ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 848 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16941 - 16960 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16941 | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ 2 | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ ๒ (Energy Efficiency and Climate Change Mitigation in the Land Transport Sector of the ASEAN Region Phase II) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสภาพต่าง ๆ สำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยเฉพาะในข้อกำหนดที่เกี่ยวกับความพยายามของอาเซียนในการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนต้องรับมาดำเนินการให้เป็นไปได้ภายใต้กฎหมาย กฎ และระเบียบของประเทศไทยต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ ๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16942 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของคุณสมบัติทั่วไปของ กสทช. การพ้นจากตำแหน่งนอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระของ กสทช. และอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16943 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 7 | กต | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๓ และร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ ระบุรายการกิจกรรมและโครงการซึ่งจะมีการดำเนินการต่อไปในช่วง ๓ ปีข้างหน้า ครอบคลุมสาขาความร่วมมือ ๖ สาขา ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรน้ำ การเกษตรและพัฒนาชนบท และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งระบุข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทุนและโครงการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับร่างถ้อยแถลงฯ กล่าวถึงความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงและสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และที่จะได้รับการรับรองในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ และร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16944 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 (MoU on Cooperation within the Framework of Silk Road Economic Belt and the 21st Century Maritime Silk Road initiative) | กต | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑ (MoU on Cooperation within the Framework of Silk Road Economic Belt and the 21st Century Maritime Silk Road initiative) มีสาระสำคัญเป็นการมุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงของแนวเขตเศรษฐกิจระหว่างกันในทุกด้าน ได้แก่ (๑) ด้านนโยบาย (๒) ด้านการอำนวยความสะดวก (๓) ด้านการค้าแบบต่อเนื่อง (๔) ด้านการรวมกลุ่มทางการเงิน และ (๕) ด้านการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้แทนระดับสูงระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอยู่จัดตั้งเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน การทำวิจัยร่วม การแลกเปลี่ยนบุคลากร และการฝึกอบรม เป็นต้น โดยจะมีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ ๙ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๔-๕ กันยายน ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16945 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง | มท | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๒๒๒,๖๖๘,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินการการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน ๘ แห่ง และในพื้นที่ต่างจังหวัด จังหวัดละ ๑ แห่ง จำนวน ๗๖ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๘๔ แห่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16946 | ประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งประกอบด้วย (๑) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยให้วงเงิน ๒๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่มีรายได้เกินกวา ๓๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี และวงเงิน ๓๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี (๒) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน ๔๕ บาทต่อคนต่อ ๓ เดือน (๓) วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า จำนวน ๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน (๔) วงเงินค่าโดยสารรถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน ๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน และ (๕) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน ๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ๒. ในส่วนของงบประมาณที่ใช้ดำเนินการตามแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการดังกล่าวให้ดำเนินการภายในวงเงิน ๔๖,๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดระเบียบกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการช่วยเหลือของแต่ละสวัสดิการโดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และหากเห็นว่ากองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเป็นแนวทางที่เหมาะสม ก็เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้มีกฎหมายจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเป็นการเฉพาะต่อไป รวมทั้งควรยกเลิกประกาศ/มาตรการ หรือคำสั่งในส่วนที่ซ้ำซ้อนกับการกำหนดแนวปฏิบัติในการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้การใช้สิทธิประโยชน์จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ถือบัตรอย่างแท้จริง ตลอดจนติดตามตรวจสอบการใช้สิทธิ์ของบุคคลที่ได้รับสวัสดิการที่รัดกุมโดยเฉพาะการพิสูจน์ตัวตน หรือการยืนยันสิทธิในการใช้บัตร และทบทวนวงเงินสวัสดิการแต่ละประเภทให้สอดคล้องกับความต้องการของครัวเรือน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการให้ความช่วยเหลือด้านการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยจะต้องไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการในเขตกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัด ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการผ่านตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่กลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งซักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติ เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ๕. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามผลการดำเนินการและการเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวม และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจในการพิจารณาทบทวน ปรับปรุง หรือเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางจัดประชารัฐสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16947 | ขอความเห็นชอบร่างสัญญา 2.2 ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง (Construction Supervision Consultant Services Agreement) โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | คค | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสัญญา ๒.๒ ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง (Construction Supervision Consultant Services Agreement) โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โดยให้ปรับกรอบวงเงินสัญญา ๒.๒ ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง จากเดิมจำนวน ๑,๖๔๙.๐๘ ล้านบาท เป็นจำนวน ๓,๕๐๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) โดยวิธีการปรับเกลี่ยจากค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวงเงินรวมของโครงการฯ จำนวน ๑๗๙,๔๑๒.๒๑ ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ การดำเนินการตามร่างสัญญาดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีมูลค่าโครงการสูง และเป็นโครงการความร่วมมือในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล จึงควรใช้ความละเอียดรอบคอบในระดับที่สูงที่สุดในการดำเนินการในทุกขั้นตอนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นให้ประชาชนทั่วไปรับทราบและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลดำเนินโครงการด้วยความโปร่งใส เหมาะสม และคุ้มค่า เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยกำกับและบริหารการดำเนินโครงการฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กรอบวงเงินรวมของโครงการอยู่ภายใต้กรอบวงเงินรวมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามเงื่อนไขที่สำคัญตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดตั้งองค์กรพิเศษและเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ๕. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16948 | ขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการพัฒนาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน | รง | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการพัฒนาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมให้ตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และดำเนินงานตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของการดำเนินงานและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของภูมิภาค โดยจะมีการลงนามในร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุมวิชาการโลกด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (World Congress on Safety and Health at Work 2017) ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองและลงนามในร่างถ้อยแถลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16949 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.0+000.000 - กม.0 + 400.000 (รวมทางแยกต่างระดับบางใหญ่) (ช่วง 1),ช่วง กม.4 + 100.000 - กม.9 + 000.000 (ช่วง 3),ช่วง กม.35 + 900.000 - กม.38 + 500.000 (รวมทางแยกต่างระดับนครปฐมตะวันออก) (ช่วง 11) และช่วงกม.64 + 700.000 - กม.70 + 000.000 (ช่วง 18) | คค | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม.๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๐+๔๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับบางใหญ่) (ช่วง ๑),ช่วง กม.๔+๑๐๐.๐๐๐-กม.๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓),ช่วง กม.๓๕+๙๐๐.๐๐๐-กม.๓๘+๕๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับนครปฐมตะวันออก) (ช่วง ๑๑) และช่วง กม.๖๔+๗๐๐.๐๐๐-กม.๗๐+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๘) รวม ๔ ช่วง ระยะทาง ๑๓.๒ กิโลเมตร วงเงิน ๕,๙๕๘.๑๗๕ ล้านบาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16950 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 5 ราย) | นร04 | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้ลำดับที่ ๑-๔ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และลำดับที่ ๕ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๐เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตำรวจโท วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ครบวาระ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ๒. นายธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข วันที่ครบวาระ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. พลเอก เจริญ นพสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน วันที่ครบวาระ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ๔. พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ครบวาระ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ๕. นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ วันที่ครบวาระ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16951 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 9/2560 | นร | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ ๙/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีมติเกี่ยวกับ (๑) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) รายงานความคืบหน้าการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) และ (๓) แนวทางการตรวจลงตราสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และบุคลากรจากต่างชาติ (SMART Visa) รวมทั้งเรื่อง การนำแนวคิด Tech Visa ของสาธารณรัฐฝรั่งเศสมาปรับใช้กับประเทศไทย ซึ่งมีแนวทางดำเนินการ ได้แก่ การกำหนดวีซ่าประเภทใหม่ การกำหนดกลุ่มบุคคลเป้าหมายตามสาขาที่ประเทศไทยต้องการ การกำหนดสิทธิประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย และการพัฒนา One Stop Service Center ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติดังกล่าวต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๐ เพื่อให้สามารถเปิดให้เสนอขอ SMART Visa ได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16952 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2560 และแนวโน้มปี 2560 | นร11 | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๓.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๑.๓ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการส่งออกสินค้าและบริการ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคภาครัฐบาล การขยายตัวต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน และการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน รวมครึ่งปีแรกปี ๒๕๖๐ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๓.๕ ๒. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๑.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๘.๓ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (๒๘๔.๗ พันล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๗.๗ ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ อยู่ที่ ๑๘๕.๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๖,๑๖๖.๕ พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๗ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๐ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๕๙ และเป็นการปรับเพิ่มประมาณการจากร้อยละ ๓.๓-๓.๘ จากการแถลงข่าวของไตรมาสแรกปี ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๕.๗ การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๒ และร้อยละ ๓.๔ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๔-๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๙.๗ ของ GDP ๔. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ (๒) การเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบสำคัญ ๆ ให้ได้ตามเป้าหมาย (๓) การสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และเศรษฐกิจฐานราก (๔) การดูแลรายได้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และ (๕) การดำเนินการให้ภาคการผลิตนอกภาคการเกษตรมีการฟื้นตัวอย่างเต็มที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16953 | การเข้าร่วมประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาของนายกรัฐมนตรี | กต | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างถ้อยแถลงของประธานสำหรับการประชุมประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets and Developing Countries Dialogue : EMDCD) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การดำเนินการเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (๒) การรับมือกับความท้าทาย อาทิ การไร้ผู้ขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเติบโต และการปกป้องทางการค้า (๓) การก่อสร้างกรอบความร่วมมือ “ประเทศ BRICS บวก” ระหว่างประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (๔) แนวทางการพัฒนาที่เน้นนวัตกรรม เคารพสิ่งแวดล้อม เปิดกว้าง และยั่งยืน และบูรณาการร่วมกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ (๕) การขยายความร่วมมือระหว่างกันด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเกษตรรูปแบบใหม่ (๖) การดำเนินการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๗) การสนับสนุนการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนา และการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน และ (๘) การสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติในการมีบทบาทนำในการพัฒนาระหว่างประเทศ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญหรือไม่ขัดกับผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16954 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 4 ราย 1. นายสุทธิ สุโกศล ฯลฯ) | รง | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายสุทธิ สุโกศล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ๒. นางเพชรรัตน์ สินอวย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวิวัฒน์ ตังหงส์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสมเกียรติ บุญทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16955 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์) | ศธ | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16956 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (จำนวน 5 ราย 1. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ฯลฯ) | อก | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๒. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายณัฐพล รังสิตพล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๔. นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอภิจิณ โชติกเสถียร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16957 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์) | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) โดยกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๙๐,๐๐๐ บาท สิทธิประโยน์อื่นและร่างสัญญาจ้างผู้อำนวยการ อ.อ.ป. แล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16958 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (จำนวน 5 คน 1. นายกมล ตรรกบุตร ฯลฯ) | กค | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จำนวน ๕ คน ตามมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกมล ตรรกบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาวิศวกร ๒. พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาสถาปนิก ๓. นายเทพ วงษ์วานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๔. นายนิกร สุศิริวัฒนนนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๕. นายประมนต์ สุธีวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16959 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (รวม 4 คน 1. นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ฯลฯ) | กษ | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย รวม ๔ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานกรรมการ ๒. นายวิทวัส ชัยปาณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายพงศ์กานต์ หงสกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. รองศาสตราจารย์ปัทมาวดี โพชนุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16960 | ขอรับโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์) | นร | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
.....