ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1360 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27181 - 27200 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27181 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 | กษ | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ ของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เป้าหมาย จำนวน ๑,๑๓๗,๖๖๓ ครัวเรือน มาขึ้นทะเบียนเกษตรกร จำนวน ๑,๑๙๓,๓๓๒ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๔.๘๙ ๒. ผู้ที่มายื่นคำร้องบางส่วนมีเอกสารไม่ครบถ้วนอยู่ระหว่างการรอเอกสารเพิ่มเติม จำนวน ๗๒,๙๗๐ ครัวเรือน และผู้ที่มีเอกสารครบถ้วน จำนวน ๑,๑๒๑,๖๐๐ ครัวเรือน ๓. จากเกษตรกรที่มาขอขึ้นทะเบียน จำนวน ๑,๑๙๓,๓๓๒ ครัวเรือน บันทึกข้อมูลลงระบบแล้ว จำนวน ๙๘๐,๐๔๔ ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่เข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ ๑๒.๕๘ ล้านไร่ แยกเป็นผู้ที่พร้อมตรวจสอบแปลงได้ จำนวน ๖๘๒,๕๐๓ ครัวเรือน และผู้ที่ยังไม่สามารถตรวจสอบแปลงในขณะนี้ได้ จำนวน ๒๙๗,๕๔๑ ครัวเรือน ๔. การตรวจสอบแปลงขณะนี้กำลังตรวจสอบแปลงปลูก (ทุกแปลง) จำนวน ๕๔๑,๙๙๑ ครัวเรือน ตรวจสอบเสร็จแล้วและออกใบรับรองแล้ว จำนวน ๕๖,๐๘๓ ครัวเรือน จำนวน ๗๖,๐๓๐ แปลง ๕. เกษตรกรนำใบรับรองไปรับเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว จำนวน ๒๓,๖๖๕ ครัวเรือน จำนวน ๓๒,๐๖๔ แปลง เป็นเงินที่ ธ.ก.ส. โอนให้เกษตรกรแล้ว จำนวน ๕๗๘,๐๖๔,๖๙๐ บาท ๖. กำลังเร่งรัดประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรมารับใบรับรองและเร่งการตรวจสอบแปลงให้เร็วขึ้น |
|||||||||||||||||||||
| 27182 | รับทราบรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ 23 สิงหาคม 2554 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2555) | สว | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕) ต่อวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ นั้น วุฒิสภาได้พิจารณารับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
| 27183 | การลงนามในร่างพิธีสารสรุปความตกลงเปิดตลาดทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและเซเชลส์ภายใต้กระบวนการภาคยานุวัติเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของเซเชลส์ | พณ | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในสารัตถะของร่างพิธีสารสรุปความตกลงเปิดตลาดทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและเซเชลส์ภายใต้กระบวนการภาคยานุวัติเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของเซเชลส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยเร่งรัดกระบวนการลงนามในพิธีสารสรุปความตกลงฯ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประเทศอื่น ๆ เข้าใจผิดว่าการดำเนินการล่าช้าของประเทศไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อกีดกันการเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของเซเชลส์ ๑.๒ ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ๒. ทั้งนี้ ไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามพิธีสารฯ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบและศึกษากฎ ระเบียบ และมาตรการทางด้านการค้าและการลงทุนของเซเชลส์ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าได้โดยไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27184 | กฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. 2556 | คค | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. ๒๕๕๖ มีสาระสำคัญคือ กำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจรสำหรับการจราจรบนทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยร่วมกันลงนามในกฎกระทรวงฉบับนี้ใหม่ สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามประกาศกระทรวงฯ ให้กรมทางหลวงใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้วในแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผลผลิตโครงข่ายทางหลวงมีความปลอดภัย กิจกรรมอำนวยความปลอดภัยเพื่อป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาในการปรับปรุงป้ายจราจรที่ใช้ภาษาอังกฤษสำหรับบางเมืองหรือจังหวัดที่เขียนแตกต่างจากหลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงของราชบัณฑิตยสถานจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในการเขียนแบบนั้น เพื่อให้ชาวต่างประเทศเข้าใจได้โดยถูกต้อง ๓. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และราชบัณฑิตยสถาน ประสานและหารือร่วมกันในการจัดทำป้ายจราจร ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยว และป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้มีภาษาของประเทศที่มีเขตแดนติดต่อกับประเทศไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27185 | "การขยายระยะเวลาแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแห่งชาติและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน" และ "แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน พ.ศ. 2556 - 2562 ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแห่งชาติ" | มท | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบในหลักการตามที่คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแห่งชาติ จาก “พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๙” เป็น “พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๖๒” ๑.๒ อนุมัติให้ขยายระยะเวลายุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษจากหมอกควัน จาก “พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๙” เป็น “พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒” ๑.๓ เห็นชอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒ ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแห่งชาติ มีกรอบระยะเวลาการดำเนินการ ๗ ปี มีหน่วยงานร่วมบูรณาการทั้งสิ้น ๔๔ หน่วยงาน แผนงาน/โครงการ จำนวน ๑๕๓ แผนงาน/โครงการ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๐,๓๘๐.๖๒๑๗ ล้านบาท เป้าหมายของแผน ประกอบด้วย การจัดการไฟป่า ลดพื้นที่ไฟไหม้ป่าให้เหลือเพียงไม่เกินปีละ ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ จัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรทดแทนการเผาในพื้นที่อย่างน้อยปีละ ๖๐๐,๐๐๐ ไร่ และลดการเผาขยะมูลฝอยในที่โล่งโดยจัดให้มีการกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิธีและปลอดภัยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของจังหวัดทั้งหมด และมีการใช้ประโยชน์มูลฝอยไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ ของปริมาณมูลฝอยที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ๑.๔ เห็นชอบให้กระทรวง กรม องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแห่งชาติ และยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของงบประมาณให้ดำเนินการตามแผนฯ จำนวน ๑๐,๓๘๐.๖๒๑๗ ล้านบาท หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อไปดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น สำหรับในปีต่อไปให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าในการจัดทำแผนเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย ไฟป่า การเผาในที่โล่ง และหมอกควันนั้น ควรมุ่งเน้นไปที่สาเหตุของปัญหาและการป้องกันที่จะมีผลในระยะยาว เช่น การปลูกป่า การสร้างความชุ่มชื้น และการสร้างแนวป้องกันไฟ เป็นต้น และปรับปรุงแผนฯ ในระยะยาว โดยให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการป้องกันอัคคีภัยและหมอกควันในพื้นที่ของแต่ละชุมชนเอง เช่น การให้ชุมชนบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรแทนการเผาโดยนำไปใช้ประโยชน์อื่น หรือการกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี เป็นต้น ไปพิจารณาปรับปรุงแผน และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียต่อการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน และควรประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนทุกภาคส่วนให้เกิดความตื่นตัวในการป้องกันตนเอง ดำเนินการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการภัยจากอัคคีภัย ไฟป่า การเผาในที่โล่ง และหมอกควันอย่างเป็นระบบ และการสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอที่สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายได้ตามกิจกรรม/โครงการที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27186 | การปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2556 และ ปี 2557 | ศธ | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕ต เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี(นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๑.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รับรองเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ๑.๒ เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ และตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ มีหลักการ คือ กำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุให้ใกล้เคียงกับข้าราชการพลเรือนสามัญ และยึดโยงตามบัญชีเงินเดือนชั่วคราวของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ๑.๓ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราเงินเดือนและจำนวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรอง ๑.๔ เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนและจำนวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรอง (การปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุใหม่) โดยให้มีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ และในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ๑.๕ อนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ จำนวนเงินที่ใช้ปรับเพิ่ม ๒,๕๒๖,๗๘๒,๑๓๐ บาท โดยให้ใช้เงินเหลือจ่ายของแต่ละส่วนราชการก่อน หากไม่พอให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. งบประมาณสำหรับดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบบุคลากร หรือจากเงินงบประมาณที่มีเหลือจ่ายของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือน และเงินปรับวุฒิข้าราชการในลำดับต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27187 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (ศาสตราจารย์ พลศักดิ์ จิรไกรศิริ และนายแพทย์ เขตโสภณ จันวัฒนกุล) | คค | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์ พลศักดิ์ จิรไกรศิริ และนายแพทย์ เขตโสภณ จัตวัฒนกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ตามความในมาตรา ๑๐/๒ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27188 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 5/2556 | นร11 | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดลพบุรี ๒. เห็นชอบตามมติที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ ณ จังหวัดลพบุรี และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) ๒.๑.๑ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ๒.๑.๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อปรับปรุงรายละเอียดของโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรและยกระดับการผลิตอาหารปลอดภัยครบวงจรในพื้นที่ ๔ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง ให้มีความชัดเจน โดยพิจารณาใช้ประโยชน์จากงานวิจัยที่มีอยู่ของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นต้น ๒.๑.๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการจัดตั้งโครงการแปรรูปเถ้าแกลบ โดยพิจารณาใช้ประโยชน์จากงานวิจัยของหน่วยงานต่าง ๆ เป็นพื้นฐานในการดำเนินการ ๒.๑.๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะในชุมชน เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการโครงการฯ ได้อย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงกลไกดำเนินการที่มีอยู่ในพื้นที่ และสร้างกระบวนการให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมดำเนินโครงการฯ ให้เป็นโครงการนำร่องและขยายผลการดำเนินงานในพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อไป ๒.๑.๑.๔ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่กิจการด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์พื้นที่ ความเหมาะสมของอุตสาหกรรม ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสิทธิของประชาชนและชุมชนในการดำเนินโครงการฯ ๒.๑.๒ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ๒.๑.๒.๑ ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปประกอบการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินโครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวง ๔ ช่องจราจร ทางหลวงแนวใหม่สายทางหลวงหมายเลข ๓๑๙๕ บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๒ (ทางเลี่ยงเมืองอ่างทอง), โครงการขยายถนน ๔ ช่องจราจร ทางเลี่ยงเมืองลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข ๓๖๖) ระยะทาง ๑๙ กิโลเมตร, โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองลพบุรีด้านเหนือ ๔ ช่องจราจร ระยะทาง ๑๓ กิโลเมตร, โครงการเชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างจังหวัด โดยการขยายช่องการจราจรเป็น ๔ ช่องจราจร ตลอดเส้นทาง รวม ๒ เส้นทาง และการปรับปรุงทางแยกต่างระดับชัยนาทที่ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒) (กม. ๑๓๑+๕๙๕) ตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อขอรับการจัดสรรจัดงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนปกติต่อไป ๒.๑.๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการศึกษาทางหลวงแนวใหม่ ๔ ช่องจราจร แยกทางหลวงหมายเลข ๓๒ ทางเลี่ยงเมืองลพบุรี (๓๖๖) ระยะทาง ๒๕ กิโลเมตร ในรายละเอียดเพิ่มเติม ๒.๑.๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมประสานสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินโครงการศึกษาสร้างเกาะกลางแบบยกตัว ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑) ตรงสี่แยกเข้าชัยนาท-บ้านกล้วย กม. ๒๘๐+๕๗๘ (แยกหลวงพ่อโอ-ท่าน้ำอ้อย) ระยะทาง ๒๔.๙๘๔ กิโลเมตร ๒.๑.๓ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาในรายละเอียดของการดำเนินโครงการและขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้มุ่งเน้นการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโครงการฯ ๒.๑.๔ ข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เกี่ยวกับรายงานการติดตามความคืบหน้าประเด็นข้อเสนอตามมติที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๑-๗/๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับประเด็นข้อเสนอในกลุ่มที่ ๑ กลุ่มที่มีความสำคัญยิ่งและต้องดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วนไปประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป รวมทั้งให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบันเป็นแกนหลักร่วมติดตามความคืบหน้าประเด็นข้อเสนอในกลุ่มที่ดำเนินการแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๑.๕ เรื่องอื่น ๆ เสนอโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒.๑.๕.๑ การปรับการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้เป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ให้กระทรวงพลังงานรวมกับกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการเพื่อเร่งรัดการปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดความซ้ำซ้อน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ ๒.๑.๕.๒ การขอให้ปรับอัตราส่วนเพิ่มให้กับโรงไฟฟ้าชุมชนจากพลังงานทดแทนขนาดไม่เกิน ๑ เมกะวัตต์ ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการประกาศใช้อัตรารับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ของแต่ละประเภทของพลังงานทดแทนที่ชัดเจนโดยเร็ว โดยพิจารณาร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนมากขึ้น ๒.๑.๕.๓ โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถ SMEs ไทยสู่ประชาคมอาเซียน ระยะที่ ๒ (Innovation Coupon for SMEs) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ศึกษารายละเอียดการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๒ โดยนำผลการประเมินโครงการฯ ระยะที่ ๑ มาประกอบการพิจารณา และเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๕.๔ ข้อเสนอความเห็นต่อการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า IT (ITA Expansion) ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการทบทวนการเข้าร่วมการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงฯ โดยปรับรายการสินค้าตามหลักและเจตนารมณ์ของรายการสินค้า IT ให้ชัดเจน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศพิจารณาตามขั้นตอน ๒.๑.๕.๕ ข้อเสนอความคิดเห็นต่อกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน ให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน หารือร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงานรับข้อเสนอความคิดเห็นต่อกฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในการกำหนดอัตราการจ้างงานคนพิการของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ทั้งนี้ ให้หน่วยงานของรัฐวิสาหกิจให้ความร่วมมือในการรับคนพิการเข้าทำงานเช่นเดียวกับภาคเอกชนด้วย ๒.๑.๕.๖ โครงการ “ทางรถไฟสายอันดามัน” ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปเร่งรัดดำเนินการในเส้นทางที่ได้ทำการศึกษารายละเอียดไว้แล้ว และพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการขยายโครงข่ายระบบรางให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒.๑.๕.๗ โครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อลดความสูญเสียจากกลุ่มอาการตายด่วน (Early Mortality Syndrome : EMS) และเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้ากุ้งทะเล ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง ร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอโครงการฯ และเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้ากุ้งทะเลไปพิจารณาในการวางแนวทางในการบริหารจัดการโครงการฯ ให้มีความชัดเจน สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว ๒.๑.๕.๘ กฎหมายป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของสหรัฐอเมริกา (Foreign Account Tax Compliance Act : FATCA) ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการผลักดันกรอบการเจรจา Intergovernmental Agreement (IGA) เรื่องกฎหมายป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของสหรัฐอเมริการะหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเ
|
|||||||||||||||||||||
| 27189 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 รวม 4 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี วันที่ 31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2556 | นร11 | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๒๑ โครงการ วงเงินรวม ๕๒๒.๙๓ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ๑.๒ ในกรณีโครงการใดที่หน่วยงานท้องถิ่นต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการและบำรุงรักษาภายหลังจากก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ให้จังหวัดประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๓ โครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำของทุกจังหวัดให้ส่งรายละเอียดการออกแบบโครงการเบื้องต้นเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพิจารณาให้ความเห็นในรายละเอียดก่อนดำเนินโครงการ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ (จังหวัดลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท) รวม ๔ จังหวัด จำนวน ๓๑ โครงการ วงเงินรวม ๑๖,๔๒๓.๔๒ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีตามลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตามขั้นตอน ๒. ในส่วนของโครงการเมืองเมล็ดพันธุ์ข้าว ชัยนาท วงเงิน ๗๔.๕๔๗๓ ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมการข้าว) ประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ [ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค)] เพื่อดำเนินงานวิจัยและพัฒนาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งพัฒนาให้จังหวัดชัยนาท เป็นศูนย์กลางผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดของประเทศและของโลกเช่นเดียวกับสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute : IRRI) ต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งพิจารณากำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และดำเนินการให้มีการใช้พันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ โดยให้นำมาใช้ให้ทันต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังรอบที่ ๒ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดจังหวัดที่จะต้องดำเนินการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัดของประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงการต่างประเทศให้ชัดเจน โดยให้กำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 27190 | ผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 | นร11 | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่โครงการที่มีความพร้อมและมีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ในกรอบวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ จังหวัดนนทบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียด คำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และจัดส่งให้สำนักงบประมาณโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้รับความเห็นไปดำเนินการต่อไป ๑.๑ ความเห็นของรัฐมนตรีว่าการฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง ที่ลงพื้นที่โครงการในกรอบวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ต่อโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี โครงการพัฒนาและบูรณะทางหลวงเพื่อความปลอดภัยและเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง โครงการพัฒนาสวนน้ำเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี โครงการเจ้าพระยาแลนด์ ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท และโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวระดับชั้นพันธุ์หลักและชั้นพันธุ์ขยายเพื่อเสริมสร้างระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ๑.๒ ความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการฯ เลขานุการรัฐมนตรีฯ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง ที่ลงพื้นที่โครงการในกรอบวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ของจังหวัด ๔ จังหวัด ๑.๒.๑ จังหวัดลพบุรี มีแผนงานโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริมบริการเยาวชนและผู้สูงวัย (จังหวัดลพบุรี) ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมืองลพบุรี โครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรกรทำการเกษตรอาหารปลอดภัย ตำบลศิลาทิพย์ อำเภอชัยบาดาล และตำบลคลองเกตุ อำเภอโคกสำโรง โครงการยกระดับเขตเมืองเก่าลพบุรีเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในระดับภูมิภาคอาเซียน อำเภอเมืองลพบุรี โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (วังแขม) อำเภอสระโบสถ์ โครงการศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว แก้มลิงหนองสมอใสตามแนวพระราชดำริ และโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรอาหารปลอดภัยพื้นที่แก้มลิงห้วยซับใต้ ๑.๒.๒ จังหวัดอ่างทอง มีแผนงานโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของโรงสีข้าวเทพประทาน ๒ ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนสำคัญเพื่อป้องกันอุทกภัย อำเภอเมืองอ่างทอง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพตลาดกลางข้าวเปลือกให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมืองอ่างทอง และตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ และโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ “อุทยานสวรรค์ ๑๑๕ ปี อ่างทอง หนองเจ็ดเส้น เฉลิมพระเกียรติฯ” ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองอ่างทอง และตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก ๑.๒.๓ จังหวัดสิงห์บุรี มีแผนงานโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ โครงการพัฒนาค่ายบางระจันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน โครงการพัฒนาและปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เกษตรปลอดภัยในพื้นที่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน และตำบลวิหารขาว อำเภอท่าช้าง และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑.๒.๔ จังหวัดชัยนาท มีแผนงานโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ โครงการเมืองเมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี และตำบลท่าชัย อำเภอเมืองชัยนาท และโครงการ CHAINAT BIRD LAND อำเภอเมืองชัยนาท ๒. ความเห็นและข้อสั่งการเพิ่มเติมในพื้นที่ดูงานของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ที่เห็นควรให้โครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำของทุกจังหวัดส่งรายละเอียดการออกแบบโครงการเบื้องต้นให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอขอรับการอนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 27191 | แนวทางการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์กระทรวง และแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด | นร11 | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์กระทรวง และแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และได้มีข้อสั่งการ ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้จังหวัดและหน่วยงานไปทบทวนและปรับแผนยุทธศาสตร์กระทรวง และแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยนำตัวชี้วัดของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่สำคัญมาใช้ในการทบทวนยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ และให้มีความครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ด้านการสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และด้านการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ เพื่อประกอบการจัดทำคำของบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๑.๒ ให้จังหวัดศึกษาวิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายรวม เป้าหมายระดับยุทธศาสตร์ของแผนยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยต้องตอบโจทย์ของประเทศ ได้แก่ กรอบยุทธศาสตร์ประเทศ กรอบยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง วงเงิน ๒ ล้านล้านบาท แผนการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และการจัดทำโซนนิ่งภาคเกษตรและผังเมือง รวมทั้งกำหนดเป้าหมายรวม ๔ ปี และจำแนกค่าเป้าหมายรายปีให้ชัดเจน ทั้งนี้ แผนงาน/โครงการต้องมีความเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยพิจารณาทั้งด้านการเพิ่มรายได้ และการลดต้นทุน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐบาล และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรอบยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการประสานจังหวัดในการปรับปรุงยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัด และจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ประสานส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงแผนและยุทธศาสตร์ระดับกระทรวงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศในระยะยาว และจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๕๘ ให้สอดคล้องและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของจังหวัดตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๒. ให้กระทรวง จังหวัดและกลุ่มจังหวัดเร่งประสานงานและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวง และแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินการ ซึ่งตามปฏิทินการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้กำหนดไว้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27192 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน | พน | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน โดยมีสาระสำคัญที่ระบุสาขาความร่วมมือด้านพลังงาน ได้แก่ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก และความร่วมมืออื่น ๆ ที่เห็นชอบร่วมกัน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นชอบของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
| 27193 | การให้ความช่วยเหลือนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ศอบต | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการช่วยเหลือนักศึกษาไทย จำนวน ๑,๒๐๐ คน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์กลับไปศึกษาต่อ โดยมีค่าใช้จ่ายในกรอบวงเงิน ๔๖,๔๔๘,๗๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่าย ดังนี้
๑. ให้ ศอ.บต. ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบรายจ่ายอื่น รายการโครงการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ๒. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๑,๔๔๘,๗๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว |
|||||||||||||||||||||
| 27194 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (29 - 30 พฤศจิกายน 2556) | นร | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกันแล้วเห็นควรจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์) เป็นเจ้าภาพหลัก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง วงเงิน ๒ ล้านล้านบาท ที่อำเภอหาดใหญ่ ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ๒. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในปี ๒๕๕๗ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรมีการปรับปรุงรูปแบบและจัดทำปฏิทินกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีฯ เป็นการล่วงหน้าให้เหมาะสม โดยในส่วนของโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ในแต่ละครั้งควรมีการศึกษาข้อมูลและอาจจัดทำโครงการไว้ล่วงหน้าเป็นโครงการใหญ่โครงการเดียวที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องต่อความต้องการของพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนและการสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่น โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแนวทางดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27195 | การแก้ไขปัญหาสินค้ากุ้งและปาล์มน้ำมัน | นร | 01/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้มีบุคคล (รัฐมนตรี) ที่รับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์การดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งเป็นผู้ประสานงานกิจการด้านสินค้าเกษตรกรณีสินค้ากุ้งและปาล์มน้ำมันในทำนองเดียวกับสินค้าเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ ทั้ง ๕ ชนิด (ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายไปแล้ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร) จึงมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบและประสานการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าเกษตรเพิ่มเติมอีก ๒ ชนิด ดังนี้
๑. กุ้ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ๒. ปาล์มน้ำมัน นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทั้ง ๒ ท่านดังกล่าวทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและประสานการดำเนินงานกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด โดยภารกิจหลักในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ยังคงเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ปกติ
|
|||||||||||||||||||||
| 27196 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | นร09 | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ ดังนี้ ๑.๑ แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม ๑.๒ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ๑.๓ ปรับปรุงบทบัญญัติในหมวด ๒ นิติบุคคลเฉพาะกิจ ๑.๔ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในการเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจ ๑.๕ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการกำกับดูแลนิติบุคคลเฉพาะกิจ ๑.๖ แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษกรณีความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง และมาตรา ๑๕/๑ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เห็นควรตรากฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจขึ้นใช้บังคับ โดยให้มีการผลักดันกฎหมายดังกล่าวไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความเข้มงวดกับการกำกับดูแลการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนและการทำธุรกรรมไขว้จากการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27197 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งจากคลองบางไผ่ใหญ่ถึงคลองบางสีทอง จังหวัดนนทบุรี | กษ | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งจากคลองบางไผ่ใหญ่ถึงคลองบางสีทอง จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๒๗,๐๐๖,๑๘๐.๔๘ บาท และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๗๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๐,๙๑๖,๑๘๐.๔๘ บาท ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ สำหรับค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๒๗,๐๐๖,๑๘๐.๔๘ บาท ให้กรมชลประทานขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่างานดังกล่าวต่อไป ๒. ในการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งดังกล่าว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ตรวจสอบข้อกฎหมาย และระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการเดินเรือในน่านน้ำไทย ประมวลกฎหมายที่ดิน และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น และดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย และระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประโยชน์สาธารณะโดยไม่กระทบถึงสิทธิของเอกชนที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่ได้ขยาย และก่อนการดำเนินโครงการก่อสร้างอื่นในอนาคต ควรมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียก่อน พร้อมทั้งมีการศึกษาออกแบบการก่อสร้างที่เหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้างอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อป้องกันการแก้ไขแบบก่อสร้างในภายหลัง ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างและสิ้นเปลืองงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27198 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา [นายจาง จิ้นสยง (Mr. Zhang Jinxiong)] | กต | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจาง จิ้นสยง (Mr. Zhang Jinxiong) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๔ จังหวัดภาคใต้ของไทย ได้แก่ จังหวัดสงขลา กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายสวี่ หมิงเลี่ยง (Mr. Xu Mingliang) ซึ่งจะครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27199 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายฆิลเบร์โต ฟอนเซกา กีมาไรช์ เด โมว์รา (Mr. Gilberto Fonseca Guimaraes de Moura)] | กต | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฆิลเบร์โต ฟอนเซกา กีมาไรช์ เด โมว์รา (Mr. Gilberto Fonseca Guimaraes de Moura) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายเปาลู เซซา เมราเด วาซคอนเซลลูช (Mr. Paulo Cesar Meria de Vasconcellos) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27200 | รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ | รง | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ และข้อสังเกตของคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินการระยะที่ ๑ ที่ประชุม กพร.ปช. ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงาน ระยะที่ ๑ การจัดทำกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานฯ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ ๕ ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาและยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ/ฝีมือแรงงาน ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาฐานข้อมูลด้านแรงงาน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ จัดทำแผนการพัฒนากำลังคน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ บริหารจัดการเครือข่ายการพัฒนาแรงงาน และยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมืออย่างเสรีในภูมิภาค ASEAN และมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่กำกับ ดูแล และรับผิดชอบการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในระยะที่ ๒ ให้บรรลุเป้าหมาย และให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ในระยะที่ ๒ ๑.๒ การดำเนินการระยะที่ ๒ ที่ประชุม กพร.ปช. ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงาน ระยะที่ ๒ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop เพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนได้ร่วมกำหนดเป้าหมายของการพัฒนาแรงงานและการฝึกอาชีพของประเทศ ประกอบด้วย เป้าหมายระยะสั้น (ภายใน ๒ ปี) เป้าหมายระยะกลาง (ภายใน ๕ ปี) และเป้าหมายระยะยาว (ภายใน ๑๐-๑๕ ปี) ๑.๓ การดำเนินการต่อไปในระยะที่ ๓ การพัฒนาแผนดำเนินงานและแผนปฏิบัติงาน (Roadmap) ของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การปรับบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐเพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการกำหนดทิศทาง การทำแผนปฏิบัติราชการ และการวางแผนตามระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะฝีมือแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้ตรงกับความต้องการแรงงานระดับอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน ๒ ล้านล้านบาท และนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ๒ ล้านล้านบาท ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๔ ข้อสังเกตของ กพร.ปช. ที่เห็นควรจัดตั้งสำนักเศรษฐกิจการแรงงาน กระทรวงแรงงาน ให้เป็นหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเทียบเท่ากรม เพื่อรองรับภารกิจด้านข้อมูลกำลังแรงงานในภาพรวมของประเทศทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน สามารถทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลความต้องการแรงงานทุกภาคส่วน พยากรณ์ตัวเลขความต้องการแรงงานทั้งรายอุตสาหกรรมและรายพื้นที่เป็นประจำทุก ๆ เดือน เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ทุกแห่งสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์และปรับปรุงการประมาณการหรือการคาดการณ์ตัวเลขด้านกำลังคนได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการส่งสัญญาณให้ภาคการศึกษาสามารถผลิตคนให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างถูกต้อง โดยมีระบบฐานข้อมูลสารสนเทศของศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติทำการสนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านแรงงานดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ในการพัฒนาแรงงานตามกรอบยุทธศาสตร์ควรจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
.....
