ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 644 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12861 - 12880 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12861 | ขออนุมัติแผนหลักการฟื้นฟูบึงราชนก จังหวัดพิษณุโลก และแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ ๑.๑ เห็นชอบแผนหลักการฟื้นฟูบึงราชนก จังหวัดพิษณุโลก รวม ๔ ด้าน ระยะเวลาดำเนินการ ๗ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๙) วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๖.๙๘ ล้านบาท โดยให้เร่งดำเนินการแผนงานเร่งด่วนที่มีความพร้อม จำนวน ๑๑ โครงการ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณ ๗๕๔.๕๖ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ รวม ๖ ด้าน ระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๒) วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๕,๗๐๑.๕ ล้านบาท โดยให้เร่งดำเนินการแผนงานเร่งด่วนที่มีความพร้อม จำนวน ๙ โครงการ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณ ๑,๕๑๓.๕ ล้านบาท ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันทีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานดำเนินการเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอขอรับการสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้ สทนช. อำนวยการและกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนหลักที่วางไว้ทั้ง ๒ แผน รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑.๔.๑ การฟื้นฟูบึงราชนก จังหวัดพิษณุโลก (๑) ให้หน่วยงานเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเร่งด่วน จำนวน ๑๑ โครงการ โดยให้ดำเนินการเตรียมความพร้อมให้ชัดเจน พร้อมทั้งวางแผนเยียวยาในเรื่องการจัดหาที่อยู่ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไปด้วย และ (๒) ให้ สทนช. ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานให้ กนช. ทราบเป็นระยะต่อไป ๑.๔.๒ การฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (๑) ต้องสร้างความเข้าใจและการรับรู้ให้กับประชาชน (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเตรียมความพร้อมและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด และ (๓) ให้ สทนช. ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานให้ สนทช. ทราบเป็นระระต่อไป ๒. ให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งมีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของแผน และการบริหารจัดการแผน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้เพื่อขับเคลื่อนแผนหลักดังกล่าว เห็นควรให้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมและจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยให้จัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการ และให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามแผนให้ถูกต้อง ทั่วถึงโดยให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับของส่วนรวม พร้อมทั้งให้จัดเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนกลุ่มดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12862 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับอาคารประกอบและทดสอบดาวเทียม ภายใต้โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | อว | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป ค่าครุภัณฑ์ จากรายการอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับอาคารประกอบและทดสอบดาวเทียม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ๑ ระบบ วงเงินทั้งสิ้น ๒๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ไม่รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นรายการอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับอาคารประกอบและทดสอบดาวเทียม พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และฝุ่น อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ๑ ระบบ วงเงินทั้งสิ้น ๒๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ตามนัยข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และให้จัดทำรายละเอียดให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนเสนอขอความเห็นชอบความเหมาะสมของราคารายการดังกล่าวกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงปบระมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12863 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และในภาพรวมของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร01 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และในภาพรวมของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภาพรวมสถิติผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้วถึงร้อยละ ๘๔.๗๑ และยังคงมีเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร้อยละ ๑๕.๒๙ สำหรับภาพรวมสถิติผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้วถึงร้อยละ ๘๙.๙๑ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และมอบหมายให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ๒. ให้ส่วนราชการใช้กลไกของผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ประจำหน่วยงาน (Chief Complaint Executive Officer : CCEO) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ประสานความร่วมมือ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12864 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | ทส | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกจากการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดกลางอ่างเก็บน้ำห้วยม่วงก๋อน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทานดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12865 | รายงานประจำปี 2561 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) (๒) การจัดทำ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) (๓) การขับเคลื่อนกรอบแนวทางการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ และ (๔) การขับเคลื่อนศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม (Data Exchange Center : DXC) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน กพยช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12866 | สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการและการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ของประชาชนที่สนใจ ตั้งแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๒-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๓๔,๘๖๕ ราย และมีเลขบัญชีธนาคารที่จะนำมาใช้ชำระเงิน จำนวน ๔๐,๐๗๔ เลขบัญชี ๒. การรับสมัครร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑-๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ มีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมมาตรการฯ จำนวน ๒๑๓ ราย และมีจำนวนสาขา ๑๙,๕๕๑ สาขาทั่วประเทศ ซึ่งได้ประกาศรายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการฯ ผ่านทางเว็บไซต์ www.epayment.go.th ๓. ข้อมูลการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และจำนวนเงินชดเชย ตั้งแต่วันที่ ๑-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ที่ซื้อสินค้าและบริการ จำนวน ๖,๔๖๖ ราย ชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ จำนวน ๑๒,๗๔๐ รายการ คิดเป็นมูลค่าสินค้าและบริการรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ ๑๖,๒๓๘,๑๗๔ บาท มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ๙๑๕,๘๖๑ บาท และผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จะได้รับเงินชดเชยคืนเป็นจำนวนเงิน ๖๕๔,๑๘๖ บาท ๔. การดำเนินการตามมาตรการฯ ใช้เงินงบประมาณ ๖๕๔,๑๘๖ บาท อยู่ในวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๙,๒๔๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอขออนุมัติและจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12867 | รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ 2 | รง | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ ๒ วาระที่ ๑ (๔ ตุลาคม ๒๕๖๐-๓ ตุลาคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างกลไกในการพัฒนาการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน โดยการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อรวบรวมข้อมูลและศึกษาแนวทางเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน รวมทั้งประเด็นการกำหนดอัตราค่าตอบแทน จำนวน ๓ คณะ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนางานที่รับไปทำที่บ้าน (๒) คณะอนุกรรมการกำหนดอัตราค่าตอบแทนในงานที่รับไปทำที่บ้าน และ (๓) คณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความในบทบัญญัติ มาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. การยกร่างและพิจารณากฎหมายลำดับรอง ซี่งมีผลบังคับใช้แล้ว ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และ (๒) ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง อัตราค่าตอบแทนในงานที่รับไปทำที่บ้าน ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเกี่ยวกับผู้รับงานไปทำที่บ้าน อันนำไปสู่ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น (๑) ควรปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านมากยิ่งขึ้น (๒) ควรจัดทำฐานข้อมูลผู้จ้างงานและผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อใช้กำหนดมาตรการ/แนวทางในการบริหารจัดการ และ (๓) ควรส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่ม/การจัดตั้งกลุ่ม เพื่อให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านมีความเข้มแข็งมีอำนาจในการต่อรองกับผู้จ้างงาน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12868 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อปฏิบัติภารกิจส่งเสริม รักษา ขยายตลาด และติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับปัญหาด้านแรงงาน รวมทั้งสร้างขวัญกำลังใจให้แก่แรงงานไทย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยี่ยมผู้ฝึกงานด้านเทคนิคชาวไทย ณ ศูนย์ฝึกอบรมผู้ฝึกงานก่อนเข้าทำงาน ขององค์กรพัฒนาแรงงานระดับนานาชาติ ประเทศญี่ปุ่น (International Manpower Development Organization, Japan : IM Japan) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ขอให้ผู้ฝึกงานตั้งใจทำงาน เรียนรู้และฝึกฝนประสบการณ์ด้านเทคนิค เพื่อนำกลับมาปรับใช้ พัฒนา และนำไปสู่การยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยต่อไป ๒. การเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือโครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคในญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองผู้ฝึกงานต่างชาติและประกันคุณภาพองค์กรผู้จัดหาคนไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นมิให้เก็บค่าธรรมเนียมการจัดส่งในอัตราที่สูงเกินสมควร รวมถึงสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคจากญี่ปุ่นให้แก่ไทย ๓. การหารือข้อราชการกับอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมและขยายตลาดแรงงานในญี่ปุ่น ซึ่งจากการที่ญี่ปุ่นได้อนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่าผู้ที่มีเทคนิคเฉพาะ (Specified Skills Worker) รูปแบบใหม่ ทำให้แรงงานไทยให้ความสนใจไปทำงานที่ญี่ปุ่นมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้สำนักงานแรงงานในญี่ปุ่นรายงานสถานการณ์ดังกล่าวให้กระทรวงแรงงานทราบเป็นระยะด้วย โดยอัครราชทูตฯ เห็นว่าฝ่ายไทยควรคำนึงถึง supply ของตลาดแรงงานในไทยด้วย เนื่องจากนโยบาย Thailand 4.0 ทำให้มีความต้องการแรงงานทักษะฝีมือในไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมทั้งได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการรับแรงงานผู้มีทักษะเฉพาะ (MOC on Specified Skills Worker) ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศและป้องกันไม่ให้ผู้เดินทางไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นเสียค่าใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ๔. การเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้หารือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานตามระบบวีซ่าแบบใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับแรงงานในสาขาที่ญี่ปุ่นขาดแคลน จำนวน ๑๔ สาขา จำนวน ๓๔๕,๐๐๐ คน ภายใน ๕ ปี โดยทั้งฝ่ายญี่ปุ่นจะเตรียมจัดการทดสอบความรู้ความสามารถในไทย (ประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๖๒) สำหรับ ๖ สาขา เช่น งานดูแลผู้สูงอายุ งานเครื่องจักรและเครื่องมือ เป็นต้น (๒) เตรียมมาตรการป้องกันการจ้างงานแบบผิดกฎหมายและปัญหาแรงงานถูกหลอกลวง และ (๓) จัดทำโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่แรงงานต่างชาติ ส่วนฝ่ายไทยจะดำเนินการตรวจสอบ/ป้องกัน/ดำเนินคดีกับผู้ที่หลอกลวงแรงงาน และจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ชัดเจนให้แก่แรงงานเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12869 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเป็นการรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาและออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ (ครบกำหนดวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒) จำนวน ๑๘ มาตรา แบ่งเป็นร่างกฎหมายลำดับรอง จำนวน ๑๓ มาตรา และแบบของประกาศ ระเบียบหรือข้อบัญญัติ และหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้อีก จำนวน ๕ มาตรา ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะสามารถจัดทำและยกร่างกฎหมายลำดับรองได้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ จำนวน ๙ มาตรา จะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12870 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการระดมทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ) | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยสลากออมทรัพย์และรางวัลสลากออมทรัพย์ที่ออกจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป และเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำหรับดอกเบี้ยที่คำนวณตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนรายงานผลการดำเนินงานและสัมฤทธิ์ตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรก นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ควรพิจารณาปรับลดราคาสลากต่อหน่วยลงเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนรายย่อยเข้าถึงสลากออมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12871 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม - มีนาคม 2562) | นร11 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้าซึ่งเป็นผลการดำเนินการที่สำคัญในแต่ละด้านของการปฏิรูปประเทศ เช่น ด้านการเมือง (โรงเรียนประชาธิปไตย : ให้มีการปฏิรูปและพัฒนาระบบการศึกษา รวมทั้งต้องพัฒนาโรงเรียนทุกโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้เป็น “โรงเรียนประชาธิปไตย”) ด้านการกฎหมาย (การผลักดันกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมในสังคม) และการปฏิรูปกระบวนการทำงานของภาครัฐเป็น E-government เป็นต้น ๒. ปัญหาอุปสรรค คือ หน่วยงานได้แจ้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศมายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๑๑ หน่วยงาน ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ๓. ข้อเสนอแนะ คือ ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งตรวจสอบการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยในกรณีที่หน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งดำเนินการตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศใช้เป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตรวจสอบรายละเอียดความสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12872 | ปฏิญญาการประชุมระดับผู้นำของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 5 | กต | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาการประชุมระดับผู้นำของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia : CICA) ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของประเทศสมาชิก CICA ที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในการเผชิญกับปัญหาและสิ่งท้าทายต่าง ๆ ผ่านกรอบความร่วมมือทั้ง ๕ มิติ ได้แก่ การเมืองและการทหาร เศรษฐกิจ ภัยคุกคามและความท้าทายรูปแบบใหม่ สิ่งแวดล้อม และมนุษย์ ในประเด็นความมั่นคง เศรษฐกิจ การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธประเภทอื่น ๆ ความร่วมมือด้านพลังงาน การเงิน การพัฒนาที่ยั่งยืน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรน้ำ การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม CICA ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12873 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | ยธ | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และหนังสือแลกเปลี่ยน รวมทั้งอนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยน และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม และการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์โดยปลอดภาษีอากรสำหรับการประชุมตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12874 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยา กรณีฤดูน้ำหลากสำหรับแม่น้ำโขง - ล้านช้าง ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๑.๒ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยา กรณีฤดูน้ำหลากสำหรับแม่น้ำโขง-ล้านช้าง ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างคณะทำงาน โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลอุทกวิทยาในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบริหารจัดการและบรรเทาสภาวะน้ำท่วมในแม่น้ำโขง-ล้านช้าง และระบุหน้าที่ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกในการดำเนินงานร่วมกัน ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ ๔-๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12875 | ขอความเห็นชอบท่าทีของผู้แทนรัฐบาลไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 108 | รง | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีของผู้แทนรัฐบาลไทยในการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๐-๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ประกอบด้วย (๑) การลงคะแนนเสียงรับรองการออกอนุสัญญาว่าด้วยการยุติความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน (๒) การลงคะแนนเสียงรับรองการออกข้อแนะว่าด้วยการยุติความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน และ (๓) การรับรองปฏิญญาแห่งศตวรรษ โดยไม่มีการลงนาม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยการยุติความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน กำหนดหน้าที่ให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติ โดยใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12876 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี G20 ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน | ทส | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี G20 ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศญี่ปุ่น และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ Communique (Global Environment) มีสาระสำคัญเป็นการยอมรับการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพผ่านทางนโยบายและวิธีการต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการวัสดุอย่างยั่งยืน และหลักการ 3Rs และการทำให้ขยะมีมูลค่า การดำเนินการในเรื่องขยะพลาสติกในทะเลเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการยอมรับความสำคัญของการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการปรับตัวที่ครอบคลุมและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในทุกระดับ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อเหตุการณ์สภาพอากาศและภัยพิบัติที่เลวร้าย ๑.๒ G20 Implementation Framework for Actions on Marine Plastic Litter เป็นภาคผนวกของร่างแถลงการณ์ Communique (Global Environment) มีสาระสำคัญเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพของแผนปฏิบัติการ G20 ว่าด้วยขยะทะเลผ่านปฏิบัติการสนับสนุนจากสมาชิก G20 และการทำงานร่วมกันและขยายผลการดำเนินการของแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ ร่างแถลงการณ์ G20 Communique Joint part (Energy and Environment) มีสาระสำคัญในการยอมรับความสำคัญของการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อที่จะตระหนักในเรื่อง “3E+S” (ความมั่นคงทางพลังงาน ความพอเพียงทางเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย) และการจัดการประเด็นความท้าทายหลักระดับโลกต่าง ๆ ซี่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ทรัพยากรที่ไม่ยั่งยืน มลพิษทางน้ำและอากาศ และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตลอดจนการสร้างความมั่นใจในความมั่นคงด้านพลังงาน การลดก๊าซเรือนกระจกและการปล่อยก๊าซอื่น ๆ และการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12877 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2562) | นร08 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12878 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน 14 ฉบับ | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน ๑๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำโขงเหนือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำโตนเลสาป ลุ่มน้ำแม่กลอง ลุ่มน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำให้สามารถดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำสาละวิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำปิง พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำวัง พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำยม พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำน่าน พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโขงเหนือ พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำเจ้าพระยา พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำป่าสัก พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำบางปะกง พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโตนเลสาป พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำแม่กลอง พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชี พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำมูล พ.ศ. .... ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่ลุ่มน้ำเพิ่มเติมให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ โดยคำนึงถึงสภาพอุทกวิทยา สภาพภูมิศาสตร์ ระบบนิเวศ การตั้งถิ่นฐาน การผังเมือง ผังน้ำ และเขตการปกครอง ประกอบกับการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอาจไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการในช่วงที่มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ นอกจากนี้ ในการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวต้องระบุเขตพื้นที่การปกครองจนถึงระดับตำบล และครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การกำหนดขอบเขตลุ่มน้ำเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และลดข้อผิดพลาดที่จะมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแต่ละลุ่มน้ำ เช่น การคัดเลือกคณะกรรมการลุ่มน้ำ การจัดทำแผนแม่บทการใช้น้ำ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ การจัดทำแผนป้องกันภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม การประกาศเขตภาวะน้ำแล้ง การขออนุญาตการใช้น้ำประเภทต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดรอบคอบ เพื่อความถูกต้อง เหมาะสม และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกาบางฉบับมีการแสดงพื้นที่ที่มีเส้นแนวเขตพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานเจ้าของเรื่องอาจพิจารณาตรวจสอบแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และหรืออาจพิจารณาใส่ถ้อยคำว่า “แผนที่ฉบับนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตหรือแนวพรมแดนระหว่างประเทศ” ท้ายแผนที่แนบท้ายของร่างพระราชกฤษฎีกาเฉพาะฉบับที่แสดงแนวเส้นเขตพรมแดนระหว่างราขอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย (๒) ควรนำเสนอเหตุผลการทบทวนปรับการจัดแบ่งขอบเขตลุ่มน้ำในภาพรวมของประเทศ วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสนอ ปัญหา อุปสรรค ข้อกฎหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นตามขอบเขตของพื้นที่ลุ่มน้ำที่กำหนดเป็นระดับตำบล การผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ รวมถึงอำนาจและเงื่อนไขในการอนุญาตใช้น้ำตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้ำพร้อมผลการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย และควรเร่งดำเนินการจัดทำผังน้ำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติให้แล้วเสร็จ เพื่อประกอบการตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อไป และ (๓) แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาควรตรวจสอบความถูกต้องของเขตการปกครองท้องที่และยืนยัน ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการนำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชายฝั่งอ่าวไทยตะวันตก ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง และลุ่มน้ำฝั่งตะวันตก เสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12879 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 51 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561 - 28 กุมภาพันธ์ 2562) และครั้งที่ 52 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-31 มีนาคม 2562) (ครั้งที่ 52) | นร04 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๕๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) และครั้งที่ ๕๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒) ประกอบด้วย (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การแก้ไขความเดือดร้อนในพื้นที่เรื่องที่ดินทำกิน สาธารณูปโภค สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน จำแนกสาระสำคัญเป็นด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12880 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติศึกษารายละเอียดการวางระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศต่าง ๆ และประสานขอความร่วมมือไปยังผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ในการวางระบบระบายน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ๑.๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการเตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เป็นระบบ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น การปรับปรุงและพัฒนาแผนการระบายน้ำ การขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เกิดจากการก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการพื้นที่น้ำท่วม/พื้นที่ชะลอน้ำ และการปรับปรุงคูคลองเพื่อให้ระบายน้ำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาและแหล่งชุมชนที่มีการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน
|
.....