ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1355 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27081 - 27100 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27081 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2554 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินองค์การสะพานปลา ปี ๒๕๕๔ และรายงานประจำปี ๒๕๕๔ ขององค์การสะพานปลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีขององค์การสะพานปลา โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ๒. งบดุล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และงบกำไรขาดทุนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๘๔๗,๓๗๕,๗๔๓.๒๓ บาท หนี้สินและส่วนของทุน ๘๔๗,๓๗๕,๗๔๓.๒๓ บาท มีรายได้รวม ๓๔๙,๗๒๙,๐๐๕.๐๙ บาท ค่าใช้จ่าย ๓๕๔,๖๓๐,๔๕๖.๖๙ บาท และ ๓๑๘,๙๘๒,๐๓๕.๒๘ บาท ขาดทุนสุทธิ ๔,๙๐๑,๔๕๑.๖๐ บาท ๓. องค์การสะพานปลามีผลงานเด่นในปี ๒๕๕๔ ได้แก่ โครงการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแปรรูปคุณภาพ และโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (การเก็บรักษาความสดของสัตว์น้ำให้ยืนยาวและการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้น้ำแข็งเหลว) เป็นต้น ๔. องค์การสะพานปลามีแผนงานและโครงการสำคัญในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ได้แก่ แผนงานพัฒนาระบบการบริหารจัดการตลาด ประกอบด้วย โครงการพัฒนาการขนถ่ายสัตว์น้ำ ฯ ที่ท่าทียบเรือประมงภูเก็ต และโครงการผลิตน้ำสะอาดเพื่อล้างสัตว์น้ำท่าเทียบเรือประมงระนอง แผนงานบูรณาการธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย โครงการติดตั้งสื่อโฆษณาสินค้าในบริเวณสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง และโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง แผนพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์กร ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร และโครงการปรับปรุงกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานและการกำหนดค่าตอบแทน
|
|||||||||||||||||||||
| 27082 | สรุปผลการประชุม High Level Policy Dialogue on Travel Facilitation | กก | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม High Level Policy Dialogue on Travel Facilitation ระหว่างวันที่ ๑-๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมร่วมหารือต่อแนวทางการบูรณาการความร่วมมือต่อข้อริเริ่มการอำนวยความสะดวกการเดินทางภายในภูมิภาคเอเปค ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ ผลการศึกษาเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกการตรวจลงตราต่อเศรษฐกิจ ๑.๒ โครงการแจ้งข้อมูลผู้โดยสารล่วงหน้า (Advanced Passenger Information Program) ก่อนที่ผู้โดยสารจะเดินทางผ่านแดนโดยการแบ่งปันข้อมูลผู้โดยสารทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยลดความไม่สะดวกของผู้โดยสารในขณะดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ๑.๓ โครงการนักท่องเที่ยวที่น่าเชื่อถือ (Trusted Traveler Program : TTP) โดยมีแนวทางในการแยกประเภทนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่น่าเชื่อถือออกจากนักเดินทางที่มีแนวโน้มเป็นอาชญากร ซึ่งเป็นแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยง ๑.๔ หลักการท่าอากาศยานที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว โดยเน้นระบบโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี มาตรฐาน และความปลอดภัย ๒. ที่ประชุมรับรองแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม High Level Policy Dialogue on Travel Facilitation ๓. การหารือทวิภาคีระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับรัฐมนตรีคมนาคมและสื่อสารของไต้หวัน (H.E. Yeh Kuang Shin) ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการหาแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางเรือสำราญ Cruise Tourism ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือสำราญ ๒ เส้นทาง คือ เส้นทางอ่าวไทยมีเรือสำราญจากต่างประเทศเดินทางมาแวะที่แหลมฉบังและเกาะสมุย ด้านฝั่งอันดามันแวะพักที่เกาะภูเก็ต
|
|||||||||||||||||||||
| 27083 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน เรื่อง กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๖ [เรื่อง (ร่าง) กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ] โดยกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ดำเนินการ รวมทั้งกำหนดแนวทางการดำเนินการจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติตามข้อสังเกตของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้
๑. กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแนวทางการดำเนินการจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ โดยจัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นการดำเนินงานในลักษณะการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่มีศักยภาพและความพร้อมเพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงแรงงานเข้าร่วมดำเนินงานและให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือที่มีอยู่ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ นำไปประกอบในการกำหนดความรู้และทักษะอันเป็นรายละเอียดองค์ประกอบคุณวุฒิแห่งชาติแต่ละระดับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ตลอดจนทรัพยากรของประเทศ ตามข้อสังเกตของกระทรวงแรงงาน ๒. กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเห็นควรสนับสนุนภารกิจของ “สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน” ให้ทำหน้าที่ในการควบคุม ดูแลการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปปฏิบัติ รวมทั้งติดตามตรวจสอบและประเมินเพื่อทำการรับรองคุณวุฒิที่เป็นไปตามเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนดไว้ และพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการเทียบโอนคุณวุฒิ และประสบการณ์การเรียนรู้ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติต่อไป โดยไม่ต้องตั้งหน่วยงานใหม่ ตามข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ ๓. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดประชุม จัดนิทรรศการ และจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในความจำเป็นของการมีกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ รวมทั้งตระหนักถึงคุณค่าของสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามระดับคุณวุฒิให้แก่บุคลากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้เรียน ผู้ปกครอง และสังคม ๔. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ” เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานการประชุมได้มอบนโยบาย “แนวทางในการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ” ซึ่งได้เชิญหน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และร่วมกันกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดประชุมเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นการเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์จังหวัดใน ๔ ภูมิภาค ประกอบด้วย ครั้งที่ ๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ณ กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๔ ณ จังหวัดอุดรธานี วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๕. กระทรวงศึกษาธิการได้ประสานงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้มีการจัดทำข้อมูลความต้องการกำลังคนในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อนำไปวางแผนการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคตต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27084 | รายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ประจำปี 2555 | รง | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ประจำปี ๒๕๕๕ ตามมติคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กของประเทศไทยในปี ๒๕๕๕ มีแนวโน้มลดลง โดยข้อมูลลูกจ้างเด็กจากการตรวจแรงงานทั่วประเทศ เมื่อปี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๙,๐๗๔ คน ลดลงเหลือ ๑๔,๙๗๒ คน ในปี ๒๕๕๕ เช่นเดียวกับข้อมูลลูกจ้างเด็กที่เป็นผู้ประกันตน จากสำนักงานประกันสังคม จำนวน ๕๐,๒๓๙ คน ในปี ๒๕๕๔ ลดลงเหลือ ๒๐,๔๖๕ คน ในปี ๒๕๕๕ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากการสำรวจภาวะการมีงานทำของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่พบว่าจำนวนลูกจ้างภาคเอกชน ในปี ๒๕๕๔ มีจำนวน ๒๒๗,๐๑๓ คน และลดลงเหลือ ๑๘๙,๖๓๓ คน ในปี ๒๕๕๕ ๑.๒ ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ ประเทศไทยไม่มีการสำรวจแรงงานเด็กและแรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในภาพรวมของทั้งประเทศ ทำให้ไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ไม่มีระบบการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสนับสนุนภารกิจการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายเป็นการเฉพาะ และไม่มีการจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะสำหรับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ๑.๓ ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรให้มีการสำรวจจำนวนแรงงานเด็กและแรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในระดับประเทศเพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นระบบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรวางระบบการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสนับสนุนภารกิจการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายเป็นการเฉพาะ ควรผลักดันให้มีเรื่องการขจัดการใช้แรงงานเด็กเป็นวาระแห่งชาติ และการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทำ MOU ระหว่างกัน โดยกระตุ้นให้ทุกฝ่ายตระหนักรู้ถึงสภาพปัญหาและอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศไทยปราศจากการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายจริงตามเป้าหมายโลกที่กำหนดไว้ให้มีการดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไปภายในปี ๒๕๕๙ และขจัดการใช้แรงงานเด็กในทุกรูปแบบให้หมดสิ้นไปในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลยร้ายไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27085 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอภิชาต อภิวัฒนพร และ นายวีระพล ธีระพันธ์เจริญ) | สธ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 27086 | การจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) เพื่อสนับสนุนโครงการประชาสัมพันธ์โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และโครงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของไทย ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี | กค | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนเรื่อง การจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) เพื่อสนับสนุนโครงการประชาสัมพันธ์โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และโครงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของไทย ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คืนไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27087 | การเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco - car) รุ่นที่ 2 | อก | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco-car) รุ่นที่ ๒ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ได้พิจารณาเกี่ยวกับการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco-car) รุ่นที่ ๒ มีมติ ๑.๑.๑ เห็นชอบการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ โดยเงื่อนไขขนาดการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนของโครงการรวม (Package) สำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่ได้รับส่งเสริมอยู่เดิม กำหนดเป็นไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ เห็นชอบให้ผู้ได้รับการส่งเสริมรายเดิมสามารถยื่นขอขยายกำลังการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลได้ และในกรณีที่ผู้ประกอบการรายเดิมสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ได้ ให้สามารถนับรวมเป็นปริมาณการผลิตจริงตามเงื่อนไขที่จะต้องมีปริมาณการผลิต (Actual Production) ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คันต่อปี ของโครงการเดิมได้ ๑.๒ เห็นชอบให้เสนอกระทรวงการคลังพิจารณา ๑.๒.๑ กำหนดให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่จะได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๔ หรือ ๑๒ ตามที่ได้ประกาศกำหนดไว้ในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่แล้วนั้น จะต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๓๐๐ ซีซี หรือเครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๕๐๐ ซีซี ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตรวจสอบและให้การอนุมัติว่ามีคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ นี้ทุกประการ ๑.๒.๒ ในช่วงที่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ เห็นชอบให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราเดียวกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่ร้อยละ ๑๗ ตามที่กำหนดในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน ๑.๒.๓ พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดมาตรการส่งเสริมเชื้อเพลิงทดแทนประเภท Bio Diesel เพิ่มเติมในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยกำหนดให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่สามารถใช้เชื้อเพลิงทดแทนประเภทน้ำมัน B10 ได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๒ เช่นเดียวกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่สามารถใช้น้ำมัน E85 ได้ ๑.๒.๔ ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ทั้งรุ่นที่ ๑ และรุ่นที่ ๒ ที่จะได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๗, ๑๔ หรือ ๑๒ ตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ๑.๓ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศ ที่ ส.๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เรื่อง การส่งเสริมกิจการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และแม่พิมพ์ไทยอย่างจริงจัง โดยมีการรายงานผลการติดตามและประเมินผลดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อสิ้นสุดระยะ ๕ ปีแรก ของการได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27088 | รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2553 | คค | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของกรมการขนส่งทางบก ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินและงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงาน การบริหารแผนงบประมาณ การใช้จ่ายเงินตามแผนงานโครงการ และการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 27089 | หนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ | กต | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ (Exchange of Notes between the Government to the Kingdom of Thailand and the Government of His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam on Visa Exemption for Holders of Diplomatic and Official Passports) ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการระหว่างกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตร และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า แวะผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของทั้งสองประเทศเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าและออก โดยการดำเนินการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประติบัติต่างตอบแทน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
| 27090 | ขอความเห็นชอบการเปิดสำนักงานการกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดภูเก็ต | กต | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดสำนักงานการกงสุลประจำจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การกำกับดูแลของสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา และมีเขตกงสุลครอบคลุม ๓ จังหวัดของไทย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา ๒. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของกระทรวงการต่างประเทศระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายจีนเกี่ยวกับการเปิดสำนักงานการกงสุลของสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดภูเก็ต |
|||||||||||||||||||||
| 27091 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหลวงเหนือ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | มท | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหลวงเหนือ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลนาแก บางส่วนของตำบลหลวงเหนือ บางส่วนของตำบลหลวงใต้ และบางส่วนของตำบลบ้านโป่ง อำเภองาว จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27092 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเตรียมการเปิดทำการศาลจังหวัดพิมายและศาลจังหวัดวิเชียรบุรี รวม 4 ฉบับ | ศย | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเตรียมการเปิดทำการศาลจังหวัดพิมายและศาลจังหวัดวิเชียรบุรี รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพิมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพิมาย ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงนครราชสีมา ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใชบทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้ศาลจังหวัดนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด สำหรับคดีอาญาที่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวง ซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอคง อำเภอชุมพวง อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนแดง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอปากช่อง อำเภอประทาย อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี |
|||||||||||||||||||||
| 27093 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ 1 | ศธ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรายการก่อสร้าง ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ จัดหาภายในวงเงินไม่เกินราคากลาง ๒,๒๙๙,๙๙๙,๗๖๑.๗๐ บาท โดยใช้วิธีการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศประกวดราคาเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ยื่นเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ มีจำนวนผู้เข้ายื่นเอกสารประกวดราคาฯ จำนวน ๖ ราย ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ดำเนินการ เริ่มดำเนินการศึกษาข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นมา และส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การดำเนินการด้านครุภัณฑ์การแพทย์ ได้วางแผนดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อป ๔. การดำเนินการด้านบุคลากร ได้วางแผนดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริหารจัดการเชิงบูรณาการในภาพรวมของมหาวิทยาลัยมหิดล และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27094 | รายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ | พณ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Memorandum of Understanding between the Department of Intellectual Property, Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand, and the Department of Science and Technology, the General Administration of Quality Supervision, Inspection, and Quarantine of the People’s Republic of China on Cooperation in the Areas of Geographical Indications) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งราชอาณาจักไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ กับอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการแลกเปลี่ยนเอกสารทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นการลงนามในต้นฉบับคู่ ๓ ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันลงนามและฝ่ายจีนได้ส่งเอกสารการลงนามที่ครบถ้วนถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. บันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ การจัดสัมมนา ฝึกอบรม โครงการนำร่องเพื่อคุ้มครองและจดทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GIs) ระหว่างกัน การเยี่ยมแหล่งผลิตสินค้า GIs การจัดแสดงสินค้า GIs การบริหารจัดการ การควบคุมและการตรวจสอบการจดทะเบียนสินค้า GIs และการจัดโครงการฝึกอบรมภาคธุรกิจ เป็นต้น มีผลเป็นระยะเวลา ๖ ปี และจะต่ออายุออกไปอีก ๒ ปี โดยอัตโนมัติจนกว่าคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกโดยการบอกกล่าวเจตนาเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังคู่สัญญาอีกฝ่ายเป็นระยะเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย ๒ เดือน
|
|||||||||||||||||||||
| 27095 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน | กก | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Letter of Intent between the Kingdom of Thailand and the European Union on Cooperation in the Field of Sustainable Tourism) โดยหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายด้านการบริการการท่องเที่ยว การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงฝ่ายวิชาการด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ การลงทุนขนาดกลางและขนาดย่อม การฝึกอบรม การปรับปรุงการบริการด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ในโอกาสการเยือนไทยของนาย Antonio Tajani รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และกรรมาธิการด้านอุตสาหกรรมและกิจการวิสาหกิจและคณะ ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรพิจารณาความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันในเนื้อหาของกรอบนโยบายด้านการท่องเที่ยว (Communication on Tourism) เพื่อกำหนดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่อยู่ในความสนใจร่วมกันที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และควรพิจารณาประเด็นที่เชื่อมโยงที่มีผลกระทบทางอ้อม (Indirect Impacts) กับเรื่องการท่องเที่ยว เช่น ความปลอดภัยของยานพาหนะสำหรับนักท่องเที่ยว การคุ้มครองสิทธิ์ของนักท่องเที่ยว รวมถึงการแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยว การเปิดตลาดการบริการด้านการท่องเที่ยว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27096 | ขออนุมัติและสนับสนุนงบประมาณโครงการก่อสร้างโรงงานแปรรูปนมที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี | กษ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมปศุสัตว์ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานแปรรูปนมที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ งบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๕๙,๙๙๒,๔๒๘.๓๐ บาท โดยให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อร่วมกันวางแผนพัฒนากระบวนการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำนมโคให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร และการวางแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลิตภัณฑ์นมไม่มีที่จำหน่าย จนกระทั่งจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดนมโรงเรียน รวมทั้งในระยะยาวควรมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมให้มีความหลากหลายขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้โครงการฯ ดำเนินอยู่ได้ด้วยตนเอง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27097 | รายงานผลการจัดนิทรรศการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศ | นร11 | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย ๒๐๒๐” ระหว่างวันที่ ๔ ตุลาคม-๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดหนองคาย นครราชสีมา ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ และฉะเชิงเทรา ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการบูรณาการการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จำนวนผู้เข้าร่วมนิทรรศการฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๕๖๔,๓๗๙ คน หรือเฉลี่ย ๒๖,๘๗๕ คน/วัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๑๓๙,๑๘๓ คน หรือเฉลี่ย ๔๖,๓๙๔ คน/วัน และน้อยที่สุดที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๔๖,๒๘๔ คน หรือเฉลี่ย ๑๕,๔๒๘ คน/วัน ๒. ความเห็นของผู้ร่วมชมนิทรรศการฯ ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจการจัดนิทรรศการฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ได้รับทราบข่าวการจัดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย ๒๐๒๐” จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน รองลงมาคือ สื่อโทรทัศน์ ป้ายประชาสัมพันธ์/แผ่นพับ และเพื่อน/ครอบครัว ตามลำดับ โดยมีความประทับใจนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงมากที่สุด รองลงมาคือ การจำหน่ายสินค้า OTOP และกิจกรรมการประกวด “จานด่วนไทย ไปครัวโลก” ตามลำดับ ๓. การดำเนินงานในระยะต่อไป คณะกรรมการการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศเห็นควรให้มีการจัดนิทรรศการเพื่อสรุปภาพรวมทั้งประเทศอีกครั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้มีการเตรียมข้อมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงให้มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถชี้แจงและสื่อสารต่อประชาชนและผู้ที่สนใจได้อย่างชัดเจน และครบถ้วน ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯ เห็นควรกำหนดช่วงเวลาการจัดนิทรรศการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์-๒ มีนาคม ๒๕๕๗ สำหรับสถานที่จัดนิทรรศการฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมทั้งในด้านขนาดของพื้นที่ และความสะดวกในการเดินทางเข้าถึงสถานที่จัดนิทรรศการฯ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมเสนอให้มีพื้นที่ในการจัดแสดงผลงานที่ได้รับรางวัลการประกวดแนวคิดการออกแบบสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ภายใต้ชื่อ “Design Station Define Identity” และกระทรวงศึกษาธิการได้จัดให้มีกิจกรรมการประกวดภาพและเรียงความในหัวข้อ “จังหวัดของฉันในปี ๒๐๒๐” ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนและนักศึกษาเกิดความสนใจในการรับทราบข้อมูลของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมากขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอีกทางหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 27098 | รายงานผลการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการและติดตามงานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) | นร11 | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 27099 | คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก | นร01 | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๙/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประกอบด้วยคณะที่ปรึกษาฝ่ายบรรพชิต คณะที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส และคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาแนวทางการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พิจารณามอบหมายการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามที่เห็นสมควร และดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27100 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (จำนวน 3 ราย 1. นายโสภณ เพชรสว่าง ฯลฯ) | นร04 | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ จำนวน ๓ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายโสภณ เพชรสว่าง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๒. นายสิทธิชัย กิติธเนศวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๓. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ
|
|||||||||||||||||||||
.....
