ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 125 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2481 - 2500 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2481 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร และนายรัศม์ ชาลีจันทร์) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร และนายรัศม์
ชาลีจันทร์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2482 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2483 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2484 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ และนางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ) | กก. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2485 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟินแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย (นางเอวา กริสตีนา กูวายา-ซันโทปูโลส) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเอวา กริสตีนา กูวายา-ซันโทปูโลส (Ms. Eeva Kristiina Kuvaja-Xanthopoulos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายยูริ ยาร์วียาโฮ (Mr. Jyri
Jarviaho) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2486 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทย (นายฮัน แจ ซง) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮัน แจ ซง (Mr. Han Jae Song) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคิม เช พง (Mr. Kim Je Bong) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2487 | รัฐบาลสาธารณรัฐแซมเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทย (นายมอร์คัม มุมบา) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมอร์คัม มุมบา (Mr. Morecome Mumba) ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายวาลูบีทา อีมาคันโด (Mr.
Walubita Imakando) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2488 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย (นายเอลชิน รากุบ โอกลู บาชีรอฟ) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอลชิน รากุบ โอกลู บาชีรอฟ (Mr. Elchin Ragub oglu Bashirov) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน
ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอีร์ฟัน ชากีร์
โอกลู ดาวูดอฟ (Mr. Irfan Shakir oglu Davudov) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2489 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ และนายดนัย เรืองสอน) | คค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2490 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี (1. นายเศกสันต์ คำตั๋น ฯลฯ จำนวน 9 คน) | คค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ (๑) ด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ นายเศกสันต์
คำตั๋น นายเรือฝ่ายสนับสนุนวิชาการ
และงานวิจัยเรือเกษตรศาสตร์ ๑ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (๒) ด้านการขนส่งทางน้ำ พลเรือเอก
สุธีพงศ์ แก้วทับ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ (๓) ด้านกิจการท่าเรือ เรือเอก
กานต์ เมนะรุจิ อดีตผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (๔) ด้านกิจการการเดินเรือไทย พลเรือเอก
ปกครอง มนธาตุผลิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการกองทัพไทย (๕) ด้านกิจการอู่เรือ พลเรือตรี สุบิน บรรยง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ (๖) ด้านกฎหมายพาณิชยนาวี นายทรงศักดิ์
ผิวเกลี้ยง ที่ปรึกษากฎหมาย
และทนายความ สำนักงานรวมชนคนกฎหมายธุรกิจ และทนายความ (๗) ด้านการประกันภัยทางทะเล นางสาวจารุภา
วัฒน์ประกายรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท
มารีนไทย กรุ๊ป จำกัด (๘) ด้านการค้าระหว่างประเทศ นายณัฐพงษ์
รัตนสุวรรณทวี รองประธานกรรมการ/ประธานคณะกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (๙) ด้านสิ่งแวดล้อม นายดรุฒ
คำวิชิตธนาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการประจำสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์
ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการข้าว (ด้านงบประมาณ) กรรมการผู้จัดการบริษัท
แม่หมูอ้วน จำกัด และบริษัท ดีเจไลท์ติ้ง จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2491 | รัฐบาลราชอาณาจักรเบลเยียมเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย (นายสกันแดร์ นัสรา) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกันแดร์ นัสรา (Mr. Skander Nasra) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์ (Ms.
Sibille de Cartier d’Yves) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2492 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (1. นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์ ฯลฯ จำนวน 3 คน) | พณ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
จำนวน ๓ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ดังนี้ ๑. นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์ ๒. นายนพ ธรรมวานิช ๓. นางพรรณวิลาส แพพ่วง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2493 | การขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ระดับรัฐมนตรีว่าด้วยน้ำเพื่อความมั่งคั่งร่วมกัน (Ministerial Declaration on Water for Shared Prosperity) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 | นร.14 | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ระดับรัฐมนตรีว่าด้วยน้ำเพื่อความมั่งคั่งร่วมกัน (Ministerial Declaration on Water for Shared Prosperity) ซี่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ ๑๐
มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองบาหลี
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
และอนุมัติให้รัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ฯ
โดยร่างแถลงการณ์ฯ จัดทำขึ้นเพื่อประกาศเจตจำนงทางการเมือง
โดยมีวัตถุประสงค์ในการผลักดันความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำของโลกให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นนโยบาย
แผนงาน และการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2494 | รายงานผลการเดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่
๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรมฯ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางเยือนเมืองเซินเจิ้น-ฮ่องกง
ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนในเมืองเซินเจิ้น-ฮ่องกง
และรับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ซึ่งทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดงาน Thai
Night ในงาน FILMART 2024 พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งออกสินค้า
และ Soft Power ของรัฐบาลไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
เช่น (๑) พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน เพื่อแสวงหาลู่ทางและขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน
(๒) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางการค้า (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง และ
(๓) การเข้าร่วมพิธีเปิดเทศกาลอาหารไทย (Thai Food Festival) พร้อมเยี่ยมชมการเรียนการสอนอาหารไทยและร่วมสาธิตการทำอาหารไทย เป็นต้น ๒.
กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินงานต่อไป
โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ข้าวไทย
สินค้าอาหารไทย และธุรกิจบริการอาหารไทย
กิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง
กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารและธุรกิจ Thai
SELECT และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญในฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2495 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพิ้นที่เขตการปกครองพิเศษพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่เขตการปกครองพิเศษพัทยา
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะทาง
๑,๐๐๐ เมตร ของเขตการปกครองพิเศษพัทยา
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นควรยกเว้นให้กับส่วนราชการในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชน
เช่น การขุดลอก การถม เท เติม หรือเสริมทรายชายหาด การปลูกสร้างท่าเทียบเรือ
เขื่อนป้องกันตลิ่ง เขื่อนป้องกันคลื่น และรอดักทราย โดยไม่ควรกำหนดให้ต้องขอความเห็นชอบหรือขออนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามร่างข้อ
๔ ร่างข้อ ๕ ร่างข้อ ๘ และร่างข้อ ๙ ซึ่งอาจเกินจากบทอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มิได้บัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเกิดเหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือเหตุที่มาจากภัยอันเกิดจากธรรมชาติ
ซึ่งอาจส่งผลกระทบหรืออาจเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชีวิตของประชาชน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการมีมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบังคับใช้กฎหมายทั้งสองฉบับอาจก่อให้เกิดการสับสนแก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎหมาย
และเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ก็ควรจะได้แก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ เพื่อยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในส่วนที่มีความซ้ำช้อนหรือขัดแย้งกับมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงนี้ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรมีการกำหนดมาตรการในการป้องกันการศึกษา
และตรวจสอบถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
ตลอดจนการห้ามดำเนินกิจกรรมหรือกระทำการใด ๆ
ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไว้โดยเฉพาะอันเป็นการป้องกันมิให้ชายฝั่ง
ระบบนิเวศชายฝั่ง ตลอดจนความสมดุลของธรรมชาติถูกทำลายตามหลักการป้องกันล่วงหน้า |
||||||||||||||||||||||||||||||
2496 | การมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรม
โดยกรมศิลปากรมอบโบราณวัตถุ ๒๐ รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูซา
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในความตกลงทวิภาคีอย่างเคร่งครัด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการยกเว้นเงื่อนไขภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในการต่อต้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมายและการลักลอบขนข้ามแดนซึ่งสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้แก่ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด
ข้อ ๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้ค่าใช้จ่ายทั้งปวงอันเนื่องมาจากการส่งคืนและการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เป็นภาระของภาคีที่ร้องขอ
นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การโอนเงินจัดสรร
และหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้อื่นในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าผู้ส่งออกโบราณวัตถุดังกล่าว
จะต้องปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ ท่าหรือที่ที่ส่งออก ตลอดจนปฏิบัติตามข้อห้ามหรือข้อจำกัดสำหรับการส่งออกตามกฎหมายอื่นให้ครบถ้วน
ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2497 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุม International Conference on Nuclear Security (ICONS 2024) | อว. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถอนเรื่อง ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุม International Conference on Nuclear Security (ICONS 2024) คืนไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2498 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงออเงิน เขตสายไหม แขวงสามวาตะวันตก แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร และตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | คค. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงออเงิน เขตสายไหม
แขวงสามวาตะวันตก แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร และตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย
ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงออเงิน
เขตสายไหม แขวงสามวาตะวันตก แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
และตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา
จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ - ถนนลำลูกกา)
และสิ่งจำเป็นอื่นเพื่อประโยชน์ของทางพิเศษหรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2499 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เรื่อง มาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน | มท. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน
ตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เรื่อง
มาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ - ส่งนักเรียน ซึ่งมีผลการดำเนินการในภาพรวม
สรุปได้ ดังนี้ ๑) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
จัดทำแนวปฏิบัติในการควบคุมดูแลรถรับ-ส่งนักเรียน และขอความร่วมมือให้สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
๒) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะด้านบริหารจัดการ เช่น กระทรวงศึกษาธิการได้กำชับและติดตามสถานศึกษาทุกแห่งปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพัฒนาหลักสูตรและสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยทางถนนเพื่อใช้เป็นหลักสูตรในการจัดการเรียนการสอน
กระทรวงคมนาคมกำหนดแนวปฏิบัติในการอนุญาตให้รถรับจ้างรับ - ส่งนักเรียน และทบทวนกฎหมายสำหรับการรับ
- ส่งนักเรียนเป็นการเฉพาะ ๓)
การดำเนินการตามข้อเสนอแนะด้านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันภายใต้กลไกคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและมีแผนยุทธศาสตร์หรือคณะทำงานด้านความปลอดภัยรถรับ
- ส่งนักเรียนในทุกจังหวัด โดยใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐ เป็นกรอบในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อความสอดคล้องกัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2500 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ จำนวน ๓,๔๘๐,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓,๓๖๑,๗๓๐.๕๙๒๙ ล้านบาท ใช้จ่ายหรือก่อหนี้แล้วเป็นจำนวน ๒,๐๖๖,๖๙๖.๗๑๒๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๔๘
ของงบประมาณที่จัดสรร ทำให้มีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
คงเหลือสำหรับใช้จ่ายในระยะเวลา ๕ เดือนข้างหน้าไม่มากนัก
ประกอบกับการจัดทำพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายจะทำให้เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวต้องหยุดชะงักและชะลอตัวลงอีกครั้งหนึ่ง
เนื่องจากทุกหน่วยงานจะต้องชะลอการเบิกจ่าย การโอน หรือเปลี่ยนแปล่งเงินจัดสรรทุกกรณีไว้จนกว่ากระบวนการพิจารณาการโอนงบประมาณจะแล้วเสร็จ
ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ ๒ เดือน
รวมทั้งการจัดทำพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวไม่ได้มีผลเป็นการเพิ่มปริมาณเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ดังนั้น การจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จึงเป็นวิธีการบริหารจัดการงบประมาณที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่จะเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยสามารถกระจายไปทุกพื้นที่ ให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึงระดับฐานรากเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต
สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศต่อไป ๑.๒
แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ได้จัดทำขึ้นโดยมีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว
ซึ่งในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพิ่มเติมต่อจากนี้ไป
สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกำหนด
รวมทั้งดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ
โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป
รวมทั้งระบุที่มาของเงินที่จะใช้จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีให้มีความชัดเจน
โดยพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน ผลประโยชน์
และผลกระทบต่อความยั่งยืนทางการคลังอย่างครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|