ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 126 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2501 - 2520 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2501 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2566 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕ แผนงาน ภายในกรอบวงเงินรวม
๓,๐๕๒.๐๐
ล้านบาท โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๕/๔๕๗๑ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๒๔/๙๐๓ ลงวันที่ ๑๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเร่งเตรียมความพร้อมระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย
(Grid Modemization) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
(Energy Transition) และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
(Renewable Energy) และควรพิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก
โดยพิจารณาฐานะการเงินในแต่ละปีประกอบด้วย
และกู้เงินเพื่อลงทุนตามความจำเป็นในภารกิจหลักขององค์กรเพื่อลดความเสี่ยงจากภาระหนี้ขององค์กรในระยะยาว สำนักงบประมาณ เห็นควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และพิจารณาเบิกเงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยต่อองค์กรในระยะยาว
โดยการดำเนินการกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
ประโยชน์ที่จะได้รับ และคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณากู้เงินตามความจำเป็นโดยพิจารณาฐานะการเงินในปีนั้น
ๆ ประกอบด้วย เพื่อลดความเสี่ยงด้านภาระหนี้สินขององค์กรในระยะยาว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2502 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) และนกชนหิน หรือนกหิน (Buceros
vigil หรือ Rhinoplax vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวน
เพิ่มเติม จากที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามลำดับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
มีผลใช้บังคับไปพร้อมกัน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาแจ้งเรื่องการปรับปรุงสถานะความคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายของประเทศไทยให้ประเทศภาคีอนุสัญญา
CITES รับทราบ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
ทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทที่แข็งขันของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2503 | โครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) | สพร. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) โดยให้หน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน)
ในการสนับสนุนข้อมูลและร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment
Platform) ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องได้มาตรฐานเดียวกับบริการระบบชำระเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ความโปร่งใสในการบริหารจัดการการชำระเงินของรัฐ และมาตรการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
เพื่อให้ระบบแพลตฟอร์มบริการได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ
รองรับประชาชนใช้งานพร้อมกันได้จำนวนมากรวมถึงรองรับมาตรการอื่น ๆ
ของรัฐในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง
และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมให้บริการ
โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมและทักษะของบุคลากรของหน่วยงาน
กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงแพลตฟอร์มการชำระเงิน
หรือบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนา หรือให้บริการโดยสถาบันการเงินของภาครัฐ
เพื่อลดภาระงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2504 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่ ๘ จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องดังกล่าวมีความเหมาะสมในหลักการ
และเป็นการศึกษาที่ครอบคลุมในหลายมิติ
ส่วนใหญ่สอดคล้องกับการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2505 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๒. คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2506 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย) | มท. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี
จำนวน ๗ คณะ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการพิจารณาตั้งกิ่งอำเภอและอำเภอ ๒. คณะกรรมการอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียงเฉลิมพระเกียรติ ๓. คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย ๔. คคณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ๕. คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด
อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ๖. คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
คณะที่ ๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2507 | การแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล | ยธ. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on
Private International Law : HCCH)
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการ
และกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศเป็นเลขานุการร่วม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2508 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาระบบการแรงงาน : การจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาระบบการแรงงาน
: การจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2509 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดตั้งกรมการมัธยมศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดตั้งกรมการมัธยมศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2510 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า (Accessibility for all in Action : AAA) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า (Accessibility for all in Action : AAA) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2511 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่
๔/๒๕๖๗ วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้กำหนดการพิจารณาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) ในวันอังคารที่
๑๘ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในวันอังคารที่
๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ในวันพุธที่ ๑๙ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดช่วงเวลาการอภิปรายงบประมาณของแต่ละกระทรวงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2512 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๖ เช่น ๑)
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลประกอบบทเรียนออนไลน์เพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องเรียนหรือที่พักอาศัย
๒) การพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ จำนวน ๒ ระบบ ได้แก่
ระบบอบรมครูและระบบการสอบออนไลน์ และ ๓) การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๒๓๐ โรงเรียน โดยการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ๒. แผนการดำเนินงานของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๗ เช่น ๑) การพัฒนาผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ ครูวิทยากรแกนนำ
และครูเครือข่าย ให้สามารถขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ ๒) การให้ทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา และครู
และการจัดส่งผู้แทนไทยเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างประเทศ ๓. รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2513 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง
อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะทาง
๑,๐๐๐ เมตร ของตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว
จังหวัดชุมพร เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามมาตรา ๑๑๗ และมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติห้ามปลูกสร้างอาคาร
หรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ ใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง
อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทย
หรือบนชายหาดของทะเล และห้ามขุดลอก แก้ไข หรือทำด้วยประการใด ๆ
อันเป็นการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำทางเดิน ลำคลอง ทะเลสาบ
และทะเลภายในน่านน้ำไทยเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ดังนั้น การดำเนินการใด
ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช
๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว
ก็ควรจะแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว
เพื่อยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในส่วนที่มีความซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกับมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงนี้ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2514 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย พ.ศ. .... | อว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้ ผู้รับใบอนุญาตควรปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด
รวมถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับด้วย
เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยภายในประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเตรียมความพร้อมในการกำหนดแนวทางการตรวจสอบเชิงรุก
ณ สถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาทหรือการขาดความรู้เท่าทัน
อันจะนำไปสู่การเพิ่มระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ประชาชน
และสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2515 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... | นร 05 | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา
พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... รวม ๒
ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
โดยให้ระบุวันที่เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา (ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.
๒๕๖๗) และวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา (ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.
๒๕๖๗) และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2516 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวจันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์) | อว. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจันทร์เพ็ญ
เมฆาอภิรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2517 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (1. ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ฯลฯ จำนวน 12 คน) | ทส. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ
จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.
ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ผู้แทนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๒.
นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้แทนด้านสิ่งแวดล้อม ๓. นายศศิน
เฉลิมลาภ ผู้แทนด้านทรัพยากรธรณี ๔.
รองศาสตราจารย์ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้แทนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๕.
รองศาสตราจารย์อรพรรณ ศรีเสาวลักษณ์ ผู้แทนด้านเศรษฐศาสตร์ ๖.
นางพวงทอง อ่อนอุระ ผู้แทนด้านนิติศาสตร์ ๗.
นายนิวัติ ธัญญะชาติ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๘.
นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๙. นายมนูญ
คุ้มรักษ์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๑๐.
นายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและขายฝั่ง ๑๑. นายเหลด
เมงไซ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการประมง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2518 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง และนางสาวจิราพร สุดานิช) | กต. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง ดำรงตำแหน่งเอกอัครรราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2519 | รายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท เท่ากันทั่วประเทศ | รง. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ๔๐๐ บาท
เท่ากันทั่วประเทศ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน
และสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันให้แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2520 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๖/๒๕๖๗ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|