ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 235 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4681 - 4700 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4681 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๑๖
ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบเงินอุดหนุน
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)
และให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ
งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ
รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นควรดำเนินการขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการประเมินผลประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินโครงการที่ผ่านมา
เพื่อนำมาปรับปรุงการกำหนดกิจกรรมของโครงการในปีต่อ ๆ ไป
เพื่อให้การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4682 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม | คปร. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน
กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งสิ้น ๙๘ อัตรา
ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ประกอบด้วย
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน จำนวน ๓๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
กระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕๐ อัตรา และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ อัตรา ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
และกระทรวงวัฒนธรรม (กรมการศาสนา) รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยงานราชการทั้ง
๓ หน่วยงาน เร่งดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งบุคลากรตามแผนการสรรหา
และบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเงื่อนไขที่ คปร. กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งควรมีการกำหนดเป้าหมายผลผลิตและผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ได้รับการจัดสรรอัตราจัดตั้งขึ้นใหม่
และให้ส่วนราชการปฏิบัติตามขั้นตอน หลักเกณฑ์ และวิธีการที่สำนักงบประมาณกำหนด โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณ
และถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/ว ๑๓ ลงวันที่ ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4683 | การขอความเห็นชอบต่อร่างคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitment) ในการประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ “น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. 2018 - 2023 (Midterm Comprehensive Review of the Implementation of the Objectives of the International Decade for Action “Water for Sustainable Development”: United Nations 2023 Water Conference) | นร.14 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างคำมั่นโดยสมัครใจ
(Voluntary Commitment) ที่ประเทศไทยจะประกาศ
ในหัวข้อ “ประเทศไทยให้ความสำคัญกับความมั่นคงน้ำอุปโภคบริโภค
เพื่อการเข้าถึงน้ำสะอาดของทุกภาคส่วน” ในการประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ
“น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๓
(Midterm Comprehensive Review of the Implementation of the Objectives of the
International Decade for Action “Water for Sustainable Development”: United
Nations 2023 Water Conference) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยร่างคำมั่นฯ มีสาระสำคัญเป็นการมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภคในชนบท
และพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเทียบเท่าชุมชนเมือง
ในราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน และปรับปรุงระบบประปาชนบท ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำ
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4684 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถ 9 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 20,841 ตารางเมตร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 1 หลัง | สธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อสร้างอาคารจอดรถ ๙ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๒๐,๘๔๑ ตารางเมตร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๓๙,๔๒๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนัยมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4685 | ขอเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | สธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ให้เหมาะสมกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความรอบคอบ
ชัดเจน สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ความพร้อมในด้านการเงินการคลังและความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนความเหมาะสมเป็นธรรมในภาพรวมของบุคลากรของรัฐที่มีภารกิจในทำนองเดียวกัน
โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4686 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่่ 15 ธันวามคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ 1 ตำบลปากแพรกเชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า
บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ ๑ ตำบลปากแพรก
เชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรดำเนินการเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เช่น
ควรดำเนินการในรูปแบบสะพานยกระดับต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศป่าชายเลน
และการขออนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4687 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค จำนวน ๑๔๘,๖๓๕,๗๐๐ บาท
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๔๘,๖๓๕,๖๐๐
บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4688 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จากเดิมอัตรา ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น ๑๘๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖)
เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่ควรมีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน
รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต ควรบริหารค่าใช้จ่ายในภาพรวมด้วยความระมัดระวังและกำหนดแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมและรอบคอบ
พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กรและปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้ทันต่อสถานการณ์
และเพื่อให้การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในภาพรวม
กระทรวงการคลังควรกำกับให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด
ปฏิบัติตามแผนการหารายได้และแผนการบริหารความเสี่ยงทางการเงินจากการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุด
ของพนักงานอย่างเคร่งครัด
และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4689 | การขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งขอความเห็นชอบหลักการแนวทางดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) (กิจกรรมที่
๒) กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ
จากเดิมสิ้นสุดปี ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดปี ๒๕๖๗ ๑.๒
เห็นชอบในหลักการขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) ภายใต้กิจกรรมที่ ๒
กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ จากเดิม ๒๐๐ Gbps
ซึ่งเป็นความจุเบื้องต้นของประเทศไทยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไว้
เป็นไม่เกินสิทธิการใช้วงจรทั้งหมด (เบื้องต้นที่ประมาณ ๙,๐๐๐ Gbps) โดยใช้งบประมาณของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
(บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ) และให้ความจุเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ที่เชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพิ่มเติมจาก ๒,๑๘๐ ล้านบาท
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๔. ในกรณีที่สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาอนุมัติให้
บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ Asia Direct Cable (ADC) ในแต่ละครั้งแล้ว
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4690 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เรื่อง การขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
และเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ
ให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ตามร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล
พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลรับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เช่น (๑) วัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียนควรมีขอบเขตที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง (๒)
จำนวนและองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนที่ได้มีการเพิ่มเติมไม่เป็นไปตามนัยมาตรา
๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๓) แหล่งเงินรายได้กองทุนมีการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐไม่ต้องนำเงินรายได้หรือเงินอื่นใดส่งคลัง
ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อนเสนอกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลควรจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนที่เหมาะสมและทันต่อเหตุการณ์
และควรพิจารณาทบทวนวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียนให้มีความชัดเจนและมีลักษณะเฉพาะเจาะจง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4691 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570) | นร.02 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางหลักของงานด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศภายใต้สถานการณ์ เงื่อนไข และบริบทการพัฒนาใหม่ของประเทศ โดยการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสื่อสารมวลชนของประเทศดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) โดยกำหนดแผนงาน โครงการ ตัวชี้วัดประจำปีให้สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการฯ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) แล้วนำแผนงาน โครงการ ตัวชี้วัดประจำปีดังกล่าวบรรจุเข้าสู่แผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ ในการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติในส่วนของการกำหนดเรื่องสื่อสารที่สำคัญของประเทศ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างการยอมรับคุณค่าของการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง หลากหลาย การเคารพสิทธิมนุษยชน การสร้างความเข้าใจในเรื่องสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แนวทางการแก้ไขปัญหาในประเด็นที่สังคมได้รับผลกระทบในวงกว้าง และเวทีระหว่างประเทศให้ความสนใจ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4692 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) | กษ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาศึกษาและปรับปรุงเป็นโครงสร้างถาวรเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า
และการใช้ประโยชน์ในอนาคต และจัดทำแผนการดำเนินงาน พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4693 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน กรณีแผนงานโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา จำนวน 3 โครงการ | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการแผนงานโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา จำนวน ๓ โครงการ
ในพื้นที่ป่าชายเลนในตำบลสุโสะ อำเภอปะเหลียน และตำบลทุ่งกระบือ อำเภอย่านตาขาว
จังหวัดตรัง และตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้
พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและการประปาส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น
ขอให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโครงการซึ่งต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นหรือไม่
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4694 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงกลาโหม | กห. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงกลาโหม
โดยกองทัพเรือนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๑ รายการ
โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก วงเงินทั้งสิ้น ๒,๔๘๐,๕๓๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงิน ๔๙๖,๑๐๖,๐๐๐ บาท
และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๖๙ วงเงิน
๑,๙๘๔,๔๒๔,๐๐๐ บาท ๑.๒
อนุมัติให้กองทัพเรือเสนอรายละเอียดคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เพิ่มเติม โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒ วงเงิน ๔๙๖,๑๐๖,๐๐๐ บาท
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๑.๓
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๑.๔
เห็นควรให้กองทัพเรือจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว
โดยการกำหนดวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของรายการ คุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์
ประมาณการราคา และผลการสอบราคาให้ชัดเจนครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมจำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตลอดจนคำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในปัจจุบัน
รวมถึงภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป เป็นลำดับแรกด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4695 | ร่างระเบียบสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ว่าด้วยการร่วมลงทุนในโครงการซึ่งนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... | อว. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
ว่าด้วยการร่วมลงทุนในโครงการซึ่งนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการที่นำผลงานและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์
เพื่อให้สถาบันการอุดมศึกษาของรัฐ
และหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจและวัตถุประสงค์ด้านการวิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่สำนักงานนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติประกาศกำหนด สามารถร่วมลงทุนกับภาคเอกชนเพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์
ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
โดยให้ตัดความว่า “หรือผ่านการตรวจพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย” ในร่างข้อ ๒๒
ออก ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรพิจารณาเนื้อหาให้สอดคล้องกับระเบียบว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรับและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการนำวิจัยผลงานและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดด้วย
และควรแก้ไขความว่า “จึงออกระเบียบไว้โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี
ดังต่อไปนี้” เป็น “ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้” เนื่องจากมาตรา ๓๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมฯ มิได้บัญญัติให้ออกระเบียบต้องกระทำโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจนในการนำไปบังคับใช้
โดยอาจออกแนวปฏิบัติสำหรับการบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวและชี้แจงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
ควรออกมาตรการในการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันวิจัยต่าง ๆ
ในประเทศ
มุ่งเน้นงานวิจัยและนวัตกรรมที่สอดคล้องตามความต้องการของภาคการผลิตและบริการ
รวมถึงแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างและกระจายประโยชน์ในภาพรวมให้แก่ประเทศมากยิ่งขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4696 | การขอจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ บ้านห้วยขาบใหม่ หมู่ที่ 8 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งหมู่บ้าน ตำบล กิ่งอำเภอและอำเภอ
เพื่อดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ บ้านห้วยขาบใหม่ หมู่ที่ ๘ ตำบลดงพญา
อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตอย่างเคร่งครัด
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ดังกล่าว
เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4697 | การให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G1/65 G2/65 และ G3/65 | พน. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้สิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๒ (๑) และวรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๓ มาตรา ๕๓/๑ และมาตรา ๕๓/๘
แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
แก่ผู้ขอสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต ๑.๑.๑
อนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 และ G3/65 ๑.๑.๒
อนุมัติให้บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G2/65 ทั้งนี้
กระทรวงพลังงานได้จัดทำร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตของทั้ง ๓ แปลงสำรวจข้างต้น ตามแบบ
ชธ/ป๑๒ ท้ายกฎกระทรวงกำหนดแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีอำนาจลงนามกับผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 G2/65 และ G3/65 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓
เห็นชอบให้ใช้ข้อกำหนดการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการในสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 G2/65 และ G3/65 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า
การดำเนินการในขั้นตอนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ G3/65 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จะต้องไม่ขัดต่อมาตรการทางกฎหมายที่กำหนดในกฎกระทรวงดังกล่าว
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4698 | การลงนามข้อตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกภายใต้โครงการการผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจรของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย | สกพอ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงโครงการการผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจรของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global
Environment Facility : GEF) ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) และมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามข้อตกลงรับการสนับสนุนฝ่ายไทย โดยเป็นที่ยอมรับระหว่างภาคีแล้วว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็มสำหรับลงนาม
รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับการดำเนินโครงการ
(Project Executing Entity) เพื่อดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
โดยร่างข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่ง
โดยยกระดับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการเสริมสร้างนโยบายที่เป็นกรอบกำกับดูแล
การเสริมสร้างศักยภาพและการแบ่งปันองค์ความรู้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตกระทรวงการต่างประเทศ เช่น (๑) หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ และ (๒)
ควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
เพื่อนำมาพัฒนาขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4699 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2566 - 2569) | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง)
แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙) จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการบริหารงานเพื่อการอำนวยความยุติธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
โดยยึดหลักนิติธรรม
โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ซึ่งมีกรอบการบริหารงานใน ๓ มิติหลัก ได้แก่ (๑) การสร้างความเป็นธรรมตามกฎหมาย (๒)
การพัฒนากระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล และ (๓)
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการบริหารงานยุติธรรม ๑.๒
ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน
รวมทั้งใช้เป็นกรอบแนวทางจัดทำและเสนอคำของบประมาณของหน่วยงานตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผน ๑.๓
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณสนับสนุนโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องและสนับสนุนมิติการบริหารงานและเป้าหมายของร่างแผนแม่บทฯ
และใช้เป็นแนวทางการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผน ๑.๔ ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานกิจการยุติธรรม)
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสาน
สนับสนุน และติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติ
และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เช่น การกำหนดตัวชี้วัดควรสะท้อนถึงการแก้ปัญหาที่ยังเป็นประเด็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรม
และการกำหนดค่าเป้าหมายที่มีความชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4700 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
โดยกำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารที่จะใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องดำเนินการตามที่กำหนดในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างของโรงแรม
ระบบป้องกัน และระงับอัคคีภัย ระบบทางหนีไฟ ลักษณะภายใน และภายนอกของอาคาร
และการนำอาคารลักษณะพิเศษมาใช้ประกอบธุรกิจโรมแรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|