ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 890 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17781 - 17800 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17781 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร Initiative on Promoting Unimpeded Trade Cooperation along the Belt and Road ซึ่งเป็นผลลัพธ์การประชุมห้องย่อยด้านความเชื่อมโยงทางการค้าสำหรับการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยร่างเอกสารฯ เป็นการแสดงเจตจำนงระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศอื่น ๆ ตามแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวยุทธศาสตร์ One Belt One Road (OBOR) ในการพัฒนาความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนตามแนวเส้นทาง OBOR ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการประชุมฯ (หากมี) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17782 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | วท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม Appeal for Stronger People-to-People Connectivity along the Belt and Road ที่จะมีการรับรองในการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ เป็นการแสดงถึงการมีส่วนร่วมของประเทศไทยในการเข้าสู่กระแสการพัฒนาความร่วมมือในกรอบ Belt and Road Initiative ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ในการพัฒนาความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งสามารถสนับสนุนประเทศไทยในการพัฒนาตามแนวนโยบายประเทศไทย ๔.๐ และแนวคิดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองให้ความเห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17783 | แนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา | ศธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา เข้าถึงบริการด้านการศึกษาที่รัฐสนับสนุนอย่างมีคุณภาพมาตรฐาน และได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมตามคุณลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน โดยมีการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนทุกคน เงินสมทบเป็นค่าธรรมเนียมการศึกษาสำหรับนักเรียนในโรงเรียนการกุศลและนักเรียนพิการ รวมทั้งเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลเพิ่มเติมเป็นค่าปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจนและอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลเพิ่มเติมให้นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก ๒. ในส่วนของงบประมาณ ให้เป็นไปตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่เสนอเพิ่มเติมว่า แนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาที่เหมาะสมในชั้นนี้เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู เพื่อเป็นการประกันรายได้ครูโรงเรียนเอกชนให้ได้รับเงินเดือนเท่ากับฐานเงินเดือนขั้นต่ำของรัฐซึ่งจะทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นปีละ ๗๘๑.๘๘๗๙ ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วจำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๒๘๑.๘๘๗๙ ล้านบาท เห็นควรให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติมต่อไป โดยให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดมาตรการกำกับและควบคุมให้โรงเรียนเอกชนจ่ายเงินเดือนครูตามวุฒิให้ชัดเจนด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชนและกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินอุดหนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือโรงเรียนอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องรับการอุดหนุน เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น ให้ครบถ้วนและเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17784 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัตถุอันตราย (จำนวน 10 คน 1. นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ ฯลฯ) | อก | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัตถุอันตราย จำนวน ๑๐ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาเคมี ๒. นางสมศรี สุวรรณจรัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ๓. นายวิสูตร ชินรัตนลาภ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ๔. นายวิชา ธิติประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ๕ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคณวุฒิสาขาวิชากฎหมาย ๖. นางสาวจิราพร ลิ้มปานานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๗. นางศุภวรรณ ตันตยานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๘. นางชุติมา รัตนเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรกรรมยั่งยืน ๙. นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการจัดการปัญหาวัตถุอันตราย ในท้องถิ่น ๑๐. นายเจริญชัย ประเทืองสุขศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17785 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ยธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) ได้ตรวจพิจารณาแล้ว เพื่อนำกลับมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17786 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล และนายพชร อนันตศิลป์) | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17787 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรพิจารณากำหนดที่มาของเงินรายได้จากแหล่งอื่นเพิ่มเติมจากการขอรับจัดสรรเงินงบประมาณเพียงแหล่งเดียว การดำเนินการของกองทุนควรต้องกำหนดรายละเอียด รูปแบบ วิธีการ กลุ่มเป้าหมาย ให้มีความชัดเจน และให้เห็นความแตกต่างจากการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานของรัฐอื่น/ทุนหมุนเวียนที่ดำเนินการอยู่แล้ว และในการพิจารณากำหนดโครงการความช่วยเหลือของคณะกรรมการบริหารกองทุนต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำหนดที่มาของเงินรายได้นอกเหนือจากการขอรับจัดสรรงบประมาณเพียงแหล่งเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและทุนหมุนเวียนอื่น ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และจัดทำระบบการติดตามประเมินผลที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงสัดส่วนของงบประจำและงบลงทุนที่เหมาะสม ความคุ้มค่า ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ การดำเนินงานของกองทุนต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาระบบภาษีในลักษณะ Negative Income Tax ที่เป็นระบบมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นแล้ว การใช้จ่ายเงินกองทุนต้องยึดหลักความถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17788 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๙๒๓,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๖๒,๙๐๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๘๙ ดังนี้
๑. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๕๒,๓๖๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๔๖ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๙๙,๗๐๗ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๙๔ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๕๘.๕๒) ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๘๔,๑๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๔๓๙,๕๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๙๑ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๘,๘๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔๗,๙๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๓๙ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๑๒,๘๔๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๗๘ ๒. มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐,๖๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๒๕ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๙,๕๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๒๔ ๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๒,๕๕๙ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๘,๒๖๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๘๐ ล้านบาท และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๔,๔๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๐๓ ๓. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๕๔๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕.๕๕ ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน ๑๐๖,๓๑๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๕๑๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙.๘๙ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๘๓,๖๘๘ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑๐,๒๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๒๒ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17789 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 5/2560 | นร | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้าโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ประชุมมีมติรับทราบความคืบหน้าโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโดยเฉพาะการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ของโครงข่ายฯ และแนวทางการบริหารจัดการภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบต่อไป ๒. การขับเคลื่อนด้านการศึกษา ที่ประชุมมีมติ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของที่ประชุมไปปรับปรุงการขับเคลื่อนการศึกษาในกรอบระยะเวลาช่วง ๑ ปี ๔ เดือน และในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ โดยให้กำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน รวมทั้งให้สร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานในแต่ละระดับเพื่อวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ของทักษะการเรียนรู้ ทักษะการใช้ชีวิต คุณธรรมจริยธรรม ระเบียบวินัย และจิตสำนึกต่อส่วนรวม และรายงานผลการดำเนินงานให้ บยศ. ทราบต่อไป ๒.๒ เห็นชอบในหลักการการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา โดยในส่วนของงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชนและกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินอุดหนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือโรงเรียนอื่น ๆ เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนให้ครบถ้วนและเหมาะสมด้วย ๓. การนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบ Big Data ของภาครัฐ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน และคณะทำงานประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) โดยให้นำเสนอแผนแม่บทการพัฒนา Big Data ของภาครัฐต่อ บยศ. ภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17790 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
๑. อนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ๑.๑ เนื่องจากสำนักงบประมาณมีความจำเป็นต้องปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการบางแห่งให้สอดคล้องกับกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงขออนุมัติให้สำนักงบประมาณปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ สำหรับคำขอปรับปรุงนอกกรอบวงเงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายการค่าก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลตำรวจ วงเงิน ๔๔๕.๕ ล้านบาท นั้น รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเห็นชอบให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ก่อน ดังนั้น สำนักงบประมาณจึงขอปรับลดงบประมาณดังกล่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนำไปตั้งเป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๓.๖ ล้านบาท และของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รายการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน จำนวน ๒๘๑.๙ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๒.๑ การรับฟังความคิดเห็นของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นและรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๒.๒ ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเปิดเผยในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.go.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรงก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเอกสารงบประมาณ และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17791 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" ของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง "การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวมีความเห็นและการดำเนินการสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ในมิติต่าง ๆ ได้แก่ มิติด้านสาธารณสุข มิติด้านหลักประกันรายได้ และมติทางสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17792 | ขอแจ้งรายชื่อโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ ๖๕๗/๒๕๕๙ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ และคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ ๑๒๓/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์เพิ่ม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ๒. นางสาวรัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ๓. นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17793 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า | คค | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมฯ ว่าจะร่วมมือกันดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การปกป้องการขนส่งทางทะเลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน โดยจะมีการลงนามร่างปฏิญญาร่วมฯ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ ประเทศแคนาดา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายพิชิต อัคราทิตย์) ลงนามให้การรับรองร่างปฏิญญาร่วมฯ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องตามมาตรฐานขององค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน รวมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมในการตรวจและควบคุมเรือไทยและต่างชาติให้เป็นไปตามมาตรฐานภายในและระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17794 | สรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | มท | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ มีหมู่บ้านเสนอโครงการ จำนวน ๘๒,๓๓๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๖๐,๔๑๗,๔๙๘ บาท และหมู่บ้านเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน ๘๒,๓๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๔๘,๗๑๒,๕๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๘ หมู่บ้านไม่สามารถดำเนินการโครงการได้ ๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๓,๔๕๒,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๒ ๒. การติดตามการดำเนินโครงการ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้มีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะดำเนินการเข้าตรวจสอบการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. การประเมินผลโครงการ จากการดำเนินการโดยวิธีการสุ่มประเมินหมู่บ้าน จำนวน ๖๐๐ หมู่บ้าน ๖,๐๐๐ คน ผลการประเมินพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๐ ๔. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) ควรมีการจัดสรรงบประมาณในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ให้แก่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง (๒) การสนับสนุนงบประมาณควรเป็นไปตามขนาดของหมู่บ้าน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ (๓) ควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามโครงการให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผนการดำเนินการตามโครงการได้เอง โดยไม่ต้องจ้างผู้รับจ้างดำเนินการแทน (๔) ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณลักษณะเช่นเดียวกันที่กำหนดให้หมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินการเอง และ (๕) ควรให้หมู่บ้านดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการดำเนินโครงการตามแบบราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17795 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 60 | ยธ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ ๖๐ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้เสด็จเข้าร่วมการประชุมฯ และทรงเป็นองค์ประธานเปิดกิจกรรมพิเศษ (นิทรรศการ) ของรัฐบาลไทย เพื่อนำเสนอกระบวนการพัฒนาทางเลือกในบริบทของประเทศไทย โดยได้มีพระราชดำรัสในพิธีเปิดฯ มีสาระสำคัญกล่าวถึงเวลากว่า ๗๐ ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น เนื่องจากทรงเห็นสภาพปัญหาความเป็นอยู่และการขาดโอกาสของชาวไทยภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาทางเลือกของไทย ซึ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม และเน้นคนเป็นศูนย์กลาง จนประสบความสำเร็จ อีกทั้งสหประชาชาติได้รับรองแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ ที่ประเทศไทยผลักดันจนเป็นต้นแบบที่ส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปฏิบัติเพื่อลดอุปทานยาเสพติดโลกอย่างยั่งยืน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การแก้ไขปัญหายาเสพติดตามอนุสัญญาสหประชาชาติ การเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกพืชเสพติด การนำเสนอความคืบหน้าในการดำเนินการปฏิรูปนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดของไทย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ ได้ร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้บัญชาการงานยาเสพติดแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หัวหน้าคณะผู้แทนเยอรมนี เช่น การชื่นชมความร่วมมือในด้านการพัฒนาทางเลือกที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลไทยมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ฝ่ายเยอรมนีให้ความสนใจในการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายยาเสพติดของไทย รวมทั้งประเด็นการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด เป็นต้น ๓. การกล่าวถ้อยแถลงของผู้แทนไทยจากหน่วยงานที่ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทย การร่วมพิจารณาร่างข้อมติ จำนวน ๑๐ ฉบับ และร่างข้อตัดสินใจ จำนวน ๒ ฉบับ รวมทั้งการพิจารณาควบคุมสารระหว่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ชนิด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17796 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบสัญญาที่ 1 โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ที่มีวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แล้วได้ผลการประกวดราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณและต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด รวมทั้งได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว (รายการระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ กำหนดราคากลางเป็นเงิน ๒,๑๑๑,๘๗๓,๔๖๒.๕๖ บาท ได้ผลการประกวดราคา ๑,๐๒๘,๓๘๒,๙๙๘.๕๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ติดตามดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17797 | รายงานผลการจัดจ้างรายการโครงการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตรอน แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร | สกช | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดจ้างรายการโครงการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตรอน แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยวิธีประกวดราคา ในราคา ๑,๑๙๙,๙๙๘,๔๗๔.๖๒ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาดังกล่าวแล้ว โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๙๕๙,๙๙๘,๗๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๓๙,๙๙๙,๗๗๔.๖๒ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๙๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๗๖๗,๙๙๘,๗๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17798 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... | นร09 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับส่วนราชการซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17799 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 รวม 7 ฉบับ | วท | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาในการวางหลักประกันเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ และในการเข้าดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตวางหลักประกันเพื่อการจัดการกากกัมมันตรังสี การจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเพื่อการเข้าดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่อใบอนุญาต ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือนำเข้าซึ่งวัสดุกัมมันตรังสี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การมีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุนิวเคลียร์ นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านวัสดุนิวเคลียร์จะต้องได้รับอนุญาต รวมทั้งกำหนดให้การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจะต้องได้รับใบอนุญาต ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีไว้ครอบครองวัสดุนิวเคลียร์บางประเภทที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตจะต้องแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ พ.ศ. ....มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ควรปรับลดเอกสารประกอบการขอรับใบอนุญาตลง คัดเฉพาะเอกสารที่จำเป็นเท่านั้น และเอกสารประกอบการขออนุญาต ควรอนุญาตให้เป็นเอกสารดิจิทัล เพื่อความสะดวก และลดภาระงาน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17800 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560 | นร11 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๐ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลง โดยลดลงร้อยละ ๐.๕ เทียบกับการลดลงร้อยละ ๑.๖ ในเดือนก่อนหน้า สำหรับในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๒ เป็นผลจากการผลิตเพิ่มขึ้นของปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด และอ้อย ดัชนีสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๑.๙ ตามทิศทางของตลาดโลก ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๕ ตามการลดลงของการผลิตในหมวดผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งปิดซ่อมโรงกลั่นบางแห่ง ในส่วนของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมกราคม ๒๕๖๐ นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนและเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาคการผลิตและการบริโภคภายในประเทศ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ที่ระดับเดิม ส่วนธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ ๐.๒๕ ตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น
|
.....