ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 646 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12901 - 12920 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12901 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน + 3 ครั้งที่ 22 | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ เมษายน-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐฟิจิ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ที่ประชุมรับทราบรายงานเศรษฐกิจจากผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งเห็นพ้องว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๒ ยังคงสามารถขยายตัวได้ แม้ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยที่ประชุมเห็นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ที่ขยายตัวมากขึ้นจะช่วยรองรับผลกระทบดังกล่าว จึงเห็นพ้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ เตรียมความพร้อมรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนต้องดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับความท้าทายระยะยาว เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในหลายประเทศ โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่เพียงพอ (Infrastructure Gaps) เป็นต้น ๒. ความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+๓ ๒.๑ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามภารกิจหลักของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+๓ (The ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) AMIRO ได้แก่ การเฝ้าระวังเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ การสนับสนุนการดำเนินการภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี และการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ๒.๒ ที่ประขุมเห็นชอบร่างความตกลงสุดท้าย (Final Text) ของความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกลไก CMIM กรณีที่เป็นการให้ความช่วยเหลือร่วมกับ IMF เพื่อให้สอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และขอให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามให้ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในปี ๒๕๖๒ และเห็นชอบเอกสาร “แนวทางการดำเนินการทั่วไปเกี่ยวกับการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM” (General Guidance on Local Currency Contribution to the CMIM) ที่ครอบคลุมหลักการของการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM เช่น ต้องเป็นไปตามหลักความสมัครใจ เป็นต้น ๒.๓ ที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานระยะกลางฉบับใหม่ของมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) สำหรับปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ซึ่งแบ่งการดำเนินการออกเป็น ๔ แนวทาง ได้แก่ (๑) การดำเนินการโดยต่อเนื่อง (Continue) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+๓ (๒) การดำเนินการเชิงลึก (Deepen) โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวและการพัฒนาการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๓) การดำเนินการเชิงขยาย (Expand) เพื่อขยายขอบเขต ABMI ให้ครอบคลุมประเด็นใหม่ ๆ ในตลาดการเงิน เช่น การพัฒนาระบบหลักประกันทางการเงินข้ามพรมแดน และเทคโนโลยีทางการเงิน เป็นต้น และ (๔) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ADB CGIF AMRO และสำนักเลขาธิการอาเซียน ๒.๔ ที่ประชุมเห็นชอบเอกสารวิสัยทัศน์ “Strategic Directions of ASEAN+3 Finance Process” ซึ่งครอบคลุมประเด็นยุทธศาสตร์หรือทิศทางการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและขั้นตอนการทำงานสำหรับการประชุม AFMGM+3 การดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญเติบโตและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มบทบาทของเงินสกุลท้องถิ่น (Local Currency) ทั้งในด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาค การพิจารณาความเป็นไปได้ในการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นในกลไก CMIM และการจัดการความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12902 | รายงานความคืบหน้าการลงทุนการก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการลงทุนการก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดหาอุปกรณ์เพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงไปชายแดนเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา และจัดหาอุปกรณ์เพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงไปยังสถานีเคเบิลใต้น้ำจังหวัดชลบุรี เพชรบุรี สงขลา สตูล และกับศูนย์โทรคมนาคมของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท โทรคมนาคม) ความจุรวม ๒,๓๐๐ Gbps โดย บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ลงนามในสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจนับอุปกรณ์ก่อนนำไปติดตั้ง ๑๕๑ สถานีทั่วประเทศ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนด (ผลการดำเนินการคิดเป็นร้อยละ ๖๘) ๒. การขยายความจุโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศของระบบที่มีอยู่ ๑,๗๗๐ Gbps โดย บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ขยายความจุและส่งมอบสิทธิการใช้งานแก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ (ผลการดำเนินการคิดเป็นร้อยละ ๙๘) ๓. การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เชื่อมต่อประเทศไทยกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความจุเบื้องต้นรวม ๒๐๐ Gbps คาดว่าจะมีการลงนามในเอกสารข้อตกลงระหว่างภาคีสมาชิกภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ และลงนามสัญญาจ้างภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และสามารถทดสอบระบบรวมถึงส่งมอบสิทธิการใช้งานให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมภายในปี ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12903 | รายงานผลการเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse (ITB) 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กก | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse (ITB) 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๖-๑๐ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดรูปแบบและกิจกรรมภายในคูหาประเทศไทยด้วย Theme : Amazing Thailand ในแนวคิด Open to the new shades of Thailand โดยเน้นสินค้าและบริการของแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทยที่มีศักยภาพและตรงกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป จำนวน ๑๐ จังหวัด (เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย น่าน ตราด จันทบุรี ชุมพร ระนอง ตรัง และนครศรีธรรมราช) โดยนำเสนอขายในแนวคิด Hub & Hook เชื่อมโยงเส้นทางเมืองหลักเดินทางต่อเนื่องไปยังเมืองรองดังกล่าว เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการเข้าร่วมงาน ITB 2019 ในภาพรวมผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยมีความพึงพอใจต่อความสำเร็จทางธุรกิจร้อยละ ๙๘.๑๐ และมีแนวโน้มในการทำสัญญาระหว่างผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยกับผู้เข้าร่วมงานเฉลี่ยร้อยละ ๕๕ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายยอดนิยมทางการท่องเที่ยวและการเข้าร่วมงานนี้ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12904 | รายงานสรุปผลการประชุมเครือข่ายข้อมูลเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน ครั้งที่ 7 | ยธ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมเครือข่ายข้อมูลเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน (ASEAN Drug Monitoring Network : ADMN) ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๕-๗ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันหารือ แลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อนำมาจัดทำรายงานเฝ้าระวังสถานการณ์ยาเสพติดอาเซียน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และร่วมกันพิจารณาทบทวนปรับปรุงร่างคู่มือระบบ ASEAN Drug Monitoring Report System ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงนวัตกรรมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งผลจากการประชุมฯ ทำให้เห็นถึงพัฒนาการของความร่วมมือที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึกมากขึ้นของประเทศสมาชิก จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึกทำให้ทราบได้ว่า ทุกประเทศกำลังเผชิญกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงและซื้อขายยาเสพติดผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้เงินสกุล Digital หรือ Bitcoin ในการซื้อขายยาเสพติดและใช้บริการขนส่งพัสดุเป็นช่องทางลำเลียง โดยผลจากความร่วมมือดังกล่าว คือ ทุกประเทศในประชาคมอาเซียนจะรู้เท่าทันสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยนำข้อมูลที่ได้รับจากการประชุมฯ ไปปรับใช้ในการวางแผน กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศตนเอง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12905 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมรายงานผลการตรวจสอบ (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560) | อส | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบัญชีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะมีการติดตามการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จต่อไป ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12906 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. สัดส่วนหนี้สาธารณะ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ ๖๐ ๒. สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาล ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ต้องไม่เกินร้อยละ ๓๕ ๓. สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ๔. สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ต้องไม่เกินร้อยละ ๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12907 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 99 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 (G20 Finance Ministers and Central Bank Governors Meeting) การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๙ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 ที่ประชุมได้รับฟังรายงานความคืบหน้าในประเด็นที่ประเทศญี่ปุ่นต้องการผลักดันและให้ความสำคัญ ได้แก่ การศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่สมดุลในเศรษฐกิจโลก (Global Imbalance) ผลกระทบเชิงนโยบายของสังคมสูงอายุ (Aging and tis policy implications) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ (Quality Infrastructure Investment) การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) และการศึกษามาตรการภาษีระหว่างประเทศ (International Taxation) ๒. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๙ ที่ประชุมได้สนับสนุนแนวทางที่ธนาคารโลกจะใช้เงินเพิ่มทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญแก่ประเทศสมาชิก ดำเนินนโยบายสร้างตลาดเชิงรุกเพื่อพัฒนาภาคเอกชนให้แข็งแกร่ง รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในกลุ่มประเทศรายได้น้อย สนับสนุนการพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีความสามารถด้านเทคโนโลยี และเรียกร้องให้ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศรายได้น้อยให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืนและเหมาะสม ๓. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แก่ การประชุมหารือกับผู้แทนธนาคารโลก การประชุมหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างประเทศ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคณะผู้แทนไทย ได้แก่ การสัมมนาภาพรวมเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกับ Asia and Pacific Department (APD) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) การสัมมนา Fiscal Forum ในหัวข้อ Investing in People and Infrastructure และการประชุมเพิ่มทุนในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12908 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (ขอส่งรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) | สตง | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ และของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12909 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๖ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๓๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔๑ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมด จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12910 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ เปลี่ยนแปลงเป็นรายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลแพ่งพระโขนงและศาลอาญาพระโขนง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานศาลยุติธรรมเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ จำนวน ๒ รายการ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร งบประมาณทั้งสิ้น ๓๖๕,๓๑๐,๐๐๐ บาท เปลี่ยนแปลงเป็นค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลแพ่งพระโขนงและศาลอาญาพระโขนง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร งบประมาณทั้งสิ้น ๓๖๕,๓๑๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ค่าควบคุมงานก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร งบประมาณทั้งสิ้น ๖,๔๑๗,๙๐๐ บาท เปลี่ยนแปลงเป็นค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลแพ่งพระโขนงและศาลอาญาพระโขนง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร งบประมาณทั้งสิ้น ๖,๔๑๗,๙๐๐ บาท ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมกำกับดูแลการดำเนินการก่อสร้างอาคารดังกล่าวให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า เมื่อก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ จะต้องนำส่งรายละเอียดอาคารให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ เพื่อขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และการใช้ที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาด้านราคาค่าก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้ครบถ้วนถูกต้องตามหลักวิชาช่าง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12911 | รัฐบาลสาธารณรัฐลัตเวียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย (นายมาริส เซลกา) | กต | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาริส เซลกา (Mr. Maris Selga) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12912 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน - เอกชัย ที่ชุมชนวัดสะแกงาม และที่บ้านหลังวัด พ.ศ. .... | คค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒ สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ที่ชุมชนวัดสะแกงาม และที่บ้านหลังวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒ สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ที่ชุมชนวัดสะแกงาม และที่บ้านหลังวัด เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ก่อนการก่อสร้างทางหลวง กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับแนวทางการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวง โดยเฉพาะการก่อสร้างที่กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ รวมทั้งควรคำนึงถึงผลกระทบจากการระบายน้ำภายหลังการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และกรมทางหลวงควรปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๙ โดยดำเนินการโครงการได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามขั้นตอนแล้ว พร้อมทั้งดำเนินการตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12913 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกฐานะศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกองกำกับการ สังกัดกองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง เป็นหน่วยงานระดับกองบังคับการ กองบัญชาการศึกษา และแบ่งหน่วยงานภายในออกเป็นกองกำกับการ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาทบทวนอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดกองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง เพื่อมิให้ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลางที่ขอยกฐานะขึ้นเป็นหน่วยงานระดับกองบังคับการ ควรพิจารณาระบบงานที่จำเป็นต้องเชื่อมโยงการทำงานระหว่างกองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลางและศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลางให้มีความเป็นเอกภาพและสามารถบูรณาการร่วมกัน ควรพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการตำรวจทั้งจำนวนและระดับตำแหน่งที่มีอยู่เดิมให้สอดคล้องกับภาระงานและปริมาณงานที่จะต้องปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งพิจารณาใช้อัตรากำลังข้าราชการตำรวจ ตามพระราชกฤษฎีกาข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งได้กำหนดประเภทตำแหน่งและลักษณะงานเช่นเดียวกับกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน หรืออัตรากำลังรูปแบบอื่น อาทิ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างชั่วคราวมาปฏิบัติภารกิจดังกล่าว และการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการทบทวนบทบาทภารกิจและปรับปรุงการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างดังกล่าว สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12914 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 12 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๒ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : MTI-GT) มีสาระสำคัญเป็นการรับทราบความสำเร็จที่ผ่านมาของความร่วมมือภายใต้แผนงาน IMT-GT เช่น อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวของประชากร อัตราการว่างงานที่ลดลงของประเทศ IMT-GT รวมทั้งได้ระบุถึงกรอบทิศทางการขับเคลื่อนแผนงานระหว่างประเทศสมาชิกที่สนับสนุนซึ่งกันและกันในเรื่องต่าง ๆ ในระยะต่อไป เช่น การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจที่หก (เชื่อมโยงจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส เข้ากับรัฐเประและรัฐกลันตัน และตอนใต้ของเกาะสุมาตรา) การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมในสาขาต่าง ๆ การส่งเสริมสินค้าฮาลาลสู่สากล การเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และทักษะแรงงาน การพัฒนาเมืองสีเขียว เป็นต้น ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT-GT ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่๑๒ แผนงาน IMT-GT ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12915 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 6 | มท | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ ๖ (The 6th ASEAN Ministerial Meeting on Disaster Management : AMMDM) เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองปุตราจายา ซึ่งที่ประชุม AMMDM ครั้งที่ ๖ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Committee on Disaster Management : ACDM) และศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (The ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance : AHA Centre) การพัฒนาคู่มือเพื่อใช้เป็นมาตรฐานสำหรับอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ และที่ประชุม AMMDM ครั้งที่ ๖ ได้เห็นชอบในหลักการเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการปรับอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (AHA Centre Fund : ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance) จากเดิม ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็น ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ เพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมภายใต้ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน (ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response : AADMER) สำหรับการเผชิญภัยพิบัติและการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบภัยพิบัติ การจัดส่งทีมประเมินความเสียหาย การจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น และสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ AHA Centre ๑.๒ อนุมัติการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน AHA Centre Fund ที่เพิ่มขึ้นตามผลการประชุม AMMDM ครั้งที่ ๖ จากเดิม ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ปรับเป็น ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสมทบเข้ากองทุน AHA Centre Fund ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ จำนวน ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒ บาท) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว จำนวน ๑,๕๗๕,๐๐๐ บาท ส่วนที่ยังขาดอยู่ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินการ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า คณะกรรมการของ AHA Centre ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศควรติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณของศูนย์ AHA Centre ในแต่ละปีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้งบประมาณที่ได้รับเพิ่มขึ้นอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรมีการจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมภายใต้แผนการดำเนินงานของศูนย์ AHA Centre เพื่อให้การช่วยเหลือเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12916 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการจัดหายานพาหนะเพื่อการขนย้ายเครื่องจักรกล | กษ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๙๘๗.๔๔ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดหายานพาหนะเพื่อการขนย้ายเครื่องจักรกล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทานจัดทำบัญชีเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ และแจ้งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานกลาง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานจัดทำแผนบริหารจัดการการใช้งานและการบำรุงรักษายานพาหนะ เครื่องจักรกล และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของกรมชลประทาน ให้ชัดเจน เป็นระบบ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12917 | การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 ของเงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินและการทำของ | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การจัดโครงสร้างองค์กรรูปแบบอื่นที่มิใช่ส่วนราชการ : หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ) เพื่อให้สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของเงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินและการทำของ โดยยกเลิกการกำหนดให้สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ เป็นหน่วยงานทดลองปฏิบัติการจัดโครงสร้างองค์กรเป็นหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษ (Service Delivery : SDU) โดยจะบริหารจัดการองค์กรด้วยกลไกทุนหมุนเวียนตามกรอบแนวทางการกำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์เร่งพัฒนาโครงสร้างที่เหมาะสมของสำนักกษาปณ์ทั้งในด้านการผลิตและบริหารจัดการแทนการเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (Service Delivery : SDU) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการตามภารกิจหลัก ตลอดจนสามารถขจัดปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการของสำนักกษาปณ์ทั้งในด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการพัสดุ ด้านการเงินและงบประมาณได้ต่อไป รวมทั้งให้กรมธนารักษ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาในการออกระเบียบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการพัสดุและการก่อหนี้ผูกพันของเงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินและการทำของ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12918 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม | คค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ในวงเงิน ๖๖,๘๔๘.๓๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๘ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๘) โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณของ รฟท. ให้ รฟท. มีอำนาจในการปรับปรุงรายละเอียดด้านงบประมาณค่าก่อสร้าง ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเวนคืนที่ดิน และรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ นั้น กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้กับ รฟท. เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และค่าจ้างที่ปรึกษาประกวดราคา วงเงินรวม ๑๐,๒๕๕.๓๓ ล้านบาท สำหรับค่าก่อสร้าง จำนวน ๕๕,๔๖๒.๐๐ ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน ๑,๑๓๑ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๕๖,๕๔๓.๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และให้ รฟท. กู้ต่อ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. กำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนของโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ตลอดจนดำเนินการแยกทรัพย์สินในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐเป็นผู้รับภาระการลงทุนออกจากบัญชีของ รฟท. ให้ชัดเจน (๒) ให้ รฟท. วางแผนบริหารจัดการการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรมีแนวทางการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการขนส่งทางรางอย่างเป็นรูปธรรม (Open Access) เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (๓) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการโครงการในภาพรวมให้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการย่านลานกองเก็บตู้สินค้าที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง และลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และ (๔) ให้ รฟท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) รวมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาและเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12919 | หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ | สธ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะในการเดินทาง ได้แก่ เบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษาในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่เป็นข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการการเมือง ให้ได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการตามสิทธิที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และสำหรับบุคคลที่มิได้เป็นข้าราชการให้เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการดังกล่าวโดยเทียบตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดี) ๑.๒ ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่เป็นข้าราชการให้ได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการตามสิทธิที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับบุคคลที่มิได้เป็นข้าราชการให้เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการดังกล่าวโดยเทียบตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่า การใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าและประหยัดตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย และควรให้นำความเห็นของกระทรวงการคลังมาประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะในการเดินทาง เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันในภาพรวม และสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องเสนอขอรับการประเมินค่างานและจัดกลุ่มองค์การมหาชนจากคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12920 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อกำหนดให้มีแผ่นป้ายทะเบียนรถสำหรับสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าว เป็นการเฉพาะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....