ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 205 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4081 - 4100 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4081 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.12 | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมบนพื้นฐานทางธรรมชาติ
และแหล่งท่องเที่ยวไนท์ซาฟารี โดยให้ยกเลิกการโอนบรรดากิจการและทรัพย์สินของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน) ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และให้โอนไปเป็นขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้แทน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาถึงประเด็นความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยา
กรณีเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
ที่ไม่ประสงค์จะปฏิบัติงานในองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ ๓.
ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและสำนักงาน ก.พ.ร.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าเมื่อองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) ได้รับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วเสร็จ
จะต้องยื่นขอค่าเช่าอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป กพม.
ควรศึกษาความเป็นไปได้ในการโอนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗
รอบพระชนมพรรษา ที่อยู่ในการบริหารของกรมธนารักษ์
ไปเป็นขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) เป็นผู้บริหาร
หรือจัดตั้งองค์กรรัฐบาลรูปแบบอื่น
เพื่อรองรับการบริหารศูนย์ประชุมดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณาต่อไป และการดำเนินการในเรื่องนี้ควรดำเนินการตามกฎหมายด้วยความรอบคอบและสอดคล้องกับการจัดตั้งองค์การมหาชน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงภารกิจของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
รวมไปถึงควรกำหนดมาตรการหรือแนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับปัญหาต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้าน ติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การจัดตั้งองค์การไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
บรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานขององค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน)
ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4082 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ที่จังหวัดนราธิวาส | นร. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการที่ได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดไฟไหม้ตำบลมูโนะ
จังหวัดนราธิวาส พบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและกระจายเป็นวงกว้าง
ซึ่งนอกเหนือจากจะมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
รวมทั้งทรัพย์สิน
ข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตประจำวันก็เสียหายไปด้วย
จึงขอให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยให้รวดเร็ว
ทั่วถึง ตรงตามความเดือดร้อน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การจัดหาปัจจัยอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ
น้ำกินน้ำใช้ที่สะอาดปลอดภัยด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ละเลย บกพร่อง ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
โดยในภาพรวมขอให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสถานที่เก็บพลุ
ดอกไม้เพลิง วัตถุและสารไวไฟต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้หรือการระเบิดขึ้น
ให้อยู่ในพื้นที่/สถานที่ที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย เพื่อควบคุมและป้องกันมิให้เกิดปัญหาในทำนองเดียวกันอีก
และโดยที่กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตำบลมูโนะ
ดังกล่าวข้างต้นส่งผลกระทบรุนแรงมากทั้งต่อครอบครัว ประชาชน ที่อยู่อาศัย
ทรัพย์สิน และข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ รวมตลอดถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่
จึงขอให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
รับไปพิจารณาแนวทาง/มาตรการในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา/ชดเชยใด ๆ เพิ่มเติมให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยดังกล่าวข้างต้นอีกส่วนหนึ่งด้วย
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4083 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ. .... | สธ. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต
การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต
การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของผู้อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารที่มีหน้าที่และอำนาจในการวิเคราะห์หรือการศึกษาวิจัยทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ด้วย
และให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการพิจารณา เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการพิจารณาและอัตราค่าธรรมเนียมให้มีความเหมาะสม
รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดทำคู่มือสำหรับประชาขน ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดเงื่อนไขในการขยายระยะเวลาการพิจารณาดังกล่าว
เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตและต่ออายุใบอนุญาตมีระยะเวลาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ
และไม่ก่อให้เกิดการดำเนินการที่ล่าช้าเกินสมควรซึ่งสอดคล้องตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาการอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
และเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4084 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการค่าใช้จ่าย ในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวน ๒,๙๙๕,๙๕๗,๐๔๕.๕๙ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานระหว่างเดือนกรกฎาคม
๒๕๖๔-เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕
ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๒/๑๓๑๐๕ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖) เนื่องจากวงเงินที่อนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่าย
ในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๓ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่าย ในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ.
๒๕๖๓ ข้อ ๘ (๓) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4085 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 15 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร.11 สศช | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำ ครั้งที่
๑๕ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นประธานการประชุม
และได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐมาเลเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย
เลขาธิการอาเซียน และประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย ในประเด็นความก้าวหน้า
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และทิศทางการดำเนินงานในอนาคตของแผนงาน IMT-GT และเห็นชอบการมอบหมายภารกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยตามแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปและมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญ เช่น ความสำเร็จที่สำคัญของแผนงาน IMT-GT ในช่วง ๓๐ ปี ที่ผ่านมา ความก้าวหน้าโครงการความเชื่อมโยงทางกายภาพ
ความก้าวหน้าการดำเนินงานในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ ภายใต้แผนการดำเนินงานระยะ ๕ ปี
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ทิศทางการดำเนินงานในอนาคต พิธีเปิดแคมเปญปีแห่งการท่องเที่ยว
IMT-GT พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๘ เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงคมนาคม รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรพิจารณาเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงคมนาคม กรมการท่องเที่ยว
สายการบิน ภาคเอกชน หน่วยงานทางการท่องเที่ยวและธุรกิจการบิน ภาคการศึกษา
เพื่อศึกษาหาแนวทางและส่งเสริมการขยายเส้นทางการบิน ในพื้นที่อนุภูมิภาค IMT-GT เพื่อเปิดและเชื่อมโยงอนุภูมิภาค IMT-GT ให้เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงง่ายทั้งในการมาเยือนของนักท่องเที่ยว
นักลงทุน ทั้งในและนอกอนุภูมิภาค ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และควรให้การสนับสนุน
เพื่อช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้แผนงาน IMT-GT
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4086 | ตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPls) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.12 | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ดังนี้ ๑. ประเด็นนโยบายสำคัญ (Agenda) จำนวน ๕ ประเด็น
และห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ได้แก่ (๑)
การบริหารจัดการและอนุรักษ์พื้นฟูน้ำทั้งระบบ (๒) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (๓)
รายได้จากการท่องเที่ยว (๔) รายได้ของผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP
(๕) การลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ๒.
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมาย ๓. (ร่าง)
ตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
โดยมอบหมายให้ ก.พ.ร. เป็นผู้พิจารณาการกำหนดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย
และรายละเอียดของ Joint KPIs
โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนส่วนราชการ จังหวัด
และองค์การมหาชน ที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘ ๕. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจนำ Joint KPIs
ไปขับเคลื่อนหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจและส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ๖. ให้กรมบัญชีกลางนำ Joint KPIs
ไปขับเคลื่อนองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘ และทุนหมุนเวียนอื่นภายใต้ระบบการประเมินของกรมบัญชีกลาง
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ๗. ให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘ และไม่อยู่ในระบบการประเมินของกรมบัญชีกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ๆ นำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนภายในหน่วยงาน
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ๘.
ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายระดับชาติ ได้แก่
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่ชาตินำ Joint KPIs
เสนอแก่คณะกรรมการนโยบายระดับชาติที่เกี่ยวข้อง
เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสำคัญ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น
ในการกำหนดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และรายละเอียดของตัวชี้วัด ควรให้สำนักงาน ก.พ.ร.
หารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อให้ตัวชี้วัดมีรายละเอียดที่ครบถ้วน เหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบัน
และสามารถขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุตามค่าเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4087 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ทส. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายหลังวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
โดยสำหรับการกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักร
ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้ารับหน้าที่ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว
แต่ยังมิได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
ให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๖ ๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ....
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
สามารถอยู่และทำงานในราชอาณาจักรต่อไปได้ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรเร่งรัดเตรียมความพร้อมการดำเนินการตามแนวปฏิบัติการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐ
(MOU) ในด้านต่าง ๆ อาทิ
การตรวจสุขภาพ การทำประกันสุขภาพหรือขึ้นทะเบียนประกันสังคม
การจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และการจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
ให้แก่คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย และควรพิจารณาวิเคราะห์คนต่างด้าวในภาคการผลิตและบริการรายสาขา
และจัดทำแผนบริหารจัดการคนต่างด้าว เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องการอยู่และการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4088 | การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายประยงค์ ปรียาจิตต์) | ปปท. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเสนอรายชื่อ
นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อต่อคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
แทนนายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเดิม ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามพระราชบัญญัติมาตรการฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุตริต
พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4089 | ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้ง ประธานกรรมการรองประธานกรรมการ และกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน (กสอ.) พ.ศ. .... และการกำหนดค่าตอบแทนเบี้ยประชุม ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่และประโยชน์อย่างอื่นของ กสอ. และคณะอนุกรรมการ | คค. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศ เรื่อง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้ง ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน
(กสอ.) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการ กสอ.
เพื่อดำเนินการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทน เบี้ยประชุม
ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และประโยชน์
อย่างอื่นของคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน
และคณะอนุกรรมการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับเบี้ยประชุมรายเดือนของกรรมการ
กสอ. ซึ่งทำงานไม่เต็มเวลาให้กำหนดเพิ่มเติม
“หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย”
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน สำหรับปีงบประมาณถัดไปขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมดำเนินการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
หรือประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาว ตามมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับการกำหนดค่าตอบแทน เบี้ยประชุม
ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และประโยชน์อย่างอื่นของ กสอ. และคณะอนุกรรมการ
ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4090 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย (1. นายปริญญา ประหยัดทรัพย์ ฯลฯ จำนวน 4 คน) | มท. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย
จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายปริญญา ประหยัดทรัพย์ ๒. นายมูหมัดลูตฟี อุเซ็ง ๓. นายสมรรถ พุ่มอ่อน ๔. นายมนูญพันธ์ รัตนเจริญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4091 | การสิ้นสุดหน้าที่ของ นาย เอช. เอช. เอ็ม เรยกร๊อค กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครอัมสเตอร์ดัม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครอัมสเตอร์ดัม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็นการชั่วคราว | กต. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ นาย เอช. เอช. เอ็ม เรยกร๊อค
(Mr. H. H. M. Ruijgrok) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครอัมสเตอร์ดัม
ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ เนื่องจากถึงแก่กรรม ๒. การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครอัมสเตอร์ดัม
ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครอัมสเตอร์ดัม
ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์คนใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4092 | รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต (นายเอกอร์ วี. อีวานอฟ) | กต. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเอกอร์ วี. อีวานอฟ (Mr. Egor V. Ivanov) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สหพันธรัฐรัสเซีย
ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช
นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา ตรัง และยะลา สืบแทน นายวลาดีมีร์
วี. ซอสนอฟ (Mr. Viadimir V. Sosnov)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4093 | การรายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(Development Policy Loan : DPL) และการปิดบัญชีโครงการเงินกู้ DPL โดยโครงการเงินกู้
DPL มีจำนวน ๑๒๐ โครงการ วงเงินรวม ๔๒,๖๖๗.๔๒ ล้านบาท
แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๗๐ โครงการ วงเงิน ๑๗,๖๘๔.๙๙ ล้านบาท มีการเบิกจ่าย ๑๖,๘๒๐.๘๑ ล้านบาท
และ (๒) โครงการเงินกู้ DPL นอกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๕๐ โครงการ วงเงิน ๒๔,๙๘๒.๔๓ ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่เบิกจ่ายเงินกู้แล้วเสร็จ จำนวน ๔๕ โครงการ วงเงินการเบิกจ่าย
๒๑,๕๕๔.๓๖ ล้านบาท และโครงการที่ยุติโครงการ จำนวน ๕ โครงการ เนื่องจากคุณสมบัติของโครงการต่าง
ๆ ที่ได้ระบุไว้ในคำของบประมาณ มีคุณสมบัติที่ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แจ้งว่า ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
มีเงินคงเหลือในบัญชีเงินกู้ DPL เป็นศูนย์
โดยไม่มีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายเงินกู้โครงการเงินกู้ DPL แล้ว
สบน. จึงขอให้กรมบัญชีกลางปิดบัญชี
“เงินฝากเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ปิดบัญชีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4094 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๒ ปี ๒๕๖๖ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ โดยเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๗ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ จากแรงส่งภาคบริการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกลุ่มยุโรป
ขณะที่เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มขยายตัวภายหลังจากเปิดประเทศ
และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องโดยขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๖ และ ๓.๘ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ การบริโภคของภาคเอกชน ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๔.๔
และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มหดตัวลงเล็กน้อย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕ และร้อยละ ๒.๔ ในปี ๒๕๖๖ และ
๒๕๖๗ ตามลำดับ ๒.
ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลงจากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๔.๔๐ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน ๓.
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ กนง.
มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นร้อยละ ๒ ต่อปี
โดยเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4095 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ต่ออีกหนึ่งวาระ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4096 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด
ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว มีผลสรุปในภาพรวมว่า
กรมธนารักษ์ โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่นนทบุรี และบริษัท บ้านขวัญนนท์ จำกัด
ได้กำหนดแนวทางการให้สิทธิแก่ผู้ค้าขายรายเดิมให้ได้รับสิทธิอย่างเหมาะสมตามสมควรแก่กรณีแล้ว
และได้บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยด้วยแล้ว
รวมทั้งได้แก้ไขปัญหาระหว่างการก่อสร้างอาคารเพื่อลดผลกระทบระหว่างผู้ค้าขายกับผู้มีส่วนได้เสียเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4097 | รายงานผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานฐานะทางการเงินและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕-๒๕๖๕ กองทุนฯ
ได้บริหารเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ วงเงินรวม ๑,๑๑๕,๖๘๘.๑๖ ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนเพื่อให้กระทรวงการคลังนำไปสมทบการชำระหนี้
จำนวน ๖,๗๑๘.๗๗ ล้านบาท และได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน และงบการเงินต่อกรมบัญชีกลางทุกปี ๒.
ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กองทุนฯ ได้บริหารเงิน จำนวน ๕๘,๔๖๖.๘๐
ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๕.๔๐ ล้านบาท นอกจากนี้ กองทุน ฯ
มีผลประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๕ อยู่ที่ ๔.๙๖๗๕ คะแนน
จากคะแนนเต็ม ๕ คะแนน ๓.
ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4098 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี 2566 (Ministers Responsible for Trade Meeting 2023) | พณ. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๖ (Ministers Responsible for Trade Meeting
2023) ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน
สหรัฐอเมริกา โดยมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์)
เข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. ที่ประชุมฯ
ยืนยันให้การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี
เร่งรัดการปฏิบัติตามผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (World
Trade Organization : WTO) ครั้งที่ ๑๒ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕
และสนับสนุนให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการประชุมครั้งต่อไป โดยผู้อำนวยการใหญ่
WTO คาดหวังให้ประเด็นการค้าและการพัฒนาเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ดังกล่าว ๒.
ที่ประชุมฯ มีการนำเสนอนโยบายทางการค้าหรือมาตรการภายในที่สนับสนุนความยั่งยืนและส่งเสริมความครอบคลุม
เช่น การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro, Small and Medium Enterprises : MSMEs) ของสตรีและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่
ทั้งนี้ ไทยสนับสนุนให้สานต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว [Bangkok Goals on
Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy)] ๓.
ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีหรือบริการทางดิจิทัลในสาขาการชำระเงิน
แพลตฟอร์มทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการดำเนินการด้านโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนให้
SMEs สามารถเข้าสู่เศรษฐกิจโลกได้มากขึ้น ๔. เขตเศรษฐกิจเห็นพ้องกันในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุน
แต่เนื่องจากเหตุทางการเมืองระหว่างประเทศ (สงครามสหพันธรัฐรัสเซีย-ยูเครน) ที่ประชุมฯ
จึงไม่สามารถมีฉันทามติรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ ได้ จึงปรากฏเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
และมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในบางประเด็นซึ่งไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4099 | รายงานงบการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ของการยางแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้ว
เห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4100 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A สรุปได้ ดังนี้ (๑) พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู
และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน
๒๕๖๖ จำนวน ๙๘,๑๖๓ ล้านบาท
ซึ่งกระทรวงการคลังได้กู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวแล้ว
จำนวน ๖๓,๓๔๐ ล้านบาท ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A
ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง
ส่วนที่เหลือกระทรวงการคลังได้กู้เงินระยะยาวโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวนรวม
๓๔,๘๒๓ ล้านบาท และ (๒) กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง
เกี่ยวกับผลการกู้เงิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่ ๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|