ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 6) | มท | 08/02/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดิน
ไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครั้งที่ 6 ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 ในส่วนของพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย พื้นที่ประสบภัยพิบัติ บริเวณพื้นที่ ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และ สตูล รวม 24 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 83 ตำบล 332 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 59,561 คน 14,266 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,393 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน รับแจ้งสูญหายรวม 3,062 คน เด็กกำพร้า ที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิตรวม 848 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายรวม 6,728 หลัง พื้นที่การ เกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,380,360.75 บาท ด้านประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,730,861,458 บาท ด้านปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท รวมทั้งด้านสถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท รวมมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินเกี่ยวกับการประกอบอาชีพประมาณ 14,609.48 ล้านบาท สิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,053.85 ล้านบาท ส่วนการ ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต โดยยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (Tsunami) มีจำนวน 5,393 คน สามารถยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคล หรือญาติยืนยันแล้ว จำนวน 1,861 ศพ ยังยืนยันไม่ได้ 2,882 ศพ ได้ขนย้ายศพ จากวัดบางม่วง และวัดย่านยาว ไปยังสุสานไม้ขาวแล้วรวม 1,556 ศพ สำหรับด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 259,736,695 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมง และผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมเป็นเงิน 196,549,293 บาท การจัดบ้านพักชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน พื้นที่ 3 จังหวัด ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ การก่อสร้างบ้านพักถาวรในพื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด ข้อมูลสำรวจ ความต้องการ มียอดรวมทั้งสิ้น 2,896 หลัง การช่วยเหลือซ่อมเรือผู้ประสบภัย จังหวัดกระบี่ ซ่อมเครื่องยนต์ เรือหางยาวแล้วเสร็จ 168 เครื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 13 เครื่อง การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการราย ย่อย รวมเป็นเงิน 83,110,000 บาท นอกจากนี้ ได้ดำเนินการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และการจัดระเบียบชายหาดใน 4 ภารกิจ ได้แก่ การทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การจัด ระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐานและอาคารสิ่งก่อสร้าง การจัดระเบียบชายหาด และ การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวจัดทำภูมิทัศน์ชายหาด ส่วนกรมที่ดินได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิ ชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดที่ดิน วางผังในการก่อ สร้างบ้านพักถาวรให้แก่ผู้ประสบภัย ส่วนจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างการพิจารณาเร่งรัดการจัด ระเบียบที่ดินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้ประสบภัย
|
|||||||||||||||||||||
1122 | แนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง | มท | 01/02/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้า
หน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนและประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงมหาดไทย เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและประสานการปฏิบัติกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งได้เน้น ย้ำการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครองตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 3 ระยะคือ ก่อนวันเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง ตามมาตรการ ต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ความสำคัญของบัตร ประจำตัวประชาชน มาตรการเข้มงวดในการวางตัวเป็นกลาง มาตรการประชาสัมพันธ์ "ข้าราชการวางตัวเป็น กลาง เป็นตัวอย่างที่ดี ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง" มาตรการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด มาตรการศูนย์สนับสนุนและ ประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมาตรการในการเฝ้าระวังเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||
1123 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2548) | มท | 01/02/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 29 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 552 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,249 ตำบล 38,053 หมู่ บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,312,468 คน 2,098,517 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,020,259 ไร่ แยกเป็นนาข้าว 9,813,411 ไร่ พืชไร่ 2,896,557 ไร่ พืชสวน 310,291 ไร่ มูลค่าความ เสียหายประมาณ 6,523,528,206 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้ง แจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค และเร่งรัดได้ให้จังหวัดที่ประสบภัยใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันและแก้ไข ปัญหาความแห้งแล้งไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 411,672,582.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของ จังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) เป็นเงิน 291,598,639 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเงิน 76,985,443.88 บาท และงบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO เป็นเงิน 43,088,500 บาท
|
|||||||||||||||||||||
1124 | รายงานผลการติดตามการดำเนินงานปัญหา อุปสรรค การใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 (ตุลาคม 2546 - มีนาคม 2547) | นร | 18/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการติดตามการใช้
จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานเพิ๋มเติม ณ วันสิ้นปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเงินอุดหนุนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภทได้รับประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 รวมทั้งสิ้น 79,136.94 ล้านบาท (ไม่รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2547) โดยมีการเบิกจ่ายไปแล้ว 65,049.33 ล้านบาท จำแนกตามส่วนราชการ ได้ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจัดสรร 1,791.82 ล้านบาท เบิกจ่าย 1,195.57 ล้านบาท กรมส่งเสริมการปก ครองท้องถิ่น ได้รับจัดสรร 66,066.13 ล้านบาท เบิกจ่าย 56,753.84 ล้านบาท กรุงเทพมหานคร ได้รับ จัดสรร 9,982.48 ล้านบาท เบิกจ่าย 6,552.85 ล้านบาท และเมืองพัทยา ได้รับจัดสรร 1,296.51 ล้าน บาท เบิกจ่าย 547.07 ล้านบาท ส่วนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้มีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า ได้แก่ ปัญหาจากการ เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น เนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มีการเลือกตั้งคณะผู้บริหารและสมาชิกสภา ท้องถิ่นหลายแห่ง และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลการ เลือกตั้งไม่ครบทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภาท้องถิ่นเพื่อพิจารณาอนุมัติร่างข้อบัญญัติงบประมาณประจำ ปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น เช่น สภาพพื้นที่ก่อสร้างบางแห่งมีปัญหาภูมิประเทศซึ่งเป็นอุปสรรคทำให้การก่อสร้างและการเบิกจ่าย เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นล่าช้า และปัญหาความเข้าใจของบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องวัตถุประสงค์ของเงินอุดหนุน ทั่วไป เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1125 | การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2548 เพื่อแก้ปัญหาธรณีพิบัติภาคใต้ | นร | 11/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอให้จัดสรร
เงินอุดหนุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในเขตพื้นที่ประสบธรณีพิบัติ ฟื้นฟูสภาพจิตใจของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้จ่าย จากเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจ จำนวน 500 ล้านบาท เงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อปรับปรุงเส้นทางคมนาคมและเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อก่อสร้างฝายทดน้ำ จำนวน 1,000 ล้านบาท และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าวประกอบด้วย หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีใน เขตจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติ สำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมบัญชีกลาง กรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้แทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
1126 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 6 มกราคม 2548) | มท | 11/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 6 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 547 อำเภอ 51 กิ่งอำเภอ 4,166 ตำบล 37,402 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,518,739 คน 2,043,542 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตร เสียหาย 11,750,518 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,417,267 ไร่ พืชไร่ 2,223,198 ไร่ พืชสวน 110,053 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,262,762,149 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ การเกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 296,400,420.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 191,867,465 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 76,985,443.88 บาท และงบประมาณ อื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 27,547,512 บาท
|
|||||||||||||||||||||
1127 | ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... (Agenda based) | นร | 11/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติเขต
เศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะทำงานด้านกฎหมาย ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ยกร่างและแก้ไข เพิ่มเติมตามผลการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครือ งาม) เป็นประธาน โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขึ้นเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เฉพาะสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ และความต้องการของประชาชน และเพื่อ ให้การพัฒนาระบบบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการ แข่งขันของประเทศให้สูงขึ้น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็น และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการถือครองที่ดิน และการเช่าที่ดินของคนต่างด้าว ตามข้อสังเกตกรมที่ดิน เรื่องการอุดหนุนซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีใน WTO ตามข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ และเรื่องแรงงานต่างด้าวตามข้อสังเกตของกระทรวงแรงงาน รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา ด้วยดังนี้ โดยที่ในบางเรื่องอาจมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เช่น การกำหนดให้เป็นเขตเกษตรเศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522 เป็นต้น จึงสมควรพิจารณาว่า หากจะยกเลิกกฎหมาย ดังกล่าว แล้วใช้กฎหมายในเรื่องนี้เพียงฉบับเดียว จะเหมาะสมหรือไม่ ควรกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การมหาชนในลักษณะ ที่ให้สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงาน ห้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลได้ นอกจากนี้ให้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระ ราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย รวมทั้งกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษใน พื้นที่ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความสับสนหรือขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ในกรณีเป็นที่ดินขององค์กรทางศาสนา ควรดำเนินการตามแนว ทางในกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดิน เมื่อตรวจร่างเสร็จแล้ว ควรมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนและ ภาครัฐอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1128 | แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำ สำคัญของประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ อาทิเช่น รัฐควรดำเนินการแบ่ง 25 แม่น้ำสำคัญเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนิน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้เป็นระบบทั้งลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน และควรดำเนินการให้มียุทธศาสตร์การ จัดการลุ่มน้ำเพื่อตอบสนองความจำเป็นเพื่อการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น สาธารณะจากประชาชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมรับผิดชอบการรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ำ รวมทั้งทบทวนกรอบการทำงานและการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนด นโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และมอบให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลตามประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ได้แก่ การกำหนดวิธีการและแสดงผลการศึกษาให้ทราบถึงต้นตอและ สาเหตุแห่งปัญหาน้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำ การจัดทำระบบการโยกย้ายน้ำ (Water rid) และข้อ เสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มีพระราชบัญญัติน้ำและจัดตั้งกระทรวงน้ำ และการปรับปรุงองค์กร บริหารจัดการน้ำในระดับต่าง ๆ แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำของ ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ แบบบูรณาการเพื่อประโยชน์ในการผลิต การบริโภค และการป้องกันอุทกภัยต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1129 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ" และ เรื่อง"แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ" | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำ สำคัญของประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ อาทิเช่น รัฐควรดำเนินการแบ่ง 25 แม่น้ำสำคัญเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนิน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้เป็นระบบทั้งลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน และควรดำเนินการให้มียุทธศาสตร์การ จัดการลุ่มน้ำเพื่อตอบสนองความจำเป็นเพื่อการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น สาธารณะจากประชาชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมรับผิดชอบการรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ำ รวมทั้งทบทวนกรอบการทำงานและการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนด นโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และมอบให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลตามประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ได้แก่ การกำหนดวิธีการและแสดงผลการศึกษาให้ทราบถึงต้นตอและ สาเหตุแห่งปัญหาน้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำ การจัดทำระบบการโยกย้ายน้ำ (Water rid) และข้อ เสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มีพระราชบัญญัติน้ำและจัดตั้งกระทรวงน้ำ และการปรับปรุงองค์กร บริหารจัดการน้ำในระดับต่าง ๆ แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำของ ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ แบบบูรณาการเพื่อประโยชน์ในการผลิต การบริโภค และการป้องกันอุทกภัยต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1130 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) | มท | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) โดยเห็นควรมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรให้กระทรวงมหาดไทยรับไป พิจารณาตามแนวทางการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) ที่ได้มอบหมาย ให้ประธาน ฯ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีรับเรื่อง การจัดทำระบบประปาหมู่บ้านไปจัดประชุมร่วมกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการงบประมาณที่ได้รับเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน น้ำอุปโภค บริโภคในหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. 2547-2548 จำนวน 5,622.61 ล้านบาท ให้อยู่ภายใต้กรอบการ ดำเนินงานของโครงการที่เสนอ โดยในการจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นสามารถซื้อบริการจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติ ฯ สนับสนุนด้านวิชาการและเทคนิคขั้นสูงแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดทำแผนการบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบ ประปารวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการอย่างชัดเจน ให้มีระบบติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินโครงการเป็นระยะ ๆ อย่าง ต่อเนื่อง และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเสนอแนะการปรับปรุงการดำเนินงาน ตาม โครงการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ไปดำเนินการด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการการ กระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็น ควรกำหนดภารกิจการให้บริการน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้แก่ประชาชนที่จะถ่ายโอนให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นภารกิจที่จะต้องดำเนินการมากกว่าภารกิจที่สามารถเลือกดำเนินการได้ ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1131 | ขอให้หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญและรัฐวิสาหกิจแก้ไขระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 145 ฉ | กค | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการขอความร่วมมือหน่วยงานตาม
กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราช การบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญและรัฐวิสาหกิจแก้ไขระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วย การพัสดุให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 145 ฉ ที่กำหนดว่า กรณีที่นิติบุคคลใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน โดยการกระทำดังกล่าวเกิดจากหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น ให้ผู้รักษาการตาม ระเบียบ ฯ สั่งให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงานด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไป ดำเนินการด้วย ดังนี้ หน่วยงานที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งกฎหมายให้อำนาจกระทรวงมหาดไทย กำหนดระเบียบพัสดุ และกระทรวงมหาดไทยก็กำหนดระเบียบเรื่องนี้ไว้แล้ว เห็นควรกำชับให้มีการถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัด ก็น่าจะเพียงพอ ส่วนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลสั่งการให้มีการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ รวมทั้งหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่มีฐานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ อาทิ เช่น บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย และมหาวิทยาลัยนอกระบบ เป็นต้น ให้รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลสั่งการให้มี การดำเนินการตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง สำหรับหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและ หน่วยงานอื่นที่มิได้สังกัดราชการบริหาร อาทิเช่น สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และศาลปกครอง เห็นควรขอความร่วมมือให้พิจารณาดำเนินการ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||
1132 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการจัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | นร | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการ จัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบการ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมและรับผิดชอบ การแก้ปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โดยใช้ยุทธศาสตร์ "คนอยู่กับป่า" การเร่งจัด สรรที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนที่ไร้ที่ทำกินในสถานที่และจำนวนที่เหมาะสมโดยให้เอกสารที่ให้สิทธิครอบครอง เพื่อทำกินเท่านั้น การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับการใช้น้ำในสภาพปัจจุบัน และกำหนดมาตรการ การลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการใช้น้ำทั้งในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรม และการ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการจัดการน้ำให้มากที่สุด เป็นต้น รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา และรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงและกำหนดยุทธศาสตร์ และมาตรการดำเนินการ โดยจัดให้มีการบริหารจัด การแบบบูรณาการร่วมกันและมีหน่วยงานรับผิดชอบและระบบการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และให้ รับประเด็นการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมจัดการลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า จะปรับปรุง โครงสร้างองค์กรและวิธีดำเนินการที่ใช้ในปัจจุบันอย่างใด เพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับ กับภาครัฐมากขึ้น และกำหนดเป้าหมายการรักษาป่าต้นน้ำและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่และ ประชาชนเห็นถึงประโยชน์ของป่าและตระหนักในความสำคัญที่จะร่วมกันปลูกป่าและช่วยดูแลรักษาป่าอย่างแท้ จริง และเนื่องจากในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... มาตรา 18 ของวุฒิสภา คณะกรรมาธิ การร่วมได้ขอปรับปรุงจากร่างของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีมติให้ตัดข้อความเกี่ยวกับการจัดตั้งป่าชุมชนในเขต อนุรักษ์ออก เนื่องจากเกรงว่าผู้ที่อยู่ในเขตอนุรักษ์จะเข้าใจว่า เมื่อตั้งป่าชุมชนแล้วต่อไปจะสามารถตัดไม้ได้ตาม ประสงค์ จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งข้อเท็จจริงโดยเฉพาะในภาคเหนือมีประชาชนอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ อยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะโยกย้ายให้ออกจากบริเวณดังกล่าวได้อย่างถาวรกลับมีผลเสียต่อการดูแลรักษา ป่าอนุรักษ์นั้นให้ประสบผลสำเร็จได้ จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงต่อคณะกรรมา ธิการร่วมได้ทราบเหตุผลของการกำหนดร่างมาตรการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับป่าเขตอนุรักษ์ว่า จะกระทำได้ เฉพาะกรณีเป็นชุมชนดั้งเดิม และมีพฤติกรรมที่แสดงถึงวัฒนธรรมแห่งการอยู่อาศัยที่เกื้อกูลต่อการดูแลรักษา ที่ขอกำหนดเป็นป่าชุมชนอย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันที่ขอจัดตั้งซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักให้คน สามารถอยู่กับป่า และมีส่วนร่วมปลูกและช่วยดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าที่ยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1133 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยว กับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ การขยายสิทธิการเบิกเงินค่าการศึกษาของ บุตรให้แก่ผู้มีสิทธิที่มีบุตรศึกษาอยู่ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี ทั้งสถานศึกษาของทางราชการและเอกชน โดยกำหนดให้มีสิทธิได้รับค่าการศึกษาของบุตรครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตรา ที่กระทรวงการคลังกำหนด และควบคุมการเบิกจ่ายกรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรส ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยว กับการศึกษาของบุตรจากหน่วยงานอื่น จะไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากทาง ราชการ เว้นแต่ค่าการศึกษานั้นต่ำกว่าที่ผู้มีสิทธิจะได้รับตามร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ให้มีสิทธิได้รับเฉพาะ ส่วนที่ยังขาดอยู่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดัง กล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไป และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้ง ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของคำนิยาม "สถานศึกษา ของทางราชการ" ในร่างมาตรา 3 ดังนี้ ตาม (1) "มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่น ในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย" อาจเกิดปัญหาการตีความ เนื่องจากสถาบันอุดมศึกษาปัจจุบันมีอยู่ในหลาย สังกัด เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โรงเรียนนายร้อยสังกัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น ตาม (2) "วิทยาลัยในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการหรือสังกัดส่วนราชการอื่นที่ ก.พ. รับรองคุณวุฒิ" คำว่า "วิทยาลัย" อาจเป็นคำที่เฉพาะเจาะจงมากเกินไปหรือไม่ เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงสถาบันการศึกษา ทั้งที่ มีอยู่แล้วในปัจจุบันหรือที่จะเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งอาจมิได้ใช้ชื่อว่า "วิทยาลัย" และตาม (3) เห็นว่า ในอนาคตอาจ มีสถานศึกษาที่สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล เมืองพัทยา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ จึงควร กำหนดคำนิยามให้มีความหมายกว้างและครอบคลุมกรณีดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1134 | รายงานผลการติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง พื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 | นร | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการติดตามการแก้ไข
ปัญหาภัยแล้ง พื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม 2547 ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) สรุปดังนี้ จากการติดตามการแก้ไข ปัญหาดังกล่าว มีพื้นที่ประสบภัยรวม 78 อำเภอ 9 กิ่งอำเภอ 692 ตำบล 7,550 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตร จำนวน 4,352,016 ไร่ ในส่วนของจังหวัดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ สนับ สนุนรถบรรทุกน้ำ ช่วยเหลือด้านการเกษตรแจกจ่ายน้ำอุปโภค-บริโภค ใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยผู้ประสบ ภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2546 ในการนี้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปพัลลภ) ได้สั่งการ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ไปเร่งรัดการสำรวจข้อมูลพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาภัยแล้งในปี 2547 โดยด่วน ให้ทุกจังหวัดประสานงานกับภาคเอกชนเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำที่แต่ละจังหวัดมีไม่ เพียงพอ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงบริหาร จัดการในรูปแบบบูรณาการ โดยไม่คำนึงถึงเขตการปกครอง แต่ให้ดำเนินการในลักษณะของกลุ่มจังหวัด ให้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยธรรม ชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2547 แต่จังหวัดยังมิได้รับเงินทำให้ไม่ สามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการให้ความช่วยเหลือ ราษฎรผู้ประสบภัย เช่น การสำรวจความเสียหาย การเบิกจ่ายงบประมาณให้รวดเร็ว |
|||||||||||||||||||||
1135 | การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้แก่ประชาชนพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 16 | นร | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
ดังนี้ (1) รับทราบกรอบปัญหาของพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 16 (จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช และพัทลุง) และ เห็นชอบในหลักการของยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว (2) อนุมัติในหลักการของแผน งาน/โครงการเร่งด่วน จำนวน 10 โครงการ ที่ขอเบิกจ่ายจากงบกลาง ปี 2548 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 531.81 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความ สำคัญของโครงการ ความเหมาะสมของวงเงิน ระยะเวลาดำเนินงานที่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ปรับแผนการดำเนินงานจากงบปกติในโอกาสแรกก่อน หากไม่ สามารถดำเนินการได้หรือไม่เพียงพอ ก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลางปี 2548 ได้ โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป (3) เห็นชอบในหลักการของแผนงาน/โครงการ และวงเงินงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุน จากงบประมาณตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 26 โครงการ วงเงินงบประมาณรวม 6,231.61 ล้าน บาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีต่อไป (4) รับทราบแผนงาน/โครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการค่าใช้ จ่ายเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (งบ 5,000 ล้านบาท) จำนวน 31 โครง การ วงเงินรวม 217.11 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับไปพิจารณาจัด ลำดับความสำคัญของโครงการ ฯ ความเหมาะสมของวงเงิน และระยะเวลาดำเนินงานร่วมกับ สศช. สำนักงบ ประมาณ และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติและให้ดำเนินการต่อไปได้ (5) รับทราบแผนงาน/โครงการ ที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2548 (งบ 40,000 ล้านบาท) จำนวน 75 โครงการ วงเงินรวม 1,553.63 ล้านบาท และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องเร่งจัดเตรียมราย ละเอียดโครงการ/แผนงาน ที่จะขอใช้งบประมาณ รวมทั้งความพร้อมเพื่อที่จะดำเนินการเมื่องบประมาณราย จ่ายเพิ่มเติม ฯ ได้รับอนุมัติแล้ว (6) เห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาแต่งตั้งผู้แทนภาคประชาชน และ ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นคณะที่ปรึกษา (Advisory Body) ในด้านการจัดทำแผนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหา ของจังหวัดตามระบบการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนิน งานตามแผนงาน/โครงการ ตามข้อ 2-5 และรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนิน การด้วย และคณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม โดยเห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว โดยรวมจังหวัดตรังเข้าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การ ท่องเที่ยวในเขตอันดามัน โดยให้เน้นศักยภาพและจุดแข็งของจังหวัดตรัง และควรที่จะส่งเสริมและพัฒนาศักย ภาพบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในการบริหารจัดการ และขับ เคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ประสานกับกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อกำหนดหลักสูตรและถ่ายทอดความรู้เท่าที่จำเป็นแก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เหมาะสมต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1136 | ปัญหาการประเมินคุณภาพผลงานของข้าราชการครู และการถ่ายโอนภารกิจด้านการบริหารการศึกษาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับเรื่องปัญหาการประเมินคุณภาพผล
งานของข้าราชการครู และการถ่ายโอนภารกิจด้านการบริหารการศึกษาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึง ขอให้ดำเนินการดังนี้ การประเมินคุณภาพผลงานทางวิชาการ ฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการแก้ ไขปรับปรุงระบบการประเมินคุณภาพผลงานทางวิชาการ ฯ ให้เหมาะสม ชัดเจน เป็นธรรม และสอดคล้อง กับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้นเพื่อเอื้อต่อการประเมินผลงานทางวิชาการ ฯ ที่มีคุณภาพ สามารถผ่านการประเมิน ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการถ่ายโอนสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไป สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในทางปฏิบัติหลายประการ จึงเห็นควรให้ กระทรวงศึกษาธิการชะลอการดำเนินการในเรื่องนี้ และหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อยุติก่อน
|
|||||||||||||||||||||
1137 | การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้ง | ทส | 07/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้ง
โดยอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) ดำเนินการพัฒนาและ ปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้งเป็นกรณีเร่งด่วน โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 28,000,000 บาท ประกอบด้วย การพัฒนาบ่อน้ำบาดาล จำนวน 5,000 บ่อ เป็นเงิน 23,000,000 บาท ซ่อมเครื่องสูบน้ำแบบบ่อลึก จำนวน 2,500 เครื่อง เป็นเงิน 2,500,000 บาท และติดตั้งจุดจ่ายน้ำ จำนวน 500 จุด เป็นเงิน 2,500,000 บาท ทั้งนี้ หากไม่เพียงพอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอ ความสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1138 | ผลการดำเนินการตามโครงการฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 30/11/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รายงานผลการดำเนินการตามโครงการฝึก อบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 3 หลักสูตร ประกอบด้วย หลัก สูตรที่ 1 การสัมมนาวิชาการ เรื่อง "ครึ่งทศวรรษของการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เพื่อให้ผู้บริหาร อปท. ได้ทราบแนวนโยบายและทิศทางการกระจายอำนาจในอนาคต โดยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2547 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร หลักสูตรที่ 2 การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้ แก่ อปท. เรื่อง "ขอบเขต/อำนาจหน้าที่และการใช้อำนาจอนุญาตตามภารกิจที่ถ่ายโอน" โดยจัดแบ่งการ ฝึกอบรม 32 รุ่น ระยะเวลาดำเนินการ ระหว่างวันที่ 11 พฤษภาคม - 22 กันยายน 2547 มีผู้เข้าร่วม การฝึกอบรมรวมทั้งสิ้น 13,503 คน และหลักสูตรที่ 3 การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้แก่ อปท. เรื่อง "ด้านช่างสำหรับผู้ปฏิบัติงานของ อปท." โดยกำหนดการฝึกอบรม 32 รุ่น ระยะเวลาดำเนินการระหว่าง วันที่10 พฤษภาคม - 10 กันยายน 2547 มีผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมรวมทั้งสิ้น 6,007 คน ทั้งนี้ คณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่นกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับผู้บริหาร ปลัด และนายช่างโยธา อปท. ที่เข้าดำรงตำแหน่งใหม่ทุก คน รวมทั้งควรมีการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กับ อปท. สำหรับภารกิจที่จะต้องถ่ายโอนให้ อปท. เพิ่มขึ้น โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กับส่วนราชการที่ถ่ายโอนภารกิจและที่กำกับการ ถ่ายโอนภารกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมให้บุคลากรของ อปท. สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งที่ 19/2547 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อ พิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรของ อปท. โดยมีศาสตราจารย์วรเดช จันทรศร เป็นประธานอนุ กรรมการ มีอำนาจและหน้าที่พิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรของ อปท. ที่มาจากการเลือกตั้งให้ สอดคล้องกับนโยบายการกระจายอำนาจ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน |
|||||||||||||||||||||
1139 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน (ครั้งที่ 7 เดือนตุลาคม 2547) | ทส | 30/11/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน ครั้งที่ 7 (เดือนตุลาคม 2547) โดยการติดตามตรวจสอบ สถานการณ์ฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลาน กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 7 จังหวัดสระบุรี ได้ทำการติดตามตรวจสอบ พบว่าระดับฝุ่นขนาดเล็กบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน มีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนบริเวณบ้านราษฎรเลขที่ 146 หมู่ 5 และวัดถ้ำศรีวิไล ตรวจพบฝุ่นละอองมี ค่าเกินมาตรฐาน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ในช่วง 42-193 มคก./ลบ.ม. ตามลำดับ (มาตรฐานเท่ากับ 120 มคก. /ลบ.ม.) สำหรับการตรวจสอบวัตถุระเบิด ของคณะกรรมการตรวจสอบควบคุมดูแลการใช้วัตถุระเบิดในเขตพื้น ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ พบว่ามีการใช้วัตถุระเบิดในพื้นที่หน้าพระลานและพื้นที่ข้างเคียงถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ สำนักงานเทศบาลตำบลหน้าพระลานและองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าพระลาน ได้นำรถฉีดพรม น้ำเพื่อลดฝุ่นละอองบนถนนสายหลัก และโรงงานปูนซีเมนต์ 2 แห่ง ในพื้นที่หน้าพระลานได้สนับสนุนรถกวาด และดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดถนนพหลโยธิน ในส่วนของแผนงานในระยะต่อไป กรมควบคุมมลพิษ สำนักงาน สิ่งแวดล้อมภาคที่ 7 จังหวัดสระบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสระบุรี จะทำการตรวจสอบการ ระบายฝุ่นละอองจากโรงโม่บดและย่อยหิน รวมทั้งระดับเสียงและความสั่นสะเทือนในพื้นที่หน้าพระลาน และ จัดประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่หน้าพระลาน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2547 |
|||||||||||||||||||||
1140 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ) | ทส | 23/11/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการดำเนินการ
ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการเกษตรทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เกี่ยวกับการมีระบบแก้ไขและป้องกันภัยน้ำเสียในชุมชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำแบบบ่อดักไขมัน เพื่อให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปเผยแพร่ รณรงค์ ให้ประชาชนในพื้นที่จัดทำบ่อดักไขมัน รวมทั้งจะเสนอให้มีการปรับแก้กฎหมายหรือข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้มีผล บังคับใช้กับบ้านเรือนที่พักอาศัยที่จะก่อสร้างใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เทค โนโลยีสะอาดและการผลิตที่สะอาด เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมของกิจกรรมต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมชุมชนด้วย |
.....