ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 884 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17661 - 17680 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17661 | ร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | พม | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณานิยามคำว่า “กองทุน” ที่หมายความว่า “กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม หรือกองทุนอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” นั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่านอกจากกองทุนคุ้มครองเด็กและกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมตามที่ระบุไว้แล้ว ยังมีกองทุนอื่นใดอีก และในการส่งเสริมสนับสนุนเงินจากกองทุนดังกล่าวยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะนำเงินจากกองทุนใดมาสนับสนุน จึงควรมีการกำหนดให้ชัดเจนว่าให้นำเงินจากกองทุนใดมาใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนส่วนใด ไปพิจารณาแล้วจัดทำคำชี้แจง เพื่อประกอบการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจดังกล่าว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17662 | ร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า การกำหนดนิยามในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ควรเพิ่มเติมนิยาม “มลพิษทางกลิ่น”หมายความว่า สภาวะของกลิ่นอันเกิดจากการประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน สำหรับการนำร่างกฎกระทรวงฯ ไปบังคับใช้กรณี ข้อ ๓ ค่ามาตรฐานมลพิษที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข หากเป็นประเภทและขนาดกิจการเดียวกันกับกิจการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการประกาศกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๕ โดยค่ามาตรฐานนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17663 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | นร09 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17664 | ขออนุมัติการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น | กษ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดและแนวทางในการดำเนินความร่วมมือด้านการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย การดำเนินการตามมาตรการรัฐเจ้าของธง รัฐเจ้าของท่า รัฐชายฝั่ง การคงสถานะความเป็นรัฐเจ้าของตลาดและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประมงที่ถูกกฎหมาย โดยจะมีการลงนามในร่างแถลงการณ์ฯ ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17665 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2560 และแนวโน้มปี 2560 | นร11 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๑.๓ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การส่งออกบริการและสินค้า และการลงทุนภาครัฐขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๖ ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๑๗ ไตรมาส ๒. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๑.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๑.๓ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๓,๓๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๔๖๘,๑๔๗ ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓ ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ อยู่ที่ ๑๘๐.๙ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๖,๑๖๖.๕ พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๗ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓.๓-๓.๘ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๕๙ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๐ และร้อยละ ๔.๔ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๘-๑.๓ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๙ ของ GDP ๔. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การใช้จ่ายของรัฐบาลและการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐให้ได้ตามเป้าหมาย (๒) การสนับสนุนการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๐ (๓) การสนับสนุนการขยายตัวของรายได้เกษตรกรและการดูแลผู้มีรายได้น้อย (๔) การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน และ (๕) การสนับสนุนการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17666 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2558 [โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ 2)] | กห | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) งบรายจ่ายอื่น จำนวน ๔๙,๕๓๒,๖๓๐.๘๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบินถ่ายภาพภายใต้โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับการขยาย ทั้งนี้ ให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนเครื่องบินของกองทัพอากาศเพื่อช่วยในการดำเนินการถ่ายภาพด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17667 | การสมัครเข้ารับตำแหน่งสมาชิกประจำในคณะประศาสน์การ (Governing Body : GB) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ วาระระหว่างปี 2560 ถึงปี 2563 | รง | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งสมาชิกประจำในคณะประศาสน์การ (Governing Body : GB) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) วาระระหว่างปี ๒๕๖๐ ถึงปี ๒๕๖๓ ระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๖ (ระหว่างวันที่ ๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐) ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งยืนยันการสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งของประเทศไทยแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนการดำเนินงานของ ILO
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17668 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (พยาบาลวิชาชีพ) | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. (ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร.) เสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมติ คปร. อย่างเคร่งครัดด้วย ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวม ๘,๗๙๒ อัตรา โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข แบ่งการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพเป็นระยะเวลา ๓ ปี ได้แก่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๙๙๒ อัตรา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๙๐๐ อัตรา และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒,๙๐๐ อัตรา โดยการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณตามที่ได้รับการจัดสรร ๑.๒ เห็นชอบให้มีคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อ คปร. ภายในกลางปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้เสนอแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อ คปร. ก่อนการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ เมื่อมีการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงสาธารณสุขหลีกเลี่ยงในการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ในการบรรจุแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงาน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวเรียกร้องขอให้บรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการในภายหลัง โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้มีระเบียบในเรื่องนี้ เพื่อให้ส่วนราชการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการบริหารจัดการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขในระยะยาวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้มีข้อมูลความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล และที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานจริง และมีสัดส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ฯ ต่อจำนวนของประชาชนที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ในภาพรวมที่เหมาะสม สามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่เป็นภาระงบประมาณจนเกินควร ทั้งนี้ ในการพิจารณาจำนวนความต้องการของบุคลากรข้างต้น ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงบุคลากรฯ ที่มีอยู่ทั้งหมดในภาพรวมของประเทศ ทั้งที่อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17669 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร) | นร10 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่รวม ๘๔๙ อัตรา โดยเป็นตำแหน่งนายแพทย์ จำนวน ๗๗๙ อัตรา และตำแหน่งทันตแพทย์ จำนวน ๗๐ อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุข และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๒. ในส่วนของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน ๓๑๖ อัตรา นั้น ให้ คปร. รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้อัตราว่างที่มีอยู่ของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนรอบด้าน เช่น สัดส่วนของเภสัชกรต่อประชาชนผู้รับบริการที่เหมาะสมและสามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ภาระงบประมาณและจำนวนบุคลากรด้านเภสัชกรที่ได้รับทุนการศึกษาและที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปี เป็นต้น และให้นำผลการพิจารณาของ คปร. เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17670 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ) | นร04 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17671 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | ยธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ครองตำแหน่งเดิมที่โอนไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17672 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 [จำนวน 10 รูป/คน 1. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมจิตโต)] | วธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ จำนวน ๑๐ รูป/คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ๒. พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ๓. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ๔. พลอากาศเอก วีรวิท คงศักดิ์ ๕. พลเอก ศรุต นาควัชระ ๖. นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ๗. นายอรุณ บุญชม ๘. มุขนายก ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ๙. นายปานชัย สิงห์สัจเทพ ๑๐. นางพงษ์ทิพย์ เทศะภู
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17673 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 6/2560 | นร05 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และเห็นชอบร่างคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนำร่างคำสั่งดังกล่าวเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒ การปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างดังกล่าว รวมทั้งข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ ข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) ที่ประชุมอนุมัติหลักการแนวทางการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของที่ประชุมไปประกอบการดำเนินการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว โดยพิจารณาดำเนินการในส่วนของกิจกรรมที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และให้รายงานผลการดำเนินงานภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบระบบงาน และทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลกับ Project Manager Officer (PMO) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางจัดทำรายละเอียดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (งบกลางปี) โดยให้สรุปเป็นข้อมูลของแต่ละกระทรวงให้ชัดเจนและระบุปัญหาที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย และกำหนดการประชุม บยศ. ในครั้งต่อไปคือ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๐ น. เรื่อง การขับเคลื่อนด้านสาธารณสุข ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามที่ บยศ. เห็นชอบ และที่คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในส่วนของการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่ง บยศ. ได้เห็นชอบในหลักการให้มีการตั้งคณะกรรมการ ๖ คณะตามยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน นั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรพิจารณาตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีก ๑ คณะ เพื่อทำหน้าที่ประเมินการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับยุทธศาสตร์ โดยให้ครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี (Strategic Environmental Assessments) ไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17674 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 31/2560 | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17675 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร04 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็น ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ นั้น เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นข้างต้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ จึงเห็นควรให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีกครั้งหนึ่ง เป็น ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เร่งรัดการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17676 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศไทยและประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Island Countries) ให้เกิดความยั่งยืนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางการพัฒนาพลังงานชีวภาพ (Bioenergy) และแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปส่งเสริม ให้ข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจแก่ประชาชนของประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการประมงไทยเข้าไปประกอบธุรกิจประมง โดยเฉพาะการจับและแปรรูปสัตว์น้ำในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น สาธารณรัฐวานูอาตู สาธารณรัฐนาอูตู และสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำผลผลิตจากประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกมาแปรรูปและพัฒนาให้เป็นสินค้าส่งออกของประเทศไทยต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยกลุ่มต่าง ๆ ที่จะมีการจำแนกตามระดับรายได้ให้ได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจน และบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม ถูกต้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อาจดำเนินการเรื่องการจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย กระทรวงศึกษาธิการอาจดำเนินการเรื่องการส่งเสริมและให้โอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินนโยบายในภาพรวมของรัฐบาลที่ต้องการให้การช่วยเหลือและยกระดับรายได้ของผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership : TPP) และการเข้าเป็นภาคีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคของอาเซียน (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนตามความเหมาะสมต่อไป ๓. ด้านสังคม ให้กระทรวงแรงงานสำรวจข้อมูลภาวะการว่างงานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาและเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นครั้งแรกเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของการว่างงาน และกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการว่างงานที่เหมาะสมต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้ทุกส่วนราชการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ในหลายพื้นที่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๔.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ให้เตรียมการป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน เช่น ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาที่อาจชำรุดและไม่แข็งแรงเพียงพอ และให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อประชาชน สำหรับพื้นที่ใดที่อาจเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้น ให้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันอาชีวศึกษา) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็วด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีความพร้อมในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม เช่น การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รถขนาดใหญ่เพื่อขนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ ๔.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในการสำรวจเส้นทางการจราจรที่อาจชำรุดเสียหายในช่วงที่มีฝนตกหนัก โดยให้จัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ๕. ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบและปรับปรุงระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งให้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกฎหมายได้ ๖. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันรวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดการดำเนินการในเชิงพาณิชย์หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถนำงานวิจัยดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) และกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว และให้ร่วมกันรวบรวมผลงานหรืองานวิจัยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศต่าง ๆ เช่น ผลงานจากการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก (The Intel International Science and Engineering Fair 2017 : Intel ISEF) เพื่อนำไปต่อยอดการดำเนินการในเชิงพาณิชย์หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย ๗. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาจัดซื้อ/จัดหาครุภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้วัตถุดิบในประเทศก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อส่งเสริมภาคการผลิตในประเทศและเกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้นต่อไป ๘. ในการจัดทำเอกสารเผยแพร่หรือสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของส่วนราชการ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดรูปแบบการจัดทำและวิธีการเผยแพร่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตรงตามเจตนารมณ์ของการจัดทำ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17677 | ร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... | คค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเรือไทย และกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยทั้งระบบ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐเจ้าของธง (Flag State Jurisdiction) กำหนดบทบัญญัติเรื่องการกำกับดูแลกองเรือไทย ระบบทะเบียนเรือไทย การจดทะเบียนเรือไทย การโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย การตรวจสภาพเรือไทย การจัดการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของเรือและอุปกรณ์ประจำเรือ การจดทะเบียนจำนองและบุริมสิทธิเหนือเรือไทย การจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของเรือไทย รวมถึงคนประจำเรือและการจัดคนเข้าทำการในเรือ และปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐชายฝั่ง (Coastal State Jurisdiction) และรัฐเมืองท่า (Port State Jurisdiction) ให้มีความทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการตราพระราชกำหนดฯ ควรพิจารณาและคำนึงถึงความสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของผู้แทนสหภาพยุโรป และการรองรับพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีแล้วและที่จะเข้าเป็นภาคีในอนาคตอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันหรือลดโอกาสในการถูกบ่งชี้ข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินข้างต้นได้ ไปประกอบการพิจารณา และให้พิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบในการตรากฎหมายด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง เป็นต้น อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อมีการบังคับใช้พระราชกำหนดฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ มีนาคม ๒๕๖๐) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17678 | ขออนุมัติแผนแม่บทพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) | วท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนแม่บทพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางการขับเคลื่อนระบบมาตรวิทยาของประเทศ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) พัฒนาขีดความสามารถทางการวัดเพื่อตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ (๒) บูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้เป็นระบบและมีสมรรถนะ (๓) ยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการด้วยทักษะและเทคโนโลยีทางมาตรวิทยา (๔) ขับเคลื่อนสังคมคุณภาพด้วยมาตรวิทยา และ (๕) พัฒนาสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติสู่องค์กรภาครัฐที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นเลิศทางการวัด ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) ดำเนินภารกิจ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรกำหนดแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินงานในแต่ละปี รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลัก หน่วยงานสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนสร้างการรับรู้แก่คนทุกกลุ่มในสังคมให้มีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับมาตรวิทยา สามารถให้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ที่สำคัญเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมคุณภาพอย่างยั่งยืนต่อไป และให้ความสำคัญกับการบูรณาการและผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้เป็นระบบและสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติระหว่างประเทศ รวมถึงการพัฒนากลุ่มผู้ใช้บริการมาตรวิทยาในทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ควรมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การทำงานเชิงบูรณาการของผู้เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง มีตัวชี้วัดเชิงคุณภาพเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายอื่น ๆ เพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เมื่อกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติมีผลใช้บังคับแล้ว ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) พิจารณาปรับปรุงแผนแม่บทดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17679 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2559 | พม | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๕๙ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการทำงานต่อต้านการค้ามนุษย์ในทุกด้านเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม การประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๐ แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามและลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น การดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมายค้ามนุษย์ การคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในสถานคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การให้เงินรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสคดีค้ามนุษย์และเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ การขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์ การจัดทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือในรูปแบบ MOU และแผนปฏิบัติการกับประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17680 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน 5 พ.ศ. .... | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน ๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน ๕ ในท้องที่แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการในการกำหนดราคาและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (เรื่อ งเสร็จที่ ๔๗๔/๒๕๕๑, ๘๕๓/๒๕๓๕) ประกอบกับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ ๗๙๙/๒๕๔๕ ที่ได้เคยมีความเห็นว่า หากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนหมดอายุลงย่อมทำให้เจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาไม่มีอำนาจเข้าสำรวจตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และกำหนดจำนวนเงินทดแทนได้อีกต่อไป และหากหน่วยงานของรัฐยังประสงค์จะดำเนินการสำรวจข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้นต่อไป ก็ต้องตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฉบับใหม่ ส่วนการกำหนดเงินค่าทดแทนย้อนหลังให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองนั้น ไม่สามารถคำนวณเงินค่าทดแทนย้อนหลังไปถึงวันตราพระราชกฤษฎีกาฉบับแรกได้เพราะก่อให้เกิดการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมแกเผู้ถูกเวนคืน อันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ๓. ให้กรุงเทพมหานครรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโดยให้ความสำคัญกับการสร้างความยอมรับจากประชาชนในพื้นที่บริเวณจุดวิกฤตก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|