ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 210 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4181 - 4200 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4181 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
(คกง.) ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ โดย คกง.
มีมติเกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๖ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ จังหวัด รวม ๒ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๒๒.๘๘๕๐
ล้านบาท ได้แก่ ยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๑ จังหวัด (จังหวัดน่าน) จำนวน ๑
โครงการ และขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๑
จังหวัด (จังหวัดตรัง) จำนวน ๑ โครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการ คกง. เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงมหาดไทยควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4182 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) พ.ศ. .... ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6 : L6) และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) รวม 3 ฉบับ | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก
(Numbers ๓ : N๓)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากฯ N๓ เพื่อเป็นเงินสมทบเงินรางวัลในงวดถัดไปแต่ไม่เกินหนึ่งงวด
และหากการออกรางวัลงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบรางวัลในงวดก่อนหน้านำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก
(Lottery ๖
: L๖) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ
L๖ เช่น เป็นสลากฯ ประเภทไม่สมทบเงินรางวัล (งวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล
ให้นำเงินรางวัลส่งเป็นรายได้แผ่นดิน) ประกอบด้วยตัวเลข ๖ หลัก ตั้งแต่
๐๐๐๐๐๐-๙๙๙๙๙๙ (กำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า)
และมีวิธีการจำหน่ายทั้งรูปแบบใบและรูปแบบดิจิทัล และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers ๓ : N๓) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ N๓
เช่น เป็นสลากฯ ประเภทสมทบเงินรางวัล (สมทบได้ไม่เกิน ๑ งวด
หากไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบเงินรางวัลในงวดก่อนหน้าส่งเป็นรายได้แผ่นดิน)
ประกอบด้วยตัวเลข ๓ หลักตั้งแต่ ๐๐๐-๙๙๙ (ไม่กำหนดหมายเลขไว้ในระบบล่วงหน้า
ผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลขได้ตามต้องการ) และมีวิธีการจำหน่ายเป็นแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ สลากฯ L6 และสลากฯ N๓
จะมีการออกรางวัลทุกวันที่ ๑ และวันที่ ๑๖ ของเดือน หรือตามวันที่สำนักงานสลากฯ
กำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดสรรเงินได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักในแต่ละงวดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานไม่เกินร้อยละ
๑๗ นั้น
ควรมีการปรับลดอัตราการจัดสรรเพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับการจำหน่ายซึ่งเป็นรูปแบบดิจิทัลแล้ว
โดยอาจนำไปเพิ่มในส่วนของการจัดสรรเงินได้ที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการดำเนินการช่วยเหลืองานภาคประชาสังคมและชุมชนที่เข้มแข็งต่อไป
และควรระมัดระวังรูปแบบทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์
ซึ่งไม่ควรเป็นการสร้างแรงจูงใจในการซื้อสลากโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4183 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในอัตราไม่เกิน ๑๓,๑๑๖ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ
๒.๕ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๖๘,๒๐๘ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙๒๐๕ อัตรา ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๖๐,๗๑๙ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๙๑๑ อัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งให้พิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาบำเหน็จความชอบดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรงก่อนเป็นลำดับแรก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4184 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
ทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ซึ่งออกตามความในมาตรา ๕ และตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองการบินภายในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เรื่อง
กำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เปิดทำการได้ ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมสันทนาการที่จำเป็นและเหมาะสมในพื้นที่ดังกล่าวให้มีศักยภาพสามารถรองรับนักธุรกิจ
ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยว และผู้ใช้บริการสนามบิน ประกอบกับมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖
ที่บัญญัติให้การกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าในด้านมิติสังคมประกอบเพิ่มเติม
เช่น ความปลอดภัยในการขนส่ง ความปลอดภัยทางทรัพย์สิน มลพิษทางเสียงและขยะ เป็นต้น ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดบริการตลอด
๒๔ ชั่วโมง ของสถานบริการบางประเภท
และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมของสถานบริการในพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามหลักสากล
และมีการควบคุมด้านกายภาพที่เป็นรูปธรรม
รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐานสากลของสนามบินระดับโลก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4185 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ พ.ศ. .... | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
(Strategic Environmental Assessment : SEA) ตามประเภทของแผน เช่น คมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุล และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาประเทศตามประเภทของแผนที่กำหนด ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้
ควรเพิ่มประเภทแผนที่ต้องจัดทำ SEA และควรระบุนิยามแต่ละประเภทของแผนที่เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ควรพิจารณาความสัมพันธ์ของแผนที่เชื่อมโยงกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจส่งผลได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด
รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ควรให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางการประเมินที่ชัดเจนครอบคลุมมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับบริบทภารกิจระดับโลก ระดับประเทศ และระดับพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดทำประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับโครงการหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการจัดทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพด้วย
เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ของหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เกิดความล่าช้า ๓. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน ที่เห็นว่าสำนักงบประมาณต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่จะต้องดำเนินการ
SEA
สามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4186 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดินและร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) โอนทรัพย์สินของโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) (LMPT2) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้แก่บริษัทร่วมทุนใหม่ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด | พน. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ
ตามประมวลกฎหมายที่ดินที่เกิดจากการก่อสร้าง การจัดตั้งบริษัทฯ
และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการร่วมทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในบริษัทอันเนื่องมาจากโครงการ LNG Receiving Terminal
(แห่งที่ ๒) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จากร้อยละ ๒
เหลือร้อยละ ๐.๐๑ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4187 | การตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร.09 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการตรวจพิจารณาและข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะพิเศษ)
เกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๙
และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ รวม ๔ ฉบับ
ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของกรุงเทพมหานครใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น
ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานเมืองพัทยาใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4188 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน) | นร 05 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
ราย นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4189 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.05 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
สังกัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๓ ราย ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๐
กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ๒.
นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ ๓.
นางนัทีวรรณ สีมาเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4190 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2565 สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส 4 | นร.53 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๕
สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส ๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
สถานการณ์ MSME ปี ๒๕๖๕ GDP
ของ MSME ปี ๒๕๖๕ มีมูลค่า ๑,๖๐๔,๔๘๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ ด้านการส่งออก มีมูลค่า ๓๐,๕๐๘.๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๖.๐
ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓๔,๘๕๗.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลดลงร้อยละ ๑.๙ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME
อยู่ที่ ๕๕.๗ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ ๕๓.๘
และสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME ในระบบประกันสังคม ๔๑๕,๐๐๖ แห่ง และมีการจ้างงาน
รวม ๔,๐๗๔,๒๔๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๒๔
และ (๒) สถานการณ์ MSME เดือนมกราคม ๒๕๖๖ เช่น ด้านการส่งออก
มีมูลค่า ๒,๓๙๕.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๒๒.๑ ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓,๑๙๖.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๖
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME อยู่ที่ ๕๓.๙
โดยปรับตัวลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบและลดลงในภูมิภาคและสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ
MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME
ระบบประกันสังคม ๔๑๑,๖๗๐ แห่ง และมีการจ้างงานรวม ๔,๕๔๒,๓๓๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๑๕ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4191 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสถาพร เที่ยงธรรม ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | วธ. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นายสถาพร เที่ยงธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสำรวย นักการเรียน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางรักชนก โคจรานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4192 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายณรงค์ งามสมมิตร) | พณ. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณรงค์ งามสมมิตร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับสูง] กองกฎหมาย
กรมการค้าภายใน ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4193 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสถาพร บุญประเสริฐ และนายไสว โชคเจริญเลิศ) | นร.06 | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นางสาวสถาพร บุญประเสริฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ ปรึกษา
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖ ๒. นายไสว โชคเจริญเลิศ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4194 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายจิตรพรต พัฒนสิน ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | นร.09 | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย
ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์และมีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นายจิตรพรต พัฒนสิน ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. นางสาวนริศรา แดงไผ่ ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. นางสาวจีรภัทร์ การประเสริฐกิจ ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา
๔. นายชนิสร์ คล้ายสังข์ ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4195 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์โรมาเนียประจำเมืองพัทยาและการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์โรมาเนีย ณ จังหวัดชลบุรี คนใหม่ (นายพีรพล จินดาศิริโรจน์) | กต. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
รับทราบการพ้นตำแหน่งของ นายอโนทัย อุเทนสุต
กงสุลกิตติมศักดิ์โรมาเนียประจำเมืองพัทยา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
เนื่องจากไม่ประสงค์ต่ออายุการดำรงตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4196 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองคอรัลเกเบิลส์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา (นายหลุยส์ สตินสัน จูเนียร์) | กต. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองคอรัลเกเบิลส์
รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ของ นายหลุยส์ สตินสัน จูเนียร์ (Mr. Louis Stinson Jr.) ตั้งแต่วันที่
๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ โดยไม่สรรหากงสุลกิตติมศักดิ์รายใหม่เพื่อดำรงตำแหน่งแทน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4197 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูงกลับเข้ารับราชการ (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) | นร.05 | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง
การบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูงกลับเข้ารับราชการ
ราย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4198 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. 2565 | ทส. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
สถานภาพและสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง (๒)
สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง ของ ๒๔ จังหวัดชายทะเล
(๓) สาเหตุความเสื่อมโทรมและผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง
(๔) ผลการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๕)
พื้นที่สำคัญที่มีประเด็นปัญหาเร่งด่วนในการบริหารจัดการ และ (๖)
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4199 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งมีประเด็นข้อสังเกตฯ ดังนี้ (๑)
สภาสถาปนิกควรผลักดันให้ประเทศต้นทางมีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติตามกฎหมายของสถาปนิกจากประเทศของตน
และควรผลักดันให้มีการนำประเด็นเรื่องความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไปหารือและระบุไว้ในความตกลงระหว่างประเทศให้ชัดเจนด้วย
โดยสภาสถาปนิกจะดำเนินการผลักดันให้เกิดแนวปฏิบัติในกลุ่มประเทศอาเซียนและกลุ่มประเทศอื่น
ๆ โดยกำหนดให้ประเทศต้นทางมีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติตามกฎหมายของสถาปนิกจากประเทศของตนเพื่อประโยชน์ของประเทศสมาชิกในการดำเนินการให้เป็นไปตามความตกลง
(๒) คณะกรรมการจรรยาบรรณควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการจรรยาบรรณให้เหมาะสมโดยกำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาวินิจฉัยให้ชัดเจน
และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อรองรับภารกิจการดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณด้วย
โดยสภาสถาปนิกจะดำเนินการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการสภาสถาปนิก
ว่าด้วยการพิจารณาและวินิจฉัยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสถาปัตยกรรมให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
และ (๓) สภาสถาปนิกควรพิจารณาปรับปรุงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมโดยกำหนดให้ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการออกหลักฐานรับรองการได้รับใบอนุญาตมีอัตราที่แตกต่างกันและแยกตามระดับความสำคัญของเอกสาร
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4200 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2564 | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ เป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
ข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
และบทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.
๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|