ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 121 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2401 - 2420 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2401 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๗๒ คน
(เท่ากับจำนวนที่มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๗)
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2402 | การผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง รวมถึงในอดีตถือเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น
หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน - หลวงพระบางให้เป็นเมืองคู่แฝดมรดกโลก
ก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนและผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจังหวัดน่านให้มีความสะดวก
ปลอดภัย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายสนามบินและขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของสนามบินจังหวัดน่านให้สามารถให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2403 | โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการคลัง [ธนาคารออมสิน
และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)]
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรดำเนินการตามแผนและใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ
รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้บรรจุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ตลอดจนขอให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
และควรมีแนวทางในการชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐให้เป็นไปตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการใช้กลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย
(Risk-Based Pricing) เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินสะท้อนตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับเพิ่มกลุ่มเป้าหมายของโครงการสินเชื่อ
IGNITE THAILAND ให้ครอบคลุมถึงวิสาหกิจรายย่อย (Micro SMEs) สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนด้วย
รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2404 | ให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี กรณีรัฐจะจ่ายเงินชดเชย หรือเยียวยาบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการว่า ในกรณีที่รัฐจะจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตามกฎหมายหรือระเบียบใด
ๆ ให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยว่า
สมควรยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยหรือเยียวยาดังกล่าวด้วยหรือไม่
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2405 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... | คค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร
และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคลอัตราใหม่ตามวิธีการในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น ๑๗ บาท สูงสุด ๔๕ บาท เพื่อให้การปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน
และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ก่อนวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง
เห็นว่าการให้คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีอำนาจในการกำหนดส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบระหว่างรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ ภายในความรับผิดชอบของ รฟม.
และรวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้านอกความรับผิดชอบของ รฟม. ตามร่างข้อบังคับ รฟม. ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารฯ
จะต้องพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบต่อการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทและ/หรือส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและฐานะทางการเงินของ รฟม.
ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาระในการอุดหนุนงบประมาณของภาครัฐในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2406 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises
: SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee
Scheme ระยะที่ ๑๑ เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตได้ในระยะยาว
รวมถึงเป็นการสนับสนุนศักยภาพด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาล ตลอดจนการปรับตัวเพื่อรับมือให้ทันกับสถานการณ์หรือวิกฤตที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ สำหรับภาระงบประมาณของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑ วงเงินรวม ๗,๑๒๕
ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง [บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.)] ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการเก็บค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น
ค่าธรรมเนียมการจ่ายค่าประกันชดเชย ค่าจัดการค้ำประกัน
ค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ให้ บสย. พิจารณาเก็บค่าธรรมนียมด้วยความเหมาะสมและเป็นธรรม
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ และการดำเนินการตามมาตรการ/โครงการที่มีผลทำให้รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ
จะต้องดำเนินการให้อยู่ภายในสัดส่วนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
ตามมาตรา ๒๘ และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริงตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรพิจารณาจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ
และอัตราค่าธรรมเนียมที่รัฐบาลจ่ายแทนให้แก่ SMEs แต่ละโครงการย่อยให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย SMEs ที่ควรได้รับความช่วยเหลือเป็นสำคัญ
เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (บสย.)
ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑
ไม่ให้เกิดความช้ำซ้อนกับโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และโครงการให้ความช่วยเหลือ
SMEs อื่น ๆ ในลักษณะเดียวกันด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง บสย.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง
รวมทั้งประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของโครงการฯ
ให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ถูกต้อง
เพื่อให้สามารถเข้าถึงการค้ำประกันสินเชื่อได้อย่างทั่วถึงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2407 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (ปรับปรุงช่วงที่ 1 พ.ศ. 2566 - 2580) | นร.14 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐)
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน
รวมถึงแผนปฏิบัติการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดเป้าหมายรายลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับ
(ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ -
๒๕๘๐) ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาน้ำให้เพียงพอสำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงต่อไปในอนาคตและจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก
รวมทั้งให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทั้งระบบให้เกิดความสมดุล
ครอบคลุมถึงภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ และด้านอื่น ๆ ด้วย ๒.ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
โดยคำนึงถึงวงเงินงบประมาณของประเทศที่จะดำเนินการตามแผนให้ประสบผลสำเร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับ รวมทั้งประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
และมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
กำกับ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ
๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐) และรายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๑๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรให้มีการปรับปรุงรายละเอียดเป้าหมาย การดำเนินงาน
และหน่วยงานรับผิดชอบ ในภาคผนวก ก ค่าเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ในด้านที่ ๕ การบริหารจัดการ
ให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่
๑) พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้
ในการดำเนินโครงการผันน้ำจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดชลบุรี
เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่
EEC ให้เพียงพอและมีความยั่งยืน
โดยให้มีการพิจารณาเปรียบเทียบระบบการผันน้ำ โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างท่อส่งน้ำ
การก่อสร้างคลองส่งน้ำ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความเหมาะสม คุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2408 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยเยียวยาที่ได้รับจากกรมประมงตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน) | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่เจ้าของเรือประมงสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการชดเชยเยียวยาจากกรมประมง
เนื่องจากการเข้าร่วมโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
ระยะที่ ๑ (ระยะเร่งด่วน) (ช่วงปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓) และระยะที่ ๒ (ช่วงปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖
) เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาษีให้เจ้าของเรือประมงในการมีทุนในการประกอบอาชีพอื่น
และบรรเทาหนี้สินอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2409 | ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567) | ปสส. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอ ๑ ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ๒. ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม
๔ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2410 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567) | ปสส. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖
มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2411 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ รวม ๒ ราย ตามลำดับ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2412 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์) | นร.04 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจักรพงษ์ แสงมณี) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2413 | รัฐบาลราชอาณาจักรเดนมาร์กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย (นายแดนนี แอนนัน) | กต. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายแดนนี แอนนัน (Mr. Danny Annan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายยอน ทัวร์กอร์ด (Mr. Jon
Thorgaard) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2414 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางรัชนี พึ่งพาณิชย์กุล) | ศธ. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางรัชนี พึ่งพาณิชย์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักนโยบายและแผนการศึกษา
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2415 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่ง ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง
การศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
(โครงการแลนด์บริดจ์)
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
(โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2416 | รายงานประจำปี 2566 ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(กสศ.) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑) กสศ. ได้ดำเนินภารกิจโดยมีกลุ่มผู้รับประโยชน์สามารถเข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้
รวม ๒,๙๐๙,๙๖๐ คน-ครั้ง และมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ๒ ภารกิจ ได้แก่ (๑)
ภารกิจสนับสนุนให้เข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้ เช่น กสศ. ร่วมกับ ๖
หน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษา มีการจัดเงินอุดหนุนแก่นักเรียน ๒,๘๓๙,๒๕๓ คน มีผู้รับทุนการศึกษาสะสม รวม ๙,๙๙๑ คน ดำเนินโครงการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา
(ทุนเสมอภาค) เพื่อบรรเทาอุปสรรคในการมาเรียนและเพื่อให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสยังคงอยู่ในระบบการศึกษา
และ (๒) ภารกิจมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลง เช่น มีการพัฒนาครู นักจัดการเรียนรู้
และบุคลากรทางการศึกษา จำนวน ๑๙,๐๕๐ คน
และมีนักเรียนได้รับประโยชน์ ๑๒๗,๐๐๐ คน มีการพัฒนาตัวแบบการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่
รวมทั้งสิ้น ๑๕ จังหวัด และ ๒) รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2417 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | ศย. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2418 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน) | ตผ. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2419 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาองค์การนักศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านวิชาชีพและทักษะชีวิตสำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การพัฒนาองค์การนักศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านวิชาชีพและทักษะชีวิตสำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา
ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณา หรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2420 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือ และการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือ และการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการยื่นหนังสือรับรองจากกรมประมงประกอบคำขอรับใบอนุญาตใช้เรือสำหรับเรือประมง
อันเป็นการบรรเทาภาระและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขออนุญาต
โดยกำหนดเอกสารและหลักฐานเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับสภาพการณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|