ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 844 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16861 - 16880 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16861 | การพัฒนาโรงงานต้นแบบและการพัฒนาเซลล์กักเก็บไฟฟ้าโดยใช้ถ่านชีวภาพและวัสดุชั้นสูง (Super Capacitor) แทนโครงการ FCV | นร | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) เสนอผลการหารือเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนารถยนต์ต้นแบบที่ใช้พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Fuel Cell Vehicle : FCV) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พบว่า การพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต FCV เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เก็บไฮโดรเจนในระยะเริ่มต้น ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีหลักของ FCV จึงไม่เหมาะสมกับการผลักดันให้มีการพัฒนา FCV ต้นแบบขึ้นในระยะเวลานี้ อย่างไรก็ตาม มีโครงการที่น่าสนใจซี่งเกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน คือ การพัฒนาเซลล์กักเก็บไฟฟ้าโดยใช้ถ่านชีวภาพและวัสดุชั้นสูง (Super Capacitor) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาระบบกักเก็บไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ โดยโครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ในการพัฒนาโรงงานต้นแบบที่ผลิตเซลล์กักเก็บพลังงานใช้สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งโครงการมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการพลังงาน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และทิศทางของกระทรวงพลังงาน ดังนั้น จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโรงงานต้นแบบและการพัฒนาเซลล์กักเก็บไฟฟ้าโดยใช้ถ่านชีวภาพและวัสดุชั้นสูง (Super Capacitor) แทนการดำเนินโครงการ FCV เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการ และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16862 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญัญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2560) | นร | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๗/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามที่ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐ ได้มีการบรรจุร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดขอบเขตของนิยามคำว่า “หนี้สาธารณะ” ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ) ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วในระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องด่วน แต่เนื่องจากคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดเพดานการกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ อีกหนึ่งฉบับในวันนี้ ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะรวมเป็นฉบับเดียวกันและเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ จะได้ประสานงานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไว้ก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16863 | การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ | นร05 | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งหารือในรายละเอียดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีได้มีดำริให้โอนกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็นสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยอยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และให้รวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเข้ามาด้วยเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16864 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายเอนก มีมงคล) | นร11 | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายเอนก มีมงคล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ ๒. นายวิโรจน์ นรารักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16865 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นรายการอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาภาคบังคับ (ค่าบำเหน็จ บำนาญ) | มท | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๕๖๘,๖๓๒,๖๓๗ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายการเงินอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาภาคบังคับ (ค่าบำเหน็จ บำนาญ) ตามสิทธิของผู้รับบำนาญ หรือทายาทผู้มีสิทธิในบำเหน็จบำนาญ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16866 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยและองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 13 | กษ | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบท่าทีการเจรจาของประเทศไทยสำหรับเป็นกรอบในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๖-๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เมืองออร์โดส เขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยท่าทีการเจรจาของประเทศไทย เช่น (๑) สนับสนุนการดำเนินงานของอนุสัญญาฯ ที่ส่งผลประโยชน์ต่อความสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม และ (๒) สนับสนุนการขยายกรอบความร่วมมือของอนุสัญญาฯ กับกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility : GEF) เป็นต้น ๑.๒ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมภาคีอนุสัญญาฯ ประกอบด้วยรองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ผู้แทนกรมพัฒนาที่ดิน ๒ คน ผู้แทนกรมส่งเสริมการเกษตร ๒ คน ผู้แทนกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ๒ คน ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ๒ คน ผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำ ๑ คน และผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ๑ คน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมภาคีอนุสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16867 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 14 | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารจำนวน ๓ ฉบับ ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 14th AMME) วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ร่างแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ (ASEAN Strategic Plan on Environment 2016-2025) เพื่อเป็นแผนงานและกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อไปสู่เป้าหมายแผนงานประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๑.๒ ร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN-China Environmental Cooperation Action Plan 2016-2020) เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาเซียน-จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ๑.๑.๓ ร่างแผนดำเนินงานอาเซียน-สหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ (ASEAN-UN Action Plan on Environment and Climate Change 2017-2020) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับสหประชาชาติต่อการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารจำนวน ๓ ฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16868 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 2 | กษ | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการเสียมราฐ (GMS Strategy for Promoting Safe and Environment-Friendly Agro-based Value Chains 2018-2022, Reap Action Plan หรือ GMS SEAP Strategy, and Action Plan) และร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒ (Joint Ministerial Statement) ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๗-๘ กันยายน ๒๕๖๐ โดยร่างยุทธศาสตร์ฯ และแผนปฏิบัติการฯ เป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการ ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายและกฎระเบียบ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านความรู้และนวัตกรรม และด้านการตลาด โดยมีคณะทำงานด้านการเกษตรทำหน้าที่ขับเคลื่อนและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุผลที่กำหนดไว้ ส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ มีเนื้อหาสาระเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีเกษตรอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการรับรองร่างยุทธศาสตร์ฯ ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เพื่อให้คณะทำงานด้านการเกษตรดำเนินการให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ควรผลักดันให้เกิดความร่วมมือตามแนวชายแดนในลักษณะที่เป็นการลงทุนเพื่อผลิตและแปรรูปสินค้าให้มีมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีการจัดการผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในระดับพื้นที่ และป้องกันการลักลอบนำเข้าที่อาจนำมาซึ่งโรคและแมลงศัตรูพืชที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในประเทศได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามร่างยุทธศาสตร์ฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศบังคับใช้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16869 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับรัฐลิเบีย | กต | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) เกี่ยวกับรัฐลิเบีย จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติฯ ที่ ๒๒๗๘ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ข้อมติฯ ที่ ๒๒๙๒ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ข้อมติฯ ที่ ๒๓๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๗) และข้อมติฯ ที่ ๒๓๕๗ (ค.ศ. ๒๐๑๗) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการตรวจสอบเรือที่ลักลอบส่งออกทรัพยากรปิโตรเลียมจากรัฐลิเบีย และการตรวจสอบเรือตามมาตรการลงโทษทางอาวุธ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อมติ UNSC เกี่ยวกับรัฐลิเบีย ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุดถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ทั้งนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว หรือประสงค์ที่จะขอรับความกระจ่างเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อมติฯ ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16870 | ขอความเห็นชอบการให้สัตยาบันสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ. .... | วท | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้รัฐภาคีรับที่จะไม่ดำเนินการทดลองการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์และการระเบิดนิวเคลียร์อื่น ๆ ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ทั้งทางด้านพลเรือนและการทหาร และจะห้ามหรือระวังป้องกันมิให้มีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ทุกรูปแบบ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสนธิสัญญาฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ การเสนอสนธิสัญญาฯ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้เสนอไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ และให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่องค์การฯ คณะมนตรี ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ภายในเขตแดนรัฐภาคี รวมทั้งกำหนดกลไกเพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของสนธิสัญญาฯ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดมาตรการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีให้แก่องค์การฯ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร เพื่อให้สนธิสัญญาฯ มีผลผูกพันตามสนธิสัญญาฯ ทั้งนี้ ให้ยื่นสัตยาบันสารเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบสนธิสัญญาฯ และร่างพระราชบัญญัติฯ ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16871 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to COP 23) | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ (ASEAN Joint Statement on Climate Change to COP 23) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การสนับสนุนด้านการเงิน การเสริมสร้างศักยภาพ และการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เพียงพอ คาดการณ์ได้ โปร่งใส การเข้าถึงการสนับสนุนการเตรียมความพร้อมและการดำเนินงานจากกองทุน Green Climate Fund การจัดให้มีกลไกการดำเนินงานแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ เพื่อยกระดับการป้องกันและการจัดการอย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16872 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ | กค | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา จำนวน ๑ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีของทั้งสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการหลบเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศทั้งสอง โดยจะมีการลงนามความตกลงดังกล่าวในช่วงการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี (JCR) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา และหากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันที ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายในเพื่อให้ความตกลงดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ และเป็นไปตามกฎหมายภายในที่ใช้บังคับอยู่ ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการจัดทำความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศบรูไนดารุสซาลามให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการเพื่อเตรียมการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้านการเงินการคลัง เรื่อง Bilateral Tax Treaties in ASEAN และร่างแผนการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เพื่อความร่วมมือด้านภาษี ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16873 | ขอความเห็นชอบขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงิน งบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๐๔,๗๐๕,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ให้แก่ผู้มีสิทธิ์ที่ต้องได้รับเงินต่อเนื่องและเด็กที่คาดว่าจะคลอดภายในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการบูรณาการการจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลัง เพื่อให้การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลในภาพรวมมีความเป็นระบบและมีเอกภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16874 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2557 ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี โครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานจังหวัดนนทบุรี (เส้นทางที่ 1) | มท | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานจังหวัดนนทบุรี เส้นทางที่ ๑ (ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์) จำนวน ๔๓,๙๐๐,๐๐๐ บาท ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๐ สำหรับการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณดังกล่าว ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16875 | ร่างปฏิญญารัฐมนตรีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment ระหว่างวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๓) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๔) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญารัฐมนตรีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก เป็นเอกสารที่แสดงแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน และการยืนยันคำมั่นที่จะดำเนินการตามพันธกรณีระดับโลกที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16876 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2/2560 | นร04 | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานตามเป้าหมายของการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายได้เสนอการปฏิรูปกฎหมาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและเป็นภาระต่อการประกอบอาชีพของประชาชน (๒) การจัดทำกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๓) การเร่งรัดและติดตามการจัดทำกฎหมาย และ (๔) การเข้าถึงกฎหมายได้โดยสะดวกของประชาชน ๒. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ (Administrative Reform) สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเสนอการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลที่คล่องตัว เป็นต้น ๓. การปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง (Structural Reform) คณะอนุกรรมการบูรณาการการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้างได้มีข้อเสนอ รวม ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) การกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม (๓) ระบบความมั่นคงทางอาหาร (๔) ระบบภาษี (๕) กระบวนการนิติบัญญัติ (๖) การปรับปรุงและจัดทำกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ (๗) กระบวนการยุติธรรม และ (๘) ระบบการศึกษา ๔. การปฏิรูปเชิงพื้นที่และสังคม (Area Based Reform) คณะอนุกรรมการสานพลังปฏิรูปเพื่อพัฒนาพื้นที่และสังคมได้นำเสนอโครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสานพลังเพื่อปฏิรูปพื้นที่และสังคม (๒) Quick Win การสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น และ (๓) โครงการสานพลังคนรุ่นใหม่ร่วมปฏิรูปเพื่อพัฒนาชุมชน ๔.๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16877 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน | กค | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน และกำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานทางการเงิน มาตรฐานเกี่ยวกับการเงิน การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ รวมถึงมาตรฐานเกี่ยวกับการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า ร่างประกาศฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ (๑) (๗) และ (๘) มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ เท่านั้น ควรแก้ไขให้ถูกต้องและสอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศฉบับนี้ รวมทั้งสาระในร่างข้อ ๒ อาจขัดหรือแย้งกับมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนเวียนฯ ควรแก้ไขโดยกำหนดให้ทุนหมุนเวียนใดที่มีกฎหมายกำหนดบทบัญญัติในเรื่องใดไว้เป็นการเฉพาะแล้วให้การดำเนินงานทุนหมุนเวียนนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ ให้นำประกาศนี้มาใช้บังคับ นอกจากนี้ การกำหนดให้มีการนำเงินของทุนหมุนเวียนไปดำเนินการเพื่อหาผลประโยชน์อื่นที่นอกเหนือจาก (๑) (๒) และ (๓) ตามประกาศข้อ ๗ โดยให้ขอตกลงกับกระทรวงการคลังนั้น ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การใช้ดุลยพินิจให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงความมั่นคงและสภาพคล่องของการนำเงินทุนหมุนเวียนไปหาผลประโยชน์เป็นสำคัญ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16878 | ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 10 ณ กรุงเทพมหานคร และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 9 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ | นร11 | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๐ ณ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่นเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision : MIDV) รวมทั้งเป็นการเตรียมการสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ (The 9th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๒. รับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (MJ-CI Minister) โดยต่อเนื่องต่อไป ๓. เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ (Joint Media Statement) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองแถลงข่าวร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16879 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 8 ราย 1. นายสมชัย มาเสถียร ฯลฯ) | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย มาเสถียร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๕. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๖. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๗. นายสากล ฐินะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายเสริมยศ สมมั่น ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16880 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช) | พน | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
.....