ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 232 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4621 - 4640 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4621 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา และการเปิดทำการของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา (นายไมเคิล คริสโตเฟอร์ ลิน) | กต. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไมเคิล คริสโตเฟอร์
ลิน (Mr. Michael Christopher
Lyn) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา
ประจำสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจาเมกา สืบแทน นางทาเลีย เจรัลดีน ลิน (Ms. Thalia
Geraldine Lyn) และการเปิดทำการของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ
กรุงคิงส์ตัน จาเมกา ซึ่งได้ปิดไว้เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4622 | รัฐบาลสาธารณรัฐโปแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย (นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี) | กต. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี (Mr. Artur Dmochowski) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี (Mr Waldemar
Dubaniowski) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4623 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เรื่อง การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร) | นร.05 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ อนุมัติรับโอน พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่อง
จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ เรื่อง
การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร)
และให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่เดิมต่อไปอีกไม่เกินหนึ่งปี ตามมาตรา ๕๘
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4624 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์) | พณ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์
(นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4625 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (1. นายสิงหเดช ชูอำนาจ ฯลฯ จำนวน 7 คน) | รง. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน
จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายสิงหเดช ชูอำนาจ กรรมการ ๒. นายสมบัติ นิเวศรัตน์ กรรมการ ๓. นางสุภางค์ จันทวานิช กรรมการ ๔. นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว กรรมการ ๕. นายบวรนันท์ ทองกัลยา กรรมการ ๖. นายพิชัย ซื่อมั่น กรรมการซึ่งเป็นลูกจ้าง ๗. นายเกษม มหัทธนทวี กรรมการซึ่งเป็นนายจ้าง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4626 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (1. นายเธียรชัย ณ นคร ฯลฯ จำนวน 9 ราย) | นร.01 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ของราชการ
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเธียรชัย ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๒. ศาสตราจารย์นันทวัฒน์ บรมานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๓. นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๔. นายสิปป์บวร แก้วงาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๕. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๖. นายเชิดศักดิ์ หิรัญสิริสมบัติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๗. พลเอก ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๘. นางสาวธิดารัธ ธนภรรคภวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ๙. นายสุวิช สุทธิประภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4627 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (1. นายสมัย โชติสกุล ฯลฯ รวม 6 คน) | รง. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง
กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวม ๖
คน เนื่องจากประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง
กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมัย โชติสกุล ประธานกรรมการ ๒. นายวรพนธ์ ตันติวันรัตน์ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๓. นายเสน่ห์ สุขหล้า กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๔. นายนิคม เกษมปุระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายกฤษฎา ชัยกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายอำนวย ภู่ระหงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4628 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (นายโอภาส การย์กวินพงศ์ และนายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย) | สธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม
แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ จำนวน ๒ ราย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ประธานกรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข) ๒. นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย กรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4629 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (นายประสิทธิ์ วัฒนาภา) | อว. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประสิทธิ์
วัฒนาภา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเสนอ
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป โดยผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4630 | ร่างกฎกระทรวงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานสาธารณสุข และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.
๒๕๔๘ เพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบบัตรและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกำหนดให้การออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานดังกล่าวดำเนินการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4631 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | สม. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4632 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยมีผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑)
การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (มท.) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๗,๐๐๔,๕๖๒ คน (๒) การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๖ หน่วยงาน)
ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ จิตอาสาเฉพาะกิจ
และวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑,๒๘๐,๖๑๑ คน และ (๓) การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของโครงการในกิจการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
เช่น กิจกรรมอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และบำเพ็ญสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๒๘๙ ครั้ง
และโครงการที่ได้รับเงินพระราชทานบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติภาคใต้
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4633 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการกีฬาให้แก่ (๑)
การกีฬาแห่งประเทศไทย (๒) คณะกรรมการกีฬาจังหวัด (๓) สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด (๔)
สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย”
หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย
และ (๕) กรมพลศึกษา โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินบริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)
ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา
และร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้เพื่อจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยรับบริจาคสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาทุกแห่งใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation) ของกรมสรรพากร เพื่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคและหน่วยบริจาค ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4634 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2565 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ นโยบายของคณะกรรมการ รฟม. และโครงการและแผนงานของ รฟม.
ในอนาคต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ (ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) (๑) ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
เช่น ความก้าวหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี
(สุวินทวงศ์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
ช่วงลาดพร้าว-สำโรง งานก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้าร้อยละ ๙๘.๓๑ ๙๓.๐๔ และ ๙๖.๗๙ ตามลำดับ (๒) ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
เปิดให้บริการรถไฟฟ้าแล้ว ๒ เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม
โดยมีความพึงพอใจของผู้ใช้บริการร้อยละ ๘๙.๕๒ และ ๘๙.๖๒ ตามลำดับ (๓) ด้านการเงิน
เช่น ผลประกอบการกำไรสุทธิ ๑,๓๑๗.๖๓ ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ร้อยละ
๑๐๐ (๔) ด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล เช่น พนักงานร้อยละ ๙๖.๙๕
มีสมรรถนะตามมาตรฐานที่องค์กรกำหนด (เป้าหมายร้อยละ ๙๖.๖๑) และ (๕) ด้านการกำกับดูแลที่ดี
เช่น ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ของ รฟม. เท่ากับ ๙๓.๓๒ คะแนน (ปี ๒๕๖๔ เท่ากับ ๘๘.๐๑ คะแนน)
ซึ่งอยู่ในลำดับที่ ๒ ของรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ๒.
นโยบายของคณะกรรมการ รฟม. เช่น ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนด้วยความสะดวก รวดเร็ว
ปลอดภัย ตรงเวลา และราคาสมเหตุสมผล และเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่าง
ๆ ให้แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผน ๓.
โครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต เช่น
แผนพัฒนาระบบเชื่อมต่อเพื่อสนับสนุนการเดินทางต่อเนื่องหลายรูปแบบ
การพัฒนาระบบจอดรถอัตโนมัติ (Smart Parking)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4635 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกไปเป็นระยะเวลา
๖ เดือนเพื่อลดแรงกดดันต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ต้นทุนการผลิตสินค้า และภาระค่าครองชีพของประชาชน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติม
หรือการทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีสินค้าน้ำมันดังกล่าวควบคู่กับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่มีรายได้ต่ำและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4636 | รายงานผลการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น รัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.11 สศช | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
โดยมีข้อเสน ๘ ด้าน รวม ๖๑ ประเด็น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) เสนอ สรุปผลการดำเนินการได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินการในภาพรวม โครงการที่ดำเนินการไปแล้ว จำนวน ๘ ประเด็น
ส่วนใหญ่อยู่ในด้านการเยียวยา ฟื้นฟู และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓๗ ประเด็น
ส่วนใหญ่อยู่ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน
๑ ปี ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีการศึกษาออกแบบและการจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย
และโครงการที่อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๖ ประเด็น
เนื่องจากพบปัญหาอุปสรรคบางประการ เช่น ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ
และผู้เข้าร่วมโครงการยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการโครงการ ๒.
ผลที่ได้รับจากการดำเนินงาน เช่น
ยกระดับภาคการเกษตรไปสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูงโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการแปรรูปสินค้าเกษตร
พัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ๓.
ปัจจัยความสำเร็จที่มีผลต่อการดำเนินงาน เช่น
การดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนและบูรณาการกับทุกภาคส่วนในพื้นที่
และการมีกระบวนการที่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ๔.
ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานระยะต่อไป เช่น
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ
พัฒนาและแก้ไขปัญหาที่มาจากการเติบโตของความเป็นเมือง และสนับสนุนกรสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไก
กรอ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4637 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | ลต. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เป็นการเลือกตั้งทั่วไปของหน่วยงานสนับสนุน จากเดิม จำนวน ๑๐ หน่วยงาน เป็น จำนวน
๑๑ หน่วยงาน โดยเพิ่มกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อีก ๑
หน่วยงาน โดยปรับงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรี
กระทรวงศึกษาธิการ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน ๑๘,๓๖๒,๕๐๐ บาท
ขอปรับเป็น กระทรวงศึกษาธิการ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน ๑๖,๑๔๒,๕๐๐
บาท และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน ๒,๒๒๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4638 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินหรือรายจ่ายที่บริจาค
ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร สำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม
๔ กองทุน ที่กระทำได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ได้แก่
กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย
พัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินผลประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้
เช่น ผลการรับเงินบริจาคของกองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จำนวน ๔ กองทุน (กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม) การนำเงินบริจาคที่กองทุนดังกล่าวได้รับไปใช้ประโยชน์
และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามการดำเนินงานของกองทุนให้สามารถขับเคลื่อนงานวิจัยที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ
อาทิ การสนับสนุนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแปรรูป การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4639 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อคนต่อเดือน
เป็นระยะเวลา ๔ ปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ
รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปี
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดทำระบบการคัดกรองและออกใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดีจะช่วยสร้างโอกาสในการจ้างงานให้ผู้พ้นโทษ
และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการในการจ้างงานกลุ่มคนดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4640 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์) | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพสามิต)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าในการพิจารณาการขอรับสิทธิและการอนุมัติอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
กรมสรรพสามิตจะต้องให้ความสำคัญกับเงื่อนไขในการนำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปเป็นส่วนลดราคายานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|