ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 642 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12821 - 12840 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12821 | สรุปผลการประชุมในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 9 (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น และศูนย์พัฒนาภูมิภาคแห่งสหประชาชาติ (United Nations Centre for Regional Development : UNCRD) ในแนวคิด “3R เป็นหนทางในการก้าวไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง-ความเกี่ยวข้องต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นเวทีสำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่จะร่วมกันแสดงความเห็นและมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยหลักการ 3R โดยที่ประชุมได้รับรองปฏิญญา 3R กรุงเทพว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน ซี่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายร่วมกันของผู้แทนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมการนำหลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติก ทั้งนี้ ปฏิญญา 3R กรุงเทพฯ เป็นปฏิญญาแบบสมัครใจและไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะร่วมกันพัฒนานโยบาย 3R ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับของการรีไซเคิลพลาสติกในระบบเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มโอกาสในการนำกลับมาใช้ซ้ำและการป้องกันการรั่วไหลของขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล รวมถึงสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ และใช้นวัตกรรมสำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่และยั่งยืน ซึ่งจะส่งเสริมเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทางเลือกในการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้และการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12822 | การรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ และแนวทางดำเนินการขั้นต่อไปในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ | กต | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัย (Global Compact on Refugees : GCR) และข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Global Compact for Safe, Orderly and Regular Migration : GCM) ที่ได้ผ่านการรับรองในการประชุมเต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (United Nations General Assembly : UNGA) ครั้งที่ ๗๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ และการประชุมระหว่างรัฐเพื่อรับรอง GCM ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยเนื้อหาสาระของข้อตกลงดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยการรับรองข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถนำแนวทางต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในไทยได้ และภายหลังจากการรับรองข้อตกลงดังกล่าว ประเทศต่าง ๆ ได้เริ่มนำ GCR และ GCM ไปปฏิบัติ และองค์การสหประชาชาติได้จัดตั้งกลไกทบทวนติดตามผลการนำไปปฏิบัติดังกล่าว โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR กำหนดจัดการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ เพื่อทบทวนและติดตามผลการนำ GCR ไปปฏิบัติ และในขณะนี้ UN ได้เริ่มกระบวนการเจรจาเพื่อกำหนดรูปแปบบการหารือของเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ เพื่อทบทวนและติดตามผลการปฏิบัติตาม GCM โดยมุ่งสรุปผลการเจรจาในเรื่องรูปแบบการหารือให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยในส่วนของไทย กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการแต่งตั้ง “คณะทำงานขับเคลื่อนการนำข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ ไปปฏิบัติ” โดยยกเลิกคำสั่ง “คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการตามคำมั่นของไทยในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่นฐาน” (องค์ประกอบเดิม) เนื่องจากเนื้อหาของ GCR และ GCM ครอบคลุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่แต่งตั้งขึ้นตามคำมั่นของไทยในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12823 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย (เจนไน-มุมไบ) ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเปิดงานสัมมนาเรื่อง “ธุรกิจบริการโรงแรมและวัสดุก่อสร้างและกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจ” จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสภาธุรกิจไทย-อินเดีย ณ นครมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย มีผู้เข้าร่วมงานจากภาคเอกชนของไทยและอินเดียรวมกันกว่า ๑๓๐ ราย ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ๔ สาขา ได้แก่ ที่พักอาศัยและอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ก่อสร้าง และโครงสร้างพื้นฐานชุมชนเมือง พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) รวม ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งบอมเบย์ หรือชื่อเดิมนครมุมไบ (Bombay Chamber of Commerce & Industry) (๒) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ มุมไบ (World Trade Center Mumbai) (๓) หอการค้าไทยและหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งรัฐคุชราตภาคใต้ (Southern Gujarat Chamber of Commerce & Industry) และ (๔) สภาธุรกิจไทย-อินเดีย และสภาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อมไทย-อินเดีย (Indo-Thai Chamber of MSMEs) ๒. การพบประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอินเดียภาคใต้ [Confederation of Indian Industry (CII)-Southern region] และสมาชิกสมาพันธ์ฯ ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ รวม ๙ สาขา ได้แก่ ยางและยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ ขนส่งและโลจิสติกส์ พืชน้ำมัน บริการ ร้านอาหารและโรงแรม เคมีภัณฑ์ ก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานและอากาศยาน เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) และธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและการลงทุน รวมทั้งผู้บริหารบริษัทชั้นนำอื่น ๆ ในรัฐทมิฬนาฑูและรัฐมหาราษฏระ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน โดยเฉพาะหารือแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยในอินเดียให้ขยายตัวเพิ่มยิ่งขึ้น ตลอดจนชักชวนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทยมากขึ้น ๓. การพบผู้บริหารบริษัท Emrald Resilient Tyre Manufacturers Ltd. ผู้ผลิตยางล้อ และบริษัท Parisons และสมาคมผู้สกัดตัวทำละลายแห่งอินเดีย ผู้นำเข้าน้ำมันปาล์ม เพื่อหาลู่ทางขยายการส่งออกยางพาราและน้ำมันปาล์มของไทยสู่ตลาดอินเดียให้เพิ่มขึ้น ๔. การมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้แก่ร้านอาหารไทยในเมืองเจนไนและนครมุมไบ รวม ๒ แห่ง ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในอินเดียที่ได้รับมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT รวมทั้งสิ้น ๘ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12824 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 21 [21st ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ จังหวัดเชียงใหม่ | พม | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ [21st ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยที่ประชุมคณะมนตรีฯ ได้มีมติร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) การสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทย ในปี ๒๕๖๒ (๒) การสนับสนุนการจัดตั้งหรือปรับปรุงพัฒนา ๔ ศูนย์อาเซียนภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ได้แก่ คลังสิ่งของช่วยเหลือและระบบโลจิสติกส์เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียนในประเทศไทย ศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน และศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม และ (๓) เห็นชอบเอกสารที่จะเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ กรอบปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล ถ้อยแถลงรัฐนมตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยเรื่องอนาคตของงาน : การส่งเสริมเทคโนโลยีและการเจริญเติบโตแบบมีส่วนร่วม และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยข้อริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อการประชุมใหญ่แรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๘ สำหรับการประชุมคณะมนตรีฯ ในครั้งต่อไป (ครั้งที่ ๒๒) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12825 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม 2562 | นร11 | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อน ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ การดำเนินงานในระยะต่อไป และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12826 | การปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี 2012 เป็นฉบับปี 2017 ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ) | พณ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับกฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) จากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๒ (HS 2012) เป็นฉบับปี ๒๐๑๗ (HS 2017) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Trade in Goods Agreement : AKTIGA) เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้บัญชี PSRs ในพิกัดศุลกากร HS 2017 ภายใต้ความตกลง AKTIGA มีผลบังคับใช้ภายในประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการปรับโอนพิกัดศุลกากรควรยึดตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงเดิม โดยหากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมพิกัด จำเป็นต้องกำหนดให้มีกระบวนการในการเจรจากับคู่ภาคีใหม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อนการดำเนินการตามกระบวนการภายในประเทศตามพันธกรณีของความตกลงการค้าเสรีนั้น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12827 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กต | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทยและกรมพลศึกษา ออกไป ๑ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และให้ติดตามประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีต่าง ๆ ซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงวิเคราะห์เปรียบเทียบผลประโยชน์จากการดำเนินการมาตรการกับผลการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงและประมาณการสูญเสียรายได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12828 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ เห็นควรเปรียบเทียบผลการดำเนินมาตรการกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริง และประมาณการสูญเสียรายได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12829 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) และร่างแผนปฏิบัติงานวนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสัก (Work Plan Efficient silvicultural practices for promoting teak plantation) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) และร่างแผนปฏิบัติงานวนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสัก (Work Plan Efficient silvicultural practices for promoting teak plantation) รวมทั้งอนุมัติให้อธิบดีกรมป่าไม้หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และแผนปฏิบัติงานฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานอัยการสูงสุด และข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น (๑) ในการจัดทำแผนงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศด้วย (๒) ควรมีข้อความกำหนดห้ามการส่งตัวอย่างชีวภาพของไม้สักภายใต้โครงการวิจัยร่วมจากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และ (๓) ควรตรวจสอบกับ JIRCAS ให้ชัดเจนว่า กรณีใดจึงจะถือว่าเป็นนักวิจัยระยะยาว เนื่องจากตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ หัวข้อการสนับสนุนทั่วไปมีข้อความกำหนดว่า “นักวิจัยแลกเปลี่ยนของ JIRCAS ตามที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานสำหรับโครงการในระยะสั้นและระยะยาว คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะทำการตกลงร่วมกันในการเสนอชื่อและนัดหมายการทำงานของนักวิจัยระยะยาวของ JIRCAS” เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปรับช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติงานฯ ให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้การดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนเสร็จทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะองค์ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรพันธุกรรมของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบครอบคลุมทุกมิติ ๓.๒ พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการจัดทำกฎหมายกลางที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้การบริหารจัดการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เกิดการบูรณาการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่ชุมชนหรือประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดทรัพยากรชีวภาพ ในกรณีที่ประเทศอื่นหรือบริษัทข้ามชาติจะนำองค์ความรู้จากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพในชุมชนไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า หรือนำองค์ประกอบทางพันธุกรรมหรือทางชีวเคมี หรือการใช้เทคโนโลยีชีวภาพต่อทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทยไปศึกษา วิจัย และนำมาผลิตเป็นสินค้าต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12830 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก The Asia Protected Areas Partnership (APAP) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมเป็นสมาชิก The Asia Protected Areas Partnership (APAP) ซึ่งเป็นเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่คุ้มครอง (เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตอนุรักษ์ต่าง ๆ) และหน่วยงานอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเข้าร่วมเป็นสมาชิก APAP หากมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น ควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว และ/หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณดำเนินการเป็นลำดับแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และภายหลังการสมัครเป็นสมาชิก APAP แล้ว ควรมีกระบวนการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยเฉพาะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการสนับสนุนกระบวนการหรือโครงการต่าง ๆ ที่กำหนดโดยเครือข่ายสมาชิก APAP เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12831 | ขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2562 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ในรูป Credit Line โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (Bank Overdraft : OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note : P/N) เพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ (ภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ รวมถึงเงินลงทุนตามแผนงานในโครงการโรงงานผลิตยาสูบโรจนะ ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบแผนสำหรับการก่อหนี้ของการยาสูบแห่งประเทศไทย วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ และพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประกวดราคา (e-bidding) เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนทางการคลัง ตามนัยมาตรา ๔๙ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาทบทวนเบิกใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระด้านดอกเบี้ยขององค์กรในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12832 | ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดประกอบการดำเนินงานก่อสร้างอาคารที่ทำการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ | นร | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงรายละเอียดประกอบรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จากเดิม ตั้งอยู่ที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็น ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยใช้งบประมาณภายในวงเงิน ๘๒๔.๔๑๒๖ ล้านบาท ๒. ก่อหนี้ผูกผันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานจ้างเหมาก่อสร้างอาคารที่ทำการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) โดยใช้งบประมาณภายในวงเงิน ๒๔.๗๓๒๔ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12833 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมสำหรับอนุกรรมการอื่นตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 | นร08 | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และอนุกรรมการอื่นที่กำหนดให้มีขึ้นตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๖๒ (มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา) โดยอัตราเบี้ยประชุมที่เสนอในครั้งนี้เทียบเคียงจากประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดรายชื่อคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนและอัตราเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนและรายครั้งสำหรับกรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมอนุกรรมการอื่นซึ่งกำหนดให้มีขึ้นตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่ยังไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยอนุโลม ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมดังกล่าว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้วมาดำเนินการในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12834 | มาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ | อก | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ประกอบด้วย มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐในการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร และมาตรการขอความร่วมมือด้านการบริหารจัดการ และเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชนในการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย ปรับพื้นที่ปลูกอ้อยเป็นแปลงใหญ่ให้เหมาะสมกับเครื่องจักรกลการเกษตร และจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยบางส่วน (ขึ้นอยู่กับประเภทของผู้กู้) จำนวนรวมทั้งสิ้น ๙๔๓.๗๑ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ สำหรับกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยของโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำวงเงินสินเชื่อที่คงเหลือจากการดำเนินการในปีก่อน ไปใช้ดำเนินการในปีต่อ ๆ ไปด้วย ทั้งนี้ ภายในกรอบวงเงินสินเชื่อรวมทั้งสิ้น ๖,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ทุกระดับเกี่ยวกับรายละเอียดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยพึงจะได้รับจากโครงการฯ และควรระบุหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อกำหนดของโครงการฯ ให้ชัดเจน เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำและจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อยในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการ/โครงการ เพิ่มมูลค่าหรือใช้ประโยชน์จากใบอ้อยที่เหลือจากการตัดอ้อยสดให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยลดการเผาอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวและเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยอีกทางหนึ่งด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่าง ๆ ข้างต้น ให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และพันธกรณีระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12835 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2513 เพื่อขอกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบริเวณที่กรมป่าไม้อนุมัติให้องค์การสวนยางเข้าทำประโยชน์ จังหวัดนครศรีธรรมราช สำหรับดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช | กษ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ (เรื่อง ขอกันพื้นที่ป่าไม้เพื่อใช้ในกิจการสวนยาง จังหวัดนครศรีธรรมราช) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าทำประโยชน์บริเวณพื้นที่ป่าคลองกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่จำนวน ๓,๙๕๐ ไร่ เพื่อใช้ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรให้มีมาตรการปลูกป่าทดแทนตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่ป่าต้นน้ำและป้องกันการชะล้างของตะกอนไม่ให้ไหลลงอ่างเก็บน้ำ และมาตรการในการส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้รับผลกระทบ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ด้อยไปกว่าเดิม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12836 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. .... | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนและกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเพิ่มเติมลักษณะของพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจงสำหรับพัสดุดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการให้ความหมายของพัสดุส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12837 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. .... | กษ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าเกษตรที่ประสงค์จะขอรับการตรวจสอบเพื่อขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรถือปฏิบัติต่อไปได้ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12838 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... | อก | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อันเนื่องมาจากยกเลิกการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายที่ใช้บริโภคในราชอาณาจักร และการยกเลิกโควตา เพื่อให้โรงงานน้ำตาลทรายที่ไม่ได้จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเช่นเดียวกันกับโรงงานน้ำตาลทรายที่จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร และให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12839 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและแหล่งกำเนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและแหล่งกำเนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการห้ามมิให้โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ไม่รวมเศษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ซึ่งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาเป็นวัตถุดิบในโรงงาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรพิจารณากลไกการกำหนดรายการวัตถุอันตราย ภายใต้คำจำกัดความของ..”ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ให้มีพลวัติ เพื่อให้ครอบคลุมขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นปัญหาในปัจจุบันและสารอันตรายรายการใหม่ ซึ่งมีโอกาสพบในขยะอิเล็กทรอนิกส์ และควรพิจารณาการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากกลไกการรับรองสินค้าที่สอดคล้องกับระเบียบการจำกัดการใช้สารอันตราย (ข้อกำหนด RoHS; Restriction of Hazardous Substances) ซึ่งเป็นข้อกำหนดว่าด้วยเรื่องของการใช้สารที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลบังคับใช้ในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ มาประกอบการพิจารณาอนุญาตนำเข้า “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจพิสูจน์ว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่โรงงานนำมาใช้เป็นวัตถุนั้นเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าหรือไม่อย่างไร การป้องกันปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบของโรงงาน รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการโรงงานปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการออกประกาศห้ามนำเข้าซึ่งสินค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แล้วที่นำมาถอดแยกเพื่อนำโลหะกลับมาใช้ตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12840 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์) | พณ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....