ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 208 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4141 - 4160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4141 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 (กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน) | สผ. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินของทั้ง ๒
หน่วยงานดังกล่าว
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4142 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาล | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมที่ดินชำระหนี้ให้กับบริษัท
สามารถคอมเทค จำกัด ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วน ภายในกรองวงเงิน
๘๐๗,๖๓๘,๗๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๘๒,๕๗๗,๖๐๐ บาท
โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น และส่วนที่เหลือ ภายในกรอบวงเงิน ๒๕,๐๖๑,๑๐๐ บาท
ได้แก่ ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จ
โดยให้กรมที่ดินเร่งเจรจาต่อรองดอกเบี้ยให้ได้วงเงินต่ำสุด
เพื่อโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
จากโครงการ/รายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีเงินจัดสรรเหลือจ่าย
หรือรายการที่หมดความจำเป็น หรือรายการที่คาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้จ่ายให้กับผู้ฟ้องคดีโดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมที่ดิน) ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการเบิกจ่ายโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยจากการชำระหนี้ล่าช้า
ไปประกอบการดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4143 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยกรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๓ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว
กำหนดว่า “ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ
หรือประกอบกิจการ รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือทุกประเภทที่สามารถรับเรือขนาดตั้งแต่ ๑๐๐ ตันกรอส แต่ไม่ถึง
๕๐๐ ตันกรอส หรือมีความยาวหน้าท่าตั้งแต่ ๒๐ เมตร แต่ไม่ถึง ๑๐๐ เมตร
หรือมีพื้นที่ท่าเทียบเรือรวม ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ยกเว้นโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการเพื่อความมั่นคงแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญและกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่ ๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ
หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐
ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
4144 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลคลองโยง ตำบลศาลายา
ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล และตำบลหอมเกร็ด ตำบลทรงคนอง ตำบลบางเตย
อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ชุมชนพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา
การศาสนา พาณิชยกรรมและการบริการ
การรองรับการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของประชากรและแรงงานส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วยการพัฒนาการผลิตทางด้านเกษตรกรรมแบบผสมผสานการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
การชลประทานและการระบายน้ำ การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค การสาธารณูปการ
และการดำรงรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ
หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นด้วย
การพิจารณาอนุญาตต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่
๒๒ (๒) การทอหรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอ และโรงงานลำดับที่ ๒๒ (๔)
โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการพิมพ์สิ่งทอ ให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๐ และควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4145 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ
จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นพื้นที่ที่ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มีมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในปัจจุบันประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกโดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด ในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ.
๒๕๖๖
และมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดแยกเป็นรายจังหวัด
กรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๕ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว กำหนดว่า
“ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ หรือประกอบกิจการ
รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือสาธารณะสำหรับเรือประมงหรือเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว
ที่มีพื้นที่รวมของท่าเทียบเรือตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่
๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
4146 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ) | นร.05 | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ราย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4147 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
รวมทั้งปรับปรุงบัญชีรายชื่อโบราณสถานทีได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่จะเรียกเก็บค่าเข้าชมได้
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเข้าชมสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเฉพาะบุคคลสัญชาติอื่นตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณานำเงินรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นดังกล่าวไปใช้เร่งรัดการพัฒนามาตรฐานและการอำนวยความสะดวกของโบราณสถานและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
อาทิ การอำนวยความปลอดภัย การรักษาความสะอาด การพัฒนาห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยว
และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4148 | โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก | นร. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอว่า
แม้ว่าจังหวัดภูเก็ตจะไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่จัดงานเอ็กซ์โป วาระพิเศษ
(Specialised Expo) ในปี ๒๕๗๑ แล้ว
แต่โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
ซึ่งฝ่ายไทยเสนอภายใต้การจัดงานเอ็กซ์โปฯ ดังกล่าว
เป็นโครงการที่ดีและมีศักยภาพสูง
สมควรที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่วข้องจะร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินโครงการดังกล่าวให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดภูเก็ต
ทั้งในด้านการให้บริการสุขภาพ (Medical Service) และการบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ
(Wellness Service) รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
(Medical Hub) (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) ระยะ ๑๐ ปี
ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ เห็นชอบไว้แล้วด้วย
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับเรื่อง
โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้แนวทางการดำเนินโครงการที่ชัดเจน
และเหมาะสมก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4149 | รัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียขอขยายเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่เครือรัฐออสเตรเลีย ณ จังหวัดภูเก็ต | กต. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่เครือรัฐออสเตรเลีย ณ
จังหวัดภูเก็ต จากเดิมมีเขตกงสุลครอบคลุม ๓ จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ และพังงา
เป็นมีเขตกงสุลครอบคลุมเพิ่มเติมอีก ๗ จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง
ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี และตรัง จึงมีผลให้สถานกงสุลใหญ่ฯ มีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๐ จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ชุมพร
กระบี่ นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี และตรัง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4150 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองคราคูฟ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองคราคูฟ สาธารณรัฐโปแลนด์ (นายเวียสวัฟ เฮนริก ชิซนอฟสกี) | กต. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองคราคูฟ
สาธารณรัฐโปรแลนด์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดมาวอพอลสกี จังหวัดไซลีเชีย
จังหวัดออปอลสกี และจังหวัดโลเวอร์ไซลีเชีย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4151 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอภิชัย ธรรมเสริมสุข) | นร.05 | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ราย นายอภิชัย
ธรรมเสริมสุข ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม
๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4152 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย (1. นายอัศวิน โชติพนัง และนางวันทนี มณีศิลาสันต์) | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียมีจำนวนเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
(นับรวมประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการอื่นที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง และผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย
เป็นกรรมการและเลขานุการ) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย
จำนวน ๒ คน ได้แก่ (๑) นายอัศวิน โชติพนัง และ (๒) นางวันทนี มณีศิลาสันต์)
เพื่อแทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ และแต่งตั้งเพิ่มเติม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖)
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนและเพิ่มเติมอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4153 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ | สปสช. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
มีผลการดำเนินงาน เช่น มีการเบิกจ่ายงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับหน่วยบริการที่จัดบริการให้ผู้มีสิทธิการใช้บริการของผู้ป่วยนอก
ประมาณ ๑๖๗ ล้านครั้ง การใช้บริการผู้ป่วยใน ประมาณ ๖ ล้านครั้ง ความท้าทายต่าง ๆ
ในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รวมถึงการพัฒนารูปแบบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และ (๒) และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และงบเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4154 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล
และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๕ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๔ ได้แก่
งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (๒)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี ๒๕๖๕ และ (๓) ทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๖
และแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) มุ่งเน้นการพัฒนา SMES ผ่านการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ
SMES ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เห็นชอบแล้วและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4155 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. 2560) | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อแก้ไขการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม
(สีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว) บริเวณ ๔.๑ (บางส่วน) เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
(สีม่วง) บริเวณหมายเลข ๒.๑
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้มีการพัฒนาเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยม มั่นคง ยั่งยืน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเมืองหลัก ได้แก่
เมืองหนองจิก จังหวัดปัตตานี ให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน”
โดยนำร่องในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัย และกระตุ้นการลงทุนนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการจ้างงานและการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง
ทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น
และแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่และสามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดสัญลักษณ์สีแดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
(สีเขียวมีกรอบและเส้นทแยงสีน้ำตาล) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น
มาตรการการใช้ที่ดินลุ่มน้ำ มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
และควรมีแนวทางการควบคุมกำกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
รวมทั้งกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
4156 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ (๓) การติดตาม
การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔) ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
และ (๕)นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับรอบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติเป็นรอบการรายงานทุก
ๆ ๖ เดือน (เดิมรายงานคณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน)
และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการรับผิดชอบติดตาม
เร่งดำเนินการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการในระบบ eMENSCR อย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4157 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรื่อง
ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน
อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา
เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา โดยมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ ๑,๓๔๔ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องถือปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและดำเนินการตามมาตรการป้องกันและการฟื้นฟูผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้
มีการดำเนินการบางส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางระบบนิเวศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4158 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวสามารถลงทุนในใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย
(Non-Voting Depository Receipt : NVDR)
ได้โดยตรง ทำให้ความต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวไม่เป็นที่ต้องการ
ประกอบกับไม่มีผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4159 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังบุคคลหรือองค์กร กรณีสาธารณรัฐเฮติ พ.ศ. .... | พณ. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังบุคคลหรือองค์กร
กรณีสาธารณรัฐเฮติ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังนาย
Jimmy Cherizier หรือ Barbeque
และไปยังบุคคลหรือองค์กรที่คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามที่มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนด
เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๖๕๓ (ค.ศ. ๒๐๒๒)
กรณีสาธารณรัฐเฮติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4160 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกิตติ อินทรกุล และนางรุ่งทิวา สุดแดน) | พม. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นายกิตติ อินทรกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางรุ่งทิวา สุดแดน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|