ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1354 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27061 - 27080 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27061 | ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) | มท | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้เงินกู้ระยะสั้นกับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เพื่อสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นระยะเวลา ๑ ปี (มกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ในวงเงิน ๔,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) และเลือกรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำสุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการที่ยังคงค้างชำระค่าไฟฟ้ากับ กฟภ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D)] ที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ยังคงค้างชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค หากมีงบประมาณเหลือจ่ายหรือมีงบประมาณเพียงพอที่จะโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณก็ให้โอนไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคเป็นลำดับแรกอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||
| 27062 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย
|
|||||||||||||||||||||
| 27063 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 | กห | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. ๒๕๐๓ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. ๒๕๐๓ เพื่อกำหนดเกณฑ์อายุของบุคคลที่จะมีสิทธิสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหาร โดยกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ คือ มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปีบริบูรณ์ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ของปีปฏิทินที่สมัคร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎกระทรวงฯ ตามเจตนารมณ์ของพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child : CRC) ได้แก่ ข้อ ๑ การประกันว่าสมาชิกของกองทัพซึ่งอายุไม่ถึง ๑๘ ปี จะไม่มีส่วนร่วมโดยตรงในการสู้รบ ข้อ ๒ การประกันว่าบุคคลที่อายุไม่ถึง ๑๘ ปี จะไม่ถูกคัดเลือกโดยการบังคับให้เข้าร่วมในกองทัพ และข้อ ๓ วรรค ๑ สำหรับการคัดเลือกบุคคลโดยสมัครใจเพื่อเข้าร่วมในกองทัพ บุคคลอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี จะได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ โดยมาตรการคุ้มครองพิเศษสำหรับบุคคลที่อยู่ในกองทัพซึ่งอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ในการฝึกวิชาทหาร อาทิ การพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน หรือการใช้เครื่องช่วยฝึกอื่น เพื่อทดแทนอาวุธจริงของโรงเรียนในสังกัดกองทัพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27064 | ร่างพระราชบัญญัติกำลังสำรอง พ.ศ. .... | กห | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกำลังสำรอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยกำลังสำรอง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรา ๑๖ วรรค ๓ ของร่างพระราชบัญญัติฯ ที่บัญญัติให้เมื่อมีภาวะไม่ปกติเกิดขึ้น หรือมีการประกาศกฎอัยการศึก หรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของทางราชการในเขตท้องที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของกำลังสำรอง หรือที่ตั้งหน่วยงานทหารที่กำลังสำรองมีรายชื่อบรรจุอยู่ ให้กำลังสำรองไปรายงานตนเองโดยเร็วที่สุด แม้จะไม่ได้รับคำสั่งเรียกพล และมาตรา ๒๒ ที่บัญญัติให้หากกำลังสำรองหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่ไปรายงานตนเองต้องระวางโทษ กรณีดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากกำลังสำรองในเขตท้องที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของกำลังสำรอง หรือที่ตั้งหน่วยทหารที่กำลังสำรองมีรายชื่อบรรจุอยู่ไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้ไปรายงานตนเอง อาจทำให้ถูกลงโทษ ประกอบกับพิจารณาว่าการกำหนดให้กำลังสำรองมีฐานะเช่นเดียวกับข้าราชการทหาร หรือทหารกองประจำการอาจจะไม่เหมาะสม รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการเรียกกำลังสำรอง ตามมาตรา ๑๖ วรรค ๓ ควรศึกษาถึงเจตนารมณ์ของการเรียกมารายงานตัวและภารกิจที่จะมอบหมายให้ดำเนินการให้มีความชัดเจน ส่วนการรับสมัครกำลังสำรองตามมาตรา ๑๘ กระทรวงกลาโหมยังมีความจำเป็นที่จะต้องบรรจุกำลังสำรองดังกล่าวเข้ารับราชการทหารเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพลดังกล่าวหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ และบทกำหนดโทษ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่กำลังสำรองพึงจะได้รับ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ เห็นสมควรให้กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27065 | สมาคมญาติและวีรชน 14 ตุลา 16 ขอให้พิจารณาจ่ายเงินดำรงชีพแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 | พม | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจ่ายเงินดำรงชีพรายเดือนเป็นครั้งสุดท้ายแก่วีรชน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ หรือทายาทของวีรชนและค่าจัดการศพกรณีวีรชน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๑.๑.๑ ให้การช่วยเหลือเป็นเงินดำรงชีพรายเดือนเป็นครั้งสุดท้ายในอัตรา ๗,๐๐๐ บาทต่อเดือน แก่ผู้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การพิจารณาหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) จนเสียชีวิต โดยสิทธิดังกล่าวจะไม่ตกทอดถึงทายาทและให้จ่ายย้อนหลังตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบมอบหมายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๙ มติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง รายงานการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) และวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๐ (เรื่อง ตัวแทนวีรชน ๑ ตุลาคม ๒๕๑๖ ขอให้พิจารณาดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก่วีรชนที่พิการ ทุพพลภาพ) และให้ความเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือสมาชิกสมาคมญาติและวีรชน ๑๔ ตุลา ๑๖ ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ให้มีสิทธิได้รับเงินดำรงชีพรายเดือนตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการให้ความช่วยเหลือสมาชิกสมาคมญาติและวีรชน ๑๔ ตุลา ๑๖ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควร ๑.๑.๒ กรณีวีรชน ๑๔ ตุลา ๑๖ ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ในช่วงระหว่างการเรียกร้องครั้งนี้ ให้ช่วยเหลือค่าจัดการศพ รายละ ๒๐,๐๐๐ บาท ไม่รวมกรณีญาติวีรชนที่เสียชีวิตในช่วงระหว่างการเรียกร้อง เนื่องจากทางราชการได้ให้ความช่วยเหลือค่าจัดการศพวีรชนไปแล้ว ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำหลักฐานว่าผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่ได้รับเงินการช่วยเหลือเป็นเงินดำรงชีพในครั้งนี้ได้รับการเยียวยาที่เหมาะสมตามหลักมนุษยธรรมแล้ว จะไม่เรียกร้องขอรับเงินช่วยเหลืออื่นใดจากทางราชการอีก ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๙,๔๑๐,๐๐๐ บาท โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ หลังจากดำเนินการตามขั้นตอนและตรวจสอบหลักฐานในการจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือจนได้ข้อยุติแล้ว ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป จะมีภาระงบประมาณ จำนวน ๕,๘๘๐,๐๐๐ บาทต่อปี หากช่วยเหลือเป็นเวลา ๑๐ ปี จะมีภาระงบประมาณทั้งสิ้น ๕๘,๘๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27066 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพิจิตร และตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพิจิตร และตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพิจิตร และตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27067 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ระหว่างวันที่ ๕-๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อเข้าร่วมการประชุม The Second FAO Ministerial Meeting on International Food Prices ณ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations - FAO) ณ สาธารณรัฐอิตาลี และเดินทางไปร่วมการหารือกับผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของไทย รวมทั้งศึกษาดูงานแสดงสินค้างาน Anuga 2013 ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม The Second FAO Ministerial Meeting on International Food Prices เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ สาธารณรัฐอิตาลี ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับเรื่องระดับราคาและความผันผวนของราคาอาหารโลก เน้นถึงการกำหนดพื้นที่เพาะปลูก (Agricultural Zoning) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายดังกล่าวขึ้นเพื่อเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตรโดยการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรในด้านการคัดเลือกพืชให้มีความเหมาะสมกับสภาพดินและสภาพภูมิอากาศเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและจำนวนมากขึ้น ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการอุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) ของสินค้าเกษตรและอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการอาหารของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังริเริ่มดำเนินโครงการระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหารแห่งภาคพื้นเอเชีย (ASEAN Food Security Information System) เพื่อสนับสนุนข้อมูลอุปทานของสินค้าเกษตรซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการลดการผันผวนของราคาอาหารได้ โดยการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นแนวทาง และได้ส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่ใช้บริโภคในครัวเรือนยังคงเป็นแนวทางสำคัญ ซึ่งเกษตรกรรายย่อยสามารถเลี้ยงดูครอบครัว และเกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่ายอาหารได้ จึงทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากการผันผวนของราคาอาหารน้อยลง ๑.๒ นาย Jose Graziano da Silva ผู้อำนวยการใหญ่ (Director General) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวว่า การประชุมฯ มุ่งสะท้อนให้มีการตระหนักถึงความสำคัญของราคาอาหาร รวมทั้งการหาวิธีการแก้ไขปัญหาความผันผวนของราคาอาหารโลก ซึ่งการขาดแคลนอุปทานอาหารจะส่งผลให้อาหารในท้องตลาดโลกไม่เพียงพอ และนำไปสู่การผลิตอาหารที่มีราคาสูงขึ้น โดยการปรับปรุงการผลิตธัญพืช รวมถึงการหาทรัพยากรแหล่งน้ำที่เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาอาหาร รวมทั้งการปรับปรุงและป้องกันราคาอาหารในตลาดโลกให้คงที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องควบคุม ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ได้เข้าศึกษาดูงาน Anuga 2013 จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่รวบรวมผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลกกว่า ๖,๕๐๐ ราย จาก ๑๘๐ ประเทศมารวมไว้หนึ่งเดียวบนพื้นที่ขนาด ๓๐๐,๐๐๐ ตารางเมตร มีผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า ๑๕๐,๐๐๐ คน โดยงานนี้จะเปิดโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่มีศักยภาพของแต่ละประเทศ รวมทั้งการติดต่อทางการค้าจากประเทศต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||
| 27068 | พิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน | อก | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) เพื่อระบุขั้นตอนการแก้รายการข้อสงวนไว้ชัดเจน โดยการเพิ่มเอกสารภาคผนวกเพื่อระบุขั้นตอนการแก้ไขรายการข้อสงวน เพื่อรองรับการแก้ไขรายการข้อสงวนใน ๓ กรณี คือ ๑.๑.๑ กรณีที่ ๑ การแก้ไขเพื่อเปิดเสรีเพิ่มเติมตามกำหนดใน AEC Blueprint ๑.๑.๒ กรณีที่ ๒ การแก้ไขเพื่อเพิ่มเติมมาตรการที่ตกหล่นให้ครบถ้วนตามกฎหมาย ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับจากวันที่ความตกลง ACIA มีผลใช้บังคับ (ภายใน ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖) ๑.๑.๓ กรณีที่ ๓ การแก้ไขให้มาตรการเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมหลังความตกลง ACIA มีผลใช้บังคับครบ ๑๒ เดือน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ และต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารสำหรับพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน และแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามความตกลงฯ โดยควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลความตกลงฯ ดังกล่าว เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับภายในประเทศได้ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27069 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 3 | สธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลจากการประชุมฯ ได้มีการรับรองกรอบความร่วมมือด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม และรับรองปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยไม่มีการลงนาม และตกลงร่วมกันที่จะใช้เป็นกรอบการดำเนินงานความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก และสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประเทศสมาชิกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๗ โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่จะนำไปสู่เป้าประสงค์ร่วมกันในการทำให้สิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา (Health and Environment at the Center of Development) ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาสาระสำคัญและให้ความเห็นชอบต่อรายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ผลกระทบ ภาคีการดำเนินงาน และกลไกทางการเงินที่ยั่งยืนของความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Report on Governance, Impact, Partnerships and Sustainable Financial Mechanism) ๒. การนำเสนอบทเรียนจากสหภาพยุโรปเกี่ยวกับ Environment and Health Process on international policy platform to support national action เพื่อหวังให้เกิดคำมั่นสัญญาที่จะทำงานในเชิงนโยบายทางการเมืองด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของแต่ละประเทศ ๓. การกล่าวแถลงการณ์ของรัฐมนตรีด้านสาธารณสุขและด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข ๔. การรับรองกรอบความร่วมมือด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (Framework for Cooperation of The Regional Forum on Environment and Health Southeast and East Asian Countries) โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมจากร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ๕. การรับรองปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Kula Lumpur Declaration on Environment and Health) โดยได้มีการปรับแก้ไขจากร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งเป็นเพียงการแก้ไขคำเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงเนื้อหาและประเด็นสำคัญไว้เหมือนเดิม ๖. การประชุมย่อยของคณะทำงานด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาค (Thematic Working Groups : TWGs) เป็นการประชุมเพื่อวางกรอบการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิก ๗. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์เสนอที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๔ ในปี ค.ศ. ๒๐๑๖
|
|||||||||||||||||||||
| 27070 | การติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ประจำเดือนกันยายน 2556 | นร | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ ดังนี้
๑. รายงานผลการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศสร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล การส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน (กองทุนหมู่บ้าน SML) การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน การปฏิรูปการจัดการที่ดิน (นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ การสนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น (OTOP และ SMEs) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. การดำเนินการตามนโยบายสนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์ในการผลิตสินค้าในท้องถิ่น (OTOP และ SMEs) เป็นงานที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เห็นถึงภาพรวมและผลสำเร็จของการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมต่อไป ๓. การดำเนินการตามนโยบายด้านการปฏิรูปการจัดการที่ดิน เป็นเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นปัญหาที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ประเทศในการลดความเหลื่อมล้ำ แต่ผลการดำเนินการยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเร่งรัดการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร กรณีขอขยายเวลาโครงการรับจำนำข้าว ประจำปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ เนื่องจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทัน
|
|||||||||||||||||||||
| 27071 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 26 เขตเลือกตั้งที่ 29 จังหวัดชุมพร เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 6 และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ ๗ เขตเลือกตั้งที่ ๒๖ เขตเลือกตั้งที่ ๒๙ จังหวัดชุมพร เขตเลือกตั้งที่ ๑ จังหวัดตรัง เขตเลือกตั้งที่ ๒ จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ ๓ จังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ ๖ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27072 | ร่างปฏิญญามานามาสำหรับการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 12 | กต | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญามานามา (Manama Declaration) โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารที่ระบุความคืบหน้าในการดำเนินงานที่ผ่านมาและแนวทางการดำเนินงานในอนาคตของกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) และเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ให้ประเทศสมาชิกดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวภายในเอเชียและในสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงในระดับประชาชน และการเสริมสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านคมนาคมและเทคโนโลยีในภูมิภาค รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าเสรีและการลงทุนระหว่างประเทศในเอเชีย การพัฒนากลไกเพื่อคุ้มครองการลงทุน และความร่วมมือในการแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญระหว่างศูนย์กลางทางการเงินในเอเชีย เพื่อขยายตลาดทุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันทางการเงินของเอเชีย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการถ่ายเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ความมั่นคงด้านพลังงาน อาหาร และน้ำ ตลอดจนยืนยันความจำเป็นในการต่อต้านการก่อการร้ายในทุกรูปแบบ โดยเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกร่วมกันส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกลุ่มอารยธรรม วัฒนธรรม และศาสนาต่าง ๆ และร่วมกันต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัด ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
| 27073 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี 2556 - 2557 | นร11 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ในไตรมาสก่อนหน้า ในด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาครัฐบาล ในขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัว ในด้านการผลิต การขยายตัวมีปัจจัยสนับสนุนจากสาขาการโรงแรมและภัตตาคาร การเงิน และคมนาคมขนส่งที่ยังคงขยายตัว เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองของปี ๒๕๕๖ และปรับผลของฤดูกาลออก ขยายตัวร้อยละ ๑.๓ รวม ๙ เดือนแรกของปี เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๓.๗ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำกว่าช่วงการประมาณการร้อยละ ๓.๘-๔.๓ ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ เนื่องจากการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ และปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งปีมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายการผลิตของภาคเอกชนที่ ๒.๕ ล้านคัน รวมทั้งการดำเนินการตามแผนการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตลอดจนผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน การบริโภคของครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๘ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๐.๙ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๒.๔ และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๗ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๐-๕.๐ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๗.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๗ และร้อยละ ๗.๑ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๒.๑-๓.๑ และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๖ ของ GDP ๓. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๖ และในปี ๒๕๕๗ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๖ ยังมีข้อจำกัดจากการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลก และการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตัวในระดับที่น่าพอใจตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การบริหารเศรษฐกิจจึงควรให้ความสำคัญกับประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การเร่งรัดการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้เต็มศักยภาพ การเร่งรัดการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน การเร่งรัดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการดูแลสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
|
|||||||||||||||||||||
| 27074 | ร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรที่มีความจำเป็นต้องผลักดันให้เป็นกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล | นร | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสันติ พร้อมพัฒน์) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้แจ้งรายชื่อร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรที่มีความจำเป็นต้องผลักดันให้เป็นกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ทันสมัยประชุมสามัญทั่วไป หรือสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ๒. ร่างพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อยู่ระหว่างรอการพิจารณาวาระที่ ๒ ๓. ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... อยู่ระหว่างรอการพิจารณาวาระที่ ๒ ๔. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... อยู่ระหว่างรอการพิจารณาวาระที่ ๒ ๕. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ๖. ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||
| 27075 | การแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (จำนวน 39 คน 1. ศาสตราจารย์บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ฯลฯ) | นร01 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ จำนวน ๓๙ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. สาขาการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๑ ศาสตราจารย์บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ๑.๒ ศาสตราจารย์แสวง บุญเฉลิมวิภาส ๑.๓ ศาสตราจารย์อาวุธ ศรีศุกรี ๑.๔ นายวิชัย โชควิวัฒน ๒. สาขาต่างประเทศและความมั่นคงของประเทศ ๒.๑ ศาสตราจารย์พิเศษนรนิติ เศรษฐบุตร ๒.๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา ๒.๓ นางจิราพร บุนนาค ๒.๔ นายประวิทย์ สุขวิบูลย์ ๒.๕ นายพรชัย ด่านวิวัฒน์ ๓. สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการเกษตร ๓.๑ ศาสตราจารย์กิตติคุณพีระศักดื์ จันทร์ประทีป ๓.๒ ศาสตราจารย์พิเศษสันทัด โรจนสุนทร ๓.๓ ศาสตราจารย์เกษม จันทร์แก้ว ๓.๔ ศาสตราจารย์ไพศิษฐ์ พิพัฒนกุล ๓.๕ ศาสตราจารย์สมชาติ โสภณรณฤทธิ์ ๓.๖ ศาสตราจารย์สุนทร มณีสวัสดิ์ ๔. สาขาเศรษฐกิจ และการคลังของประเทศ ๔.๑ ศาสตราจารย์พิเศษชมเพลิน จันทร์เรืองเพ็ญ ๔.๒ รองศาสตราจารย์ธวัชชัย สุวรรณพานิช ๔.๓ รองศาสตราจารย์นิพนธ์ พัวพงศกร ๔.๔ รองศาสตราจารย์สหธน รัตนไพจิตร ๔.๕ นางสาวภัทรา สกุลไทย ๕. สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๕.๑ พลเอก สุพิทย์ วรอุทัย ๕.๒ ศาสตราจารย์เกียรติคุณเทพ หิมะทองคำ ๕.๓ ศาสตราจารย์พิเศษเรวัต ฉ่ำเฉลิม ๕.๔ ศาสตราจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ๕.๕ รองศาสตราจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ๕.๖ รองศาสตราจารย์สมยศ เชื้อไทย ๕.๗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปราโมทย์ ประจนปัจจนึก ๕.๘ ร้อยโท วิรัช พันธุมะผล ๕.๙ นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ ๕.๑๐ นายชัยรัตน์ มาประณีต ๕.๑๑ นายธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์ ๕.๑๒ นางธิดา ศรีไพพรรณ์ ๕.๑๓ นางแน่งน้อย วิศวโยธิน ๕.๑๔ นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ๕.๑๕ นายพูลประโยชน์ ชัยเกียรติ ๕.๑๖ นางมัลลิกา คุณวัฒน์ ๕.๑๗ นายวัฒนา รัตนวิจิตร ๕.๑๘ นายศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ๕.๑๙ นายสุพจน์ ไพบูลย์
|
|||||||||||||||||||||
| 27076 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายนที ทับมณี) | พน | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายนที ทับมณี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27077 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 9 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน และข้อผูกพันเปิดตลาดการค้า บริการชุดที่ 9 ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน | พณ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๙ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน และข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๙ ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ซึ่งมิได้แก้ไขเงื่อนไขทั่วไปในตารางข้อผูกพันบริการโทรคมนาคม ตามความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๙ ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน) เนื่องจากการเพิ่มเติมเงื่อนไขข้อผูกพันดังกล่าวต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาเพื่อขอความยินยอมจากคณะกรรมการประสานงานด้านบริการอาเซียน และอาจส่งผลให้ไทยไม่สามารถลงนามพิธีสารฯ ได้ตามกำหนดเวลา รวมทั้งยังมีขั้นตอนการเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบสำหรับการลงนามดังกล่าว ซี่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไม่ขัดข้องหากไม่มีการปรับปรุงข้อผูกพันบริการโทรคมนาคมภายใต้ข้อผูกพันชุดที่ ๙ ของไทยในกรอบอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอพิธีสารฯ ไปเพื่อขอความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. เห็นชอบความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับประเด็นการตีความเงื่อนไขทั่วไปข้อผูกพันบริการโทรคมนาคม ควรมีการหารือและซักซ้อมความเข้าใจระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27078 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27079 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดสงขลา | นร11 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. โครงการในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน จำนวน ๕ จังหวัด (จังหวัดสงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี) ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๑.๑ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ได้แก่ โครงการถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนบ้านประกอบ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา โครงการที่พักริมทาง (Amazing Rest Area) โครงการศูนย์บริการยกระดับมาตรฐานธุรกิจบริการและ OTOP กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (สงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี) และโครงการติดตั้งเครื่องตรวจจับภาพใต้ท้องรถ ๑.๒ จังหวัดสงขลา ได้แก่ โครงการก่อสร้างถนนลอดทางรถไฟเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดสงขลา โครงการผลิตภัณฑ์ยางคอม-ปาวด์ (Compound Rubber) และการปรับปรุงโรงอัดยางก้อนในสถาบันเกษตรกร โครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสตูล และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองละงู ๑.๓ จังหวัดยะลา ได้แก่ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และที่พักริมทางจากเบตงสู่ทะเลสาบป่าฮาลาบาลาจังหวัดยะลา ๑.๔ จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์การค้าชุมชนอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โครงการเพิ่มศักยภาพด่านชายแดนบูเก๊ะตา โครงการปรับปรุงเขื่อนท่าพระยาสายบริเวณพลับพลาที่ประทับ โครงการพัฒนาศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะให้เป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โครงการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยฉุกเฉินเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพประชาชนจังหวัดนราธิวาส และโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สายสามัญแบบบูรณาการภาครัฐและเอกชน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖) ๑.๕ จังหวัดปัตตานี ได้แก่ โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เศรษฐกิจ จังหวัดปัตตานี โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและป้องกันน้ำเค็มเพื่อเสริมสร้างสันติสุขบ้านสารวัน จังหวัดปัตตานี และโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดปัตตานี ๒. การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) กำหนดในวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๓๐ น.-๑๗.๓๐ น. ณ ห้องประชุมชั้น ๔ อาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จังหวัดสงขลา
|
|||||||||||||||||||||
| 27080 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
.....
