ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 591 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11801 - 11820 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11801 | การยุบเลิกศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยุบเลิกศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ไม่มีการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกจากนี้ ตามรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีความเห็นว่า ควรยุบเลิกบัญชีเงินฝากของศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ซึ่งได้มีการปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปแล้ว และในปัจจุบันศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์มิได้มีรายได้จากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนของบุคลากรเบิกจ่ายจากเงินอุดหนุนในความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาอยู่แล้ว การยุบเลิกหน่วยงานจึงไม่ส่งผลต่อการเงินและงบประมาณในภาพรวมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับโครงสร้างหน่วยงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นั้น ควรรวมไว้ที่หน่วยงานหลักเพียงหน่วยงานเดียว เพื่อเอกภาพในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11802 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง พ.ศ. .... | คค | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11803 | แผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | กษ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยมีวิสัยทัศน์ “ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง” ซึ่งในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ไปสู่การปฏิบัติได้มีการกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะ ๑-๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (๒) ระยะ ๖-๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และ (๓) ระยะ ๑๑-๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๗๐-๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพและการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาปัจจัยสนับสนุน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับกรอบระยะเวลาของแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามเป้าหมาย ควรให้การยางแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลักประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรูปรายการมาตรฐานและประมาณราคา รายการปรับปรุงผิวสนามกีฬา รวมทั้งแนวปฏิบัติการจัดจ้างในโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ กรณีมีผู้ว่าจ้างเพียงรายเดียว เพื่อเป็นแบบมาตรฐานกลาง และการยางแห่งประเทศไทยควรศึกษาแนวทางการเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างอุปสงค์ (Demand) ของยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพารา และส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นหรือการเลี้ยงสัตว์ผสมผสานกับการปลูกยางพาราเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างสูงสุด ๔. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดหายางพาราหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราไปใช้ในการดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้น ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกยางพาราที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและพื้นที่หวงห้ามประเภทอื่น ๆ ให้ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตรงกัน และให้นำข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ในความรับผิดชอบเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดแนวทางและมาตรการดังกล่าวให้คำนึงถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11804 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 14 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 9 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 9 | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๔ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๙ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๙ ซึ่งได้มีการประชุมในระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยที่ประชุมได้มีมติข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาบาเซลฯ อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ โดยการบรรจุรายชื่อของเสียอันตราย และสารเคมีเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อไทยในฐานะภาคีสมาชิกที่จะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับผลการประชุม เช่น การแก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย เพื่อกำหนดเป็นวัตถุอันตรายชนิดต่าง ๆ ต่อไป ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติข้อตัดสินใจที่สำคัญในการประชุมรัฐภาคีของ ๓ อนุสัญญาดังกล่าว ดังนี้ ๑.๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรายการของเสียอันตราย ภายใต้ขอบเขตการปฏิบัติงานตามกฎหมายภายในประเทศ กล่าวคือ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับการแก้ไขภาคผนวก ๒ ภาคผนวก ๘ และภาคผนวก ๙ ของอนุสัญญาบาเซลฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขยะพลาสติก (๒) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ (Designate National Authority : DNA) ด้านสารเคมีอุตสาหกรรม ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (import response) สำหรับสาร hexabromocyclododecane ที่ได้รับการบรรจุเพิ่มเติมในภาคผนวกที่ ๓ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๓) ควบคุมสาร PFOA, its salts and PFOA-related compounds ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๑.๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ ด้านสารเคมีป้องกันจำกัดศัตรูพืชและสัตว์ ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้าสำหรับสาร phorate เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๒) ยกระดับการควบคุมสาร dicofol เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11805 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง กฎหมายว่าด้วยยา และกฎหมายว่าด้วยอาหาร รวม ๕ ฉบับ ซึ่งเป็นคดีความผิดตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และกฎกระทรวงฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... เพื่อยกเลิกคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการตามที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ รวม ๑๓ คดีความผิด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11806 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ และเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ และเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรจัดทำมาตรฐานของรายละเอียด เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการและแนวทางปฏิบัติเรื่องดังกล่าว ในประกาศ และแนวทางปฏิบัติที่จะจัดทำขึ้นในภายหลังให้ชัดเจน โดยก่อนนำไปประกาศใช้ ควรมีการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อให้มีข้อกำหนดที่ปฏิบัติได้ และสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังอันเป็นผลดีต่อการปฏิบัติและการพัฒนาของหน่วยงานเลี้ยงสัตว์ทดลองในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11807 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการจดแจ้งและการออกใบจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ....) | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการจดแจ้งและการออกใบรับจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอจดแจ้งผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด และกำหนดหลักเกณฑ์แบบคำขอจดแจ้งดังกล่าว ๒. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขออนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาต และขอออกใบแทนใบอนุญาต ๓. ร่างกฎกระทรวงการแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์หรือการขอต่ออายุใบอนุญาตต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาตและขอออกใบแทนใบอนุญาต ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น ใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือการนำเข้า ใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11808 | สรุปรายงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 และการจัดงาน Amazing Thai Night 2019 | กก | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 และการจัดงาน Amazing Thai Night 2019 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน ระหว่างวันที่ ๔-๗ กันยายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 โดยรูปแบบของการจัดงานเป็นการจัดให้มีการเจรจาซื้อขายธุรกิจท่องเที่ยวในลักษณะ Table Top Sale แบบนัดหมายล่วงหน้า (Pre-Appointment) โดยมีบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ (Buyers) มาร่วมงานทั้งสิ้น จำนวน ๘๐ บริษัท ซึ่งผลตอบรับภายหลังจากการจัดงานพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Sellers) และบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ (Buyers) ได้รับความพึงพอใจในระดับดี-ดีมาก ๒. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน Amazing Thai Night 2019 โดยกิจกรรมภายในงานมีการจัดทำ Thailand Product Presentation ในรูปแบบของสื่อหลายแบบ (Multimedia) นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของประเทศไทย และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวในตลาดนอร์ดิกได้รับทราบ และเพื่อสร้างกระแสความสนใจประเทศไทยในมุมมองใหม่ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานในการประชุมผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานยุโรป ๘ สำนักงาน ได้แก่ สำนักงานสตอกโฮล์ม สำนักงานลอนดอน สำนักงานปารีส สำนักงานแฟรงก์เฟิร์ต สำนักงานกรุงปราก สำนักงานกรุงโรม สำนักงานมอสโก และสำนักงานดูไบ โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้ ททท. สำนักงานต่างประเทศรับไปปฏิบัติ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการอำนวยความสะดวกการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ให้กับประเทศที่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวแต่มีอุปสรรคและความไม่สะดวกในการยื่นขอรับการตรวจลงตรา นอกจากนี้ ได้รับฟังรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวของสำนักงานยุโรป ๘ สำนักงาน รวมทั้งการรายงานปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวให้ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11809 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา | ดศ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยไม่กระทบต่อวงเงินที่อนุมัติไว้เดิม และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๓๐,๒๕๕,๔๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๑๗,๔๗๔,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยารับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๗ ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11810 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 จำนวน 6 ฉบับ | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีอื่นนอกจากเครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๑ เป็นเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสีปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยทางรังสีสำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางรังสีสำหรับผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๒ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... เสนอให้ตัดข้อความ “ที่มีลักษณะปิดมิดชิด” ออกได้หรือไม่ เพื่อให้ครอบคลุมเครื่องกำเนิดรังสีประเภทอื่นที่ใช้งานในลักษณเดียวกันแต่มีลักษณะที่ไม่ปิดมิดชิด เช่น เครื่องเอกซเรย์วิจัย ซึ่งอาจมีลักษณะไม่ปิดมิดชิด และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... เสนอให้เพิ่มนิยามคำว่า “ผู้แจ้ง” ดังนี้ “ผู้แจ้ง” หมายความว่า ผู้แจ้งการครองครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้ส่งคืนเรื่องดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไม่สามารถเสนอร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11811 | การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน | นร01 | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน (สคจ.) ซึ่งได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณถนนลูกหลวง (ข้างกระทรวงศึกษาธิการ) ตั้งแต่วันที่ ๖-๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำนวนประมาณ ๔๐๐ คน ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องได้พบปะเจรจากับ สคจ. และได้ประขุมหารือร่วมกันหลายครั้ง โดยได้ข้อสรุปผลการเจรจาแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ซึ่ง สคจ. พอใจและยุติการชุมนุมเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ในการนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำสรุปกรณีปัญหาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของ สคจ. รวม ๓๕ เรื่อง แบ่งเป็น ๕ กรณี ได้แก่ (๑) กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน ฝายและอ่างเก็บน้ำ (๒) กรณีปัญหาราคาสินค้าเกษตร (กรณีมะพร้าวราคาตกต่ำของเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) (๓) กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐด้านอุตสาหกรรมและคมนาคม (๔) กรณีปัญหาที่อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินของรัฐ รวมทั้งการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้างที่ดิน และ (๕) กรณีปัญหาแรงงาน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม) เร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรณีที่ราชพัสดุหนองน้ำขุ่น อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กรณีสมัชชาคนจนขอให้ถอนการหวงห้ามที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินในที่ราชพัสดุเขตประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ใช้ในราชการกระทรวงมหาดไทย กรณีข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการเกษตร ให้รัฐบาลหยุดการนำเข้าและห้ามใช้สารเคมีอันตรายในพื้นที่เกษตร และกรณีข้อเสนอเชิงนโยบายของ สคจ. ให้รัฐบาลยกเลิกหนี้สินที่ไม่เป็นธรรมให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิก สคจ. ซึ่งเกิดจากแนวทางการพัฒนาที่ดินผิดพลาดของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย (กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม) รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11812 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเกี่ยวกับกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะตามมาตรา 7 (1) (2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 | กค | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะในกรณีกิจการถนน ทางหลวง ทางพิเศษ และการขนส่งทางถนน กิจการรถไฟ รถไฟฟ้า และการขนส่งทางราง และกิจการท่าเรือ และการขนส่งทางน้ำ อันจะทำให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถดำเนินการได้ถูกต้อง และทำให้เกิดโครงการร่วมลงทุนได้ตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง กิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการถนน ทางหลวง ทางพิเศษ และการขนส่งทางถนน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง กิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการรถไฟ รถไฟฟ้า และการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง กิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการท่าเรือ และการขนส่งทางน้ำ พ.ศ. .... ๒. ในการกำหนดประเภทกิจการเกี่ยวเนื่องกับกิจการร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ ควรเป็นการกำหนดกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นและเหมาะสมกับโครงการร่วมลงทุนในปัจจุบันที่สามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะนั้น และมีความชัดเจนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สามารถปฏิบัติได้ อันทำให้เกิดโครงการร่วมลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) สถานีขนส่งผู้โดยสาร เนื่องจากเป็นกิจการที่ต้องถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ หากกำหนดให้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็น สมควรที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย และอู่ซ่อมรถและบริการซ่อมรถ ตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งต้องจัดให้มีอู่ซ่อมรถและบริการซ่อมรถ ซึ่งมิได้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมขนส่งทางบก จึงไม่ควรถูกกำหนดเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็น (๒) ควรเพิ่มเติมกิจการ “การพัฒนาระบบตั๋วร่วม” เป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการรถไฟ รถไฟฟ้า (๓) การใช้เรือลากจูง เนื่องจากเป็นกิจกรรมหลักของการขนส่งสินค้าชายฝั่งและลำน้ำภายในประเทศ ประกอบกับการใช้คำว่า “การใช้เรือลากจูง” ซึ่งมีความหมายกว้างอาจทำให้ตีความสับสนต่อการร่วมทุนในกิจการท่าเรือ และการยกตู้สินค้าโดยปั้นจั่นยกตู้สินค้า คลังสินค้า โรงเก็บรักษาสินค้า ลานวางตู้สินค้า ซึ่งเป็นกิจกรรมของท่าเรือโดยตรง เพื่อหลักเลี่ยงความซ้ำซ้อน เห็นว่าไม่จำเป็นต้องแยกให้เป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็น และ (๔) อู่เรือแห้ง ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ เข้าข่ายเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นหรือไม่ และการท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องไปดำเนินการขนส่งทางน้ำด้วยหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11813 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลพยุหะ และตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ถึงกิโลเมตรที่ ๗๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลยางตาล และตำบลโกรกพระ อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำในกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อรองรับการอนุญาตใช้น้ำ ควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11814 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 (ครั้งที่ 148) | พน | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๑๔๘) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โรงไฟฟ้าชุมชน) แนวทางการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล และกรอบนโยบายการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น นโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ควรพิจารณาศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ารายพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดแคลนวัสดุสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ควรพิจารณาความพร้อมของระบบไฟฟ้าในการรองรับกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่ และให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลการผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อให้ประเทศสามารถวางแผนการบริหารจัดการด้านพลังงานได้อย่างเป็นระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11815 | รายงานประจำปี 2561 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของ สวรส. ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามภารกิจหลักในการพัฒนางานวิจัย ๗ แผนงาน ได้แก่ แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบยา เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยี แผนงานวิจัยและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบบริการสุขภาพ แผนงานวิจัยและพัฒนาการเงินการคลังสุขภาพ แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพ และแผนงานวิจัยและพัฒนากลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ๒. ผลการประเมินตามตัวชี้วัดกรมบัญชีกลาง ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ สวรส. มีคะแนนประเมินรวม ๔.๕๓๓๘ คะแนน (จาก ๕.๐๐ คะแนน) หรือร้อยละ ๙๐.๖๘ (ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ ๐.๕๓ เนื่องจากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย) ๓. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ สวรส. สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่างบการเงินของ สวรส. และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11816 | การระงับโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด หมู่บ้านอุดมไซ เมืองเวียงทอง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการระงับโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด หมู่บ้านอุดมไซ เมืองเวียงทอง แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว ว่าไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด หมู่บ้านอุดมไซ เมืองเวียงทอง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษของกระทรวงป้องกันประเทศ สปป.ลาว จึงไม่สามารถดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ได้ และสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว เสนอให้ไปใช้เมืองคำเกิด หรือเมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ แทน สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ให้สำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว ส่งแผนการสำรวจพื้นที่ใหม่ เพื่อเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าว และกระทรวงยุติธรรมจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาการเปลี่ยนแปลงพื้นที่และงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11817 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดึสเซลดอร์ฟ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐนอร์ทไรน์ - เวสต์ฟาเลีย และรัฐโลว์เออร์แซกโซนี (นายเคลาส์ เอ็ม. เซ็ลเซอร์) | กต | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเคลาส์ เอ็ม. เซ็ลเซอร์ (Mr. Klaus M. Salzer) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดึสเซลดอร์ฟ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย และรัฐโลว์เออร์แซกโซนี สืบแทน นายซเตฟาน เจ. โฮล์ทโฮฟฟ์-เฟิร์ทเนอร์ (Mr. Stephan J. Holthoff-Pfortner) ที่ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ โดยคงสถานะสถานที่ทำการกงสุล เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ เมืองดึสเซลดอร์ฟ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11818 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 จำนวน 2 ฉบับ | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับขั้นตอนและหลักฐานประกอบการยื่นขออนุญาต การจัดทำรายงาน การผลิตยา การกระจายยา การปฏิบัติตามเงื่อนไขและคำรับรองที่ให้ไว้ในทะเบียนตำรับยา และเงื่อนไขในการต่ออายุใบอนุญาต ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทำรายงาน การนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร การเก็บรักษายา การกระจายยา การปฏิบัติตามเงื่อนไขและคำรับรองที่ให้ไว้ในทะเบียนตำรับยา และเงื่อนไขในการต่ออายุใบอนุญาต ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรพัฒนาระบบแจ้งเตือนการทบทวนทะเบียนตำรับยาสำหรับยานำเข้าจากต่างประเทศที่ปัจจุบันยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิตยาเพื่อควบคุมคุณภาพมาตรฐานยาที่จำหน่ายในต่างประเทศอย่างเท่าเทียมและคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึง และควรนำข้อมูลที่ได้จากผู้ประกอบการมาใช้ประโยชน์โดยพิจารณาจัดทำบทวิเคราะห์ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ แนวโน้มความต้องการใช้ยาในประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไปได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11819 | ขออนุมัติวงเงินราคากลางและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน รวมถึงขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สลิด จังหวัดตาก | กษ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างทำนบดินและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สลิด จังหวัดตาก จากวงเงินเดิม ๓๓๐,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๒๐,๘๙๑,๓๙๓ บาท โดยให้นำวงเงินค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือจำนวน ๒๗๘,๘๕๒,๐๐๐ บาท เป็นกรอบวงเงินในการประกวดราคาจ้างก่อสร้างรายการดังกล่าว และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๕ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีของรายการดังกล่าว จำนวน ๖๑,๖๗๖,๗๓๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป จำนวน ๒๑๗,๑๗๕,๒๗๐ บาท ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายภายในปีงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กรมชลประทานดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ สำหรับกรณีการยกเลิกสัญญาการก่อสร้างดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ เห็นควรที่กรมชลประทานจะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบ ข้อสัญญา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้รับจ้างอย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเร่งรัดการดำเนินการประกวดราคาและการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11820 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 และวันที่ 7 ตุลาคม 2562 | มท | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ และวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ จากเดิมกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณรายการนี้ ๑.๒ อนุมัติหลักการให้นำงบประมาณที่เหลือจากการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ และวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ไปใช้ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ภาคใต้ ภาคตะวันออก เป็นต้น โดยใช้เหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงมหาดไทยจะต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดภัยและสำรวจข้อมูลผู้ประสบภัยให้ชัดเจนเพื่อให้การจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อน โดยระยะเวลาในการจ่ายเงินช่วยเหลือจะต้องอยู่ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ด้วย และให้กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ ๓๒ จังหวัดที่ได้ผ่านการสำรวจและคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นแล้วเป็นลำดับแรก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
.....