คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๒๒ คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๑ คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ จำนวน ๑๑ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ กันยายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
                   ๑.๑ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
                         ๑.๑.๑   นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส
                         ๑.๑.๒   นายปรเมธี วิมลศิริ
                         ๑.๑.๓   นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ
                         ๑.๑.๔   นายเข็มชัย ชุติวงศ์
                         ๑.๑.๕   พลเอก ถเกิงกานต์ ศรีอำไพ
                         ๑.๑.๖   นายศักรินทร์ ภูมิรัตน
                         ๑.๑.๗   นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
                         ๑.๑.๘   นายสุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ
                         ๑.๑.๙   นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์
                         ๑.๑.๑๐ นายพสุ โลหารชุน
                         ๑.๑.๑๑ นายสุปรีดา อดุลยานนท์
                   ๑.๒ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ
                         ๑.๒.๑   นายอิสระ ว่องกุศลกิจ
                         ๑.๒.๒   นายดำริ สุโขธนัง
                         ๑.๒.๓   นายเจน นำชัยศิริ
                         ๑.๒.๔   นายชาติศิริ โสภณพนิช
                         ๑.๒.๕   นายเทวินทร์ วงศ์วานิช
                         ๑.๒.๖   นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส
                         ๑.๒.๗   นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์
                         ๑.๒.๘   นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ
                         ๑.๒.๙   นายเขมทัต สุคนธสิงห์
                         ๑.๒.๑๐ นายประพันธ์ เจริญประวัติ
                         ๑.๒.๑๑ นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว
               ๒. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอเพิ่มเติมว่า ขอเปลี่ยนรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ จากที่เสนอไว้เดิม นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ เป็น นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๕/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๕๖/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก ๓ ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบีบบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
               ๑. นายทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ               ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานวิจัยทางคลินิก
                                                               กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
                                                               กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
               ๒. นายสมควร หาญพัฒนชัยกูร             ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านควบคุมป้องกันโรค (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ)
                                                               (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
               ๓. นางสาววรรณา หาญเชาว์วรกุล          ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาระบาดวิทยา)
                                                               สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๙

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
               ๑. นายทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ               ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานวิจัยทางคลินิก
                                                               กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
                                                               กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
               ๒. นายสมควร หาญพัฒนชัยกูร             ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านควบคุมป้องกันโรค (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ)
                                                               (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
               ๓. นางสาววรรณา หาญเชาว์วรกุล          ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาระบาดวิทยา)
                                                               สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๙

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง กลไกการกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดินแบบประชารัฐ ซี่งที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมติเห็นด้วยในหลักการของข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดินโดยเฉพาะการตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ ควรบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจในการตรวจสอบและประเมินผลครบวงจรการบริหารราชการ และ (๒) การพัฒนากฎหมายใหม่ที่จำเป็นหรือกฎหมายที่สำคัญ ควรมีกลไกในการกำกับให้ส่วนราชการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและครบถ้วน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การจัดการศึกษาสำหรับคนหูหนวก การผลิตและการบริการล่ามภาษามือ ซึ่งที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อเสนอแนะ/ข้อสังเกตเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) การพัฒนางานจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เช่น ส่งเสริมให้มีภาษามือไทยมาตรฐาน โดยกำหนดนโยบาย ระบบ และกลไกในการดำเนินงานจัดทำภาษามือไทยมาตรฐาน อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ เร่งคัดกรองความพิการทางการได้ยินตั้งแต่แรกเกิดหรือแรกพบความบกพร่องทางการได้ยิน รวมทั้งสนับสนุนให้คนหูหนวกได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยิน (๒) การพัฒนางานผลิตล่ามภาษามือ เช่น สร้างหลักประกันการมีงานทำ การบรรจุทำงานในหน่วยงานรัฐ สวัสดิการ และอัตราเงินตอบแทนล่ามภาษามืออย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และ (๓) การพัฒนางานบริการล่ามภาษามือ เช่น สร้างความรู้ความเข้าใจ และเจตคติเชิงสร้างสรรค์แก่สังคมโดยรวมและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เรื่อง คนหูหนวก ล่ามภาษามือ ตลอดจนประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาความจำเป็นในการตราร่างพระราชบัญญัติพลังงานทดแทน พ.ศ. .... (พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กับคณะ รวม ๒๘ คน เป็นผู้เสนอ) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติพลังงานทดแทน พ.ศ. .... มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการผลิต การใช้ และการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืนและมั่นคง มีการลงทุนด้านพลังงานทดแทนอย่างเหมาะสม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งมีการจัดการด้านพลังงานทดแทนอย่างมีธรรมาภิบาลและมีการกระจายอำนาจ เปิดโอกาสให้ชุมชน ท้องถิ่น และประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการ นอกจากนี้ การดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะพิจารณาการใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นงบประมาณหลักในการดำเนินการ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อกรอบของงบประมาณแผ่นดิน รวมทั้งมีความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวบางประการ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา (มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต) ของกระทรวงศึกษาธิการ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วมีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทั้งด้านนโยบายและการบริหาร ด้านการแก้ไข ปรับปรุงพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ และด้านการประเมินคุณภาพมาตรฐานการศึกษาและการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง นอกจากนี้ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าควรจัดทำฐานข้อมูลกลาง โดยเฉพาะแนวโน้มความต้องการกำลังคนของประเทศ ความต้องการคนของตลาดแรงงาน อาชีพที่อาจจะถูกเครื่องจักรกลมาแทนที่ และหลักสูตรที่สถาบันอุดมศึกษาจัดการเรียนการสอน และควรเปิดการเรียนการสอนไว้ใช้ร่วมกัน แล้วแบ่งปันข้อมูลให้ทุกหน่วยงานใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางเยือนรัฐอิสราเอลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งผลการเยือนรัฐอิสราเอลในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทแห่งรัฐอิสราเอล และได้หารือทวิภาคีร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบใน ๓ ประเด็น คือ (๑) ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการเกษตรและประชุมหารือโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรที่ทั้งสองฝ่ายสนใจภายใต้ความตกลงดังกล่าว เช่น ด้านการเกษตร และการชลประทาน เป็นต้น (๒) อิสราเอลขอให้ไทยจัดส่งข้อเสนอโครงการ (Proposal) ที่ไทยสนใจในเรื่องการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตรในระดับไร่นา และการเป็นพี่เลี้ยงให้กับบุคลากรฝ่ายไทยในการดำเนินโครงการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านระบบชลประทาน และ (๓) การอำนวยความสะดวกการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตร ระบบชลประทาน และการบริหารจัดการน้ำกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของอิสราเอล รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านระบบสหกรณ์การเกษตรของอิสราเอล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ : เพชรน้ำหนึ่ง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ในสถานรองรับภายใต้กรมกิจการเด็กและเยาวชนอายุแรกเกิดถึง ๑๘ ปี ให้ได้รับการพัฒนาเทียบเท่ากับเด็กในสังคม โดยมีการขับเคลื่อนในรูปแบบ One Talent One Model ประกอบด้วย ๘ โมเดล ได้แก่ (๑) การพัฒนาศักยภาพเด็กด้านกีฬาฟุตบอล (DCY Football Academy) (๒) การพัฒนาศักยภาพเด็กเพื่อการประกอบอาชีพ โครงการ ๓ ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิ) (๓) ศูนย์การเรียนรู้มอนเตสซอรี่ (Montessori) ต้นแบบ (๔) การพัฒนาเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ (ด้านดนตรีและศิลปะบำบัด) (๕) การพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ด้านดนตรีและศิลปะ (๖) การพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และประสบปัญหาทางสังคม (๗) การพัฒนาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยภายนอกหรือพันธกิจเพื่อสังคม (University Engagement) ภายใต้กิจกรรม “พี่อาสาบัดดี้” และ (๘) การพัฒนาศักยภาพเด็กด้านวิชาการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออก R-bill จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท รุ่นอายุ ๑๘๒ วัน อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยร้อยละ ๑.๓๕๔๘๘ ต่อปี ประมูลในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินโดยการออก R-bill จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ของการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ รวม ๑๔,๖๖๖.๕๑๙๔ ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ ๑๔,๕๓๗.๒๗๙๔ ล้านบาท และงบลงทุน ๑๒๙.๒๔๐๐ ล้านบาท โดยในส่วนของงบทำการ ประกอบด้วยทุนของการยางแห่งประเทศไทย ๓,๘๔๓.๕๕๑๗ ล้านบาท และกองทุนพัฒนายางพารา ๑๐,๖๙๓.๗๒๗๗ ล้านบาท สำหรับงบลงทุน การยางแห่งประเทศไทยได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามระเบียบว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นหน่วยงานที่นำเสนอในภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
               ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนายางพาราเพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร และควรประเมินและติดตามผลการดำเนินงานแผนงานหรือโครงการที่สำคัญอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการเร่งจัดทำยุทธศาสตร์ยางพาราฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแนวทางและงบประมาณในการดำเนินงานของการยางแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในระยะต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของการยางแห่งประเทศไทยควรคำนึงถึงนโยบายของรัฐบาลและโครงการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือและการแก้ไขปัญหายางพาราเชิงโครงสร้างตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมถึงการควบคุมปริมาณการปลูกยางพาราที่บุกรุกพื้นที่ป่า โดยให้ความสำคัญในการนำเงินกองทุนพัฒนายางพารามาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ตามอำนาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ภายใต้พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อยร้อยละ ๐.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
               ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๓.๗ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ การผลิตน้ำมันพืช ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย ส่วนแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ การผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ และไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๑๔ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๒ ฉบับ 
               ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๖ ฉบับ
               ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๓๗ ฉบับ ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๓๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๘๒ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๕๔ ฉบับ
               ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๒๙ เรื่อง
               ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมดจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๒๙ เรื่อง

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการลาอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้
               ๑. ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยไม่ถือเป็นวันลาเสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนปกติ โดยเตรียมการจนถึงวันลาสิกขา ระหว่างวันที่ ๑๖-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ รวมเป็นเวลา ๑๕ วัน
               ๒. การใช้สิทธิการลาดังกล่าว ให้สิทธิแก่ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการมาแล้ว สามารถจะลาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้อีก
               ๓. ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคตซึ่งเป็นการใช้สิทธิการลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยยังคงได้รับสิทธิการลาอุปสมบทและยังได้สิทธิในการรับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
               ๔. ผู้ลาอุปสมบทจะต้องเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นเป็นโครงการอย่างชัดเจนและมีการจัดอบรมตามหลักสูตรสำหรับผู้บวชระยะสั้นที่คณะสงฆ์กำหนด ภายในระยะเวลาที่กำหนดของโครงการแต่ไม่เกิน ๑๕ วัน หากอุปสมบทเป็นเอกเทศโดยไม่ได้เข้าร่วมโครงการตามที่กำหนด จะไม่ได้รับสิทธิในการลาตามมติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานปี ๒๕๕๙ เปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางการดำเนินงานในปี ๒๕๖๐ ของ ธสน. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบในการเสนอชื่อ นางสาวรัชดา ไชยคุปต์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรีคนต่อไป โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี (วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะดำเนินการแจ้งรายชื่อผู้แทนไทยฯ ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
               ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าว เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๐๖,๑๗๗,๒๐๐ บาท ให้องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเบิกจ่ายสำหรับรายการ (๑) ค่าก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า จำนวน ๔๔,๐๖๘,๐๐๐ บาท และ (๒) ก่อสร้างชิ้นงานนิทรรศการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าพร้อมติดตั้ง จำนวน ๖๒,๑๐๙,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ