ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 599 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11961 - 11980 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11961 | ร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย - สหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2020 ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ | กห | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย-สหรัฐอเมริกา ค.ศ. ๒๐๒๐ ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ (Joint Vision Statement 2020 for the Thai-U.S. Defense Alliance) เป็นเอกสารที่กำหนดกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา โดยเน้นย้ำความยึดมั่นร่วมกันของไทยและสหรัฐอเมริกาต่อความเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศระหว่างกันอันยาวนาน ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมผลประโยชน์และค่านิยมร่วมกันในระยะยาว รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคง อันจะนำไปสู่ขีดความสามารถในการป้องปรามและตอบสนองต่อภัยคุกคามและสิ่งท้าทายร่วมกันในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการจัดพิธีลงนามในร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : ADMM-Plus) ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่ ๑๖ ถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกี่ยวกับการระบุถึง ‘free and open Indo-Pacific’ ในร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ อาจมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนสำหรับบางประเทศได้ โดยที่ร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ อาจยังไม่ใช่ร่างฉบับสุดท้าย ดังนั้น หากมีการปรับแก้ในชั้นต่อไป ขอให้พิจารณาให้ร่างฉบับสุดท้ายเป็นไปตามแนวทางดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ การรักษาดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา และไทยกับจีนยังเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ด้านการทหารกับสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับจีน เช่น ในประเด็นทะเลจีนใต้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11962 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เรื่อง ผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ประจำปี 2562 ของนายกรัฐมนตรี | ศธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ประจำปี ๒๕๖๒ ของนายกรัฐมนตรี ข้อ ๒ จากเดิม “ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทย (Thai KOSEN) ให้เหมาะสมและชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สถาบันโคเซ็นดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” เป็น “ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยให้เหมาะสมและร่วมสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นดังกล่าวต่อไป” ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรให้ชะลอการโอนย้ายสถาบันโคเซ็น จากกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ออกไปอีก ๑ ปีนับจากวันที่รัฐบาลไทยได้รับเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น และรัฐบาลไทยสามารถได้เข้าใช้ประโยชน์จากเงินกู้ดังกล่าวในการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในไทยและอนุภูมิภาค ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11963 | ขออนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง | คค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง ภายในกรอบวงเงิน ๕๕,๙๒๗ ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายค่าทดแทนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด และขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการฯ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖ สำหรับแหล่งที่มาของงบประมาณในการปรับเพิ่มกรอบวงเงินในเรื่องนี้ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (เงินกันเหลื่อมปี) โดยโอนเปลี่ยนแปลงรายการจากแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กิจกรรมก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ค่าก่อสร้างทางและสะพานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จำนวน ๒๕ รายการ (ช่วงที่ ๑-๒๕) วงเงิน ๗,๐๓๒ ล้านบาท มาดำเนินรายการค่าชดเชยสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ในการเวนคืนที่ดิน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายกรมทางหลวงเร่งศึกษาออกแบบรายละเอียดการปรับรูปแบบการก่อสร้างโครงการฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง การพิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะดำเนินการพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมต่อกับโครงการฯ รวมทั้งแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในพื้นที่ และถอดบทเรียน (Lesson Learn) กรณีการขอปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินความเสี่ยงด้านต้นทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง และมอบหมายกระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์และกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการในการกำหนดค่าทดแทนที่ลดการใช้ดุลยพินิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11964 | กลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก | ทส | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมบูรณาการการดำเนินงานในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการการลดให้ถุงพลาสติก และพิจารณากำหนดแนวทาง วิธีการปฏิบัติสำหรับมาตรการการงดให้ถุงพลาสติก การติดตามผลและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ และภาครัฐควรให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพื่อผลิตวัสดุทดแทนพลาสติก รวมทั้งการร่วมสร้างจิตสำนึกการลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมพฤติกรรมในการแยกขยะควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในกรณีกิจการการจัดส่งอาหารและสินค้าที่สั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกควบคู่ไปกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาติกด้วย ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดให้มีมาตรการด้านภาษีเพื่อลดการใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทางการผลิต หรือมาตรการด้านภาษีเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำพลาสติกมารีไซเคิล (Recycle) ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางการนำขยะพลาสติกมาใช้ในการก่อสร้างถนน โดยให้นำรูปแบบโครงการต้นแบบถนนพลาสติกรีไซเคิลตามหลักการ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” ของภาคเอกชน มาต่อยอดและปรับใช้กับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคมให้เหมาะสมต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดแนวทางในการลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปริมาณการนำเข้าพลาสติกจากต่างประเทศไปพร้อมกับการลดการใช้พลาสติกภายในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11965 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11966 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2562 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อหารือ : แนวทางการดำเนินการเพื่อรองรับการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) ที่ประชุมฯ มีมติมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ โดยทูตพาณิชย์ หารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative : USTR) เพื่อขอให้สหรัฐอเมริกาพิจารณาทบทวนเรื่องการยกเลิกการให้สิทธิ GSP แก่ไทย โดยขอให้เจรจาให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา : โครงการรถไฟไทย-จีน (การกำหนดสกุลเงินที่ใช้ในสัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล) ที่ประชุมฯ มีมติให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเจรจาต่อรองกับฝ่ายจีนเพื่อกำหนดให้ใช้เงินบาทเป็นสกุลเงินที่ใช้สัญญา ๒.๓ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกำหนดให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการชำระค่างานสัญญา ๒.๓ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเตรียมการของฝ่ายไทยในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาให้ได้ข้อยุติได้ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11967 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวนุชนภา รื่นอบเชย) | อว | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนุชนภา รื่นอบเชย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11968 | การรับรองร่างปฏิญญากรุงเทพ : การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลต่อปัญหายาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง และร่างแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ 11 | ยธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญากรุงเทพ : การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลต่อปัญหายาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง เป็นเอกสารที่แสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกที่จะระดมความพยายามในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาค และร่างแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ ๑๑ เป็นแผนการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งประเทศภาคีสมาชิกภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด เห็นชอบร่วมกันเพื่อเป็นกรอบความร่วมมือในการจัดการกับความท้าทายจากการผลิต การลักลอบค้าและการใช้ยาเสพติดผิดกฎหมาย บนหลักการความเป็นหุ้นส่วนและแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยไม่มีการลงนาม ในห้วงการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในวันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างแผนปฏิบัติการฯ ข้อ III Objectives and Priorities for Cooperation in the GMS, B. Law enforcement cooperation, Outcome 1 ระบุคำว่า ‘joint cross-border operations’ ดังนั้น หากมีการปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ประเทศภาคีในเรื่องนี้ ก็จะต้องไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหน้าที่ของประเทศภาคีหนึ่งในการบังคับใช้กฎหมายของตนในอาณาเขตของประเทศภาคีอื่น ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่อาจกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11969 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ระหว่างวันที่ ๒๖ ตุลาคม-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ ได้แก่ การพัฒนาสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และบริการด้วยนวัตกรรมสู่มาตรฐานสากล การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ภาคตะวันตก และอารยธรรมทวารวดี และการพัฒนาและส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนให้มีศักยภาพ ผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11970 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง1 (กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี) | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) เมื่อวันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีผลการประชุมในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อเสนอเชิงนโยบาย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11971 | การใช้ทุนทางวัฒนธรรมและพลัง "บวร" เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างคุณค่าทางสังคม : กรณีกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 | วธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้ทุนทางวัฒนธรรมและพลัง “บวร” เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างคุณค่าทางสังคม : กรณีกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีการดำเนินงานวัฒนธรรมในพื้นที่ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ (๒) พัฒนาสินค้าและส่งเสริมกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดยจัดกิจกรรมตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม (๓) ส่งเสริมสนับสนุนศิลปินและวิถีชีวิตชุมชน โดยสนับสนุนให้สมาคมเพลงพื้นบ้านภาคกลางเผยแพร่การแสดงเพลงพื้นบ้าน และอบรมถ่ายทอดเพลงพื้นบ้านภาคกลางให้แก่เด็ก เยาวชน และผู้สนใจ รวมถึงจัดให้มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมตามปฏิทินการแสดงศิลปวัฒนธรรม และ (๔) ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยขับเคลื่อนชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร ให้เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมหลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประเพณีวิถีวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และนำไปปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจสังคม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11972 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นางวรวรรณ ชิตอรุณ และนายเอกภัทร วังสุวรรณ ) | อก | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางวรวรรณ ชิตอรุณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเอกภัทร วังสุวรรณ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11973 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | ยธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วีริศ อัมระปาล ๒. นายธนพล คงเจี้ยง ๓. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11974 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายไกรเสริม โตทับเที่ยง) | ดศ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายไกรเสริม โตทับเที่ยง เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11975 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุเทพ แก่งสันเทียะ และคณะ รวม 6 ราย) | ศธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒. นายสุทิน แก้วพนา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวีระ แข็งกสิการ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรินทร์ แก้วมณี ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๕ สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายยศพล เวณุโกศล ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงาน ศึกษาธิการภาค ๘ สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11976 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนผู้ที่ลาออก จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางฤชุกร สิริโยธิน กรรมการ ๒. พลโท กานต์ กลัมพสุต กรรมการ ๓. นายจรุูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11977 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 ราย 1. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ฯลฯ) | อก | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ยกเว้นลำดับที่ ๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และลำดับที่ ๔ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ดังนี้
๑. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ประธานกรรมการ ๒. นายสรัญ รังคสิริ กรรมการ ๓. นายวิริยะ รามสมภพ กรรมการ ๔. นางสิรินทร์ แดงไชยวัฒน์ กรรมการ ๕. นายณกฤศพรรชธ์ ธนัตถ์อนนตชัย กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11978 | รายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี : แนวทางการสร้างความเข้มแข็งของบวร เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | วธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการจัดทำแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการประชุมหน่วยงานบูรณาการเพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ รวมทั้งยังได้มีการดำเนินการทดลองปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนำร่องที่ได้คัดเลือกจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางที่มีความหลากหลายของชุมชนในเขตเมือง เขตชนบท และปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นครนายก นครปฐม และกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” (บ้าน-ชุมชน/วัด-ศาสนสถาน-โรงเรียน-ส่วนราชการ) แก่ทุกภาคส่วนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากสถานที่ดังกล่าวในการเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน โดยอาจปรับเปลี่ยนแนวทางดังกล่าวให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบท/สถานการณ์ของสังคมในปัจจุบัน เช่น การนำเทคโนโลยีสารสนเทศหรือสื่อการเรียนรู้ด้านดิจิทัลมาปรับใช้ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความพร้อมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำสาธารณะ ทางลาดคนพิการ/ผู้สูงอายุ และดำเนินการจัดหาหรือปรับปรุงให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการขยายผลการขับเคลื่อนแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11979 | มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ ๑๘ ปิบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน และมีบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนไม่เกิน ๒ ล้านคน โดยจะกันสิทธิ์บางส่วนสำหรับผู้ที่มีอายุ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน และขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางที่สามารถดึงดูดให้ประชาชนมาเข้าร่วมมาตรการดังกล่าวมากขึ้น ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว โดยมีการรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11980 | รณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ OTOP ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิโครงการหลวง และผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นของขวัญ ของที่ระลึกเทศกาลปีใหม่ 2563 | มท | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการรณรงค์ให้ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิโครงการหลวง และผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นของขวัญ ของที่ระลึกเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....