ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 210 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 4181 - 4200 จากข้อมูลทั้งหมด 124436 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4181 | การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารของส่วนราชการของรัฐที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน | นร. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า
การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารของส่วนราชการของรัฐควรต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น
การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
และการเลือกใช้วัสดุที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นตามความเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4182 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | สม. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ
จำนวน ๓ คัน ประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (ปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๒,๐๐๐ ซีซี อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๒๑,๙๐๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๑ คัน และรถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง
(ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า ๒,๔๐๐ ซีซี)
อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๒๔,๗๕๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๒ คัน
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๑ ระยะเวลา ๕ ปี
ภายในกรอบวงเงิน ๔,๒๘๔,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๘๕๖,๘๐๐ บาท ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4183 | การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 4 วรรคสอง (มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | นร.05 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อถือปฏิบัติต่อไป
จำนวน ๑๙ มติ ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘ มาตรา ๔ วรรคสอง ที่บัญญัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีที่เข้าบริหารราชการชุดใหม่พิจารณายืนยันหรือยกเลิกภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4184 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | สขค | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า วงเงินรวม ๔๗๐.๗๐๓๙ ล้านบาท
เพื่อบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้
การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ หมุดหมายที่ ๗ ให้ประเทศ ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้
โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญ เช่น
การติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาดและพฤติกรรมการประกอบธุรกิจอย่างใกล้ชิดเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรูปแบบธุรกิจและตลาด
โดยเฉพาะธุรกิจภาคการเกษตรและภาคบริการที่มีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก
การเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า
(Credit Term) กรณีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
(สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4185 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566) | ปสส. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4186 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๕๕/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4187 | การขอความเห็นชอบต่อเอกสารผลลัพธ์เพิ่มเติมของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4188 | แนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร.01 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ประเด็นปัญหาส่วนใหญ่หน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและรัฐบาลอยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมมาพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว
ประกอบกับมีหลายกรณีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดำเนินการในระดับนโยบาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ความเห็นประกอบนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจ
โดยละเอียดรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงในการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
โดยประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
หากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อยุติ
อาจเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และทำให้กลุ่มประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมีจำนวนสูงขึ้น
และนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4189 | การรับรองเอกสารข้อริเริ่มปักกิ่งว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้กรอบสายแถบและเส้นทาง และการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานข้อมูลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล | ดศ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารข้อริเริ่มปักกิ่งว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้กรอบสายแถบและเส้นทาง
และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และสำนักงานข้อมูลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายร่วมรับรองเอกสารข้อริเริ่มฯ
และลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในห้วงการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative for International Cooperation
Forum : BRF) ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ
สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเอกสารข้อริเริ่มฯ
เป็นเอกสารที่ระบุถึงเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีความสำคัญมากขึ้น
รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยกระดับการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
พัฒนาตลาดและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และช่วยให้บรรลุการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
เพื่อขยายความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล
โดยคำนึงถึงหลักการเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างกัน นวัตกรรม การเปิดกว้าง ความสามัคคีและความไม่แบ่งแยกผลประโยชน์ร่วมกัน
และความร่วมมือแบบได้ประโชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (win-win cooperation) ส่วนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ
และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งสองประเทศระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่อง
และเน้นย้ำเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อริเริ่มฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4190 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๙๗๐,๓๘๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4191 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) | ลต. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๗๘๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๕๖๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท
และกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยงรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4192 | การลงนามพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหาร ด้านการสัตวแพทย์ และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหารด้านการสัตวแพทย์
และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
(คาดว่าจะมีการลงนามพิธีสารฯ ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖) โดยร่างพิธีสารฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
ประกอบด้วย น้ำผึ้ง นมผึ้ง และเกสรผึ้ง ซึ่งจะเป็นการขยายตลาด
และสร้างโอกาสการลงทุนทางการค้า
ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนาม
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากผึ้งและระบบการบริหารจัดการ
รวมถึงกระบวนการตรวจสอบ การกักกัน ความปลอดภัยอาหาร และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์
ให้เป็นไปตามหลักการตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4193 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (สภากาชาดไทย) | กช. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สภากาชาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการศูนย์นวัตกรรมและการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ
วงเงิน ๒,๒๕๓,๕๕๐,๐๐๐ บาท และโครงการเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ จำนวน
๒,๒๑๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท
และค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ จำนวน ๘๖,๖๔๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๔,๕๕๗,๐๙๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้สภากาชาดไทยจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สภากาชาดไทยรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้มีการเพิ่มศักยภาพการวิจัยและพัฒนาให้ครอบคลุมมากกว่า
MAb และ mRAN เช่น ให้ครอบคลุม Viral
Vector และเทคโนโลยีฐานอื่นด้วย
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ในอนาคต mRAN และ Mab อาจมีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถใช้สถานที่นี้ทำกิจกรรมอื่นได้
และควรต่อยอดให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการรองรับหน่วยงานอื่น ๆ
ที่มีการวิจัยและพัฒนาระดับต้นน้ำ ให้สามารถใช้ระดับโครงสร้างดังกล่าวในการผลิตได้
หากสามารถปรับให้เป็น National Facility และสามารถใช้กับเทคโนโลยีฐานที่หลากหลายได้
และควรมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ของสถานที่และเครื่องมือ
เครื่องจักรที่ดำเนินการผลิตในปัจจุบัน ณ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ถนนพระราม ๔
ภายหลังจากมีการย้ายการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อแล้ว
และเพิ่มเติมแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงจากกระบวนการผลิตวัคซีน
ยาชีววัตถุที่อาจมีปัญหาการรั่วไหลของสารเคมี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4194 | การจัดทำพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย จากราชอาณาจักรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย
จากราชอาณาจักรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
(Protocol on the Phytosanitary Requirements
for the Export of Podocarpus Plants from Thailand to China between the Ministry
of Agriculture and Cooperatives of the Kingdom of Thailand and the General
Administration of Customs of the People’s Republic of China) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Power) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายสำหรับลงนามในพิธีสารฯ (จะมีการลงนามในร่างพิธีสารฯ
ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนายกรัฐมนตรีช่วงกลางเดือนตุลาคม ๒๕๖๖)
โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการสุขอนามมัยพืชสำหรับการส่งออกต้นสนใบพายจากราชอาณาจักรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
เช่น การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของจีนและกฎระเบียบและมาตรฐานระดับประเทศ
การขึ้นทะเบียนเรือนเพาะชำต้นสนใบพายที่จะส่งออกที่ได้รับการประเมินจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และได้รับการประกาศรับรองบนเว็บไซต์ของสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับต้นสนใบพายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของพิธีสารฯ
แล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ และได้มีความเห็นเพิ่มเติมบางประการ เช่น
การแก้ไขถ้อยคำในร่างพิธีสารฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนาม
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับระบบกำจัดศัตรูพืช
ตลอดจนแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพืชแก่เกษตรกรในวงกว้าง
เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4195 | การจัดทำพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกผลเสาวรสสดจากราชอาณาจักรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกผลเสาวรสสดจากราชอาณาจักรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
(Protocol on the Phytosanitary Requirements for
the Export of Fresh Passion Fruits from Thailand to China between the Ministry
of Agriculture and Cooperatives of the Kingdom of Thailand and the General
Administration of Customs of the People’s Republic of China) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Power) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายสำหรับลงนามในพิธีสารฯ (จะมีการลงนามในร่างพิธีสารฯ
ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนายกรัฐมนตรีช่วงกลางเดือนตุลาคม ๒๕๖๖)
โดยร่างพิธีสารฯ
เป็นข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกผลเสาวรสสดจากไทยไปยังจีน
เพื่อให้มั่นใจว่าผลเสาวรสสดที่ส่งออกไปจีนนั้น ปราศจากศัตรูพืชกักกันของประเทศจีน
โดยพิธีสารฉบับนี้จะส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกผลเสาวรสสดไปยังจีนได้
ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าเกษตรของไทย
รวมไปถึงการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกเสาวรสของไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ และได้มีความเห็นเพิ่มเติมบางประการ เช่น
การแก้ไขถ้อยคำในร่างพิธีสารฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนาม
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและการดำเนินกระบวนการตรวจสอบสุขอนามัยพืช
และมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อการส่งออกผลเสาวรสสดจากประเทศไทย
ให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4196 | แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับทบทวน) | กสศ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (ฉบับทบทวน) ภายในกรอบวงเงิน ๗,๐๙๔,๙๖๙,๒๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๓)
ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์ชาติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมาย และค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน
ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษามาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
เพื่อให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมกับสำนักงบประมาณ
กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ถูกต้อง เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจและกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว
โดยให้รับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนในการหาเงินและแผนการใช้จ่ายเงินนอกเหนือจากเงินงบประมาณ
เพื่อให้กองทุนเกิดความยั่งยืนและเป็นการลดภาระทางการคลังของประเทศในระยะยาวต่อไป
และควรพิจารณาความร่วมมือกับภาคเอกชนขนาดใหญ่ทั้งในด้านวิชาการ
การทำกิจกรรมเพื่อสังคม และการสนับสนุนเงินลงทุนในการจัดกิจกรรม
รวมถึงควรมีการติดตามประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงานของกลไกภาคีเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคในเชิงกระบวนการหรือกลไกการดำเนินงาน
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากลไกในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานให้สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ในระยะต่อไป
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้สำนักงบประมาณดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4197 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗,๒๔๔,๕๐๑,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย
งบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๖,๙๕๒,๙๐๐,๘๐๐ บาท งบประมาณของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
จำนวน ๒๙๑,๖๐๐,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4198 | การลงนามความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกันและสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน
และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์
เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน
และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๙๐๗/๑๔๒ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๖)
ที่เห็นควรว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมในการดำเนินการหากร่างความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ เช่น การออกกฎหมายลำดับรองที่จำเป็น
การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนทราบ
เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ภายใต้ร่างความตกลงดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4199 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1: 4000 (One Map) | นร. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ [เรื่อง
ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map)]
เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุง One Map พื้นที่กลุ่มที่ ๓
และให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน
๓๖๐ วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ตามเหตุผลความจำเป็น
แต่ไม่เกิน ๑๘๐ วัน และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖
(เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖)
รับทราบผลการประชุมดังกล่าวรวมถึงการปรับปรุง One Map
พื้นที่กลุ่มที่ ๓ จำนวน ๑๑ จังหวัด นั้น
โดยปัจจุบันยังมีประชาชนเป็นจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาการกำหนดแนวเขตที่ดินในครอบครองของหน่วยงานของรัฐที่ยังมีปัญหาการทับซ้อนระหว่างกันเองและกับที่ดินของเอกชน
สมควรที่จะเร่งดำเนินการปรับปรุง One Map
ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณากำหนดแนวเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เป็นที่ยอมรับร่วมกันเพื่อให้ส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐและประชาชนกลุ่มต่าง ๆ
สามารถเข้าใช้ประโยชน์และมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง เหมาะสมต่อไป ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งปรับปรุง One Map ในพื้นที่กลุ่มอื่น ๆ
ที่เหลือให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4200 | กรอบระยะเวลาการดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอน | นร.09 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการพิจารณาข้อหารือ เรื่อง การใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดโดยไม่แจ้งผู้อยู่ในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครอง
ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (เรื่องเสร็จที่ ๗๖๕/๒๕๖๖)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
