ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 641 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12801 - 12820 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12801 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | สม | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคของสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น ๔ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (สิทธิในกระบวนการยุติธรรม การกระทำทรมานและการบังคับสูญหาย และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ) (๒) ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (สิทธิทางการศึกษา สิทธิด้านสุขภาพ และธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน) (๓) ด้านการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของบุคคล ๕ กลุ่ม (สิทธิเด็ก สิทธิผู้สูงอายุ สิทธิคนพิการ สิทธิของผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน) และ (๔) ด้านการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนใน ๓ ประเด็นที่อยู่ในความห่วงใย (สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการค้ามนุษย์) และรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง ต่อไป ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12802 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน สมัยพิเศษ ว่าด้วยอนาคตของงาน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | รง | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน สมัยพิเศษ [Special Session of ASEAN Labour Ministers Meeting (ALMM)] ว่าด้วยอนาคตของงาน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ โดยมีพลตำรวจเอก อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน สมัยพิเศษ (Special Session of ALMM) ว่าด้วยอนาคตของงาน ประกอบด้วย (๑) การกล่าวถ้อยแถลงของประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยเรื่องอนาคตของงาน โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงานได้กล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อรองรับอนาคตของงาน โดยมุ่งเน้นการปรับและเพิ่มทักษะด้านอาชีพผ่านการเรียนรู้ตลอดช่วงวัย การขับเคลื่อนแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (๒) การกล่าวถ้อยแถลงของผู้อำนวยการใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการเตรียมการเพื่อรองรับอนาคตของงาน การขับเคลื่อนวาระที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และบทบาทนำขององค์การแรงงานระหว่างประเทศในการสนับสนุนไตรภาคีและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยสนับสนุนให้แต่ละประเทศกำหนดยุทธศาสตร์ในระดับประเทศ และ (๓) การลงนามรับรองถ้อยแถลงรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยอนาคตของงาน : การส่งเสริมเทคโนโลยีและการเจริญเติบโตแบบมีส่วนร่วม ระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนจากประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ โดยเอกสารดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์แรงงานและภาคธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และการให้ความคุ้มครองแรงงานจากผลกระทบที่เกิดจากอนาคตของงาน ซึ่งไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ๒. การเสวนาว่าด้วยอนาคตของงาน ในประเด็นภาพรวมของรายงานคณะกรรมการโลกว่าด้วยอนาคตของงาน การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การส่งเสริมบทบาทของไตรภาคีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการสร้างขีดความสามารถให้แก่แรงงานเพื่อให้มีความพร้อมรองรับงานในอนาคต โดยที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกันว่าเรื่องอนาคตของงานเป็นเรื่องท้าทายและมีประเด็นคาบเกี่ยวที่ต้องอาศัยการดำเนินงานจากหลายภาคส่วน เช่น (๑) ภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้านแรงงานสัมพันธ์ การอำนวยความสะดวกให้เกิดการเข้ามามีส่วนร่วมของไตรภาคี การกำหนดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดช่วงวัยและการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน (๒) สหภาพแรงงานควรเข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดจนประสบการณ์ให้เกิดความเข้าใจเรื่องสถานการณ์การจ้างงานและทักษะฝีมือแรงงานที่ต้องการ และ (๓) ภาคนายจ้างสามารถร่วมขับเคลื่อนผ่านการจัดฝึกอบรมและการกำหนดความต้องการของตลาดแรงงาน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12803 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยไม่มีกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำ จำนวน ๗๗ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔๓ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12804 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรีฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 6/2562) | สลธ.คสช. | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๖๒ เรื่อง มาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อขัดข้องสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภทให้เข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนดเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการประกอบการและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอันจะเป็นประโยชน์ในการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12805 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2562 (ครั้งที่ 25) | พณ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๒๕) และผลการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับชิลี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองบีนญา เดล มาร์ สาธารณรัฐชิลี โดยมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวอรุณี พูลแก้ว) เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๒๕) ที่ประชุมได้หารือร่วมกันภายใต้แนวคิดหลักคือ “เชื่อมโยงประชาชนเพื่อสร้างอนาคต ใน ๓ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) (๒) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ได้แก่ เป้าหมายโบกอร์ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การรวมกลุ่ม ๔.๐ และวิสัยทัศน์ภายหลังปี ๒๕๖๓ และ (๓) การเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืนในยุคดิจิทัล ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล สตรีและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการปกป้องมหาสมุทร โดยในส่วนของไทยได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดถือกฎเกณฑ์ทางการค้าซึ่งเป็นพื้นฐานของการค้าระหว่างประเทศที่เสรี โดยส่งเสริมการปรับปรุงกลไกการทำงานของ WTO ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ และการดำเนินการตามแผนงานเอเปคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าบริการและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำการส่งเสริม MSMEs E-Commerce และการปฏิบัติตามแผนดำเนินการด้านอินเทอร์เน็ตและเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก และการเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าโลก สำหรับวิสัยทัศน์เอเปคหลังปี ๒๕๖๓ ไทยมุ่งหวังให้รายงานของกลุ่มวิสัยทัศน์เอเปคจะเสนอแนะทิศทางอนาคตของเอเปค โดยคำนึงถึงความเห็นของทุกภาคส่วนและภาคเอกชนต่อไป ๑.๒ ผลการหารือทวิภาคีระหว่างรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวอรุณี พูลแก้ว) กับผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านการค้าชิลี (Mr. Rodrigo Yanez) โดยชิลีได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ โดยขณะนี้ชิลีมีความตกลงการค้าเสรีกับประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และกำลังจะสรุปผลการเจรจากับอินโดนีเซีย ส่วนไทยแจ้งว่าจะพิจารณาและหารือร่วมกับอาเซียนและคู่เจรจาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคบางส่วน เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซียยังมีมุมมองและท่าทีที่แตกต่างกันอย่างมากในบางประเด็น โดยเฉพาะมุมมองและท่าทีต่อการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of Asia-Pacific : FTAAP) แนวทางการปฏิรูป WTO และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งควรต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งควรมีการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการต่อการเปิดเสรีทางการค้า และทบทวนมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไทยให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12806 | รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี 2561 และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2561 | สม | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคของสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๔ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (สิทธิในกระบวนการยุติธรรม การกระทำทรมานและการบังคับสูญหาย และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ) (๒) ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (สิทธิทางการศึกษา สิทธิด้านสุขภาพ และธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน) (๓) ด้านการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของบุคคล ๕ กลุ่ม (สิทธิเด็ก สิทธิผู้สูงอายุ สิทธิคนพิการ สิทธิของผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน) และ (๔) ด้านการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนใน ๓ ประเด็นที่อยู่ในความห่วงใย (สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการค้ามนุษย์) สำหรับรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้ส่งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการนโยบายที่สนับสนุนและส่งเสริมการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั้งในด้านการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาและคุณภาพการศึกษา พร้อมกับการปรับปรุงและแก้ไขข้อขัดข้องต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์เห็นว่ากรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดนควรมีกลไกกำกับดูแลการลงทุนในลักษณะข้ามชาติให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ไปเพื่อเสนอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12807 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง ในบริเวณจังหวัดตราด พ.ศ. .... | กษ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง ในบริเวณจังหวัดตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับเขตทะเลชายฝั่งในบริเวณจังหวัดตราด โดยปรับปรุงเขตทะเลชายฝั่งเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่งให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมและสามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ลดปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายโดยไม่เจตนา ลดความขัดแย้งของชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ในพื้นที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบรายละเอียดของแผนที่และค่าพิกัดแสดงขอบเขตพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความรอบคอบกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ รวมทั้งควรยืนยันความถูกต้องของแผนที่ท้ายกฎกระทรวงและการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลกระทบต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดและการประกอบอาชีพของประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งควรจะได้เสนอแก้ไขประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดังกล่าวให้สอดคล้องด้วย นอกจากนี้ ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12808 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... | สธ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการโฆษณายาเสพติดให้โทษประเภท ๕ เฉพาะกัญชา เพื่อการโฆษณาที่กระทำโดยตรงต่อผู้ประกอบวิชาชีพ และครอบคลุมถึงการโฆษณาที่เป็นเอกสาร ภาพ ภาพยนตร์ การบันทึกเสียงหรือภาพด้วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อกำหนดต่าง ๆ ในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ให้แก่ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ที่มีความประสงค์จะขออนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชาที่ได้รับการรับรองตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ได้รับทราบและสามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเข้าใจในสาระสำคัญของข้อกำหนดในกฎกระทรวงฯ โดยพิจารณาใช้กลไกระดับพื้นที่ในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12809 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 (ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2562 เรื่อง การปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560) | สกพอ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ในหมวด ๓ การกำกับดูแลและติดตามผล เพื่อปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกำกับดูแล และกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสัญญา เพื่อให้การทำหน้าที่กำกับดูแลภาพรวมและการบริหารสัญญาร่วมลงทุนของโครงการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ อันจะทำให้การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกนี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกอาจพิจารณาปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนรวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้และผู้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย นอกจากนี้ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อติดตาม กำกับ และบริหารจัดการสัญญาร่วมลงทุนของโครงการ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12810 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 (แก้ไขเพิ่มเติม) | กษ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ได้พิจารณาแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) และแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) รับทราบแล้ว โดยกระทรวงพลังงานได้มีหนังสือแจ้งประธาน กนป. ขอปรับแก้ไขข้อความในสรุปมติการประชุม กนป. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ ดังกล่าว ในข้อ ๒ แนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) ที่เสนอโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนตามข้อหารือในที่ประชุม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12811 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 259.63 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะและฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ของกรมทางหลวง | คค | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕๙.๖๓ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะและฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ของกรมทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12812 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน 8 ฉบับ | นร | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำสะแกกรัง พ.ศ. .... (๒) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำท่าจีน พ.ศ. .... (๓) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก พ.ศ. .... (๔) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (๕) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน พ.ศ. .... (๖) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พ.ศ. .... (๗) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง พ.ศ. .... และ (๘) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จ และมีขอบเขตที่ชัดเจน ก่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาทุกฉบับมีการแสดงพื้นที่ที่มีเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานเจ้าของเรื่องอาจพิจารณาตรวจสอบแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อให้เส้นพรมแดนที่แสดงสอดคล้องกับแนวเส้นเขตแดนที่ฝ่ายไทยอ้าง และ/หรืออาจพิจารณาใส่ถ้อยคำ ว่า “แผนที่ฉบับนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตหรือแนวพรมแดนระหว่างประเทศ” ท้ายแผนที่แนบท้ายของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับที่แสดงเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดกระบวนการจัดทำผังน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการปรับปรุงขอบเขตลุ่มน้ำในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12813 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารความร่วมมือ และร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 13 รวมทั้งร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 6 | กห | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารความร่วมมือในกรอบอาเซียน จำนวน ๖ ฉบับ และร่างปฏิญญาร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ที่จะมีการรับรองร่างเอกสารความร่วมมือ และลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ (13th ASEAN Defence Ministers’ Meeting : 13th ADMM) รวมทั้งร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา จำนวน ๑ ฉบับ ที่จะมีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๖ (6th ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : 6th ADMM-Plus) โดยร่างเอกสารความร่วมมือ มีสาระสำคัญ เป็นการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงให้อาเซียนสามารถตอบสนองความท้าทายด้านความมั่นคงของภูมิภาคในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติ สำหรับร่างปฏิญญาร่วมฯ และร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ในการพัฒนาและขับเคลื่อนความร่วมมือให้อาเซียนมีความมั่นคง เข้มแข็ง และสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองให้กับภูมิภาคให้มีความยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12814 | การขออนุมัติงบประมาณสำหรับสมทบในกองทุน ACMECS ระยะ 5 ปี ภายในกรอบวงเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | กต | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณสำหรับสมทบในกองทุนยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ระยะ ๕ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ปีละ ๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกรอบวงเงิน ๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการจ่ายเงินสมทบในกองทุน ACMECS Development Fund ในปีแรก ให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12815 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิมิต ทัพวนานต์ และนางอรัญญา ทองน้ำตะโก) | ยธ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายนิมิต ทัพวนานต์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางอรัญญา ทองน้ำตะโก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12816 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 71 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร | กค | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบข้อกำหนดของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาท ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12817 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารในจังหวัดภูเก็ต ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งรัดการตรวจสอบและปรับปรุงสภาพ และขุดลอกคูคลองทางระบายน้ำทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นทางระบายน้ำได้อย่างคล่องตัว และสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรอการระบาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ทั้งนี้ ให้พิจารณาการว่าจ้างกรมราชทัณฑ์เพื่อให้นำผู้ต้องขังมาดำเนินงานเป็นลำดับแรก โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.๒ ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินการจัดกิจกรรมการวิ่งแบบผจญภัยในพื้นที่ธรรมชาติ (Trail Running) ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยให้พิจารณาจัดเส้นทางวิ่งให้ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายในพื้นที่นั้น ๆ เช่น พื้นที่ป่า เขตอุทยานแห่งชาติ เนินเขา ทุ่งหญ้า และไร่นา เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ การกีฬา และการท่องเที่ยวในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12818 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | สผ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน เป็นต้น และรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วไม่แสดงความเห็นต่อรายงานการเงินดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอและมีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซี่งได้ประสานงานสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรทราบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและปรับปรุงแก้ไขบัญชีตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานการเงินดังกล่าวตามเนื้อหาที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ระบุไว้ในรายงานของผู้สอบบัญชี เพื่อให้การจัดทำรายงานทางการเงินในปีต่อ ๆ ไป ปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ สามารถแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่แท้จริง รวมทั้งแสดงถึงผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12819 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | ศย | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12820 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบลักษณะที่เป็นปัญหาข้ามพรมแดนของขยะทะเล ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคในระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงการขยายความร่วมมือกับประเทศภาคีเครือข่ายและองค์กรนานาชาติในการแก้ไขปัญหา ๒. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ความเห็น และประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการและข้อริเริ่มต่าง ๆ ในระดับประเทศของภูมิภาคอาเซียนในการแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่พันธมิตรจะให้การสนับสนุน หรือเสริมสร้างความร่วมมือ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการซ้ำซ้อน ๓. ประเทศไทยในฐานะประธานในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนฯ ได้ประกาศให้กลุ่มประเทศภาคีเครือข่ายและองค์กรนานาชาติทราบถึงผลการหารือและการตัดสินใจร่วมกันของรัฐมนตรีอาเซียนที่จะนำร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ร่างปฏิญญากรุงเทพมหานครว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และร่างกรอบการปฏิบัติงานอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล เสนอต่อที่ประชุมระดับผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นข้อผูกพันในการยืนยันท่าทีของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะพยายามจัดการกับปัญหาขยะทะเล
|
.....