ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 209 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4161 - 4180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4161 | ร่างกฎกระทรวง ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวม 2 ฉบับ | พณ. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวม ๒ ฉบับ ได้แก่
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการโฆษณาคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรณีบริษัทจำกัดมีหุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการโฆษณาคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรณีบริษัทจำกัดมีหุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ (หุ้นไม่ระบุชื่อ)
แทนการประกาศหนังสือพิมพ์ (แบบกระดาษ) ได้
ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการโฆษณาคำบอกกล่าวเชิญประชุมใหญ่
และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งผ็ประเมินราคา พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทจำกัดที่จะควบรวมบริษัทแต่งตั้งผู้ประเมินราคาที่เป็นคนกลาง
ในกรณีที่ผู้ซื้อหุ้นและผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบรวมบริษัทไม่สามารถตกลงราคากันได้
โดยให้ใช้ราคาตามที่ผู้ประเมินราคาเป็นผู้กำหนด
เพื่อให้เกิดความชัดเจนและให้กระบวนการควบรวมของบริษัทจำกัดสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่เห็นควรกำหนดให้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการโฆษณาอย่างน้อยที่สุดต้องให้บริษัทสามารถลงประกาศในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และกำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ประเมินราคาที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในร่างกฎกระทรวงเพื่อให้บริษัทสามารถแต่งตั้งบุคคลจากบัญชีรายชื่อดังกล่าวเป็นผู้ประเมินราคาได้
และการกำหนดให้ข้อความหรือเอกสารที่โฆษณาต้องเป็นเอกสารชุดเดียวกัน
หรือมีเนื้อหาเช่นเดียวกันกับที่ส่งให้แก่ผู้ถือหุ้น
กำหนดให้บริษัทต้องรวบรวมหลักฐานการโฆษณาและรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่มีการโฆษณา
รวมทั้งร่างกฎกระทรวงมิได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการนับระยะเวลา
และการมีผลของการลงโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต่างกับประกาศการโฆษณาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ฯ
ที่มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน จึงอาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์
เพื่อให้การดำเนินการของบริษัทจำกัดเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับบริษัทมหาชนจำกัด ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกำหนดให้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการโฆษณาอย่างน้อยที่สุดต้องให้บริษัทสามารถลงประกาศในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และกำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ประเมินราคาที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในร่างกฎกระทรวงเพื่อให้บริษัทสามารถแต่งตั้งบุคคลจากบัญชีรายชื่อดังกล่าวเป็นผู้ประเมินราคาได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4162 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... | กค. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี
วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะโลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐
ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4163 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ว่า เช่น การกำหนดให้ “การเกษตรสร้างมูลค่า”
เป็นเป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อนและเร่งรัดจัดทำแผนพัฒนาภาคการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ซึ่งมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง สำหรับให้ส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ
ควรจัดตั้งให้มีศูนย์ความเป็นเลิศ (Center
of Excellence) สำหรับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด
เพื่อให้เกษตรกรมีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์คุณภาพดี มีความหลากหลาย
และเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
โดยได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agriculture and Innovation Center : AIC)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตร จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยดินแห่งภูมิภาคเอเชีย (CENTER OF EXCELLENCE FOR SOIL
RESEARCH INASIA : CESRA)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางวิชาการด้านดิน
และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทรัพยากรดินอัจฉริยะ (Smart Soil Data Center) เพื่อเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลในระดับประเทศภูมิภาคเอเชียและนานาชาติ
ควรกำหนดให้จังหวัดเป็นเจ้าภาพในการจัดทำแผนงานหรือโครงการส่งเสริมเกษตร
โดยประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อประเมินศักยภาพของชุมชนและกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
เพื่อปรับปรุงระบบงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการ ได้มีการดำเนินการ เช่น
ได้จัดการประชุมชี้แจงการขับเคลื่อน BCG Model ด้านการเกษตรระดับจังหวัดด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
ให้แก่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
โดยนำไปบรรจุอยู่ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด (Project Bank) และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัด/กลุ่มจังหวัดต่อไป
และควรมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนในโครงการ
“การเกษตรสร้างมูลค่า” โดยให้สถาบันการเงินของรัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้แก่เกษตรกร
กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการประมง
เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4164 | การขออนุมัติให้ประเทศไทยยื่นประมูลสิทธิ์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 17 ในปี พ.ศ. 2568 (UCCN Annual Conference 2025) ณ จังหวัดเชียงใหม่ | วธ. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยยื่นประมูลสิทธิ์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก
ครั้งที่ ๑๗ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ (UCCN Annual Conference 2025) ณ จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรแล้วในโอกาสแรก
หากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4165 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... | สธ. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต
คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่เห็นว่าเพื่อลดภาระของผู้ขออนุญาตในการจัดทำสำเนาเอกสารหลักฐาน
ควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ และควรพัฒนาระบบการให้บริการออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ
และเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4166 | รายงานสรุปผลการดำเนินการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย | นร.12 | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย
ระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔-มีนาคม ๒๕๖๖ โดยได้ประชุมทั้งสิ้น ๑๐ ครั้ง
เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสำคัญอันจะเป็นส่วนสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
และมีความคืบหน้าที่สำคัญ ได้แก่
การช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถเข้าถึงกลไกการแก้ไขหนี้สินได้ง่ายและเป็นธรรมยิ่งขึ้น
การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่สำคัญเพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem)
ที่เอื้อให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงกลไกการไกล่เกลี่ยหนี้สิน และกำกับให้ธุรกิจสินเชื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบยิ่งขึ้น
และการเพิ่มเติมแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ตามที่คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4167 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลกำแพงแสน
ตำบลรางพิกุล ตำบลวังน้ำเขียว และตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาชุมชนกำแพงแสนให้เป็นเมืองน่าอยู่
เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัย และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
พัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป การคมนาคมขนส่ง บริการสาธารณะ และเมืองพักอาศัยน่าอยู่
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร
การปกครอง และพาณิชยกรรมในระดับอำเภอ
การส่งเสริมและการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยและสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรควบคู่กับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎ หรือระเบียบและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ควรคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
ควรให้ร่างประกาศผลดังกล่าวไม่ให้มีผลใช้บังคับกับกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมที่มีอยู่ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ประกาศฉบับดังกล่าว
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่
๒๒ (๒) การทอหรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อมให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านการเกษตรที่ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4168 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวมัทนา เจริญศรี) | นร.07 | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวมัทนา เจริญศรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ) สำนักงบประมาณ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ)
สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4169 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศ
ซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ มีจำนวนประเทศละไม่เกิน ๑๐๐
คน และคนต่างด้าวไร้สัญชาติมีจำนวนไม่เกิน ๕๐ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในห้วงที่ผ่านมาพบว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรจำนวนหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในประเทศไทย
และในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ
อันส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงของชาติในมิติต่าง ๆ ดังนั้น
ควรให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพฤติกรรมเชิงลึกของบุคคลให้เกิดความชัดเจน
เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคงและการแสวงโอกาสเพื่อการกระทำความผิดในรูปแบบต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4170 | การแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการหรือหน่วยงานอย่างอื่น หรือในระดับต่ำลงไปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ....) | ตช. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการในระดับกองบัญชาการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองบัญชาการ
โดยคงจำนวนส่วนราชการดังกล่าวไวว้เท่าเดิม จำนวน ๓๐ หน่วย
(ไม่มีส่วนราชการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ
ซึ่งโอนไปเป็นส่วนราชการในพระองค์ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์
พ.ศ. ๒๕๖๐
และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ.
๒๕๖๐) และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการหรือหน่วยงานอย่างอื่น
หรือในระดับต่ำลงไปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการหรือหน่วยงานย่างอื่น
หรือในระดับต่ำลงไป และกำหนดหน้าที่และอำนาจ
โดยคงจำนวนส่วนราชการดังกล่าวไว้จำนวนเท่าเดิม
และกำหนดเพิ่มเติมหน่วยงานที่มีระดับต่ำกว่ากองบังคับการ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าไม่ควรปรากฏ
“กองบังคับการตำรวจรถไฟ” ในร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๖๓ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่บัญญัติให้เมื่อครบหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ใช้บังคับ ให้กองบังคับการตำรวจรถไฟเป็นอันยุบ
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าไม่มีการกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจเพิ่มขึ้น
จึงไม่กระทบต่ออัตรากำลังในภาพรวมและไม่กระทบต่องบประมาณด้านบุคลากร
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรพิจารณาการปรับเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องตามภาระงานและความจำเป็น
และควรนำความเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
มาพิจารณาเป็นแนวทางประกอบการปรับปรุงร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฯ โดยกำหนดภารกิจ
หน้าที่และอำนาจของกรมเป็นหลัก และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในกรมให้สอดคล้องโดยจเขียนเท่าที่จำเป็น
ไม่ลงรายละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4171 | อุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks) ซึ่งยูเนสโกได้มีการตรวจประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยา
รวมทั้งตรวจประเมินภาคสนาม พบว่า อุทยานธรณีโคราชมีความสำคัญโดดเด่นระดับโลก
และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4172 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติมพ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๖ โดยอนุมัติให้จังหวัด
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ
eMENSCR ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เร่งรัดการดำเนินงานและต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
โดยในกรณีที่หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
ให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการเร่งเสนอเรื่องขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนข้อ
๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯเพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เร่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามข้อ ๒๒
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมทั้งจัดทำรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามหลักเกณฑ์
วิธีการ
และแนวทางในการประเมินผลผลิตและผลลัพธ์ของโครงการตามที่กระทรวงการคลังกำหนดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และข้อ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
เพื่อส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายที่มีบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓ เดือน
นับจากวันสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ และในกรณีที่หน่วยงานพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการ
แผนงาน/โครงการได้ตามเป้าหมาย ให้เร่งดำเนินการขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามขั้นตอนข้อ
๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4173 | การแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวรประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ | กต. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด
ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวไทย (Permanent Representative : PR) ประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม
(The Organisation of Islamic Cooperation : OIC) และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
(Gulf Cooperation Council : GCC) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
และควรสื่อสารถึงผลลัพธ์และประโยชน์จากการดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4174 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... | นร.10 | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนร่างกฎ
ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕
โดยตัดความ “ข้อ ๔.๑โรคทางกาย” และ “ข้อ ๔.๒ โรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood
Disorders) ที่ปรกฎอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่” ของร่างกฎ ก.พ. ออก ๒. อนุมัติร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามมาตรา ๓๖ ข.
(๒) ของร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ประกอบด้วย “(๑)
โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (๒) โรคติดยาเสพติดให้โทษ
(๓) โรคพิษสุราเรื้อรัง (๔)
โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังที่ปรากฎอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่”
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าการไม่กำหนดให้โรคจิต
หรือโรคอารมณ์ผิดปกติที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้องรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่
เป็นลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อบุคคลบางประเภทตามข้อเรียกร้องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่ให้ความในร่างข้อ ๔ (๔) “โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่”
ให้รวมถึงโรคทางกายและโรคจิต หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ
ที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วย โดยจะใช้ผลการตรวจโรคบุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการแพทย์ของ
ก.พ. กำหนด
ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้บุคคลดังกล่าวมีลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการ
เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานหน้าที่ ตาม (๔) ของข้อ ๔ ของร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.
จึงควรสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการตามเจตนารมณ์ของร่างกฎ
ก.พ. นี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4175 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ ๑) ด้านโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการดำเนินการ เช่น การเตรียมการเร่งรัดและสนับสนุนงานวิจัยพื้นฐาน
พัฒนา การผลิต และการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเตรียมการจัดตั้งงบประมาณในปี ๒๕๖๗
เพื่อเร่งรัดการสร้างความเข้าใจบุคลากรและชาวนา
และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยได้มีการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่ประเทศไทยสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมมูลค่าเพิ่มที่เป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มประเทศ
CPTPP ๒) ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อการเจรจา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภายในเพื่อจัดทำข้อสงวน
ข้อยืดหยุ่นและ/หรือระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ๓) ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตร
ได้มีการเร่งรัดดำเนินการในหลายประเด็น เช่น จัดการระบบการผลิต
ส่งเสริมการจัดทำโซนนิ่งพืชปรับเปลี่ยนที่นาในภาคกลางเป็นพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์โดยเบื้องต้นใช้พันธุ์ข้าว
กข๘๕ และ กข๘๗ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
๔) ด้านการปรับปรุงทางกฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ
พ.ศ.... เพื่อให้เกิดกลไกการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
และ ๕) ด้านการลงทุนที่ภาครัฐควรเร่งรัดให้การสนับสนุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนเตรียมการเข้าสู่
CPTPP ในด้านการเพิ่มศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา
การสร้างธนาคารพันธุกรรม การผลิต การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕
และได้ดำเนินการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นตามกรอบข้อเสนอ ข้อสงวน ข้อยืดหยุ่น ระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณี
CPTPP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(ประเด็นด้านพันธุ์พืช)
รวมทั้งได้เผยแพร่เพื่อรับฟังความเห็นบนเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตรแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4176 | ผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ | พน. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
รอบ ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๖๕ และเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๕
และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องตามแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม๒๕๖๕ (เรื่อง มาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ)
โดยกำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานลงร้อยละ ๒๐
พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานฯ ในเว็บไซต์ www.e-reportenergy.go.th เป็นประจำทุกเดือน แล้วให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานนโยบายและพลังงานทำหน้าที่กำกับดูแลและรวบรวมข้อมูลการใช้พลังง่านของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมเสนอนายกรัฐมนตรี
โดยปรับรอบการรายงานผลการดำเนินงานฯ จากเดิม รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส
เป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุก ๖ เดือน (เดือนตุลาคม-มีนาคมและเดือนเมษายน-กันยายนของทุกปี)
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. โดยให้กระทรวงพลังงานเร่งประสานสำนักงบประมาณในการพิจารณาแนวทางที่จะสนับสนุนให้หน่วยงานต่าง
ๆ
สามารถจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
และเร่งรัดให้ที่ทำการปกครองอำเภอ สถาบันอุดมศึกษา และรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลการดำเนินการไม่ถึงร้อยละ
๕๐ ของหน่วยงานทั้งหมดในแต่ละกลุ่มรายงานผลให้ครบถ้วน
โดยประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง ๓ กลุ่มดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4177 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.
๒๕๔๙ โดยกำหนดให้เด็กที่ใช้พืชกระท่อม กัญชา กัญชง
หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพืชกระท่อม กัญชา และกัญชงในลักษณะสารเสพติด
เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิด
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรมีการกำหนดให้ครอบคลุมว่า
การใช้ในรูปแบบใดจึงจะเป็นการใช้ในลักษณะสารเสพติด
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4178 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2555) | มท. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
(สีเขียว) บางส่วน เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง)
โดยให้มีระยะถอยร่นตามแนวขนานเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ๑๐๐ เมตร
รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดและบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว)
บริเวณหมายเลข ๔.๒๖ ในโรงงานลำดับที่ ๖๔ (๑) (๑๒) (๑๓) ให้สามารถดำเนินการได้ในโรงงานจำพวกที่
๓ ตลอดจนปรับปรุงรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐในปัจจุบันที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกษตร (Agritech) และเทคโนโลยีอาหาร (Food Tech) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4179 | กำหนดวันและเวลาประชุม และวันเริ่มสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง | สผ. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่
๑ ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
ที่ประชุมมีมติกำหนดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สัปดาห์ละ ๒ วัน คือ
ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี และมีมติกำหนดเวลาประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยให้เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา เป็นต้นไป และกำหนดให้วันที่ ๑๒
ธันวาคม เป็นวันสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ ๒ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4180 | รายงานสถานะการดำเนินงานตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว | สกมช. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี
นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เพื่อให้การจัดทำกฎหมายลำดับรองมีประสิทธิภาพ
ถูกต้อง ครบถ้วน และสอดคล้องตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด
และสอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|