ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 201 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4001 - 4020 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4001 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 14 (Ramsar COP 14) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๔ (Ramsar COP 14) และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ แบบผสมผสาน ณ
นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีการร่วมรับรองปฏิญญาอู่ฮั่น
(Wuhan Declaration) ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่เน้นย้ำว่าการอนุรักษ์
การฟื้นฟู และการใช้พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของอนุสัญญาฯ ที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
และความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ และได้รับรองข้อมติ จำนวน
๒๒ เรื่อง และได้เลื่อนข้อมติ จำนวน ๒ เรื่อง
ไปพิจารณาในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปี
๒๕๖๘ (สาธารณรัฐซิมบับเวเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม) โดยข้อมติที่ได้มีการรับรองดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบความร่วมมือในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและยับยั้งการสูญหายของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก
ตลอดจนเพื่อให้ประเทศภาคีอนุสัญญาดังกล่าวนำไปใช้เป็นแนวทางดำเนินงาน
และเพื่อให้มีการบูรณาการให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานของไทยทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรจัดทำรายการพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติอย่างเป็นระบบ
พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนตามเกณฑ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
และมีการดำเนินงานที่บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้พิจารณาปรับแก้ข้อความข้อมติเกี่ยวกับการศึกษาพื้นที่ชุ่มน้ำในภาคการศึกษาในระบบ
เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4002 | รายงานประจำปี 2565 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของกองทุนการออมแห่งชาติ
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์
ของ กอช. พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์ที่ ๒
มุ่งบริหารเงินลงทุนและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ยุทธศาสตร์ที่ ๓
ถ่ายทอดค่านิยมสังคมการออมด้วยภาพลักษณ์ที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล และยุทธศาสตร์ที่ ๔
มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง (๒)
แผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๖ จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของ กอช. ระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินคำของบประมาณที่เสนอขอรับการจัดสรรจำนวน ๑,๒๑๒.๘๙๕๑ ล้านบาท และเป้าหมายสมาชิกสะสมเป็น ๒.๕๔ ล้านคน (๓)
รายงานการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยคณะกรรมการ กอช.
ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการของ กอช. เช่น
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของ กอช. (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และแผนปฏิบัติการประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมายขององค์กร การดำเนินการตามหลักในการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล
๘ ประการ ดำเนินการตามนโยบายการลงทุน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุน (Investment
Policy and Guideline) ที่คณะกรรมการอนุมัติ ทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
และคู่มือการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน เป็นต้น และ (๔)
รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปี ๒๕๖๕ สิ้นสุด ณวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยภาพรวมมีสินทรัพย์และรายได้รวมเพิ่มขึ้น
จากค่าธรรมเนียมในการรับสมัครสมาชิกและการส่งเงินออมของสมาชิก
มีหนี้สินรวมและค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น
จากค่าใช้จ่ายของบุคลากรและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ รายงานประจำปี ๒๕๖๕
ของกองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจแล้ว
อันเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4003 | การพิจารณารับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 | วธ. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิกเป็นวัดคาทอลิก
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๔๙ วัด
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4004 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร
ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามร่างเอกสาร
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ความเห็นชอบต่อเลขาธิการอาเซียนในการลงนามร่างเอกสารในนามของอาเซียน
โดยร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
มีสาระสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศสมาชิกอาเซียนที่มุ่งเสริมสร้างให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโต
โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของมนุษย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งท ๔๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๑ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4005 | การร่วมรับรองเอกสารแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน (2566-2570) [Plan of Action for the Promotion of Inclusive Business in ASEAN (2023-2027)] | นร.53 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน
(2566-2570) [Plan of Action for the Promotion of Inclusive
Business in ASEAN (2023-2027)]
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
และผู้อำนวยการสำนักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองเอกสารแผนปฏิบัติการฯ
ในการประชุมสุดยอดธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๖
และการประชุมรัฐมนตรีระดับสูง ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยแผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารเพื่อกำหนดแนวทางและจัดลำดับความสำคัญสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
โดยครอบคลุม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การสนับสนุนให้คำปรึกษาด้านนโยบาย (๒) การพัฒนาธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและยั่งยืน
การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และ (๓) ศูนย์องค์ความรู้ด้านธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากของอาเซียน
ตามที่สำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างครบวงจร
และควรประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap)
การส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย
รวมถึงผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4006 | การรับรองร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative "Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative
"Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างเอกสารทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานบริหารจัดการวิกฤติสิ่งแวดล้อมโลก
การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกอาเซียน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีบนพื้นฐานของความตกลงร่วมกันด้านการเงินและการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน
บนหลักการที่สอดคล้องและบูรณาการกับวิสัยทัศน์อาเซียนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการดำเนินงานของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ
ภาระผูกพัน และผลกระทบต่าง ๆ
บนหลักการต่างตอบแทนและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4007 | กรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ นครแวนคูเวอร์
ประเทศแคนาดา และเห็นชอบในหลักการเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global
Biodiversity Framework Fund โดยกรอบท่าทีฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่กองทุนสิ่งแวดล้อมโลกทำหน้าที่เป็นกลไกทางการเงิน
การสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาแล้วและแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ
การเห็นชอบในหลักการต่อการปรับแก้ไข Instrument for the Establishment of a
Restructured Global Environment Facility ตามข้อเสนอของที่ประชุมคณะมนตรีกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔
เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการเห็นชอบในหลักการต่อการจัดตั้งกองทุน Global Biodiversity Framework
Fund เพื่อสนับสนุนเป้าหมายกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามข้อมติที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๕
ที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองข้อมติดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global Biodiversity Framework
Fund ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4008 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี พ.ศ. 2565 และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี พ.ศ. 2565 | กค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑) รายงานการประเมินผลฯ ปี ๒๕๖๕ พบว่า
ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิเกี่ยวกับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสูงสุดที่ (ร้อยละ
๙๘.๖๘) และส่วนใหญ่มีการใช้วงเงินเกือบเต็มจำนวนในคราวเดียวกัน รองลงมาคือ
ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (ร้อยละ ๒๔.๔๘) ในขณะที่สวัสดิการอื่น ๆ
มีจำนวนผู้ใช้สิทธิน้อย โดยเฉพาะสวัสดิการค่าโดยสารสาธารณะ เนื่องจากมีข้อจำกัด
เช่น ประเภทรถโดยสารที่ใช้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวนน้อย
การกำหนดวงเงินแยกรายประเภทรถโดยสารทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูญเสียวงเงินรถโดยสารสาธารณะในส่วนที่ไม่ได้ใช้
ทั้งนี้ ในภาพรวมเกิดผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าต้นทุน จำนวน ๒๖,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท (๒) รายงานการสำรวจความพึงพอใจฯ
พบว่า กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ว่างงาน ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีอายุมากกว่า
๖๐ ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจในสวัสดิการที่ได้รับมากที่สุด
โดยรูปแบบสวัสดิการที่มีความพึงพอใจ คือ
ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์
และหนังสือพิมพ์เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้น้อยที่สุด
ซึ่งอาจมาจากข้อจำกัดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร
และเห็นว่าควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านช่องทางโทรทัศน์
วิทยุ หรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4009 | ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management)
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรอง (Adoption) ร่างแผนปฏิบัติการฯ
โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบแนวทางการประสานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในการลดผลกระทบทางลบจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4010 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๘ (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ
(Endorsement) (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (Adoption)
(ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดย (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ที่มุ่งดำเนินการบรรลุเป้าหมายของกรอบอนุสัญญาฯ
และความตกลงปารีสอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การปรับตัวต่อผลกระทบด้วยกลไกทางการเงินและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4011 | การร่วมรับรองร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก: ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models: Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) | นร.53 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก:
ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models :
Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) และอนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมสุดยอดธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรี ระดับสูง
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสนับสนุนการดำเนินการในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม
โดยพิจารณาจากบริบทของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4012 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย และการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัดของจังหวัดภูเก็ต | สม. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัดของจังหวัดภูเก็ต
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
สิทธิในการจัดการที่ดินของรัฐและสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐแต่ละประเภท
การแยกสิทธิในการจัดการที่ดินและสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะออกจากกัน
อาจทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารจัดการที่ดินของหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินแต่ละประเภท
ดังนั้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบให้สอดคล้องกับหลักการเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนกรณีเร่งรัดการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
กรณีปัญหาการจัดให้มีสาธารณูปโภคในระหว่างการแก้ไขปัญหาที่ดิน
การจัดให้มีโฉนดชุมชน
และการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทุกประเภทได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดการที่ดินทำกินให้กับชุมชนในรูปแบบโฉนดชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4013 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล | นร.54 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
สำนักนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทยกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม
แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
และอนุมัติในหลักการ ก่อนที่จะมีการลงนาม และอนุมัติให้รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค
โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
เป็นความตกลงงที่ไม่มีผลทางกฎหมาย จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเสนอ
โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม รวมทั้งให้ปรับแก้ไขชื่อและการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
ตามความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4014 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ
และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... คืนไปได้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4015 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 30 [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN
Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [30th ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC)
Council Meeting] ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
สำหรับการประชุมดังกล่าวในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความชื่นชมสาธารณรัฐอินโดนีเซียสำหรับความมุ่งมั่นในการเป็นประธานอาเซียน
ภายใต้หัวข้อหลัก “อาเซียนเป็นศูนย์กลาง สร้างสรรค์ความเจริญ”
การรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมถึงการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประชาคมอาเซียนและองค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4016 | ร่างเอกสารสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 41 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑ (๒)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑
ว่าด้วยความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงระหว่างกัน (๓)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น
และเกาหลี) ครั้งที่ ๒๐ (๔) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๗ และ (๕) ร่างถ้อยแถลงร่วมของโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ ๔
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองเอกสารสำหรับการประชุมดังกล่าวในช่วงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๔๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างเอกสารทั้ง ๕ ฉบับดังกล่าว
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก และประเทศคู่เจรจา ตามลำดับ
ในการส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงทางพลังงานระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้านพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๕
ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4017 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการัง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวได้ทราบมาตรการตามประกาศอย่างทั่วถึง
ต้องคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่าตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ
และให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4018 | ความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 | คค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย
และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๓๐
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ผ่านระบบการประชุมทางไกล สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ความก้าวหน้าโครงการฯ เช่น รถไฟความเร็วสูง ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพฯ-นครรราชสีมา
โดยมีสัญญาการก่อสร้างงานโยธา ๑๔ สัญญา มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ๑ สัญญา ได้แก่
สัญญา ๑-๑ กลางดง-ปางอโศก อยู่ระหว่างก่อสร้าง ๑๐สัญญา
และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ๓ สัญญา และ (๒)
ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๓๐
มีสาระสำคัญ เช่น ไทยได้นำเสนอความก้าวหน้างานโยธาโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ ๑
ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งงานโยธาส่วนใหญ่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว
และได้นำเสนอความก้าวหน้าและแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระยะที่ ๒
นครราชสีมา-หนองคาย ว่าได้ออกแบบรายละเอียดงานโยธาแล้วเสร็จ นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์
โดยเห็นชอบให้มีการจัดประชุมไตรภาคีระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน
เพื่อหารือรายละเอียดต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4019 | ขอความเห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค ครั้งที่ 11 | คค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
มติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ส.ยืนยัน ๑๘๒๐๖/๖๖ เรื่อง ขอความเห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค
ครั้งที่ ๑๑ คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค ครั้งที่ ๑๑
ก่อนกระทรวงคมนาคมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยถ้อยแถลงของประธานฯ
มีสาระสำคัญ เช่น เน้นย้ำความมุ่งมั่นต่อวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. ๒๐๔๐
การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเอาทีอารอ และเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เน้นบทบาทสำคัญของภาคคมนาคมขนส่ง
และชี้แนะให้คณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปคมีส่วนร่วมในการประชุมและการดำเนินงานในอนาคต
ในประเด็นห่วงโซ่อุปทานและการเชื่อมต่อ สภาพภูมิอากาศ
ความครอบคลุมและความเท่าเทียมเพศสภาพ นวัตกรรม และความมั่นคงระดับโลก ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการแนวทางการดำเนินงานและแสวงหาความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมระหว่างสาขาความร่วมมือต่าง
ๆ ในเวทีเอเปคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างอนาคตที่เปิดกว้าง มีพลวัต
ยืดหยุ่น และสงบสุขสำหรับทุกคน เพื่อบรรลุเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการสนับสนุนให้เขตเศรษฐกิจต่าง
ๆ ร่วมมือกับภาคการขนส่งและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
โดยสร้างความตระหนักรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับการใช้ระบบขนส่งที่ผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ร่วมด้วย
และให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่ง
การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง
และการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4020 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 | นร.11 สศช | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี
๒๕๖๖ และแนวโน้มปี ๒๕๖๖ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวร้อยละ ๑.๘
ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ (%YoY)
และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๖
ขยายตัวจากไตรมาสแรกปี ๒๕๖๖ ร้อยละ ๐.๒ (%QoQ)_SA) รวมครึ่งแรกของปี
๒๕๖๖ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๒ ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๐
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุโภคบริโภคภาคเอกชน
การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยคาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนรวมจะขยายตัวร้อยละ
๕.๐ และร้อยละ ๑.๖ ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๑.๗-๒.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๒ ของ GDP ๓.
ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๖ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและติดตามป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก
(๒) การักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ (๓)
การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง (๔) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร
(๕) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า และ (๖) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน
|