ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 594 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11861 - 11880 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11861 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11862 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11863 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองไปดำเนินการเพื่อให้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่อาจส่งผลกระทบกับทรัพยากรน้ำสาธารณะตามมาตรา ๗๔ และกฎกระทรวงกำหนดค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายตามมาตรา ๗๕ ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งต่อมากรมโยธาธิการและผังเมืองได้มีคำสั่ง ที่ ๖๙๙/๒๕๖๒ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๗๔ และมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลเพื่อดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าว แต่โดยที่เรื่องนี้มีมาตรการการกำหนดโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนด จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงการวางผังระบายน้ำในบริเวณลุ่นน้ำ จำนวน ๒๕ ลุ่มน้ำ จึงต้องอาศัยความเชื่อมโยงกันระหว่างกฎหมายที่ออกตามมาตรา ๗๔ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง รวมทั้งยังมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษากฎหมายภายใต้บังคับของกระทรวงมหาดไทยฉบับอื่น และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาร่างกฎหมาย นอกจากนี้ ได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรอง เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนความเสียหายหรือเสื่อมสิทธิจากการระงับการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ผิดไปจากที่ได้กำหนดไว้ในผังเเมืองรวมตามมาตรา ๓๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายลำดับรองที่ออกตามมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนั้น การดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองในเรื่องนี้จึงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11864 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร (การกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการนำส่งเงินภาษีและข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะ) รวม 2 ฉบับ | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลต้องจัดทำและรายงานข้อมูลต่อกรมสรรพากร และการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับการรายงานข้อมูลดังกล่าวต่อกรมสรรพากร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของร่างกฎกระทรวงทั้งสองฉบับดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จได้ภายในกำหนดระยะเวลา ๑๘๐ วัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า การออกกฎกระทรวงจำนวนสองฉบับดังกล่าว เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาคเอกชน โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่จะต้องปรับปรุงระบบงานเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงมีความจำเป็นต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวสอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน และเพิ่มภาระแก่ภาคเอกชนน้อยที่สุด จึงใช้เวลาในการดำเนินการนานเกินกว่า ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11865 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM) ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) รวมทั้งหนังสือแนบท้ายรวม ๔ ฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการของกลไก CMIM ตามนัยบทบัญญัติของความตกลงฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องมีการทบทวนทุก ๆ ๕ ปี โดยในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงแนวปฏิบัติของ CMIM กรณีที่เป็นความช่วยเหลือทางการเงินร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ IMF เช่น การปรับปรุงระยะเวลาการเบิกจ่ายและการชำระคืนเงินช่วยเหลือ จากเดิมที่เบิกจ่ายและรับเงินคืนเต็มจำนวนเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน (Maturity) เพียงครั้งเดียวภายใน ๑ ปี เป็นให้เบิกจ่ายและรับเงินคืนเป็นงวด ๆ และขยายจำนวนครั้งในการต่ออายุความช่วยเหลือ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินและการขาดสภาพคล่องของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระยะสั้นและต้องการรับความช่วยเหลือจากกลไกดังกล่าวจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงถ้อยคำที่มีความคลุมเครือในทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule 3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง (Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๔ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทนลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule 7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลง CMIM รวมทั้งหนังสือแนบท้าย ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11866 | ร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11867 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11868 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2563 โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 จังหวัดนครสวรรค์ 2 (ระยะที่ 1) และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดนครสวรรค์ ๒ (ระยะที่ ๑) เป็นจำนวน ๕๘,๐๘๖,๑๐๐ บาท ตามนัยระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗(๓) โดยวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ให้ กคช. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับค่างานก่อสร้างดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. สำหรับการขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๗๙,๐๔๘,๗๕๐ บาท ของโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๑๔ โครงการ นั้น เนื่องจาก กคช. สามารถดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ตามวัตถุประสงค์ได้โดยดำเนินการทำสัญญาจ้างแล้ว จำนวน ๑๒ โครงการ คงเหลือที่ยังไม่ได้ทำการทำสัญญาจ้าง จำนวน ๒ โครงการ คือ (๑) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โรจนะ) ระยะที่ ๑ และ (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) จึงเห็นควรดำเนินการภายในกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ และเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ที่จะได้รับเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดความคุ้มค่าและประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11869 | ขออนุมัติยกเว้นการจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และการก่อสร้างอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) ของกรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) | กห | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) กรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) ที่มีความสูงและพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน หากเป็นอาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร จะเข้าข่ายโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซี่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ ๓๑ อาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ที่มีจำนวนห้องชุดหรือห้องพักตั้งแต่ ๘๐ ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป โดยให้เสนอรายงานในขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ ควรจัดให้มีพื้นที่สีเขียวในสัดส่วนที่เหมาะสม และคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนใกล้เคียง ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11870 | แผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี 2562 - 2568 | อว | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (ASEAN Innovation Roadmap : AIR) เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ไทยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒ โดยแผนที่นำทางฯ จะทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการเสริมสร้างการพัฒนาระบบนิเวศที่มีนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบ รวมทั้งการนำความรู้และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งนำไปสู่การต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคม ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการอาเซียนได้กำหนดให้นำเสนอแผนที่นำทางฯ ต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้การรับรองแผนที่นำทางฯ ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนที่นำทางฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ ที่คำนึงถึงความทันสมัย เป็นสากล และรักษาจุดแข็งของประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาด้านนวัตกรรมของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11871 | แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) | นร10 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) โดยเป็นการกำหนดโครงสร้าง รูปแบบความสัมพันธ์ บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมทั้งคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐในแต่ละระดับ ตลอดจนกำหนดให้มีทีมสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และแนวทางการอบรมผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และทีมสนับสนุนฯ เพื่อเพิ่มทูนทักษะด้านดิจิทัล ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการไปพิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐแต่ละระดับ และทีมสนับสนุนฯ ความซ้ำซ้อนขององค์ประกอบและหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐกับคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล การจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานและไม่ซ้ำซ้อนกับหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง และการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำให้เป็นภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐ จึงเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติกรอบอัตรากำลังให้ได้ข้อยุติอย่างชัดเจน และเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. เร่งจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ (เรื่อง การแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม และการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวง) ในส่วนของการแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๔. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง จากเดิม “ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ชื่อเดิมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง” เป็น “ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบรับรองกรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ มีการติดตาม ประเมินผล และให้คำแนะนำการปรับปรุงและแนวทางการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทและกลุ่มเป้าหมายการพัฒนา รวมทั้งสร้างชุมชนเครือข่ายผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยให้นำทักษะด้านดิจิทัลของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดมาใช้เป็นกรอบในการออกแบบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐด้วย โดยในระหว่างที่กรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐยังไม่ได้รับการรับรอง ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดการฝึกอบรมหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐไปพลางก่อน ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11872 | โครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย) โดยปรับให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ อำเภอละ ๑ แห่ง เป็นโรงเรียนประจำพักนอน จำนวน ๖๕ หลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจน นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้ารับบริการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงอันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป โดยมีกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวน ๓,๔๑๖.๕๔ บาท ได้แก่ หมวดงบดำเนินงาน งบลงทุน และงบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ให้ สพฐ. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้จัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนตามความเหมาะสมจำเป็นโดยอาจใช้แนวทางเลือกอื่นบนฐานการใช้ทรัพยากรร่วมกันในพื้นที่กับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์หรือโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11873 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนให้เกิดความคล่องตัวและมีความเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงาน ตลอดจนมีรูปแบบตามหลักนิยมและแบบธรรมเนียมการแต่งเครื่องแบบเข้าร่วมงานพิธีการเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11874 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร53 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจำนวนการจ้างงานและรายได้ที่ใช้ในการกำหนดลักษณะและขนาดของวิสาหกิจ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดขนาดกิจการว่าเข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11875 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียน การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การออกใบแทน หนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ และการเพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียน การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การออกใบแทนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ และการเพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับผู้ขอในการยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ ออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิจดทะเบียน ออกใบแทนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ เพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ หรือยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ ทั้งยังเป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาดำเนินการตามคำขอของผู้ขอในกรณีดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนเกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ และชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินการ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11876 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | นร09 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการมอบอำนาจในการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการมอบอำนาจในการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งใช้มาตรการบังคับทางปกครองและการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับทางปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งใช้มาตรการบังคับทางปกครอง และการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับทางปกครอง สำหรับคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกำหนดค่าปรับบังคับการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกำหนดค่าปรับบังคับการและจำนวนค่าปรับบังคับการที่เจ้าหน้าที่มีอำนาจกำหนดเพื่อใช้เป็นมาตรการบังคับแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๕ ฉบับ ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11877 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 และข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ (รวม ๗ วัน) ซึ่งผลการดำเนินการพบว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในภาพรวมมีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน ๓,๓๓๘ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน ๓,๔๔๒ ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน ๓๘๖ ราย โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และประเภทรถที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ (ส่วนบุคคล) ในการนี้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนมีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนนในประเด็นเร่งด่วน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการปรับปรุงแก้ไข และบังคับใช้กฎหมาย (๒) ด้านการบริหารจัดการ และ (๓) ด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนและยานพาหนะ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ทุกส่วนราชการควรร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนและปลูกฝังวินัยจราจรผ่านเครื่องมือและสื่อต่าง ๆ รวมทั้งกวดขันในเรื่องวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11878 | ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 และการดำเนินงานเพื่อผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยที่ประชุมฯ มีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย คือ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) รวมทั้งมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) กรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก โดยให้ไทยดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวขอบเขตการนำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติที่อาจกระทบเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของพื้นที่ดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และการจัดทำเอกสารวิชาการ (Nomination Dossier) แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดโลก ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้ แล้วแต่กรณี รวมถึงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น ควรเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11879 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2562 | นร11 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11880 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายชนินทร์ ขาวจันทร์) | นร13 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
.....