ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 888 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17741 - 17760 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17741 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการบริหารจัดการปิโตรเลียมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการปิโตรเลียม การแบ่งปันผลผลิตตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต และการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (National Oil Company : NOC) ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติรวม ๒ ฉบับ ในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17742 | ผลการหารือข้อราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการคลังเมียนมา และการเข้าร่วมงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พณ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือข้อราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการคลังเมียนมา และผลการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมมหกรรมการค้าชายแดน Tak SEZ Fair 2017 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การหารือข้อราชการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการคลังเมียนมา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลศุลกากรระหว่างกัน ส่งเสริมการค้า การลงทุน โดยผลักดันการใช้เงินบาท-เงินจ๊าด และการดำเนินพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection : SSI) การท่องเที่ยวเชื่อมโยงฝั่งไทยและเมียนมา และความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program : YEN-D) รวมทั้งได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการด้านบริการสาธารณสุข ณ โรงพยาบาลนครแม่สอด อินเตอร์เนชั่นแนล ที่รองรับการบริการแก่ประชาชนไทยและเมียนมา ๒. การประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๑ โดยมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและขจัดปัญหาอุปสรรคการค้าชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ในหลายประเด็น เช่น การสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่น (บาท-จ๊าด) ในพื้นที่ชายแดน เป็นต้น และจะมีการประชุมครั้งต่อไปในปี ๒๕๖๑ ที่เมียนมา ๓. การประชุมสภาธุรกิจไทย-เมียนมา มีผลการประชุม เช่น การเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน (สะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ และการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร) การผลักดันให้แม่สอด-เมียวดีเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษร่วม เป็นต้น ๔. งานมหกรรมการค้าชายแดน Tak SEZ Fair 2017 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐ เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ภายในงานประกอบด้วยสินค้าจากผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการเมียนมา คาดว่ามีมูลค่าการซื้อขายภายในงานไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท และมีผลให้เกิดธุรกิจต่อเนื่องของผู้ประกอบการและผู้ค้าไทย-เมียนมาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17743 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2559 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) โดยในการประชุม กพยช. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างเนื้อหารายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ กพยช. ซึ่งประกอบด้วยสาระสำคัญจำนวน ๔ ส่วน ได้แก่ (๑) อำนาจหน้าที่ องค์ประกอบของ กพยช. (๒) คณะอนุกรรมการภายใต้ กพยช. (๓) ผลการดำเนินงานของ กพยช. และ (๔) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธาน กพยช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17744 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม 2560 | พณ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) รวมส่งออกในไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ ขยายตัวที่ร้อยละ ๔.๙ เติบโตสูงสุดในรอบ ๑๗ ไตรมาส สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวในระดับดีของไทยตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ๒. มูลค่าการค้าในรูปเงินบาทเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๗๒๖,๐๒๑ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๗.๓ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๖๗๘,๐๔๘ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๑๗.๒ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๔๗,๙๗๓ ล้านบาท สำหรับมูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนมีนาคม ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๒๐,๘๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๑๙,๒๗๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๙.๓ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๑,๖๑๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. มูลค่าการส่งออกรายสินค้าเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๑๒ (YoY) โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น ยางพารา ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๘.๗ (YoY) โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดี เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และน้ำมันสำเร็จรูป ๔. การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๑๙ โดยการค้าชายแดน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) ขยายตัวร้อยละ ๑๘ และการค้าผ่านแดน (สิงคโปร์ จีนตอนใต้ และเวียดนาม) ขยายตัวร้อยละ ๒๔.๗ ๕. แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ร้อยละ ๕ โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อให้การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายให้มากที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17745 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ ๖๗/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งแต่งตั้งให้ นางจุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แทน นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17746 | รายงานการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2564) | วธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ จำนวน ๖ คณะ การจัดทำคู่มือการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจในแผนแม่บทฯ และเป็นแนวทางขับเคลื่อนของทุกภาคส่วน และการจัดงาน “สมัชชาคุณธรรมระดับภูมิภาค ๔ ภาค” เพื่อเป็นเวทีกลางการขับเคลื่อนคุณธรรมขององค์กรเครือข่ายด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นต้น รวมทั้งแนวทาง/แผนการดำเนินการต่อไป เช่น การจัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการคณะต่าง ๆ ทุกเดือน เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามตัวชี้วัดแผนแม่บทฯ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17747 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) | ทส | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวน ๒,๑๙๕ แห่ง วงเงิน ๗๓๕,๗๖๓,๐๐๐ บาท ดำเนินการในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘-มกราคม ๒๕๖๐ มีผลการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน ๒,๑๗๖ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๑๓ ของเป้าหมาย โดยสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ จำนวน ๑๙๐.๖๑๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ ๖๕,๒๘๐ ไร่ และไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ได้ ๑๙ แห่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่มีศักยภาพน้ำบาดาล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17748 | มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมในท้องถิ่น | มท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่าย จากเดิมกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเบิกจ่ายตามงวดงาน รวมทั้งเห็นชอบการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลตามมาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Matching Fund) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามรายละเอียดโครงการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขอรับการสนับสนุน ภายในกรอบวงเงิน ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น) สำหรับการขอยกเว้นการใช้จ่ายเงินสะสมเป็นลำดับแรกก่อนนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีเจตนารมณ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านการเงินการคลังนำเงินสะสมมาใช้จ่าย เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งการดำเนินการตามหลักการดังกล่าวจะช่วยรัฐบาลลดภาระงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อันมีอยู่อย่างจำกัดและต้องสำรองไว้สำหรับภารกิจยุทธศาสตร์ที่จำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการตามหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17749 | รัฐบาลรัฐอิสราเอลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเมอีร์ ชโลโม (Mr. Meir Shlomo)] | กต | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเมอีร์ ชโลโม (Mr. Meir Shlomo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายชีมอน โรเดด (Mr. Simon Roded) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17750 | รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายลง วิซาโล (Mr. Long Visalo)] | กต | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลง วิซาโล (Mr. Long Visalo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางอีต โซเฟีย (Mrs. Eat Sophea) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17751 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในส่วนที่มอบหมายให้รัฐมนตรีหรือส่วนราชการดำเนินการ | นร | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการติดตามการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในส่วนที่มอบหมายให้รัฐมนตรีหรือส่วนราชการดำเนินการ จำนวน ๖๑ ฉบับ ส่วนใหญ่ส่วนราชการได้ดำเนินการแล้วหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๕๔ ฉบับ (คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๕๒ ของคำสั่งที่ต้องติดตามทั้งหมด) และส่วนราชการไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด หรือยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร จำนวน ๗ ฉบับ เช่น การจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามคำสั่งที่ ๒๘/๒๕๕๙ เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๕ ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการยื่นคำขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำไม้หวงห้ามฯ และเรื่องการออกระเบียบเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาตนำไม้หวงห้ามหรือไม้ที่มีชื่อหรือชนิดตรงกับไม้หวงห้ามที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ เคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัด ตามคำสั่งที่ ๓๑/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ เป็นต้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีติดตามผลการดำเนินการแล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17752 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหัวขวาง ตำบลแห่ใต้ และตำบลเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหัวขวาง ตำบลแห่ใต้ และตำบลเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหัวขวาง ตำบลแห่ใต้ และตำบลเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน และคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางควรให้ความสำคัญการดำเนินการจัดรูปที่ดินตามขั้นตอนตั้งแต่เริ่มโครงการอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน และวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาห้าปีที่กำหนดในพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ และ (๒) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาที่ดิน และกระทรวงพาณิชย์ควรมีบทบาทร่วมกับกรมชลประทานในการสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ได้จัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกพืชที่มูลค่าสูงอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากสินค้าข้าวอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป จนถึงการตลาด เพื่อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17753 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด (Mr. Asim Iftikhar Ahmad)] | กต | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด (Mr. Asim Iftikhar Ahmad) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโซเฮล คาน (Mr. Sohail Khan) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17754 | รายงานผลการพิจารณาและการดำเนินการเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ | ตช | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพกรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเห็นควรให้มีการทบทวนโดยยกเลิกกำหนดคุณสมบัติพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องสำเร็จการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย ได้ยกเว้นในเรื่องวุฒิการศึกษาของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ก่อนพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยฯ ใช้บังคับแล้ว และ (๒) กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นควรให้มีการทบทวนโดยยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยมีคุณสมบัติสัญชาติไทย ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าควรกำหนดให้เป็นบุคคลที่ต้องมีสัญชาติไทยตามที่พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยฯ บัญญัติไว้ เนื่องจากหากบุคคลต่างด้าวมาทำหน้าที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ และในการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการติดต่อสื่อสารด้านภาษา เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17755 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 5 ราย 1. นางเยาวลักษณ์ จำปีรัตน์ ฯลฯ) | นร07 | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางเยาวลักษณ์ จำปีรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. นายประยงค์ ตั้งเจริญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๓. นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๔. นายภูมิรักษ์ ชมแสง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๕. นางสาวอมรวดี จักรไพวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17756 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายทาเซกาเย อาเบเบ อาดุนยา (Mr. Tsegaye Abebe Adugna)] | กต | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ๒. แต่งตั้ง นายทาเซกาเย อาเบเบ อาดุนยา (Mr. Tsegaye Abebe Adugna) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17757 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุพรรณบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุพรรณบุรี พ.ศ. 2555) | มท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุพรรณบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕) โดยแก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมบางส่วนเป็นที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย แก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมเฉพาะกิจ และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และแก้ไขเพิ่มเติมรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายกฎกระทรวง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยควรคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำ รวมทั้งการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล การอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17758 | ร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ พ.ศ. .... | พน | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17759 | รายงานการประชุมด้านการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 10 | คค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมด้านการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ ๑๐ [10th Regional Environmentally Sustainable Transport (EST) Forum in Asia] ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านคมนาคม หน่วยงานด้านการขนส่ง การพัฒนาและสิ่งแวดล้อมจากประเทศสมาชิก และผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายพิชิต อัคราทิตย์) พร้อมคณะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมฯ ประเทศไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ความสอดคล้องของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการขนส่งของประเทศไทยในระยะ ๒๐ ปี กับแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในด้านการพัฒนาการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สะอาด และปลอดภัย โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในภาคการขนส่งเพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านการเดินทางให้แก่ประชาชน และแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยตามแนวทางของปฏิญญากรุงเทพ ๒๐๒๐ ว่าประเทศไทยได้กำหนดให้มีแผนการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ ๒๐-๒๒ ผ่านการดำเนินการ (๑) การหลีกเลี่ยง (Avoid) การเดินทางที่ไกลเกินความจำเป็นและลดระยะทางในการเดินทาง (๒) เปลี่ยนรูปแบบ (Shift) ของการขนส่งไปสู่รูปแบบที่ยั่งยืน (๓) ปรับปรุง (Improve) มาตรฐานต่าง ๆ ของภาคการขนส่งทางถนน โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ และ (๔) เพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพในภาคการขนส่ง ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายพิชิต อัคราทิตย์) พร้อมคณะได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว (นาย Bounchanh Sinthavong) โดยนาย Bounchanh ได้แสดงความขอบคุณกระทรวงคมนาคมและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ที่ให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาว ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการท่องเที่ยวแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวด้านการค้าและการลงทุนในระดับอนุภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17760 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๕ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๑,๙๐๗.๔๔๑ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป ได้แก่ ๑.๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๑,๕๔๐.๔๔๑ ล้านบาท ๑.๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๕๒ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๓๖๗.๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่เกิดขึ้นจริงผ่านคณะกรรมการการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป รวมถึงรายงานการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการตามมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยด่วนด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเป็นสำคัญ และจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินตามมาตรการดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมอย่างประหยัด โดยผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเชื่อมการเดินทางสาธารณะของประชาชนอย่างครบวงจร ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐
|
.....