ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1352 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27021 - 27040 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27021 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิต ปี 2556/2557 | อก | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ในอัตรา ๙๐๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๖.๒๑ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๙๓๕.๔๘ บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๕๔ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน ๑.๒ ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เท่ากับ ๓๘๕.๗๑ บาทต่อตันอ้อย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งทบทวนโครงสร้างการคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อนำมาใช้ในการกำหนดราคาอ้อยที่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งควรเร่งหาข้อยุติเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายตามผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดอัตราการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยมีการหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้การปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 27022 | บทเพิ่มเติมของความตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินโครงการกลไกการหารือระดับภูมิภาคระหว่างสหภาพยุโรป - อาเซียน | กต | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อบทเพิ่มเติมของความตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินโครงการกลไกการหารือระดับภูมิภาคระหว่างสหภาพยุโรป-อาเซียน (Regional EU-ASEAN Dialogue Instrument : READI) โดยสาระสำคัญของบทเพิ่มเติมของความตกลงฯ ได้แก่ เพิ่มจำนวนเงินความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปอีก ๓.๓ ล้านยูโร จากเดิม ๔ ล้านยูโร รวมเป็นเงิน ๗.๓ ล้านยูโร โดยอาเซียนจะให้การสนับสนุนในส่วนที่มิใช่เงินมูลค่า ๒๕๐,๐๐๐ ยูโร รวมทั้งขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ READI จาก ๘๔ เดือน เป็น ๑๐๘ เดือน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบทเพิ่มเติมของความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องการเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าวผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย |
|||||||||||||||||||||
| 27023 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2556 | กค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ ผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และส่วนที่ ๒ รายงานผลสำเร็จของโครงการเงินกู้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมในเขตปฏิรูปที่ดินด้วยการพัฒนาการเกษตรแบบผสมผสานของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม และโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ ๖ ของการประปานครหลวง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27024 | มาตรการเร่งด่วนรองรับสถานการณ์พายุและฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ | นร04 | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนรองรับสถานการณ์พายุและฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เสนอ ดังนี้
๑. ให้กรมอุตุนิยมวิทยาขยายการประกาศเตือนภัยล่วงหน้าเป็น ๗-๑๐ วัน (แทน ๓ วัน) ๒. ให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเพิ่มประเภทการเตือนภัยขึ้นอีกหนึ่งระดับ คือ ประกาศเตือนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยเน้นให้สื่อสารมวลชนทุกแขนงทราบ ๓. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มประกาศเตือนขึ้นอีกหนึ่งระดับ คือ ประกาศเตือนประชาชนเพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อม ๔. ให้หน่วยงานภาคปฏิบัติในการเผชิญเหตุสามารถตัดสินใจออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทันทีโดยไม่ต้องรอการสั่งการ ๕. ให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอพยพประชาชนล่วงหน้า ในกรณีที่มั่นใจว่าจะเกิดเหตุซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ๖. ให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม ๗. มอบหมายสื่อของรัฐทุกแขนง เช่น กรมประชาสัมพันธ์ ให้ข่าวสารการเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง และให้แถลงในโอกาสแรกก่อนข่าวประเภทอื่น ๆ (ยกเว้นข่าวในพระราชสำนักฯ) ๘. ให้กระทรวงกลาโหมสั่งการเตรียมความพร้อม (Stand by) กำลังพลในช่วงระหว่าง ๒ เดือนนี้ (พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๕๖) ๙. ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้าระดับภาค (Forward Command) ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ณ จังหวัดสงขลา โดยให้ผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าและให้มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าประจำการ
|
|||||||||||||||||||||
| 27025 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์และขอลาออก) (จำนวน 3 ราย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ฯลฯ) | มท | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งด้วยอายุครบ ๖๕ ปี และขอลาออก รวม ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ๒. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๓. นายดนุชา พิชยนันท์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนนายชัยธวัช เสาวพนธ์ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง)
|
|||||||||||||||||||||
| 27026 | ร่างถ้อยแถลงร่วมในโอกาสประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถานเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล | กต | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทย-เติร์กเมนิสถาน ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถาน ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยเอกสารถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและเติร์กเมนิสถานในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศด้านความสัมพันธ์ในกรอบทวิภาคี และความร่วมมือในกรอบภูมิภาคและพหุภาคี และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนมีการเผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 27027 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) (จำนวน 8 ราย 1. นายวิทยา อธิปอนันต์ ฯลฯ) | กษ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง จำนวน ๘ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายวิทยา อธิปอนันต์ ๒. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส ๓. นายอภัย สุทธิสังข์ ๔. นายวราวุธ ขันติยานันท์ ๕. นางนันทิยา อุ่นประเสริฐ ๖. นายโอภาส กลั่นบุศย์ ๗. นายสมปอง อินทร์ทอง ๘. นางวีณา พงศ์พัฒนานนท์
|
|||||||||||||||||||||
| 27028 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเติร์กเมนิสถาน | กต | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเติร์กเมนิสถาน (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of Turkmenistan on Technical Cooperation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การส่งคณะผู้แทนไทยไปศึกษา ติดตามและประเมินผลโครงการพัฒนา การแลกเปลี่ยนการไปปฏิบัติงานของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ อาสาสมัคร และอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม ส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งจัดทำโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การให้ความช่วยเหลือในโครงการเฉพาะต่างๆ ในสาขาที่มีความสำคัญตามนโยบายของแต่ละฝ่าย และในสาขาที่เป็นความสนใจร่วมกัน รวมถึงความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่ตกลงร่วมกัน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 27029 | การแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (นายสมชาย ชาญณรงค์กุล และนายจุมพล สงวนสิน) | กษ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจุมพล สงวนสิน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||
| 27030 | เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในระหว่างวันที่ 29 - 30 พฤศจิกายน 2556 ณ จังหวัดสงขลา | นร | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า เนื่องจากในขณะนี้ได้เกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดของภาคใต้ ส่งผลให้เกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม เส้นทางคมนาคมหลายสายชำรุดเสียหายจนไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับกำลังจะมีพายุเข้ามาอีก ๑ ลูก ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถระดมทรัพยากรไปเพื่อการดำเนินการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดสงขลาออกไปก่อน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดวันสำหรับการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27031 | การประเมินค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา รอบที่ 3 | นร01 | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เกณฑ์ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา รวมทั้งขั้นตอนและวิธีการประเมินตนเอง รอบที่ ๓ ซึ่งจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเกณฑ์ชี้วัด จำนวน ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านงานส่งเสริมคุณภาพชีวิต ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อย ด้านการวางแผน การส่งเสริมการลงทุน พาณิชยกรรมและการท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและด้านศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น จำแนกเป็น ๑.๑.๑ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก จำนวน ๑๓ ภารกิจ ๔๖ ตัวชี้วัด ๑.๑.๒ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะของกรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๓ ภารกิจ ๔๙ ตัวชี้วัด ๑.๑.๓ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะของเมืองพัทยา จำนวน ๑๘ ภารกิจ ๗๓ ตัวชี้วัด ๑.๒ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทางด้านเทคนิค วิชาการ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนจากส่วนราชการได้มาตรฐานตามเกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนการประเมินตนเองตามเกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะดังกล่าว โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผนวกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลปะ วัฒนธรรมในงานด้านส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้รวมอยู่ในงานด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งควรเพิ่มงานด้านศาสนาเป็นเกณฑ์ตัวชี้วัดในงานด้านดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดเชิงคุณภาพเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงาน/ศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพการจัดบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27032 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง | มท | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง แทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศ กระทรวงการคลัง) ๒. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศ กระทรวงการคลัง) ๓. พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ๔. นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๕. พลตำรวจตรี พีรพันธุ์ เปรมภูติ ข้าราชการบำนาญ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๖. นายหิรัญ พรหมมา ข้าราชการบำนาญ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๗. นายวิทูร จงเจริญพรชัย อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กิจการองค์กรและสังคมการไฟฟ้า) ๘. นายนริศ ศรีนวล อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการ รัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๙. นายชัยธวัช เสาวพนธ์ ข้าราชการบำนาญ รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๑๐. นางกัญญารัตน์ ศรีบุญงาม ธุรกิจส่วนตัว ๑๑. นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการบริษัท เอ็มโซลูชั่น จำกัด (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๑๒. พันตำรวจโท กุลธน ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการบริษัท เวย์บียอน จำกัด
|
|||||||||||||||||||||
| 27033 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ เพื่อให้มีการกำหนดนโยบายของรัฐที่ชัดเจนและแน่นอนในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่ครบถ้วน สมบูรณ์ ๒. เห็นว่าตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ การร่วมลงทุนต้องผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และมีขั้นตอนในการที่จะเสนอผ่านหลายหน่วยงานหลายชุดของคณะกรรมการ ซึ่งไม่มีความจำเป็น และหน่วยงานอาจไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในกิจการต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ทำให้เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ ๓. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีความโปร่งใสและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและหลักวินัยการเงิน การคลัง การส่งเสริมและสนับสนุนการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๔. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน กล่าวคือ มีคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเป็นผู้กำหนดนโยบาย มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนโยบายหลักของหลักการร่วมทุนกับเอกชน วิธีการในการที่จะนำเสนอโครงการของแต่ละหน่วยงานจะต้องมีที่ปรึกษา มีข้อกำหนดว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งมีความชัดเจนกว่ากฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ยังขาดกรอบการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ๕. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่แน่นอนซึ่งตามร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศว่าจะเดินทางทิศใดและต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ดังนั้น กระทรวงทุกกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ต้องดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กำหนดเกี่ยวกับการลงทุนไว้อย่างชัดเจน ๖. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้จะมีความชัดเจนว่า ๑) ยุทธศาสตร์ใดที่เจ้ากระทรวงหรือหน่วยงานใดเสนอมาต้องมีความชัดเจนและอยู่ภายในกรอบยุทธศาสตร์หลักที่กำหนดไว้ ๒) ในการพิจารณาแต่ละขั้นตอน มีกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น ไม่เกิน ๖๐ วัน หรือต้องอนุมัติภายใน ๖๐ วัน และ ๓) ในแต่ละขั้นตอนต้องมีที่ปรึกษาที่สามารถให้คำปรึกษาในโครงการได้ ๗. โครงการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ทุกโครงการก่อนที่จะดำเนินการ หน่วยงานที่จะเสนอโครงการต้องอ่านและเข้าใจยุทธศาสตร์หลักและต้องใช้เป็นแม่บทในการเขียนโครงการ โดยเฉพาะต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเป็นผู้เห็นชอบในหลักการ การดำเนินการให้มีประสิทธิภาพตามร่างพระราชบัญญัตินี้จะเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นหลักในระยะเริ่มแรก ๘. โดยที่ปัจจุบันผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐได้รับจากเอกชนในการให้สัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม และการให้ประทานบัตรตามกฎหมายว่าด้วยแร่ มิได้อยู่ภายใต้หลักผลตอบแทนตามสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนที่เป็นธรรม โดยถือว่ารัฐไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จึงมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของเอกชนฝ่ายเดียว ดังนั้น จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม และกฎหมายว่าด้วยแร่ เพื่อบัญญัติให้นำหลักผลตอบแทนตามสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ทั้งนี้ เพื่อให้การแบ่งผลตอบแทนระหว่างรัฐและเอกชนมีสัดส่วนที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
| 27034 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล เรื่อง "กรณีกล่าวหาการทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง" | สว | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 27035 | แจ้งผลคดีหมายเลขดำที่ 76/2555 คดีหมายเลขแดงที่ 1612/2556 ระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม 4 คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ | อส | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ๗๖/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๑๒/๒๕๕๖ ระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม ๔ คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม ๕ คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
|
|||||||||||||||||||||
| 27036 | ขออนุมัติอัตรากำลังเพิ่มใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ | ศธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับการขออนุมัติอัตรากำลังเพิ่มใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ เพื่อรองรับการเปิดการสอนในคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลิตแพทย์และเป็นสาขาวิชาที่มีความขาดแคลนและจำเป็นต่อการให้บริการทางวิชาการและการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การขอสนับสนุนนโยบายการโอนย้ายข้าราชการจากส่วนราชการอื่นมารับราชการในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี) ซึ่งอนุมัติในหลักการให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีวิทยาเขตในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) สามารถใช้อัตราข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ว่างลงจาการเกษียณอายุและอัตราว่างโดยเหตุอื่น เพื่อรองรับการโอนย้ายข้าราชการต่างประเภทจากส่วนราชการอื่นมาเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะตัว โดยต้องปฏิบัติงานในตำแหน่งวิชาการซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัยเท่านั้น ๒. ในส่วนกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์นั้น เห็นสมควรให้การสนับสนุนอัตรากำลังเพิ่มใหม่ตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ จำนวน ๑๕๐ อัตรา โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ (คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์) ไปดำเนินการเกลี่ยอัตรากำลังให้เป็นสายผู้สอนและสายสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงค่าตอบแทน สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ รวมทั้งความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ของพนักงานมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนและสามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรไว้ในระบบ ภายใต้ความจำเป็นตามภาระงานของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27037 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... | มท | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาตาล่วง ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลทับเที่ยง ตำบลบางรัก ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ และตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27038 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||
| 27039 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 | ทส | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27040 | ขออนุมัติใช้สิทธิรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | อก | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ข้าราชการพลเรือน ตำแหน่งปลัดกระทรวงอุสาหกรรม ใช้สิทธิรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในอัตราเดือนละ ๔๑,๐๐๐ บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ รวมวงเงินงบประมาณ ๔๙๒,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม งบดำเนินงาน จากรายการค่าเช่ารถยนต์ ซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ จำนวน ๔๙๒,๐๐๐ บาท โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการค่าเช่ารถยนต์เป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามนัยข้อ ๗ (๑) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
.....
