ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 656 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13101 - 13120 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13101 | รายงานการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ 63 (CSW 63) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๓ (The 63rd Session of the Commission on the Status of Women : CSW 63) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบปะและประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม CSW 63 (๒) การเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (๓) กิจกรรมคู่ขนาน (โดยความร่วมมือระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ UN WOMEN และสำนักเลขาธิการอาเซียน) (๔) การประชุมร่วมกับกงสุลใหญ่ในนครนิวยอร์กและเยี่ยมเยือนคณะผู้แทนหญิงไทยในนครนิวยอร์ก (๕) การหารือระดับสูง และ (๖) การประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และเยี่ยมเยือนคณะผู้แทนหญิงไทยในประเทศญี่ปุ่น ๒. ผลที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ (๑) ภาพลักษณ์ที่ดีของกลุ่มประเทศอาเซียนในการส่งเสริมศักยภาพสตรีให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก (๒) ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในการแสดงบทบาทนำและร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินการด้านสตรีของประชาคมระหว่างประเทศ และ (๓) เป็นโอกาสที่ดีในการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสตรี โดยการส่งคณะผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมการประชุมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมคู่ขนาน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนงานด้านสตรีของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป ๓. ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานต่อไปของประเทศไทย ได้แก่ (๑) ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมระบบการคุ้มครองทางสังคม การเข้าถึงบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อความเท่าเทียมระหว่างเพศ และการเสริมพลังสตรีและเด็กหญิงตามหัวข้อหลักการประชุม และ (๒) ข้อเสนอแนะเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมครั้งต่อไป (CSW สมัยที่ ๖๔)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13102 | การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง - บางแค ช่วงพระประแดง - ต่างระดับบางขุนเทียน | คค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินงานของกรมทางหลวง เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน เพื่อให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเริ่มทำการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน แทนกรมทางหลวงได้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลง ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ และได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเรื่อง การบริหารจัดการงานจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง งานบำรุงรักษา งานกู้ภัย งานจัดการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ถนนสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก)ฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันบริหารจัดการงานจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง งานบำรุงรักษา งานกู้ภัย งานจัดการจราจร บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เพื่อส่งเสริมการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13103 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ โดยเพิ่มเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้การกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศครอบคลุมในมิติสาขาการจัดการน้ำ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปตามกฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13104 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางกรณีสัญญาจ้างเหมาบริการหรือสัญญาจ้างทำของสำหรับลูกจ้างในส่วนราชการเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ เห็นควรส่งเสริมให้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์สถานะของกองทุนเงินทดแทนเพื่อเป็นแนวทางเพิ่มค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้าง ตลอดจนการรวบรวมข้อมูลการประเมินผลการปฏิบัติการของกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อทบทวนวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการดังกล่าว และเห็นชอบตามข้อสังเกตในการแต่งตั้งแพทย์สาขาเวชศาสตร์ป้องกันเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนและการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรอง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13105 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการพิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเกี่ยวกับการกำหนดอายุขั้นสูงของผู้สูงอายุที่ขอรับบริการสินเชื่อควรกำหนดให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความจำเป็น โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งจะพิจารณาเป็นรายกรณี การกำหนด LTV และอัตราดอกเบี้ยควรกำหนดในระดับที่ใกล้เคียงกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นที่ให้บริการสินเชื่อในลักษณะเดียวกัน และไม่นำประวัติการชำระหนี้จากบริษัทข้อมูลเครดิตฯ มากำหนดเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาให้สินเชื่อ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้บริการสินเชื่อจะพิจารณากำหนดมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13106 | (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2561 - 2565) | นร08 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับปรุงตามความเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยปรับห้วง (ร่าง) นโยบายและแผนฯ จาก พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นความมั่นคง ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) และปรับรายละเอียดโดยปรับปรุงข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์และบริบทความมั่นคงในปัจจุบัน เช่น เพิ่มเติมประเด็นการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ ความท้าทายของอาเซียน และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รูปแบบการก่อการร้ายรูปแบบต่าง ๆ หรือแก้ไขประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ความเสี่ยงทางการเมือง สถานการณ์ยาเสพติด ความเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น เป็นต้น ตลอดจนนำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์หรือแผนหลักของหน่วยงานที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ที่จะมีผลบังคับใช้ในห้วง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มาประกอบการปรับปรุงด้วย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง หรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขหน่วยรับผิดชอบหลัก ลำดับที่ ๑๘ ประเด็นความมั่นคง การรักษาความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ จากกระทรวงสาธารณสุข เป็น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ/กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามแผนแม่บภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ประเด็นความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ใน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเตรียมความพร้อมในการจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่องหรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13107 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงกาชาดไทย | กช | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย หรือเหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่ง หรือสลากกาชาดประจำปี ๒๕๖๒ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้มอบให้สภากาชาดไทย เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย ตามข้อ ๑๒ (๔) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้ ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13108 | ร่างข้อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างข้อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของ กสศ. เป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม มีประสิทธิภาพ และป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน ตามที่ กสศ. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์ของเรื่องที่กำหนดในรูปแบบของข้อกำหนด นั้น คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ได้เคยมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้แล้ว คือ ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสวัสดิการแก่ครอบครัวของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ถึงแก่ความตายอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ว่าการวางหลักเกณฑ์ในรูปแบบของคำสั่ง หรือระเบียบ หรือข้อบังคับของคณะกรรมการ จะมีสภาพบังคับเหมาะสมกว่าการออกเป็นร่างหลักเกณฑ์ ซึ่งเรื่องนี้พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๐ วรรคสอง บัญญัติให้การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของ กสศ. ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหาร กสศ. กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์ดังกล่าวต้องกระทำในรูปแบบใด แต่อย่างไรก็ตาม มาตรา ๒๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจออกระเบียบและประกาศเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงอาจสมควรกำหนดร่างข้อกำหนดในเรื่องนี้ในรูปแบบของระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการ ตามนัยมาตรา ๒๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้มีสภาพบังคับจะเหมาะสมกว่า ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ กสศ. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ควรมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และหากมีการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน กองทุนรวม และวิธีการอื่น ๆ ตามข้อ ๓ (๘)-(๙) ของร่างกำหนดฯ ควรมีการกำหนดสัดส่วนจำนวนเงินและทรัพย์สินที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์สินแต่ละประเภทที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะทางการเงินและการดำเนินการตามภารกิจหลักของ กสศ. ในระยะยาวต่อไป และควรกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงให้ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายของ กสศ. ทั้งในด้านสภาพคล่อง เครดิต และความเสี่ยงด้านราคาตลาด รวมทั้งอาจกำหนดดัชนีอ้างอิงผลการดำเนินงานเพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถเทียบเคียงและจัดสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมได้ นอกจากนี้ ควรมีการประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยงควบคู่ไปกับผลตอบแทนจากการลงทุนและมีการทบทวนแนวทางการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13109 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและยูเนสโกเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยชีวจริยธรรม ครั้งที่ 26 การประชุมคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยจริยธรรมในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 11 และการประชุมเชิงวิชาการว่าด้วยนัยทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน | วท | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างประเทศเจ้าภาพและยูเนสโกเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยชีวจริยธรรม ครั้งที่ ๒๖ (26th Session of the International Bioethics Committee of UNESCO : IBC) การประชุมคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยจริยธรรมในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๑๑ (11th Session of the World Commission on Ethics of Scientific Knowledge and Technology : COMEST) และการประชุมเชิงวิชาการว่าด้วยนัยทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางและรายละเอียดเพื่อจัดการประชุมฯ ในระหว่างวันที่ ๒-๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เช่น กำหนดขอบเขตการประชุม เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน การรักษาความปลอดภัย และหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย เป็นต้น ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13110 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการศึกษาวิจัย พัฒนา บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี | ศธ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้เดิม จำนวน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๓๙๗,๑๐๒,๐๐๐ บาท โดยมีค่างานก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการศึกษาวิจัย พัฒนา บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้เบิกจ่ายตามสัญญาเดิมไปแล้ว จำนวน ๑๒๘,๖๒๒,๐๐๐ บาท สำหรับในส่วนที่ยังขาดให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๒๑๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ และให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความสามารถในการใช้จ่ายและก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมดังกล่าว จำนวน ๖๓,๑๔๖,๗๐๐ บาท ที่ถูกพับไป โดยผลของกฎหมายตามนัยมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการขอรับจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการดังกล่าวในส่วนที่ขาด ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้หน่วยงานในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) ที่กำหนดให้ในขั้นการริเริ่มแผนงาน/โครงการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13111 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้าย คลองระบายใหญ่สองพี่น้อง พร้อมอาคารประกอบ จังหวัดสุพรรณบุรี | กษ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้าย คลองระบายใหญ่สองพี่น้อง พร้อมอาคารประกอบ จังหวัดสุพรรณบุรี จากวงเงินเดิม ๒๙๙,๒๕๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๑๔,๘๐๖,๖๖๐.๖๗ บาท โดยให้นำวงเงินค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๘๔,๗๐๔,๘๘๑.๘๘ บาท เป็นกรอบในการประกวดราคาจ้างก่อสร้างรายการดังกล่าว และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๖๔ สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายหากกรมชลประทานมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อไปดำเนินการ ส่วนที่เหลือขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเร่งตรวจสอบและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในกรณีที่บอกเลิกสัญญาและแจ้งให้ผู้รับจ้างรายเดิมเป็นผู้ทิ้งงานทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้เร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13112 | การจ่ายค่าชดเชย เยียวยา ค่าที่ดิน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่บ้านเมาะหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการอพยพของราษฎรบ้านห้วยคิง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | พน | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จ่ายค่าชดเชย เยียวยา ค่าที่ดิน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่บ้านเมาะหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการอพยพของราษฎรบ้านห้วยคิง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยใช้งบประมาณ จำนน ๗๒,๘๐๐,๕๖๑ บาท จากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติหลักการไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๙๗๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๒,๔๕๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือ ๕๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งวงเงินที่เหลือดังกล่าวสามารถนำมาจ่ายเป็นค่าชดเชยได้ และในกรณีที่ในอนาคต หากราษฎรในพื้นที่ตำบลบ้านดง นาสัก จางเหนือ แม่เมาะ และสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ประกาศกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เกิดปัญหาหรือความเดือดร้อนที่เกี่ยวข้องกับการอพยพราษฎรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เห็นควรให้ กฟผ. ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูกต้องจากภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ดาวเทียม และให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการดูแลผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในอนาคต ตามลำดับ รวมทั้งให้ กฟผ. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการและแผนการป้องกันการบุกรุก ตรวจสอบข้อมูลของราษฎรที่จะได้รับการชดเชย เยียวยา ให้ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือความเดือดร้อนที่เกี่ยวข้องกับการอพยพราษฎรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะในอนาคตนั้น ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยให้ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนอันเป็นการคืนทรัพยากรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ตลอดจนเป็นการสร้างความยอมรับให้กับประชาคมและไม่เป็นภาระงบประมาณในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13113 | ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ 7 (2) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 เพื่อการสำรวจปิโตรเลียม การผลิตปิโตรเลียม การเก็บรักษา การขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม | พน | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ ๗ (๒) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ แก่บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๔๖/๖๐ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเป็นผู้ยื่นขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าเพื่อการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา ขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต่อกรมป่าไม้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่า (๑) การผลิตปิโตรเลียมบนพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินจะดำเนินการผลิตได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) พื้นที่ขออนุญาตดังกล่าวต้องดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ จัดทำแผนที่และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับฟังความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะทราบได้ว่าสามารถพิจารณาอนุญาตได้ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งการพัฒนาปิโตรเลียมจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ด้วย และ (๓) พื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตจะต้องไม่เป็นพื้นที่ป่าที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ พื้นที่ที่ควรรักษาไว้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดหลักเกณฑ์ห้ามใช้ประโยชน์ไว้เป็นการเฉพาะตามข้อ ๑๒ ของกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการอนุมัติ/อนุญาต ตลอดจนกำกับดูแลการดำเนินการของผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13114 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง และหินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตามคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ (ประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๐/๑๕๗๙๕) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ผู้ถือครองหรือได้รับประทานบัตรควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญและสนับสนุนการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมืองแร่ รวมทั้งสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำกับให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13115 | การทบทวนมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2557 เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า | นร01 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณการดำเนินโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินและหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. งบประมาณโครงการจัดสร้างหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรอบวงเงินจำนวน ๔,๒๐๖,๐๖๔,๑๕๖.๐๗ บาท เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณจำนวนดังกล่าวต่อไปจนครบวงเงินหรือการก่อสร้างแล้วเสร็จ และมอบหมายให้กองทัพบกซี่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลและใช้ประโยชน์หอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติฯ เป็นหน่วยงานในการเสนอขอตั้งงบประมาณในการบริหารจัดการและบำรุงรักษารายปีต่อไป ๒. งบประมาณโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรอบวงเงินจำนวน ๒,๐๗๘,๒๓๗,๔๔๓.๙๓ บาท ประกอบด้วย งบประมาณการก่อสร้างระยะที่ ๑ กรอบวงเงินจำนวน ๑,๒๗๗,๓๑๓,๐๓๘.๖๙ บาท เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณจำนวนดังกล่าวต่อไปจนกว่าการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ ระยะที่ ๑ แล้วเสร็จ งบประมาณการก่อสร้างระยะที่ ๒ กรอบวงเงินจำนวน ๖๙๒,๑๐๔,๘๙๐.๒๘ บาท เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณ และงบประมาณการบริหารจัดการดูแลพิพิธภัณฑ์ฯ จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายปีต่อไปภายหลังที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13116 | แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 (PDP 2018) | พน | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Power Development Plan : PDP2018) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแผนหลักในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นผ่านการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การสร้างความมั่นคงของระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้าและระบบจำหน่ายไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริด (Smart grid) เป็นต้น โดยให้ความสำคัญใน ๓ ประเด็น ได้แก่ ความมั่นคงทางพลังงาน (Security) ด้านเศรษฐกิจ (Economy) และด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) โดยตั้งเป้าหมายให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าในปี ๒๕๘๐ จำนวน ๗๗,๒๑๑ เมกะวัตต์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ควรเร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้สามารถรองรับระบบ Smart Grid หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ควรเร่งทบทวนและปรับบทบาทขององค์กรที่ผลิตหรือจำหน่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงกรณีที่อาจขายไฟฟ้าที่น้อยลงเนื่องจากมีผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยมากขึ้น และควรเร่งสร้างการรับรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่มีผลกระทบกับประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฯ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและระบบส่งไฟฟ้าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13117 | ขออนุมัติความเห็นชอบต่อร่างเอกสารรายงานการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3 | นร08 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารรายงานการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC (Drafted Report of the Annual Meeting of BIMSTEC National Security Chiefs) ครั้งที่ ๓ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตจำนงในการกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกในกลุ่ม BIMSTEC ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และจากนั้นให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13118 | แนวทางการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ และเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว สำนักงบประมาณจะนำเสนอกระบวนการจัดทำงบประมาณ พร้อมทั้งการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13119 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 22 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ (Joint Statement of the 22nd ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งการกำหนดนโยบายและแนวทางการทำงานร่วมกัน โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในช่วงการ AFMGM+3 ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13120 | มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและการดำเนินการของมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี ๒๕๖๒ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนผ่านการดำเนินการ ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการเพิ่มเบี้ยคนพิการ (๒) มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร (๓) มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา และ (๔) มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย และมอบหมายกรมบัญชีกลางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย เห็นควรให้เพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยไม่จำกัดเฉพาะร้านธงฟ้าประชารัฐ แต่ให้ครอบคลุมถึงร้านที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture : EDC) ที่รองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับจากมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานประโยชน์ที่ได้รับและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๕ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....