ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 600 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11981 - 12000 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11981 | การลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ในช่วงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกรำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เช่น การกำหนดศัตรูพืชที่ห้ามปรากฏในรำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มที่จะส่งออก การรับรองสถานประกอบการ การตรวจสอบการควบคุมสุขอนามัยในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง การออกใบรับรองสุขอนามัยพืช และการปฏิบัติต่อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำคู่มือหรือข้อปฏิบัติในการดำเนินงานตามมาตรการการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเตรียมการและดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11982 | การประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 23 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๓ (Joint Ministerial Statement : JMS) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินดีและรับทราบความสำเร็จล่าสุดของแผนงานความร่วมมือ GMS ใน ๘ สาขา ได้แก่ สาขาคมนาคม สาขาการอำนวยความสะดวกทางการค้าและคมนาคมขนส่ง สาขาพลังงาน สาขาเกษตร สาขาสิ่งแวดล้อม สาขาท่องเที่ยว สาขาสุขภาพ และสาขาการพัฒนาเมืองและชายแดน รวมทั้งแสดงความยินดีกับผลการประชุมเวทีหารือเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๐ (ECF-10) เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเนปยิดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์แผนงาน GMS สำหรับระยะเวลาการดำเนินการหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS Minister) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ครั้งที่ ๒๓ (The 23rd GMS Ministerial Conference) ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๑.๓ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนได้ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๓ ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11983 | การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านภาษีอากร เรื่องการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยมีหนังสือซึ่งลงนามโดยระดับรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ หนังสือถึง Secretary-General ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) มีสาระสำคัญเป็นการขอให้ OECD ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเชิญประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters : MAC) ๑.๒ หนังสือถึงประธานกรอบความร่วมมือ Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes (Global Forum) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการให้คำมั่นว่าประเทศไทยจะแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติจาก AEOI Standard เป็นไปตามรูปแบบกลางที่ Global Forum ซึ่งระบุว่าประเทศไทยจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๖ กับรัฐคู่สัญญาที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและมีการรักษาความลับของข้อมูลอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11984 | โครงการประกันรายได้และมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2562/63 | พณ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงิน ๙,๖๗๑,๕๘๒,๘๐๐ บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๖๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ทั้งเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร ผลผลิตต่อไร่ รวมถึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขพื้นที่เป้าหมาย การใช้เงิน วิธีการจ่ายเงิน โดยให้คำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการดำเนินการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ๒. รับทราบมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ได้แก่ การบริหารจัดการการนำเข้าส่งออก การส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศเพิ่มขึ้น และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมาตรการดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง มาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ตามลำดับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินมาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายและใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น การแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังสามารถผลิตและจำหน่ายเอทานอลให้แก่อุตสาหกรรมอื่นได้นอกเหนือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือเป็นผู้รับจ้างผลิตให้แก่องค์การสุรา เป็นต้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ครอบคลุมในทุกมิติ เช่น การควบคุมดูแลพื้นที่เพาะปลูกและป้องกันมิให้เกิดการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิเพื่อเพาะปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น การทำสัญญาเช่าที่ดินของรัฐให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินของรัฐ เป็นต้น โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่ต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติโดยด่วนต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11985 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร05 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11986 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2562 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา : นโยบาย แนวทาง และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบมาตรการ MSME 2020 : Micro SME 2020 รวม ๑๓ มาตรการ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับประเด็นความเห็นของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พร้อมทั้งหารือรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา : โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้นำผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ตามที่กรุงเทพมหานครและกระทรวงมหาดไทยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปได้ โดยให้กรุงเทพมหานครเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของที่ประชุมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ เรื่องเพื่อทราบ : มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ และสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด (เดือนกันยายน ๒๕๖๒) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11987 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11988 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) (การยกเว้นอากรขาเข้ายาในกลุ่มยากำพร้า) | กค | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรขาเข้าผลิตภัณฑ์ยารักษาหรือยาป้องกันโรคในกลุ่มยากำพร้า เฉพาะที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และระบุ (P) ต่อท้ายใบเลขทะเบียนตำรับยา เว้นแต่ยากำพร้าที่มีการผลิตในประเทศ ๑๑ รายการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11989 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง | อว | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง [Mekong-Lancang Cooperation (MLC) Special Fund] ซึ่งภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ระบุว่า จีนได้อนุมัติโครงการและสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) จำนวน ๒ โครงการ จำนวนเงิน ๔,๑๖๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑๗,๗๒๑,๖๐๐ บาท) ได้แก่ (๑) โครงการคัดกรองอาหารที่ไม่ปลอดภัยเบื้องต้นโดยอาศัยองค์ความรู้เรื่องการแยกแยะด้วยความเสี่ยง (Early detection of Unsafe Feed by risk) จำนวน ๓๑๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑,๓๒๐,๖๐๐ บาท) และ (๒) โครงการนำร่องการควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับในประเทศลุ่มน้ำโขง (Mekong Liver Fluke Control Initiative) จำนวน ๓,๘๕๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑๖,๔๐๑,๐๐๐ บาท) โดยฝ่ายจีนจะจัดสรรงบประมาณให้ฝ่ายไทยภายใน ๒๐ วันทำการ หลังจากที่ได้มีการลงนาม โดยจะมีการลงนามระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการ เมื่อเสร็จสิ้นแก่สถาบันการศึกษาอื่น ๆ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ต่อยอดองค์ความรู้ และสามารถนำงานศึกษาวิจัยไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11990 | ร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ที่เหมาะสม หยุดยั้งและป้องกันการทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของชาติ ก่อให้เกิดการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นฐานการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบด้วยบทบัญญัตินโยบายป่าไม้แห่งชาติ จำนวน ๒๔ ข้อ ครอบคลุม ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) นโยบายด้านการจัดการป่าไม้ (๒) นโยบายด้านการใช้ประโยชน์ผลิตผลและการบริการจากป่าไม้และอุตสาหกรรมป่าไม้ และ (๓) นโยบายด้านการพัฒนาระบบบริหารและองค์กรเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้มีการบูรณาการในการอนุญาตการเข้าใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างกรมป่าไม้และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นกระบวนการเดียวกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11991 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๒๙๑๕-๒๕๖๑ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านความปลอดภัย-สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ ๗ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11992 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กษ | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ให้ครอบคลุมถึงกรณีการยกสิทธิการทำการประมง การโอนใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ และการแก้ไขรายการในใบอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำให้สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11993 | รัฐบาลแคนาดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งแคนาดาประจำประเทศไทย (นางซาราห์ เทย์เลอร์) | กต | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางซาราห์ เทย์เลอร์ (Mrs. Sarah Taylor) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งแคนาดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางโดนิกา พอตตี (Ms. Donica Pottie) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11994 | รัฐบาลรัฐกาตาร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย (นายอะห์มัด อะลี เอ.เจ. อัตตะมีมี) | กต | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะห์มัด อะลี เอ.เจ. อัตตะมีมี (Mr. Ahmed Ali A.J. Al-Tamimi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยให้มีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน เชค ญัสซิม บิน อับดุลเราะฮ์มาน บิน มุฮัมมัด อาลอับดุลเราะฮ์มาน อาลษานี (Sheikh Jassim bin Abdulrahman bin Mohamed Alabdulrahman Al-Thani) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11995 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11996 | การพิจารณาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร51 | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ ๒. อนุมัติให้ขยายเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน และอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ๓. เห็นชอบร่างประกาศและร่างข้อกำหนด รวม ๔ ฉบับ ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๓.๒ ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๓.๓ ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔. เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลส่งให้ กอ.รมน. เพื่อรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบโดยเร็ว ตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11997 | การให้สัตยาบันพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามแล้ว โดยพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ดังกล่าวจะเป็นการลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียน การอนุญาตให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทจัดการลงทุน (Asset Management Company) ได้ถึงร้อยละ ๑๐๐ ของทุนที่ชำระแล้ว และการเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ระหว่างไทยและมาเลเซียเข้าสู่ตลาดระหว่างกันได้บนหลักการต่างตอบแทน อันเป็นส่วนสำคัญของการส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในเชิงลึกและกว้างขวางมากขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยสามารถขยายการค้าและการลงทุนในสาขาบริการด้านการเงินออกไปยังประเทศอาเซียนอื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและมอบสัตยาบันสารหรือสารของพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ ให้แก่เลขาธิการอาเซียน เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11998 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร | กห | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร (Memorandum of Arrangement between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Defense of Japan on Cooperation and Exchanges in the Field of Defense) ในส่วนของผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกข้อตกลงฯ จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ปรับเป็น “รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11999 | แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) | มท | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๓,๖๗๓.๔๐ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๒,๕๐๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟน. จำนวน ๑,๑๗๓.๔๐ ล้านบาท ระยะทางรวม ๒๐.๕ กิโลเมตร จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนรัตนาธิเบศร์ (ถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี-ถนนติวานนท์ และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถนนสุขุมวิท (ซอยสุขุมวิท ๘๑-ซอยแบริ่ง) ระยะเวลาดำเนินการ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๖ ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของโครงการให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. ใช้เงินรายได้เป็นลำดับแรกก่อนการใช้เงินกู้และกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของโครงการ และหาก กฟน. มีความจำเป็นต้องกู้เงิน เห็นควรให้กู้เงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้ กฟน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมให้การเปลี่ยนแปลงระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด และให้ กฟน. ร่วมหารือกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่บริเวณเขตระบบรถไฟฟ้าและเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า โดยให้เป็นไปตามหลักการทางวิศวกรรมเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้าง และป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับโครงสร้างของ รฟม. เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12000 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน 13 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. ...) | มท | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน ๑๓ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังมืองรวมชุมชนหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกลับ และตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลตะกุด ตำบลปากเพรียว ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาโฉง ตำบลปากข้าวสาร ตำบลโคกสว่าง อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลชัยพฤกษ์ ตำบลกุดป่อง และตำบลนาอาม อำเภอเมือง จังหวัดเลย ๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลถนนใหญ่ ตำบลเขาสามยอด ตำบลพรหมมาสตร์ ตำบลทะเลชุบศร ตำบลบางขันหมาก ตำบลท่าหิน ตำบลท่าศาลา ตำบลป่าตาล ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลนิคมสร้างตนเอง ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี และตำบลโพตลาดแก้ว ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกลางเวียง และตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนนทรี ตำบลเมืองเก่า ตำบลกบินทร์ ตำบลวังตาล ตำบลนาแขม ตำบลบ้านนา และตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางระกำ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลโคกพุทรา ตำบลรำมะสัก ตำบลทางพระ ตำบลคำหยาด ตำบลยางซ้าย อำเภออ่างแก้ว ตำบลอินทประมูล ตำบลบางพลับ ตำบลสามง่าม ตำบลบ่อแร่ และตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิทอง จังหวัดอ่างทอง ๙. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลคอรุม และตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ๑๐. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านต๋ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลท่าวังทอง ตำบลสันป่าม่วง ตำบลเวียง ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบลแม่ใส ตำบลแม่ต๋ำ ตำบลจำป่าหวาย และตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา และตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ๑๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลอ้อมน้อย ตำบลหนองนกไข่ ตำบลสวนหลวง ตำบลบางยาง ตำบลท่าไม้ ตำบลตลาดกระทุ่มแบน ตำบลคลองมะเดื่อ ตำบลแคราย ตำบลดอนไก่ดี และตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ๑๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนป่าแดง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลป่าแดง ตำบลชาติตระการ และตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ๑๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา |
.....