ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 124 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2461 - 2480 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2461 | การแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานผู้แทนการค้าไทย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๙๙/๒๕๖๗ เรื่อง แต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2462 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ | ศร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2463 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | ปช. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2464 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | ทส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม
และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงพลังงาน เห็นว่าประเด็นที่ควรพิจารณาในข้อ
๙(๘) การเปลี่ยนแปลงสภาพสันดอนหรือปากน้ำ กรณีที่เป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐ”
สามารถดำเนินการได้โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากจังหวัดกระบี่ เพื่อนำไปประกอบการขออนุญาต
ซึ่งไม่แน่ชัดว่า ท่าเทียบเรือคลองรั้วและการขนส่งถ่านหินถือเป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐ”
หรือไม่ จึงเสนอแก้ไขเพิ่มเติมเป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐรวมทั้งสิ่งก่อสร้างและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตขนส่ง”
ทั้งนี้ โดยเทียบเคียงกับถ้อยคำตามร่างประกาศฯ ฉบับเดิม พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๖ (๑) (จ) ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน
และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2465 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนแผนระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ของประเทศไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา | พน. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนแผนระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ของประเทศไทย
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน ๕ หน่วยงาน (๑) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
ได้ดำเนินการต่าง ๆ ตามแผนการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทย
ระยะปานกลาง พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๔ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
โดยได้มีแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการตอบสนองด้านโหลด (Demaznd Response : DR) และระบบบริหารจัดการพลังงาน
(Energy Management System : EMS) นอกจากนี้จะมีการพิจารณานำระบบดิจิทัลมาช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อบริหารจัดการในกิจการไฟฟ้า (๒) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม
(Third Party Access Code : TPA Code) (๓)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้ดำเนินการพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP)
เสร็จแล้ว และมีการพัฒนาระบบการพยากรณ์ให้มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น
รวมทั้งได้มีแนวคิดที่จะขยายการดำเนินการพยากรณ์ไปยังกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก
(VSPP) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ (๔) การไฟฟ้านครหลวง
อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาการเชื่อมต่อข้อมูลจากโครงการ Smart Metro Grid กับ Application เพื่อใช้ในการบริการข้อมูลต่าง ๆ
เช่น ให้บริการข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ๑๕ นาที ผ่าน Application Smart Life ทั้งปัจจุบันและย้อนหลัง
เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้ในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าให้ลดลง
แจ้งเตือนไฟฟ้าขัดข้องพร้อมระยะเวลาแก้ไขผ่าน Application Smart Life และ (๕) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ได้มีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ
ในประเด็นของการนำข้อมูลสมาร์ทมิเตอร์มาใช้ในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้า
และเป็นทิศทางที่ได้อยู่ระหว่างดำเนินการเนื่องจากการดำเนินการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ไฟฟ้าจะเป็นการที่ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ทั้งการลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดและลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ ๒.
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (๑) ด้านเศรษฐกิจศาสตร์
การศึกษารูปแบบธุรกิจแนวใหม่ที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบสมาร์ทกริด
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการไฟฟ้า
ซึ่งจะได้มีการพิจารณารูปแบบของตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เหมาะสมภายใต้โครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
(๒) ด้านความมั่นคงของระบบ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้มีการพัฒนาสมาร์ทกริดภายใต้แผนการขับเคลื่อนฯ
ระยะปานกลาง โดยจะมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความชาญฉลาดและมีความยืดหยุ่นให้สามารถรองรับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ต่าง
ๆ (๓) ด้านเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้พัฒนาต่อยอดด้าน Big Data และ AI โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
คือ สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ
ซึ่งจะมีหน้าที่หลักในการพัฒนา Big Data และ AI โดยสามารถช่วยให้คำปรึกษาการฝึกอบรม และการทำ Prototype เกี่ยวกับ Big Data และ AI
ที่จะนำมาใช้ในระบบสมาร์ทกริดได้สำหรับในส่วนของการพัฒนาแพลตฟอร์ม (๔) ด้านกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาในการจัดทำใบอนุญาต ๑
ใบ ที่สามารถเปิดให้ธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่ ๆ
เข้ามาดำเนินการภายใต้ใบอนุญาตดังกล่าวได้
ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในเรื่องของใบอนุญาตสำหรับการดำเนินธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่
ๆ ในอนาคต และ (๕) ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การผลักดันโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart
Grid) เข้าไปใช้ในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคง
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจะมีการดำเนินการในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2466 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา | สว. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2467 | ญัตติมาตรการป้องกัน ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด | สผ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติมาตรการป้องกัน พื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับญัตติและข้อสังเกตพร้อมทั้งข้อเสนอแนะไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2468 | การรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
มอบหมายให้มีหน่วยงานเจ้าภาพหลักและหน่วยงานสนับสนุนของแต่ละนโยบาย
เพื่อรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ๒.
ให้หน่วยงานตามข้อ ๑. รายงานผลการดำเนินงานฯ ผ่านระบบติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และลดการใช้กระดาษ ๓.
ให้กระทรวงหรือส่วนราชการเทียบเท่าระดับกระทรวง มอบหมายผู้แทนระดับรองปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า
เป็น “ผู้ประสานงานการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี” ทำหน้าที่ประสานงานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
และรายงานผลการดำเนินงานเพื่อจัดทำผลงานรัฐบาลประจำปีร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2469 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ
๒๕๖๘ - ๒๕๗๑) ฉบับทบทวน ครั้งที่ ๒ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามมาตรา
๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) เห็นว่าสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแนวทางการนำเงินนอกงบประมาณมาใช้ประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อลดภาระการขาดดุลงบประมาณ และสามารถนำไปสู่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณแบบสมดุลได้ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการจัดสรรงบประมาณประจำปีในช่วงถัดไปสำนักงบประมาณควรปรับเพิ่มการจัดสรรงบชำระหนี้ของรัฐบาลให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ยทั้งในส่วนของหนี้รัฐบาลและหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รัฐให้ดำเนินโครงการของรัฐที่ครบกำหนดชำระในแต่ละปีงบประมาณ
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มงประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนเพื่อความรอบคอบในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2470 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
เรื่องการดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครอง ๒.๒
เรื่องการดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2471 | การปราบปรามการพนันออนไลน์ | นร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ เมษายน ๒๕๖๗) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
นั้น
ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการปราบปรามและขยายผลการจับกุมผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าวข้างต้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังคงพบว่ามีการเปิดให้เล่นพนันออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook Twitter TikTok SMS เว็บไซต์ อยู่มาก
ดังนั้น
เพื่อให้การปราบปรามการพนันออนไลน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ด้านการปราบปรามและการจับกุม
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งพิจารณากำหนดแนวทางและการมอบอำนาจในการจับกุมและดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ให้ชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อให้ทุกกองบัญชาการ นอกเหนือจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมและดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ได้ด้วย ๒. ด้านการปิดเว็บพนันออนไลน์
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อกำหนดกลไกการตรวจสอบและการดำเนินการปิดเว็บพนันออนไลน์บนสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบได้ทันทีที่ตรวจสอบพบผู้กระทำผิดหรือที่ได้รับแจ้งข้อมูลการกระทำผิด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2472 | การเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย โดยร่างหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS
เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกกลุ่ม BRICS ต่อไป ดังนั้น
ร่างหนังสือแสดงความประสงค์ดังกล่าวจึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาให้รอบด้านในการสมัครเข้าสมาชิก BRICS โดยต้องอยู่บนหลักการดำเนินการทางการทูตอย่างสมดุลที่ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2473 | การดำเนินโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศโครงการหลักและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๑๐ โครงการ เมื่อวันที่
๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นั้น ขอเน้นย้ำว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับโครงการหลักและกิจกรรมดังกล่าว และขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น
เช่น ความสำคัญ ความเป็นมาของโครงการ และกิจกรรม
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อสังคมและประชาชน ให้ถูกต้อง ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2474 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสำนักงานอัยการสูงสุด
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงกำหนด
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2475 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula E ในประเทศไทย | นร.05 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการประมูลสิทธิการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าวต่อไป
รวมทั้งให้การกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันที่เหมาะสมและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างมาก นั้น
เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลกให้มากยิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษาความหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula E ในประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2476 | มาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) | กสศ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์
(Thailand Zero Dropout)
และเห็นชอบร่างมาตรการฯ จำนวน ๔ มาตรการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑) มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การค้นพบเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ๒) มาตรการติดตาม
ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละรายทั้งด้านการศึกษา
สุขภาวะ พัฒนาการ สภาพความเป็นอยู่ และสภาพสังคม ๓)
มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่น มีคุณภาพ
และเหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาและพัฒนาเต็มศักยภาพของตนเอง
และ ๔) มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาหรือเรียนรู้
มีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือการเรียนรู้ในลักษณะ
Learn to Earn ให้เด็กและเยาวชนอายุ ๑๕-๑๘ ปี
ได้พัฒนาทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เหมาะสม ตามศักยภาพและมีรายได้เสริมระหว่างการศึกษา
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ ทั้งนี้
ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาควรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและมีแผนการดำเนินการของมาตรการดังกล่าวที่ชัดเจน
เพื่อกระทรวงการคลังจะได้นำมาพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของมาตรการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2477 | การเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
โดยมีองค์ประกอบ ได้แก่ ๑) กระทรวงการต่างประเทศ ๒) สำนักงานอัยการสูงสุด ๓)
สำนักงานศาลยุติธรรม ๔) กระทรวงยุติธรรม และ ๕) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเห็นชอบกรอบการเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
และให้รับรองถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งในอนาคตซึ่งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งความประสงค์ของไทยในการเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาฯ
และรับรองถ้อยแถลงร่วมฯ กับฝ่ายจีน โดยวิธีการที่เหมาะสมต่อไป โดยการเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาฯ
เป็นการเข้าร่วมเจรจาจัดทำสนธิสัญญาจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
(International Organization for Mediation : IOMed) ซึ่งจะเป็นองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาลแห่งแรกในด้านการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยใช้วิธีการไกล่เกลี่ย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาความพร้อมของไทยทั้งในด้านภาระทางงบประมาณ
ความคุ้มค่าของงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ และภาระหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว
เพื่อให้การเจรจาอนุสัญญาฯ เป็นไปอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
นอกจากนี้ภายหลังจากกระบวนการเจรจาสิ้นสุดลง
กระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาประเมินผลประโยชน์และผลกระทบเชิงลบจากการเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ
ซึ่งหากพิจารณาแล้วพบว่า การเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม
กระทรวงการต่างประเทศอาจพิจารณาไม่เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวตามความเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2478 | มาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ในการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลในอัตราร้อยละ
๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท
ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวันเป็นกรณีพิเศษ ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา
ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล
เป็นกรณีพิเศษ ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เพื่อศึกษา
หรือศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศที่จะขอหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลเพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ
๓๐ เป็นอัตราร้อยละ ๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป นั้น
เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคสอง (๒) แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เห็นควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับความเห็นของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น นายกรัฐมนตรี เห็นว่าการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านระบบการตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์
(e – Visa) ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
และสมควรดำเนินการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว
คล่องตัว และสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม
การอำนวยความสะดวกดังกล่าวยังคงต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรองอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อเฝ้าระวังบุคคลและกลุ่มอาชญากรที่อาจแฝงตัวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2479 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชาติ เทียนทอง และนายธันว์ วุฒิธรรม) | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสุรชาติ เทียนทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2480 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๒. นายชวรัชต์ อุรัสยะนันทน์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
|