ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 58 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1141 - 1160 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1141 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเสนอ เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อลดผลกระทบจากการปรับลดและแปรญัตติเพิ่มของคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยแบ่งเป็น การจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 110,610.70 ล้านบาท ตั้งงบประมาณไว้ที่กรมส่งเสริม การปกครองส่วนท้องถิ่น 95,873.23 ล้านบาท จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป 47,252.32 ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||||||||
1142 | การปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จังหวัดนนทบุรี | มท | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่
จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 เพื่อตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของ รัฐบาลและนโยบายของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งรับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตาม นโยบาย ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายและแนว ทางการปฏิบัติราชการของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และได้กล่าวถึงสภาวะของประเทศช่วงก่อนที่รัฐบาลจะ เข้ามาบริหารประเทศ ผลงานของรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งทิศทางที่จะนำพาประเทศในอนาคต เพื่อให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี นอกจากนี้ ยังได้มอบแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเพื่อถือปฏิบัติ ดังนี้ ในการดำเนินงานต่าง ๆ ขอให้ทำงานแบบบูรณาการ ลดความเป็นเจ้าของ เพิ่มความเป็นเจ้าภาพ ให้ ปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง กับให้ยึดแนวทางการบริหารจัดการสมัย ใหม่ คือ รวมศูนย์ข้อมูล รวมศูนย์ความคิด รวมศูนย์การบริหารจัดการ แต่กระจายการทำงาน โดยยึดยุทธ ศาสตร์ของประเทศ และยุทธศาสตร์จังหวัดเป็นทิศทางในการทำงาน และขอความร่วมมือให้รณรงค์ให้พี่ น้องประชาชนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงการใช้จ่ายเกินฐานะเพื่อรักษาหน้าตา ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาหนี้ สินนอกระบบตามมา |
|||||||||||||||||||||||||||
1143 | ขอรับงบประมาณอุดหนุนโครงการเปลี่ยนอาชีพของพนักงานส่วนท้องถิ่น | มท | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่ายกฎ
หมาย ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็นของคณะ กรรมการมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ในการประชุมครั้งที่ 2/2547 วัน ที่ 23 สิงหาคม 2547 ที่มีมติเกี่ยวกับการขอรับงบประมาณอุดหนุนโครงการเปลี่ยนอาชีพของพนักงานส่วน ท้องถิ่น ดังนี้ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำงบประมาณซึ่งปรับปรุงรายการใช้จ่ายจากเงินอุดหนุนที่ตั้งงบ ประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรและเงินอุดหนุนด้านการศึกษา มาใช้สำหรับการจ่ายเงินก้อนผู้ที่ออกจากราชการตามโครงการ ฯ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมสอดคล้องกับแต่ละท้องถิ่น โดยให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ปรับปรุงรายการใช้จ่ายจากเงินอุด หนุนที่ตั้งงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรและเงินอุดหนุนด้าน การศึกษามาใช้สำหรับโครงการ ฯ และให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรองฯ ที่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาดำเนินการปรับอัตรากำลังและตำแหน่งข้าราชการ ส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ หากภารกิจในตำแหน่งใดไม่มีความจำเป็นหรือไม่อาจปรับภาร กิจได้ก็ให้ยุบอัตราตำแหน่งนั้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1144 | แนวทางการบูรณาการการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 - 31 ตุลาคม 2547) | มท | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการบูรณาการให้ความช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยแล้ง ตามมติที่ประชุมศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาความแห้งแล้ง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 เช่น ให้มีการบรูณาการข้อมูลการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือของทุกหน่วย โดย ให้อยู่ภายใต้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ ทั้งในส่วนกลางและจังหวัด โดยให้ข้อมูลมีรายละเอียดที่ครอบคลุม ชัดเจน แม่นยำ รวดเร็ว และถูกต้องตรงกัน และเชื่อมโยงเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อให้การ แก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้อง รวดเร็วและถูกต้อง รวม ทั้งให้มีการบูรณาการแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาด ไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง ภาครัฐและเอกชนเพื่อรองรับการประสานการปฏิบัติร่วมกัน และให้ทุกหน่วยงานพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ ประสบภัยแล้งตามแนวทางและหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 ในด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ การจัดหากระสอบทรายเพื่อทำทำนบกักเก็บน้ำ จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ รถยนต์บรรทุกน้ำ ซ่อมแซมภาชนะรองรับน้ำ ค่าตอบแทน ค่าจ้างเหมาแจกจ่ายน้ำ และค่าซ่อมยานพาหนะ ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ได้แก่ การเป่าล้างบ่อบาดาล ซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน ด้านพืชและ การเกษตร ได้แก่ การจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องสูบน้ำ การชดเชยพันธุ์พืช และสาร อินทรีย์วัตถุ ด้านปศุสัตว์ ได้แก่ การจัดหาสัตว์ วัคซีน และเวชภัณฑ์รักษาสัตว์ และด้านสังคมสงเคราะห์และฟื้น ฟูผู้ประสบภัย ได้แก่ การส่งเสริมอาชีพระยะสั้น ฯลฯ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
1145 | การจัดคาราวานแก้จน | ยธ | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ผู้อำนวยการศูนย์
อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ เสนอให้ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน แห่งชาติเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการแผนงาน งบประมาณ โครงการ กิจกรรม และการปฏิบัติเกี่ยว กับงานคาราวานแก้จนของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอก ชน และองค์กรภาคประชาชนต่าง ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||
1146 | รายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในภาพรวมทั้งปี โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 956,573 ล้าน บาท หรือร้อยละ 94.57 ของวงเงินงบประมาณ 1,011,500 ล้านบาท ส่วนผลการเบิกจ่ายจำแนกตามลักษณะ เศรษฐกิจ โดยในส่วนของรายจ่ายประจำ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 830,160.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 99.89 ของ งบประมาณรายจ่ายประจำ 831,037.27 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 137,563.48 ล้าน บาท หรือร้อยละ 69.84 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน 196,962.73 ล้านบาท และผลการเบิกจ่ายจำแนก ตามกระทรวง ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2547 กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน มีอัตราการเบิกจ่ายต่อวงเงินงบประมาณเท่ากับ 99.32 98.00 และ 96.98 ตามลำดับ สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 85,085 ล้านบาท หรือร้อยละ 62.79 ของวงเงินงบประมาณ 135,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนา และบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,733 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่า ตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 11,910 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงิน บำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,307 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 5,146 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 10,989 ล้านบาท และผลการเบิกจ่ายซึ่งรวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 ในภาพ รวมจำนวน 1,163,500 ล้านบาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,052,809.36 ล้าน บาท หรือร้อยละ 90.49 ของวงเงินงบประมาณดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
1147 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศีกษา ให้มีรายได้ระหว่างเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่เมษายน - กันยายน 2547 | ศธ | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครง
การส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียนของกระทรวงศึกษาธิ การ ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2547 มีการจ้างงานนักเรียน นักศึกษาทั้งที่ลงทะเบียนตามแบบ สย.4 และที่ไม่ได้ลงทะเบียนในหน่วยงานต่าง ๆ และสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 322,418 คน จำแนกเป็น ภาครัฐ ทั้ง 19 กระทรวง รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 36,174 คน ภาคเอกชน 120,417 คน และ สถานศึกษา 165,626 คน สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 กระทรวงศึกษาธิ การได้ขอรับการสนับสนุนงบกลางปี พ.ศ. 2547 (ระยะที่ 2) จำนวน 400 ล้านบาท จากศูนย์ต่อสู้เพื่อเอา ชนะความยากจนแห่งชาติ เพื่อให้สถานศึกษาจ้างงานนักเรียน นักศึกษา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ จะมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ความพึงพอใจของผู้รับบริการทั้งนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และผู้ประกอบการ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข เพื่อนำเสนอคณะอนุ กรรมการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ รวมทั้งจัดพิมพ์คู่มือการดำเนินงานของนักเรียน นักศึกษา คู่มือ สถานประกอบการ และคู่มือการบริหารโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษา ให้มีรายได้ระหว่างเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ |
|||||||||||||||||||||||||||
1148 | ขออนุมัติเพิ่มเติมสถานที่ติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ ศาสนสถาน และสถานที่ราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ห่างไกล | มท | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการติดตั้ง
ระบบไฟฟ้าให้แก่ครัวเรือนของประชาชน ภายใต้โครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (solar Home System) ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ให้ครบถ้วน และทั่วถึงมากที่สุดก่อน สำหรับการติดตั้งให้แก่สถานที่ราชการ นั้น ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องขอตั้งงบประมาณประจำปี เพื่อดำเนิน การ ส่วนกรณีศาสนสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชนมากและตรวจสอบดูแลได้ยาก ให้พิจารณาความจำเป็น เหมาะสมเป็นกรณี ๆ ไป ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักนายก รัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการพิจารณาติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับสถานที่ดังกล่าว ไปประกอบการ พิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1149 | การปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายโภคิน พลกุล) | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการ
ในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 เพื่อ ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้ง รับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการครั้งนี้ ได้มี การประชุมเพื่อมอบนโยบายให้แก่หัวส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชี้แจงให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นถึงผลงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง ได้ตรวจเยี่ยมจุดที่ขอเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ซึ่งเป็นจุดข้ามแม่น้ำโขงไปเชื่อมกับถนนหมายเลข 8 ที่สามแยกบ้านท่าสะอาด แขวงบริคำไซ ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะสามารถเดิน ทางต่อไปถึงเมืองฮาติง และเมืองวินท์ของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ และตรวจสภาพความ เสียหายของตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงกัดเซาะ โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1150 | รายงานสถานการณ์ดินถล่ม ที่จังหวัดกระบี่ | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสถานการณ์ดินถล่มในพื้นที่บ้านอ่าวนาง
ม.2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2547 และในพื้นที่บ้านห้วยส้มไฟ ม.1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2547 เป็นเหตุให้มีราษฎรเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 1 คน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 18 หลัง ซึ่งสาเหตุของดินถล่มเกิดจากฝนที่ตกหนัก ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ประสบภัยในเบื้องต้น และได้มีการวางมาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานไปยังจังหวัดกระบี่ประกาศ ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และแจ้งให้ประชาชนออกจากบริเวณดังกล่าว รวมทั้งประสานกับสำนักงาน ทรัพยากรธรณีเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อตรวจสอบทางด้านธรณีวิทยาเพื่อประเมินความเสี่ยงและเตรียมการ ป้องกัน นอกจากนี้ ได้จัดชุดเฝ้าระวัง โดยมอบให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับ อปพร. สำรวจสภาพพื้นที่ที่อาจจะเกิดการเลื่อนไหลของดินและถล่มลง และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจ ให้ราษฎรในพื้นที่ได้ทราบ และมีความตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิให้เกิดความตื่นตระหนักจนเกิด ความเสียหายต่อการประกอบอาชีพหรือกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
1151 | แผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน | ทส | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัด เชียงใหม่-ลำพูน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผน ปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศเชียงใหม่-ลำพูน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไป ปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้ตรวจสอบสภาพการดำเนิน งานที่มีผลต่อการจัดการมลพิษอากาศในจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูนของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านงบประมาณที่ ได้รับ เป้าหมายและผลการดำเนินการที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยพิจารณาปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าว ตามข้อมูลที่ได้รับโดยกำหนดขอบเขต วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางบูรณา การภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และกำหนดโครงการและกิจกรรมตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติ การ ฯ เท่าที่จำเป็น ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการหรือกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่และต้องก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตรวจวัดได้ มีมาตรการตรวจสอบ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติ การ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ และ ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักในการมีส่วนร่วมลดมลพิษอากาศในพื้นที่ เพื่อเกิดผลสำเร็จต่อ เนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ไปประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ ด้วย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า การดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการในเชิงรุกดูแลป้องกันมิให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะ ดำเนินการแบบตั้งรับเพื่อแก้ไขฟื้นฟูหลังจากเกิดปัญหาแล้วเพราะการแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดภาระและสิ้น เปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายมากกว่า และยากที่จะแก้ไขให้สภาพธรรมชาติกลับคืนดังเดิมได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าควรนำเอาหลักการที่ว่า "ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา" (Polluter Pay Principle-PPP) มาใช้ในการดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1152 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... | ศธ | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... ไปเพื่อสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนัก งาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นว่า เนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฯ อาจก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อการบริหารจัดการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการได้หลายประการ เช่น การจัดระเบียบบริหารราชการตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่ง กำหนดให้จัดระบบที่แตกต่างกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จึง อาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง และไม่เป็นเอกภาพในการจัดการศึกษาของประเทศได้ รวมทั้งการกำหนด อำนาจหน้าที่ บทบาท และภารกิจที่มีลักษณะซ้ำซ้อน ทำให้ในพื้นที่หนึ่งมีหลายหน่วยงานต่างดำเนินการใน พื้นที่โดยไม่มีการประสานหรือพิจารณาดำเนินการร่วมกันในภาพรวมของกระทรวง เป็นต้น ส่วนสำนักงาน ก.พ. มีความเห็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วน กลาง ควรมีขนาดที่เล็กลงและมุ่งเน้นเฉพาะภารกิจงานวิเคราะห์ในเชิงยุทธศาสตร์การวางนโยบายและมาตร ฐานการปฏิบัติงาน การติดตามและประเมินผล การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนให้การสนับสนุนในเชิงวิชาการ และควรมีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ สอดคล้องกับการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา สำหรับสำนักงบประมาณมีความเห็น เกี่ยวกับสถานภาพของหน่วยงาน ควรระบุให้ชัดเจน นอกจากนี้ การกำหนดให้การบริหารงานศึกษานอก โรงเรียนใช้แบบของคณะกรรมการ 3 ระดับ ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานที่ สอดคล้องกับหลักการของการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูประบบราชการควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากจะมี ผลให้เกิดภาระงบประมาณของประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||
1153 | รายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546 - 2549 | มท | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหา
เครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546-2549 โดยกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้เสนอราคาตามแบบสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจพิจารณาแล้วจำนวน 14 รายการ รวม 799 หน่วย (คัน/ลำ/เครื่อง/ชุด) ในวงเงิน 2,638,402,265 บาท ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และได้ประสานงานให้กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ทั้งสิ้น 450 แห่ง ส่งเงินสมทบงบประมาณปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2547 ที่ตั้งไว้ กับเตรียมการจัดตั้งงบประมาณสมทบในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 ไว้ให้พร้อม โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้จัดตั้งงบประมาณให้เป็นไป ตามข้อตกลงในการเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||
1154 | การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ | นร | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเรื่อง
การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ ดังนี้ ให้ลูกจ้างประจำของฝ่ายบริหารได้รับ เงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ และให้ลูกจ้างชั่วคราวของฝ่ายบริหารที่มีอายุงานต่อเนื่องไม่ น้อยกว่า 5 ปีบรรจุเป็นพนักงานราชการและรับเงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ รวมทั้งให้เจ้า สังกัดของลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการอื่น นอกจากฝ่ายบริหาร ตลอดจนลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือได้ตามที่เจ้าสังกัดกำหนด แต่ อยู่ภายในกรอบงบประมาณของตนเอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1155 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 โดยการเบิกจ่ายเงิน ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 875,017 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.12 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 74,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.89 ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,725 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 4,531 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,098 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศจำนวน 3,034 ล้านบาท รวมทั้งเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 9,983 ล้าน บาท ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ไม่รวมงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายในส่วนของราย จ่ายประจำจำนวน 758,386 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.16 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,937 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุนจำนวน 116,631 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.49 ของงบประมาณรายจ่าย ลงทุน (196,063 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุน เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 81,308 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.91 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,716 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรีบ ดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามแผนงาน งาน โครงการที่กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินจากคลังภายในวันที่ 20 กันยายน 2547 ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินไม่เกินวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||
1156 | รายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา สรุปดังนี้ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนร่วมกับจังหวัดเพชรบุรีได้จัดให้มี การฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรร เทาอุทกภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในหลักการ ขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ สามารถรองรับและเข้าจัด การอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ส่วนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสถานการณ์น้ำลุ่ม เจ้าพระยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้ดำเนินการตรวจแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา นพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา โดยในส่วนของกรุงเทพ ฯ ได้ดำเนิน การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ แล้วเสร็จที่สามารถ ป้องกันที่ระดับ+2.40 ม. (รทก) ยาว 50 กม. และกำลังก่อสร้างอยู่อีก 8 กม. แล้วเสร็จในปี 2548 และอยู่ในขั้น ตอนดำเนินการประกวดราคาอีก 17 กม. คาดว่าแล้วเสร็จประมาณปี 2551 จังหวัดนนทบุรี ได้มีการเตรียมการ ฯ จัดทำประตูกั้นน้ำ ซ่อมแซมประตูระบายน้ำ การพร่องน้ำในแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ จัดเตรียมเครื่องสูบ น้ำไว้ พร้อม และได้จัดประชุมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อม ให้หน่วยงานชลประทานแจ้งสถานการณ์น้ำให้ทราบทุกระยะ จังหวัดปทุมธานี ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำปิดปากแม่น้ำและคลองธรรมชาติริมฝั่งเจ้าพระยา สร้าง คันกั้นน้ำจากพื้นที่รอบข้างไม่ให้น้ำไหลเข้าจังหวัดปทุมธานี พร้อมทั้งได้จัดเตรียมกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำ และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมรับสถานการณ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
1157 | การจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8)
ที่มีมติเกี่ยวกับการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงการคลังนำหลักเกณฑ์การกันเงินงบประมาณเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อมปีกรณี ไม่มีหนี้ผูกพันเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแจ้งให้ส่วน ราชการถือปฏิบัติต่อไป โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ตามประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ด้วย ดังนี้ กรณีเงิน รางวัลที่จะนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันออกหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลตามหลัก Good Governance ทั้งของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค รวมทั้งราชการส่วนท้องถิ่นด้วย โดยให้พิจารณาเรื่องการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การ เลื่อนขั้นกรณีพิเศษ การไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ และการได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นในปีถัดไป เป็นต้น และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1158 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม
มาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย กรมโยธา ธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการไฟฟ้านครหลวง สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงาน ของกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำโครงการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน ฯ เพื่อใช้เป็นกรอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำ ผังพัฒนาทางด้านกายภาพที่กำหนดโครงการพัฒนาในแต่ละย่าน ผังการใช้ที่ดินและอาคาร แผนปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงพื้นที่เฉพาะ โครงการคมนาคมและขนส่งครบวงจร ผังสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การ ป้องกันน้ำท่วม การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำเสนอของบประมาณ และการนำเสนอกลยุทธ์ ที่ส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ส่วนผลการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ แต่งตั้งคณะกรรมการ รวม 2 คณะ เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและประสานแผนการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่พัฒนา สำหรับผลการดำเนินงานของการไฟฟ้านครหลวง ในส่วนของผลการดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยาน ฯ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 นั้น ขณะนี้มีผล ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ ฯ ในส่วนของงานจัดจ้างก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับ โรงไฟฟ้า งานปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซ งานก่อสร้างระบบผลิตน้ำเย็น งานก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นให้แก่ อาคาร และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะเสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนโครงการจ่ายไฟฟ้าให้ระบบ ขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบ คาดว่า จะสามารถดำเนิน การตามโครงการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||
1159 | การปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพระนครศรีอยุธยา | มท | 21/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้น
ที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพระนครศรีอยุธยา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ เมื่อวันที่ 17-18 กันยายน 2547 เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับจากทัศนศึกษาและเยี่ยมญาติผู้เสียชีวิตจากการก่อความ ไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งตรวจติดตามการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ ได้แก่ ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ต่าง ๆ ต้องบูรณาการความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ดำเนินการเพียงลำพัง ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกหน่วยงานประสานงานกันอย่างเป็นระบบ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำระบบ GIS มาใช้ในการดำเนินงานแล้ว ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง กรุงเทพมหานคร จังหวัดต่างๆ ได้ประสานงานกัน เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้มีการใช้ GIS ที่สามารถเชื่อมโยงและ ใช้งานให้เป็นระบบเดียวกันได้ การวางผังเมืองของกรมโยธาธิการและผังเมือง ขอให้พิจารณาและดูแลในเรื่อง ของการใช้พื้นที่ที่อาจเป็นสาเหตุของอุทกภัยด้วย ให้มีการบูรณาการการจัดทำผังเมืองร่วมกัน กับหน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งเรื่องถนน เส้นทางคมนาคม ที่อยู่อาศัย แหล่งพาณิชยกรรม การเตรียมการในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา ให้การมีการมอบหมายและขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับด้วย เพื่อร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือดูแลราษฎรต่อไป รวมทั้งการกำจัดวัชพืชของจังหวัดต่าง ๆ และจะต้องบูรณาการในการให้ ความช่วยเหลือหรือดูแลความเดือดร้อนของราษฎรในช่วงภายหลังน้ำลดด้วย ตลอดจนการพิจารณาการปล่อย น้ำจากเขื่อนของกรมชลประทาน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยว่าจะระบายน้ำมากน้อยเพียงไร |
|||||||||||||||||||||||||||
1160 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา | นร | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้ รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทาง แก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวง อุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบ บูรณาการ เพื่อให้ครอบคลุมด้านการพัฒนาจัดหาน้ำต้นทุน การจัดสรรน้ำ การควบคุมมลพิษทางน้ำ การ อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ อุทกภัยและภัยแล้ง โดยจัดทำเป็นแผนระยะยาวควบคู่กับการวางแผนการใช้ที่ดินและ การขยายตัวของสังคมและเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้คณะอนุกรรมการลุ่มน้ำเจ้าพระยา และการมีส่วน ร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวมในพื้นที่ชุมชน และให้มีมาตรการจัดเก็บค่าธรรม เนียมบำบัดน้ำเสีย และบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการระบายของเสียจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ ดำเนินการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ และให้มีการควบคุมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ ให้มีการระบายน้ำทิ้งที่ไม่ได้มาตรฐาน และงดใช้ยาและสารเคมีต้องห้าม 16 ชนิด ตามที่กรมประมงประกาศ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักประสานและเร่งรัด การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการและแผนปฏิบัติการที่กำหนดบทบาท ภารกิจ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการ โดยจัดทำตัวชี้วัดการแก้ไขปัญหา มลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วรายงานผลให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบ เป็นระยะ ๆ |
.....