ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 654 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13061 - 13080 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13061 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า การออกระเบียบตามพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการบริหารการจัดการด้านการเงิน การพัสดุ การจัดการทรัพย์สินจะจัดทำให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนการออกระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในของสถานศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น จะจัดทำให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับการศึกษาหลักวิชาการพระพุทธศาสนา ปัจจุบันสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาหลักวิชาการพระพุทธศาสนาในลักษณะเดียวกันกับหลักสูตรพระปริยัติธรรมอย่างทั่วถึง และอนาคตอาจขยายช่องทางในการศึกษาให้มากยิ่งขึ้น โดยจัดเป็นรูปแบบการศึกษานอกระบบผ่านช่องทางดาวเทียมหรือทางยูทูป ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13062 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๓,๑๙๘.๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๖๘ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๕๘,๓๙๙.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๐๓ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบอุดหนุน งบรายจ่ายอื่น และงบบุคลากรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๓๒๒,๙๑๑.๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๕๐ ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑,๘๐๔,๖๓๔.๙๙ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๔๓๕.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖ เป็นผลมาจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13063 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การกำหนดผู้มีอำนาจแต่งตั้งบุคคลผู้ทำหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ เป็นกรณีที่บัญญัติไว้ในกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง และไม่มีกฎหมายกลางกำหนดไว้เป็นมาตรฐาน และเมื่อพิจารณามาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จะเห็นได้ว่า การแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่ได้ประสบปัญหาในการดำเนินการแต่งตั้งผู้รักษาการแทน ในชั้นนี้อาจยังไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และโดยที่ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับรูปแบบการบัญญัติกฎหมาย และปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๙ ดังกล่าวด้วย ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจนำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นข้อมูลประกอบการตรวจพิจารณาขั้นตอนนิติบัญญัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13064 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงาน กสทช. เห็นชอบตามข้อสังเกตที่ให้เร่งรัดการกำหนดนโยบายและจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแนวนโยบายของรัฐ และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้มีดาวเทียมหรือให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม โดยสำนักงาน กสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนและหลักเกณฑ์การอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สำหรับข้อสังเกตในการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้คลื่นความถี่นั้น ได้มีประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่จะมีในอนาคตต่อไป ส่วนข้อสังเกตในการเร่งรัดการออกระเบียบเกี่ยวกับเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการ นอกจากนี้ ข้อสังเกตในการปรับปรุงกฎหมายและการตราพระราชกฤษฎีกาหลอมรวมเทคโนโลยี สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณาศึกษาเพื่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และในการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13065 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าตามประเภทเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าตามประเภทเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน โดยกระทรวงพลังงานได้รวบรวมผลการพิจารณาศึกษาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตามประเภทเชื้อเพลิง ดังนี้ (๑) พลังงานแสงอาทิตย์ (๒) พลังงานชีวมวล (๓) พลังงานก๊าซชีวภาพ (๔) พลังงานน้ำขนาดเล็ก และ (๕) พลังงานลม สำหรับการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงนั้น เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าสูง จึงจัดลำดับให้พัฒนาเฉพาะที่จำเป็นในการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีเท่านั้น และในส่วนของการกำจัดขยะอุตสาหกรรม เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการ ซึ่งไม่ควรรับเป็นภาระของค่าไฟฟ้า จึงไม่นำการผลิตไฟฟ้าจากขยะมาพิจารณาจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13066 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้ดำเนินการจัดให้มีระบบการแจ้งเตือนเกี่ยวกับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา โดยมีจดหมายแจ้งไปยังผู้รับอนุญาต และจะได้แจ้งเตือนอีกครั้งก่อนที่ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาสิ้นอายุ ๑ ปี พร้อมกับแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ของสำนักยา เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบข้อมูลในการเตรียมความพร้อมเพื่อขอต่อทะเบียนตำรับยา รวมทั้งจะจัดให้มีการทบทวนแนวทางปฏิบัติ (Guideline) และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษาวิจัยในมนุษย์ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ก่อนดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13067 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยในการปรับเพดานโทษที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องมีประกันนั้น ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการยกร่างข้อบังคับประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ ส่วนการใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ได้จัดทำข้อพิจารณาหรือแนวทางเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเพื่ออธิบายบทบัญญัติของกฎหมายและเป็นแนวทางในการใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว รวมทั้งจัดทำโครงการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนได้ขยายระยะเวลาเปิดทำการศาลในวันหยุดให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวมาใช้ในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ด้วย ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13068 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 30/2562 เป็นพิเศษ | นร04 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๒ เป็นพิเศษ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13069 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ จำนวน 2 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 3 ฉบับ (การปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอดที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕๘ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอด ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา ๔๘ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ในกรณีที่การยาสูบแห่งประเทศไทยจะยกเลิกการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ภายหลังจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกอย่างทั่วถึง เนื่องจากจะมีผลบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในระยะเวลาอันใกล้ และให้รายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการสินค้ายาสูบที่ผลิตในประเทศและผู้บริโภคสินค้ายาสูบอันเนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รวมถึงประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ของผู้ขายสินค้ายาสูบ พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าว อาจทำให้ผู้ขายสินค้ายาสูบผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคหรืออาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13070 | (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัวในการรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษาและสร้างเสริมธรรมาภิบาล โดยในส่วนของการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ตามแผนฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแผนฯ ในช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องนำแผนไปปฏิบัติเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันและสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแผนงานฯ ที่กำหนด และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เช่น การผลิตบุคลากรทางการศึกษาทั้งในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยการเพิ่มประสิทธิภาพการแนะแนวทางการศึกษาโดยเฉพาะการแนะแนวสายอาชีพและการศึกษาต่อเนื่องในระดับที่สูงขึ้น และการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งการกำหนดกลไกการขับเคลื่อนภารกิจตามแผนฯ ที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13071 | การขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา "เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต" | นร52 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการพัฒนา ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย) และให้อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ยกระดับการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทั้งระบบและครบวงจร เพื่อให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคใต้ตอนล่างที่สามารถเชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นการลงทุนของภาคเอกชนเป็นสำคัญ และเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารเขตพื้นที่พัฒนาเฉพาะกิจเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน” อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ๒. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น (๑) เรื่องนี้มีการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เป็นรายละเอียดทางเทคนิคที่มีกฎ ระเบียบ ข้อบังคับรองรับจำนวนมาก และมีผู้รับผิดชอบหลายหน่วยงาน จึงควรพิจารณากำหนดกลไกรับผิดชอบทุกระดับอย่างชัดเจน โดยยึดโยงกับกรองภารกิจอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประสานงานและบูรณาการการปฏิบัติให้ประสานสอดคล้องกัน (๒) ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โครงการเมืองต้นแบบฯ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ระยะเริ่มโครงการเมืองต้นแบบฯ และ (๓) การพัฒนาพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลานั้น ปัจจุบันได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ๘ ปี (ไม่จำกัดวงเงิน) และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ ๕๐ อีก ๕ ปี และในกรณีข้อเสนอการขอขยายผลโครงการเมืองต้นแบบฯ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาต่อไป เป็นต้น พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13072 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ | ปช | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแจ้งว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงพบความผิดปกติในการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ซึ่งพบว่า กระบวนการจัดเก็บและการใช้จ่ายเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติมีช่องทางและความเสี่ยงในการทุจริตให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาประโยชน์ได้โดยมิชอบ คณะกรรมการฯ จึงได้ศึกษาสาเหตุของปัญหาดังกล่าวและเสนอข้อเสนอแนะมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะมาตรการดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ (๒) ด้านการพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และ (๓) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับประเด็นด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และด้านการบริหารจัดการ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และให้แจ้งผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13073 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท มานะศิลา 2537 จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและหินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ของบริษัท มานะศิลา ๒๕๓๗ จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี] ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งควรให้ความสำคัญและสนับสนุนการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมืองแร่ รวมถึงสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในอนาคตควรพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวมอย่างเร่งด่วน วางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวม ทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดกำหนดหลักเกณฑ์การจำแนกเขตพื้นที่แหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13074 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และโอนบรรดาอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของส่วนราชการบางส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปเป็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะต้องไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณจากที่มีอยู่เดิม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและความประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารภาครัฐตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และในส่วนของอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินในภาพรวมของประเทศ ควรมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานให้ชัดเจนด้วย เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหา และอุปสรรคได้รับการแก้ไขปรับปรุงได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13075 | ขออนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการเงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการเงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๐,๙๓๓,๗๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรพัฒนาระบบการติดตามประเมินผลที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์จากการจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำแนวทางพัฒนาระบบตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้มีประสิทธิภาพตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งควรเป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรเพิ่มประสิทธิภาพระบบ/กลไกการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13076 | แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 11 พ.ศ. 2563 - 2567 | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) ระยะที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ และอนุมัติสนับสนุนงบประมาณให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียตามแผนความร่วมมือฯ เพื่อดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุน AIT จำนวนทั้งสิ้น ๘๕๒.๓๓๗๕ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา ๕ ปีงบประมาณ ปีงบประมาณละ ๑๗๐.๔๖๗๕ ล้านบาท โดยแผนความร่วมมือฯ เป็นแผนงานผลิตบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยให้ทุนการศึกษา จำนวน ๑๖๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาต่อ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย แบ่งเป็น ๒ ประเภททุน คือ (๑) ทุนการศึกษาพระราชทาน (ทุนการศึกษาเต็มจำนวน) สำหรับนักศึกษาสัญชาติภูมิภาคเอเชียเพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๗๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย และเตรียมความพร้อมกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และ (๒) ทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทย (ทุนการศึกษาบางส่วน) สำหรับนักศึกษาไทย เพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๙๐ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็น และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณตามขั้นตอน ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำหนดกลไกหรือกระบวนการตรวจสอบที่เป็นกลางและโปร่งใสเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและการใช้งบประมาณตามแผนความร่วมมือฯ อย่างสม่ำเสมอ ควรพิจารณาดำเนินแผนงานด้านอื่น อาทิ การเพิ่มศักยภาพทางการศึกษาการพัฒนาหลักสูตร การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ควรพิจารณากำหนดมาตรการรองรับ อาทิ การกำหนดข้อผูกพันในการรับทุน โดยให้ผู้ที่ได้รับทุนบางส่วนต้องปฏิบัติงานในประเทศไทย การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการมีระบบ Matching ผู้สำเร็จการศึกษากับความต้องการกำลังคนในโครงการพัฒนาที่สำคัญของประเทศ การทำโจทย์วิจัยร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชนไทย รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรมีการติดตามและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่สำเร็จการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมในมิติต่าง ๆ อาทิ สาขาความเชี่ยวชาญ ผลงานวิจัย ตำแหน่ง สถานที่ปฏิบัติงาน และควรจัดทำรายงานผลการดำเนินการประจำปีเกี่ยวกับแผนความร่วมมือฯ เพื่อประเมินผลในแต่ละช่วงเวลาทั้งในมิติด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) ให้สำนักงาน ก.พ. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13077 | การขออนุมัติโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ โครงการที่ 5 (ปีงบประมาณ 2563 - 2574) | กต | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ โครงการที่ ๕ เป็นระยะเวลา ๑๒ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๔) รวมจำนวน ๕๐ ทุน เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท ในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น ภูมิภาคศึกษา กฎหมายระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยจำแนกเป็น (๑) ทุนสำหรับบุคคลทั่วไป (ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท ประมาณ ๘ ปี) จำนวน ๒๕ ทุน เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ ความรู้ความสามารถสูงให้เข้าสู่ระบบราชการ และ (๒) ทุนสำหรับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ (ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ประมาณ ๓ ปี) จำนวน ๒๕ ทุน เพื่อรองรับบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศ (ข้าราชการสายงานการทูต) ที่จะเกษียณอายุนอกเหนือจากการสรรหานักการทูตโดยวิธีการสอบแข่งขัน และเพื่อพัฒนาศักยภาพของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ ประมาณ ๑๕.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๕๒๓.๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ ให้ครอบคลุมถึงทุนในสาขาวิชาการแปลและการล่ามด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ เห็นควรสนับสนุนโครงการจัดสรรทุนฯ ในส่วนการจัดสรรทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวนรวม ๑๐ ทุน และผูกพันการใช้งบประมาณสำหรับผู้รับทุนตามโครงการจัดสรรทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนการจัดสรรทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามแนวทางดังต่อไปนี้ (๑) ขอรับการจัดสรรทุนดังกล่าวจากสำนักงาน ก.พ. ในส่วนของงบประมาณการจัดสรรทุนของรัฐบาล ในรูปแบบทุน ก.พ. ตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ ก.พ. กำหนด (๒) จัดทำข้อเสนอ แนวทาง รายละเอียด กลุ่มเป้าหมาย ประเภทในการจัดสรรทุนฯ ประจำปีงบประมาณไปให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด (๓) การสรรหาและเลือกสรรบุคคลเพื่อรับทุนและการดูแลจัดการการศึกษาผู้รับทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด และ (๔) ให้กระทรวงการต่างประเทศในฐานะส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำสัญญารับทุน การติดตามการใช้ศักยภาพผู้รับทุน ตลอดจนการดำเนินการกรณีผู้รับทุนผิดสัญญาการรับทุนด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมา รวมทั้งควรมีการติดตามและจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้านในมิติต่าง ๆ อาทิ สาขาวิชา ความเชี่ยวชาญ ผลงานวิจัย รวมถึงติดตามการใช้ศักยภาพของนักเรียนทุนรัฐบาลภายหลังสำเร็จการศึกษา ตลอดจนความก้าวหน้าในอาชีพของนักเรียนทุนรัฐบาลตามแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดไว้ เพื่อเป็นคลังข้อมูลผู้มีศักยภาพหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13078 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน | นร10 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่กระทรวงพลังงาน จำนวน ๗๘ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้อัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวให้เป็นไปตามภารกิจที่กำหนด และควรประเมินผลการปฏิบัติงานของสำนักงานพลังงานจังหวัดว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้หรือไม่ เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงานและพัฒนาบุคลากรให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13079 | การขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด ผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2522/17 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช และสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2524/19 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 | พน | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ บริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด และคณะ ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับ (๑) สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และ (๒) สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๗๔ โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ และสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและประเมินผลการผลิตปิโตรเลียมของผู้รับสัมปทานอย่างใกล้ชิดเพื่อกำกับการผลิตปิโตรเลียมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานจะต้องดำเนินการตามข้อผูกพันในสัมปทานที่กำหนดว่า ผู้รับสัมปทานจะเจาะหลุมสำรวจหรือหลุมประเมินผลหรือหลุมผลิต จำนวน ๒ หลุม ในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการบริหารพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมภายใต้สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช และสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 ภายหลังสิ้นสุดสัมปทานให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13080 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกบุคคล ควรคำนึงถึงความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา เพื่อเป็นการส่งเสริมการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
.....