ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 127 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2521 - 2540 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2521 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ (ASEAN Recommendations on Quality Health Care) | สธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
(ASEAN Recommendations on
Quality Health Care) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
โดยร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสนอแนวทางที่สำคัญในการยกระดับและส่งเสริมการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและในภูมิภาค
เพื่อมุ่งให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์เสริมในประเทศสมาชิกอาเซียน
รวมถึงการเข้าถึงระบบการให้บริการสุขภาพถ้วนหน้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ
มิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตาม ม. ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2522 | การจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย [Agreement between the Thailand Trade and Economic Office
in Taipei (TTEO) and the Taipei Economic and Cultural Office in Thailand (TECO)
for the Promotion and Protection of Investments] และอนุมัติให้ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) ลงนามร่างความตกลงฯ สำหรับฝ่ายไทย
กับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไต้หวัน
รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายไต้หวัน เพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับภายหลังการลงนาม โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นเพื่อปรับปรุงและแทนที่ความตกลงฯ ฉบับเดิม
ให้สอดคล้องกับบริบทของการลงทุนในปัจจุบันที่เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
ซึ่งมีการปรับปรุงข้อบทให้มีความชัดเจน รัดกุม
และเป็นไปตามกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยมีข้อบทที่สำคัญ เช่น (๑)
การกำหนดขอบเขตความคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนอีกฝ่ายเฉพาะการลงทุนทางตรงที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
(๒)
การกำหนดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานผู้มีอำนาจของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการตีความและบังคับใช้ความตกลงฯ
และ (๓)
การกำหนดให้มีคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการลงทุนเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคธุรกิจรับทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2523 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหารกับ Direction Générale de l'Armement สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กห. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2524 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) | ศธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบและรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียนและความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการดูแลและการจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยและบูรณาการการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเข้าด้วยกัน ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลและการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมแก่เด็กทุกคนในอาเซียน เช่น การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อการวางแผนและการปฏิบัติด้านการดูแลและการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย การส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านการดูแลและจัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย การเพิ่มการจัดสรรงบประมาณด้านการดูแลและการศึกษาเด็กปฐมวัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรเพิ่มเติมประสบการณ์ในลักษณะ Project Approach การบูรณาการงานระหว่างหน่วยงานแบบพหุภาคี
เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย
อีกทั้งการติดตามประเมินผลด้านการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวสำหรับเด็กปฐมวัย ครู
และผู้ปกครองที่ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลที่ต่อเนื่องเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2525 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี 2567 [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement] | พม. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี
๒๕๖๗ [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement]
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High - Level Policy Dialogue on Women and the
Economy : HLPDWE) ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
เมืองอาเรกิปา สาธารณรัฐเปรู โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างพลังสตรีในทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังแก่สตรีและเด็กหญิง เช่น ด้านการศึกษา
อาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science,
Technology, Engineering and Mathematics : STEM) รวมถึงการสร้างโอกาสด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงิน
การส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อป้องกันความรุนแรงต่อสตรี
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ประกอบกับไม่มีการลงนามในร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ ดังนั้น ร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หญิง
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตีตราในสังคมตามมา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2526 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร.11 สศช | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง
๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒
และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2527 | การเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชียของประเทศไทยและการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียในปี 2568 | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอตัวเป็นประธานการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue :
ACD) วาระปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘ ของประเทศไทย เพื่อขอรับ ความเห็นชอบจากประเทศสมาชิก
ACD ต่อไป เห็นชอบในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธาน
ACD ซึ่งรวมถึง ๑) การประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ
๒) การประชุมระดับรัฐมนตรีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ๓)
การประชุมระดับรัฐมนตรี และ ๔) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไทยจะเสนอตัวเป็นประธาน
ACD ให้แก่ประเทศสมาชิกพิจารณาในการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๙ ที่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ ๑๑ -
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ และจะมีการส่งมอบตำแหน่งประธาน ACD ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2528 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือเช่าใช้บริการระบบคลาวด์ | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๙ มกราคม ๒๕๖๗) เรื่อง การบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National Cloud) ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีการจัดตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดจ้างหรือเช่าใช้บริการระบบคลาวด์
(Cloud) ชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน
เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National
Cloud) ของประเทศไทยจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
นั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงาน
จึงขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
โดยให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีโครงการดังต่อไปนี้
สามารถดำเนินการต่อไปได้ ๑.
โครงการที่มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเสร็จไปแล้ว และมีการดำเนินการต่อเนื่อง รวมทั้งต้องมีการบำรุงรักษา
(Maintenance) ด้วย ๒.
โครงการที่มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๗ ๓.
โครงการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการและมีแหล่งเงินรองรับที่ชัดเจนแล้ว
และหากไม่ดำเนินการจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ทั้งนี้
กรณีตามข้อ ๓
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2529 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.1010 แยก ทล.4-บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 1 แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ
จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.๑๐๑๐ แยก ทล.๔ - บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
๑ แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท จากเดิมจำนวน ๑๓๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวน ๑๕๒,๖๗๔,๖๕๒.๘๓ บาท (เพิ่มขึ้น ๑๔,๐๗๔,๖๕๒.๘๓
บาท) และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบทและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2530 | ขอความเห็นชอบให้กรมศิลปากรรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ กลับคืนให้ประเทศไทยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา | วธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน
๒ รายการ ได้แก่ ประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The
Standing Shiva) หรือ Golden Boy และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ
(The Kneeling Female) คืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2531 | การยกระดับไทยเป็น Agriculture and Food Hub ตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้แถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย
โดยกำหนดให้ไทยเป็น Agriculture and Food Hub เพื่อยกระดับการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยและสร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก
ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรไทยมีรายได้มากขึ้น ๓ เท่า
โดยรัฐบาลจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยการผลิตในภาคการเกษตรภาพรวมทั้งหมด
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้
๑. พัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางพันธุ์พืชของโลก ๒. เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บและระบายน้ำ
ขยายพื้นที่ชลประทาน และเร่งพัฒนาแหล่งน้ำ ๓. ตรวจสอบคุณภาพดิน ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมในทุกพื้นที่ ๔. เร่งแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรให้ลดลงโดยเร่งด่วน
โดยให้นำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ในการดำเนินงานดังกล่าวด้วย ๕. เสนอแผนงานและเร่งดำเนินการขยายพื้นที่ผลิตมันสำปะหลังต้านทานโรคใบด่าง
รวมทั้งเร่งเสนอแผนการจัดการการระบาดของโรคใบด่าง ตามขั้นตอนโดยเร็ว ๖. ส่งเสริมการปลูกกาแฟและโกโก้
ซึ่งเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดและช่วยลดการเผาพื้นที่การเกษตรบนพื้นที่สูง
รวมทั้งพิจารณาให้มีโรงงานคัดแยก/แปรรูปรองรับด้วย ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๗ นี้ และเร่งรัดการดำเนินการตาม แผนงาน/โครงการภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2532 | การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งฐานบริเวณชายแดน | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ เมษายน ๒๕๖๗) กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
นั้น เนื่องจากผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว
รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมจากการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด
ส่วนหนึ่งมักตั้งฐานอยู่บริเวณชายแดนและใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา
และการสื่อสารในการกระทำความผิด จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย
(การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค)
เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น
โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวข้างต้นเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2533 | การเร่งรัดกระบวนการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงเมื่อวันที่
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ได้มีการหารือถึงแนวทางการเร่งรัดกระบวนการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนบนพื้นที่สูง โดยมีเป้าหมาย ๑,๐๐๗ กลุ่มบ้าน ซึ่งได้รับอนุญาตแล้ว ๔๒๒
กลุ่มบ้าน อยู่ระหว่างการดำเนินการและเสนอขออนุญาตเพิ่มเติมอีก ๕๒๘ กลุ่มบ้าน ดังนั้น
เพื่อให้การดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๘
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาพื้นที่เป้าหมายที่ขอจัดทำโครงการเพิ่มเติมและเร่งรัดการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงเป้าหมาย
๓๓ โครงการ ๕๒๘ กลุ่มบ้าน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเรียนรู้ของสถาบันการเรียนรู้การพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน
มูลนิธิโครงการหลวงให้ชัดเจนและทั่วถึง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทย
รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำแนวทางการดำเนินงานของโครงการหลวงไปขยายผลการดำเนินการ
เพื่อช่วยลดปัญหาการเผาป่าและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 บนพื้นที่สูงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2534 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตรแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม
น้ำ และการเกษตรแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในสาขาเกษตร
และพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการเกษตรบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับของทั้งสองฝ่าย
โดยมีสาขาความร่วมมือ ได้แก่ การผลิตพืชผล ปศุสัตว์ ประมง มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
ความปลอดภัยอาหาร การแปรรูปอาหาร การจัดการน้ำและที่ดิน เครื่องจักรกลการเกษตร
การใช้เทคโนโลยีทันสมัยในสาขาการเกษตร การแลกเปลี่ยนการค้าสินค้าการเกษตร
ระบบกฎระเบียบด้านการเกษตร การประกันภัยการเกษตร และสาขาอื่น ๆ
ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยดำเนินการผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติ เทคนิคและวิทยาศาสตร์
การแลกเปลี่ยนการเยือนของข้าราชการและผู้เชี่ยวชาญในสาขาเกษตร
การจัดประชุมระหว่างข้าราชการ และระหว่างผู้เชี่ยวชาญในสาขาเกษตรและการค้า
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและข้อสังเกตของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาหาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างเคร่งครัด
เพื่อควบคุมการนำเข้าอาหารให้ถูกสุขลักษณะและปราศจากอันตรายแก่ผู้บริโภค
ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยของอาหาร
และในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติ เทคนิค และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับน้ำบาดาล
ควรหารือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งควรพิจารณาประเด็นด้านความมั่นคง
และต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลก่อนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2535 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปแห่งสาธารณรัฐโครเอเชียว่าด้วยการหารือทางการเมือง | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปแห่งสาธารณรัฐโครเอเชีย
ว่าด้วยการหารือทางการเมือง (Memorandum of
understanding between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of
Thailand and the Ministry of Foreign and European Affairs of the Republic of
Croatia on Political Consultations) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นต่าง ๆ
ที่มีความสนใจและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในอนาคตอาจพิจารณาขยายประเด็นการหารือให้ครอบคลุมประเด็นความมั่นคงที่เป็นข้อกังวลของทั้งสองฝ่าย
เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้าย
การต่อต้านแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง
และให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การดำเนินการตามพิธีการทางการทูต)
เกี่ยวกับการสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2536 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๔ พฤษภาคม
๒๕๖๗ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ พบว่า
จังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพที่สามารถยกระดับให้เป็นเมืองขนาดใหญ่
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนได้อีกเป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ จังหวัดสุพรรณบุรี ๑. โดยที่ในระยะที่ผ่านมา จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่สามารถบริหารจัดการน้ำทั้งระบบได้เป็นอย่างดี
ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง อย่างไรก็ตาม
ในอนาคตคาดว่า สถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะมีความถี่และมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดในระยะยาวให้เหมาะสม ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาพรวมด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดทำมาตรการควบคุมโรคในฟาร์มโคนมทั่วประเทศให้ชัดเจน
เพื่อรักษามาตรฐานและคุณภาพการเลี้ยงโคนม ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เช่น การปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก การปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
การนำซังข้าวโพดมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เพื่อช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตร
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ๓. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานปกครอง หน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่เร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามแนวชายแดนในเรื่องต่าง
ๆ อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เช่น การลักลอบเข้าเมือง
การลักลอบขนยางพาราและสินค้าเกษตรอื่น ๆ เข้ามาในพื้นที่ การลักลอบขนยาเสพติด จังหวัดราชบุรี ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร
การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตร
และการควบคุมและปรับราคาสินค้าเกษตรในตลาดให้มีความสมดุลและเป็นธรรมทั้งแก่เกษตรกรและผู้ค้า
เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมป่าไม้)
ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการพัฒนาอุทยานหินเขางูให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งในด้านสันทนาการ นันทนาการ และกิจกรรมกีฬาประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๖.
ท่าอากาศยานหัวหินเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในการยกระดับให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติเพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
จึงขอให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ครบถ้วนในทุกประเด็น เช่น การขยายทางวิ่ง การสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในท่าอากาศยาน
ประมาณการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดชื่อท่าอากาศยานที่จะปรับปรุงใหม่
เช่น ท่าอากาศยานเพชรหัวหิน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดชื่อด้วย
๗. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการจัดกิจกรรมตามประเพณีท้องถิ่น
และกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขัน ทั้งนี้ ในระยะสั้น
ให้พิจารณาศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายเวลาการแข่งขันกีฬาวัวลาน
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน และในระยะยาว ให้พิจารณขยายผลการดำเนินการ ให้ครอบคลุมถึงกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขันชนิดอื่น
ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2537 | แนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน | สคทช | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชนของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่าควรมีแนวทางบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานด้านระบบฐานมูลที่ดินหนึ่งเดียวที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
เพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาและสร้างมูลค่าที่ดิน และพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นว่าการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่าไม้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2538 | มาตรการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ปี 2566/67 | พณ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์การผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๖/๖๗ และแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาหัวมันสด ปี ๒๕๖๖/๖๗ และเห็นชอบมาตรการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๖/๖๗ วงเงินงบประมาณ ๕๖.๙๖๓ ล้านบาท เพื่อให้การกำกับดูแลมันสำปะหลังเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ดูแลเกษตรกรให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการเพาะปลูกและช่วยเหลือให้เกษตรกรมีเงินหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและจะเบิกจ่ายจากงบประมาณ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน และทันต่อสถานการณ์
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร
จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรติดตามกำกับการดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขของมาตรการฯ
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2539 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ EEC Visa แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) | สกพอ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
EEC Visa และแนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
(EEC) และการปรับแนวทางดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล
(โครงการ EECd) โดยนำออกจากการดำเนินการภายใต้ประกาศ กพอ. เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติ กพอ. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรบูรณาการการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ให้แล้วเสร็จ อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาตรวจลงตราแก่ชาวต่างชาติได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาล กระทรวงพลังงาน เห็นว่าในประเด็นการจัดหาพลังงานให้เพียงพอและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่
กระทรวงพลังงานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานจัดหาพลังงาน
ขอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกคำนึงถึงเรื่องการจัดหาพลังงานให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ
เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานในการส่งเสริมการพัฒนาพิเศษของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงแรงงาน เห็นควรกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
มีอำนาจเพิกถอนหนังสืออนุญาตทำงานที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิทำงานตำแหน่งหน้าที่การทำงานที่เลขาธิการฯ
ได้ออกหนังสืออนุญาตทำงานให้เช่นเดียวกับการเพิกถอนการอนุญาตให้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ
เพื่อให้การบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ในด้านการอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2540 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) เมื่อวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567 และวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 | นร.11 สศช | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง
๒ (เพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) เมื่อวันพุธที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และวันจันทร์ที่
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง
๒ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้มีการจัดทำตัวชี้วัดภาพรวมการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง
๒ เพื่อให้จังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องต่อไป
|