายสารเคมี ถังน้ำใส โรงสูบน้ำและหอถังสูง) และระบบจ่ายน้ำ (วางท่อส่งน้ำ ท่อจ่ายน้ำ และท่อบริการขนาดต่าง ๆ ) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินงบประมาณรองรับ จำนวน ๑ โครงการ [โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังรับโอน (การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงคาน) วงเงินลงทุน ๕๘.๖๗๗ ล้านบาท] ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามกำลังเงินของประเทศต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการขอใช้น้ำต่อกรมชลประทานตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการหลังจากได้รับอนุมัติโครงการ ควรศึกษารูปแบบและแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การศึกษาแนวทางการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public - Private - Partnership : PPP) เป็นต้น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงิน การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต การเพิ่มรายได้จากการให้บริการและการลดอัตราน้ำสูญเสียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17706 | รายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ดศ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ กิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานที่เบิกจ่ายงบประมาณแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านให้กับหมู่บ้านนำร่อง จำนวน ๙๙ หมู่บ้าน และเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๑.๒ กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนนำรายละเอียดของกิจกรรมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย กิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท และกิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณปี ๒๕๖๐ วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ มาสมทบในกิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ๔. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในการนำวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินงานกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ ไปดำเนินโครงการเพิ่มเติมในการสนับสนุนภารกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเป็นไปตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ในกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะนำวงเงินเหลือจ่ายไปใช้สำหรับดำเนินการบำรุงและดูแลรักษาโครงข่ายที่สร้างขึ้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และสำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรเงินเหลือจ่ายดังกล่าว เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนในการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวกับการใช้เงินงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะของสำนักงาน กสทช. โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17707 | ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณโครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ | กษ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งกรณีมีหนี้ผูกพันและกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน จำนวน ๑๖ รายการ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๘,๓๑๕,๓๕๔.๐๗ บาท โดยให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายต่อไปได้จนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศทั้ง ๑๖ รายการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17708 | การขอขยายระยะเวลาดำเนินงานตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การขอขยายระยะเวลาดำเนินงานตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ) โดยให้กระทรวงมหาดไทยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินรายการที่ก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ให้สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยตามความพร้อมที่จะสามารถดำเนินการได้ จำนวน ๑ รายการ ในวงเงิน ๑,๑๕๗,๑๐๐ บาท และรายการที่ก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕๗ รายการ ในวงเงิน ๕๓,๓๘๔,๘๐๐ บาท และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน ๓ รายการ ในวงเงิน ๒,๗๐๔,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๖๑ รายการ ในวงเงิน ๕๗,๒๔๕,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17709 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม Global Platform for Disaster Risk Reduction ครั้งที่ 5 | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Global Platform for Disaster Risk Reduction) ครั้งที่ ๕ ประกอบด้วย (๑) Chair’s Summary : บทสรุปประธาน ซึ่งประเทศเจ้าภาพและสำนักยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (UNISDR) จะรวบรวมและจัดทำระหว่างการประชุม และ (๒) High-level Communique : แถลงการณ์ของระดับนโยบาย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะมีการรับรองระหว่างการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Leader’s Forum for Disaster Risk Reduction) เรียกว่า “แถลงการณ์แคนคูน” (The Cancun Communique) โดยเอกสารดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นร่วมกันในการปฏิบัติงานเพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติ ทั้งนี้ การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก ในระหว่างการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ ๕ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17710 | ขออนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเตว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ | กต | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ไม่ต้องรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้า-ออก เดินทางผ่าน และพำนักในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน นับจากวันที่เดินทางเข้า โดยบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่แสวงหาการจ้างงานใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานตนเอง หรือธุรกิจส่วนตัวอื่นใดในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะมีการลงนามความตกลงฯ ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต อย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17711 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ) | กห | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๔๐,๒๖๓,๐๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือตามนโยบายรัฐบาล ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17712 | การขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาสำหรับการจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ | กต | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแนวทางการจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Framework of a Code of Conduct) ที่อาเซียนและจีนกำลังจัดทำเพื่อให้แล้วเสร็จภายในกลางปี ๒๕๖๐ ๑.๒ เห็นชอบกรอบการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ตามหลักการสำคัญสำหรับการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ ๑.๓ รับทราบว่าประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : COC) ซึ่งจะเป็นผลสุดท้ายของการเจรจาตามกรอบการเจรจาข้างต้น อาจเป็นเอกสารที่จะต้องมีการลงนามให้มีผลผูกพันทางกฎหมายในลักษณะที่ก่อให้เกิดพันธกรณีระหว่างรัฐบาลภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ อาจเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลเจรจา ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากในการประชุมคณะทำงานอาเซียน-จีนว่าด้วยการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ ครั้งที่ ๒๑ และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-จีนว่าด้วยการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ ครั้งที่ ๑๔ มีการเจรจาเพื่อจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ และผลการเจรจานำไปสู่การจัดทำประมวลดังกล่าว ก็จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำประมวลนั้นตามมาตรา ๔(๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากประมวลการปฏิบัติดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ หรือหนังสือสัญญานั้นมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็จะต้องเสนอขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งยังคงทำหน้าที่รัฐสภาตามบทเฉพาะกาล มาตรา ๒๖๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17713 | ขออนุมัติการจัดทำและการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย | นร08 | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (Memorandum of Understanding between the Office of the National Security Council of the Kingdom of Thailand and the Executive office of the Security Council of the Russian Federation) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานของคู่ภาคีในการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันเกี่ยวกับความมั่นคงระดับชาติ ความมั่นคงระดับภูมิภาค และความมั่นคงระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการสภาความมั่นแห่งชาติเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17714 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายเชิดเกียรติ อัตถากร) | กต | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเชิดเกียรติ อัตถากร ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17715 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ และนางวัฒนาพร ระงับทุกข์) | ศธ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๒. นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17716 | การอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2560 | กต | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือผู้แทน กรรมการ ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กรรมการ และสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17717 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 30/2560 | นร | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๐ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17718 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17719 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ให้คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลแรงงานประมงทั้งหมดให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ความต้องการแรงงานประมงทั้งระบบ จำนวนแรงงานประมงต่างด้าวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และจำนวนแรงงานประมงต่างด้าวดังกล่าวที่ทำงานอยู่จริง และให้พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการแรงงานประมง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงต่างด้าวและทำงานผิดประเภท และให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำการเกษตร รวมทั้งคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้เป็นรูปธรรมชัดเจนภายในปี ๒๕๖๐ และการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้อย่างสัมฤทธิ์ผล และสามารถขยายเครือข่ายถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้ปฏิบัติให้กว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการว่า เนื่องจากขณะนี้งานด้านการสอบสวนหรือไต่สวนในกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และกระทรวงยุติธรรมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และกระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามผลการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกระบวนการดำเนินคดีจนกระทั่งสิ้นสุดคดีความด้วย ๓.๒ ในการประเมินผลหรือการพิจารณาให้รางวัลเชิดชูเกียรติเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือส่วนราชการที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น นั้น ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญในการดำเนินการดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติเป็นลำดับแรกก่อน ๓.๓ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งประสานกับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาที่ได้สร้างโปรแกรมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเรียกค่าไถ่ (Ransomware WannaCry) สำเร็จแล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อพิจารณานำโปรแกรมดังกล่าวมาเผยแพร่ให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็วต่อไป ๓.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้สอดคล้องตามแนวทางประชารัฐ นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยอาจพิจารณาดำเนินการเป็นโครงการนำร่องก่อนในเขตพื้นที่ธุรกิจ เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่กำหนดให้มีการแยกประเภทขยะตั้งแต่ต้นทางที่มีการทิ้งขยะ กลางทางในส่วนของการขนย้ายขยะ และปลายทางในส่วนของการกำจัดขยะ โดยอาจพิจารณาจ้างเอกชนมาดำเนินการ (Outsource) ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประกอบอาชีพเก็บขยะไปขายด้วย และนำเสนอผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17720 | การปรับโครงสร้างและอัตรากำลังส่วนราชการในภาพรวมทั้งระบบ | นร | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังส่วนราชการในภาพรวมทั้งระบบให้สอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานโดยเฉพาะหน่วยงานให้บริการประชาชน รวมถึงการยุบรวมหน่วยงานภายในที่มีภารกิจใกล้เคียงกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนมีความก้าวหน้าของผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน (career path) อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการใหม่ที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม โดยแบ่งสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างการเรียกบรรจุข้าราชการใหม่ และจากการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานในปัจจุบันของหน่วยงาน เช่น ลูกจ้าง พนักงานราชการ อย่างเหมาะสมด้วย
|
.....