ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1101 | การตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดเลยและจังหวัดอุดรธานี | วท | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสรุปผล
การตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดเลยและจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 7-8 เมษายน 2548 โดยผล การช่วยเหลือราษฎรทั้ง 2 จังหวัดที่ประสบภัยแล้ง ทางจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วโดยใช้เงินทดรองราช การในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2546 ดังนี้ จังหวัดเลย 29 ล้านบาท จังหวัดอุดรธานี 46.47 ล้านบาท งบอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและงบปกติของส่วนราชการ ในการนี้ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มอบนโยบายให้จังหวัดเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือให้ทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ดำเนินการเพื่อการกักเก็บน้ำที่จะต้องเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จประมาณ กลางเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้ทันในฤดูฝนที่จะมาถึง สำหรับปัญหาอุปสรรคที่พบและ เห็นสมควรให้มีการดำเนินการแก้ไข อาทิ เร่งรัดการส่งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการขุดลอกแหล่งน้ำลงสู่พื้น ที่ เพื่อให้การดำเนินการแล้วเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึงเพื่อให้การจัดเก็บน้ำสามารถทำได้ทันเวลา และเพื่อป้อง กันไม่ให้เกิดปัญหาดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้และต้องเลื่อนไปดำเนินการในปีถัดไป โดย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรับผิดชอบพิจารณาคัดแยกโครงการเร่งด่วนเฉพาะหน้า เกี่ยวกับการแก้ปัญหา เรื่องน้ำเพื่อให้งบประมาณสามารถจัดส่งลงถึงพื้นที่ได้ทันในปีนี้ เป็นต้น โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รับข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งรายงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดอื่นๆ ทั้งหมดของรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับมอบ หมายให้ดูแลพื้นที่จังหวัดซึ่งได้เดินทางไปตรวจราชการ และได้เสนอคณะรัฐมนตรีมาแล้วในคราวนี้ และที่จะ เสนอในคราวต่อ ๆ ไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2548 เรื่อง การแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพรวมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1102 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 13) | มท | 29/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ครั้งที่ 13) จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2548 โดยข้อมูลพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย 6 จังหวัดภาคใต้ รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,017 ครอบ ครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,939 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,503 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,929 คน (คนไทย 2,020 คน คนต่างประเทศ 909 คน) และเด็กกำพร้ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,172 คน ในส่วนของความเสียหาย ต่อทรัพย์สิน ประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 4,806 หลัง แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง 3,302 หลัง และ เสียหายบางส่วน 1,504 หลัง พื้นที่การเกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 6,625,174.50 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยง สัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,808,891,883 บาท ปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605.50 บาท สถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 13,101,249,720 บาท ส่วนความเสีย หายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบ สาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสียหาย ประเมินขั้นต้นประมาณ 1,057.39 ล้านบาท และความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชาย หาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวประการัง รวมทั้งเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ สำหรับการช่วย เหลือ ประกอบด้วย การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 317,088,451 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มีนาคม 2548) รวมเป็นเงิน 393,444,733 บาท และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2548 จำนวน 4,238 ราย รวมเป็นเงิน 83,930,000 บาท การก่อสร้างบ้านพักถาวร จากข้อมูล สำรวจจำนวนความต้องการ ณ วันที่ 28 มีนาคม 2548 มีเป้าหมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,751 หลัง โดยก่อ สร้างแล้วเสร็จ 176 หลัง และราษฎรขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 266 ราย นอก จากนี้ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการ จัดระเบียบชายหาด โดยการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้าง พื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่เขาหลัก และช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลัก เขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1103 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 10 มีนาคม 2548) | มท | 22/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความแห้งแล้ง
ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547-10 มีนาคม 2548 มีพื้นที่ประสบภัย 66 จังหวัด 633 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ 4,808 ตำบล 41,668 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,479,626 ครัวเรือน 9,596,883 คน ส่วนพื้นที่การ เกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ) มีดังนี้ นาข้าวเสียหาย 10,243,419 ไร่ พืชไร่เสียหาย 3,006,473 ไร่ และพืชสวนเสียหาย 454,783 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ ได้ดำเนินการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่ออุปโภค/บริโภค ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2548 ดังนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างกำชับให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 โดย เด็ดขาด และในเขตพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิฤต ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง ลำพระเพลิง กระเสียว ทับเสลา แก่งกระจาน และปราณบุรี ให้จังหวัดประกาศให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้ง และสงวนน้ำไว้ใช้ เพื่อการอุปโภคและบริโภคเท่านั้น รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นจัดระบบการแจกจ่ายน้ำ โดยให้ประสานกับจุดจ่ายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในพื้นที่ ต่างๆ เพื่อรับน้ำไปแจกจ่ายให้หมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง และแจ้งให้ผู้จัดการการประปาภูมิภาคเตรียมการผลิต น้ำประปาเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 แจกจ่ายให้หมู่บ้านประสบภัยแล้ง นอกจากนี้ ให้ขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก ก่อสร้างฝ่ายประชาอาสาและจัดหาถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบ ประมาณในเบื้องต้น ทั้งนี้ หากเกินขีดความสามารถให้ร้องขอไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1104 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548) | มท | 22/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง และผลการดำเนินการให้ ความช่วยเหลือ จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 71 จังหวัด 696 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ 5,340 ตำบล 44,519 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,843,540 ครัวเรือน 11,058,902 คน แยกเป็นภาค เหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 13 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,736,660 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 10,190,292 ไร่ พืชไร่ 3,031,745 ไร่ พืชสวน 514,623 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 7,565,861,139 บาท ด้าน การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน รวมทั้งแจกจ่ายน้ำ อุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,235,807,193.56 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 896,851,630 บาท งบ ฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 263,637,264.56 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 75,318,299 บาท นอกจากนี้ได้มีการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งการช่วยเหลือ/ ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้มีมาตรการเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน 2548 ดังนี้ ให้จังหวัดประสานงานสำนักฝนหลวง เร่งปฏิบัติการฝนหลวงทันทีเมื่อมีเมฆ หรือสภาวะ อากาศเอื้ออำนวย ให้มีการจัดระบบการแจกจ่ายน้ำ โดยประสานกับจุดจ่ายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล ในพื้นที่ต่างๆ เร่งซ่อมบ่อบาดาลเดิม และขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติมในหมู่บ้านแล้งรุนแรงให้แล้วเสร็จ ในเดือนเมษายน ส่วนในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 โดย เด็ดขาด สำหรับในเขตอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิกฤติ ให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้ง และสงวนน้ำไว้ ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น และให้พิจารณาขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก ก่อสร้างฝายประชาอาสา จัดหาถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน ตลอดจนให้มีการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ทั่วถึงและเป็น ธรรม และรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1105 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 2547 - 3 มีนาคม 2548) | มท | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือ สรุปได้ดัง นี้ สถานการณ์ความแห้งแล้ง (ข้อมูลถึงวันที่ 3 มีนาคม 2548) มีจังหวัดประสบภัย 63 จังหวัด 631 อำเภอ 59 กิ่งอำเภอ 4,701 ตำบล 41,099 หมู่บ้าน และคาดว่า ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2548 จะ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความแห้งแล้งทั่วประเทศ 70 จังหวัด 643 อำเภอ 60 กิ่งอำเภอ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉาย แสง) เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2548 ณ ทำเนียบรัฐบาล ได้กำหนดนโยบาย/มาตรการ แก้ไขปัญหาภัยแล้งในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนาย 2548 ดังนี้ ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ขอให้งดการ ปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 โดยเด็ดขาด ส่วนอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิฤต 6 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง ลำพระเพลิง กระเสียว ทับเสลา แก่งกระจาน และปราณบุรี ให้งดการปลูกพืชฤดูแล้ง และสงวนน้ำไว้ใช้ เพื่อการอุปโภค บริโภค และให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดระบบการแจกจ่ายน้ำ รวมทั้งให้ขุด ลอกแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดเล็กประมาณ 14,000 แห่ง โดยใช้แรงงานท้องถิ่นในฤดูแล้งนี้ และให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณในเบื้องต้น ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้เร่งรัดให้จังหวัดที่ ประสบภัยแล้งใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 784,091,141 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1106 | การยกฐานะสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานระดับกรมในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และการจัดทำและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระ จายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... และตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่างพระราช บัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตั้งคณะกรรมการคณะพิเศษตรวจพิจารณา ทั้งนี้ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประ เด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อาทิเช่น ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตราขึ้นในวาระที่แตกต่างกัน ทำให้มีภารกิจ และอำนาจหน้าที่ไม่สอดคล้อง และเป็นแนวทางเดียวกัน ควรพิจารณาในเรื่องของการนำกฎหมายหลาย ฉบับมารวมกัน อาจทำให้เกิดปัญหาการทับซ้อนด้านพื้นที่ อำนาจหน้าที่ การเก็บภาษี การจัดตั้งรัฐวิสาห กิจท้องถิ่น องค์การมหาชนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม หรือทับซ้อน หรือทำให้เกิดความสับสนกับรัฐวิสาห กิจของรัฐ หรือองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนหรือไม่ การใช้ชื่อกฎหมายว่าประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความหมายของประมวลกฎ หมาย หรือไม่ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย และหากมีความจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม ให้เชิญผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอความเห็นเพื่อประกอบการตรวจ พิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป และเห็นควรให้ ก.พ.ร. รับประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรให้ ก.พ.ร. รับไปพิจารณาในภาพรวมโครงสร้างระบบ ราชการทั้งหมดว่า สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ เป็นหน่วยงานที่มีฐานะ เป็นกรม หรือหน่วยงานที่มีสถานะอย่างอื่นหรือไม่ ระดับไหน และสังกัดอยู่ในสังกัดใด เพื่อให้สอดคล้อง กับการปฏิรูประบบราชการ ไปพิจารณา แล้วแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบการ ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1107 | การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ | อก | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการแก้ไขปัญหา ความล่าช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ ตามผลการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยปรับลดขั้นตอนกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี จากที่กำหนด ไว้ในปัจจุบัน จะลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตการต่ออายุประทานบัตร และการขอประทานบัตรในขั้นตอน การขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีลงเหลือไม่เกิน 150 วัน และให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่เขตศักยภาพแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ (Mining Zone) ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ยกเว้นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ ป่า) เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อให้สามารถอนุญาตประทานบัตรและต่ออายุประทานบัตรได้อย่าง เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น แทนการขอผ่อนผันการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีเป็นแต่ละรายคำขอ หรือรายผู้ประกอบการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงทบทวนระเบียบปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาความล่า ช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตร และให้ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวโดยเร็วต่อไป และให้รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้หลักฐานหรือข้อมูลเอกสาร ประกอบการพิจารณาอนุญาต ที่หน่วยงานแต่ละแห่งจะสอบถามไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถใช้ เอกสารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แจ้งไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกันได้ โดยให้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ กำหนดแบบพิมพ์ ที่สามารถเก็บรายละเอียดในเรื่องที่จะขอความเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุม ทุกประเด็นที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องการในแบบพิมพ์เดียวกัน และควรกำหนดระยะเวลาการดำเนิน การของเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน โดยให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และระเบียบ ก.พ.ร ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้มีการรายงานเหตุที่ไม่สามารถดำเนิน การตามกำหนดเวลาต่อผู้บังคับบัญชา ตลอดจนแจ้งผู้ที่ขออนุญาตให้ทราบโดยพลันเมื่อได้รับการสอบสวน ไป พิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาห กรรมรับไปพิจารณาร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบและกติกาสำหรับใช้ประกอบ การพิจารณาของหน่วยงานของรัฐกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเห็นไม่สอดคล้องกับหน่วยงานของ รัฐหรือผู้ประกอบการในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ว่า จำเป็นต้องหยุดดำเนินการเนื่องจากหลักกฎ หมายใด และหากไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ดำเนินการตามความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ของรัฐหรือผู้ประกอบการควรมีแนวทางดำเนินการอย่างใดต่อไปโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการที่มี ผลต่อความเจริญของประเทศโดยรวม และเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอีกโสดหนึ่งด้วย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและนำเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1108 | ผลการประชุมปฏิบัติการเรื่องแนวทางการพัฒนาการศึกษาของชาติ | ศธ | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พิ้นฐานรายงานผลการประชุมปฏิบัติการเรื่องแนวทางการพัฒนาการศึกษาของชาติ ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2548 ณ โรงแรมโซฟิเทล จังหวัดขอนแก่น โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณรวมทั้งสิ้น 150 คน จากจังหวัดต่าง ๆ วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา ของการจัดการศึกษา และแสดงความต้องการแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของชาติ และของภูมิภาคใน เรื่องของหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน การพัฒนาครู สถานศึกษา และแนวทางการบริหารจัดการ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกำหนดแนวทางในการ พัฒนายุทธศาสตร์ของการพัฒนาการศึกษาของชาติและภูมิภาค โดยผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจ ผู้เข้า ร่วมประชุมส่วนใหญ่ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาที่เป็นประ โยชน์ต่อการวางแผนยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และในการประชุมได้มีการ กล่าวถึงเรื่องสำคัญๆ ได้แก่ การส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน การสร้างและซ่อมแซมอาคาร เรียนเพื่อทดแทนอาคารที่ชำรุด และรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู การพัฒนาด้านคุณภาพของหลักสูตรปฐมวัย การดูแลเด็กยากจน ด้อยโอกาส และผู้พิการเป็นพิเศษ เรื่อง การขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 และเรื่องถ่ายโอนสถานศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1109 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "ยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย และรับทราบตาม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย อาทิ ข้อ เสนอให้ย้ายภารกิจด้านนโยบายผังเมืองจากกระทรวงมหาดไทยไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การกำหนด นโยบายและการกำกับดูแลด้านผังเมือง และการจัดทำผังภาคสามารถกระทำได้ด้วยกลไกทางด้านงบประมาณ และการควบคุมทางกฎหมาย บรรลุผลตามเป้าหมายของรัฐและเป็นอิสระจากงานด้านปฏิบัติ เห็นว่า การวาง และจัดทำผังเมืองมี 2 ระดับ คือ ผังระดับนโยบาย ได้แก่ ผังประเทศ ผังภาค ผังอนุภาค และผังระดับปฏิบัติ ได้แก่ ผังเมืองรวมจังหวัด ผังเมืองรวมระดับเมืองหรือชุมชน ผังเมืองเฉพาะและผังอื่น ๆ ซึ่งการดำเนินงานทั้ง 2 ระดับมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในเชิงพื้นที่เป็นลำดับชั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ทั้งในเชิงการกำหนด นโยบาย การกำกับดูแล และการปฏิบัติ หากแยกภารกิจทั้ง 3 ด้านออกจากกันจะทำให้กรอบแนวทางการ พัฒนาพื้นที่ในผังทุกระดับขาดการบูรณาการ เกิดความซ้ำซ้อนและสูญเสียงบประมาณ ประกอบกับระบบการ วางผังเมืองในเชิงสากลต้องอยู่ในระบบเดียวกันทั้งกระบวนการ จึงเห็นควรดำรงสถานะเป็น "หน่วยงานระดับ กรม" และขณะที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนถ่ายภารกิจ จึงเห็นควรให้ภารกิจดังกล่าวอยู่กับกระทรวงมหาดไทยไป ก่อน และข้อเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความต่อเนื่องของพื้น ที่เมือง ดำเนินการวางและจัดทำผังเมืองรวมที่มีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ต้น โดยมีรายละ เอียดของแผนผังและข้อกำหนด (Zoning) อย่างครบถ้วนและถูกต้องนั้น เห็นว่า การดำเนินการวางและจัดทำ ผังเมืองรวม ประชาชนและกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในกระบวนการวางผังเมืองอยู่แล้วตาม พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 และได้พยายามส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และกลุ่มองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าใจและมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จัดให้มีกฎหมายที่ เหมาะสมกับการเพิ่มรายได้ของท้องถิ่น เช่น ภาษีทรัพย์สิน การประเมินพิเศษ รวมทั้งแหล่งที่มาของรายได้ อื่น ๆ สำหรับการดำเนินการให้เป็นไปตามผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะ เป็นต้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1110 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การกระจายอำนาจการจัดการการศึกษาสู่ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของประชาชน | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การกระจายอำนาจการจัดการการศึกษาสู่ท้องถิ่นและการมีส่วน ร่วมในการจัดการศึกษาของประชาชน โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นปัญหาต่าง ๆ อาทิ ภาครัฐยัง ขาดความชัดเจนในภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งเสริมให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน และองค์กรทางสังคม มีส่วนร่วมจัด การศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎกระทรวงเพื่อรองรับระบบการจัดการศึกษาโดยบุคคล ครอบครัว และองค์กร อื่นยังไม่ประกาศใช้ รวมทั้งการให้มีครู 2 ระบบ คือ ข้าราชการครูเดิมยังคงเป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิ การ ในขณะที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่รับเข้าใหม่จะเป็นบุคคลในสังกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดตั้งกองทุนพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การจัดตั้งสภาการศึกษาของท้องถิ่น การยกเลิกการผูก ขาดการจัดทำสื่อการเรียนการสอน และการกระจายครูและบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ท้องถิ่นโดยการกำหนดโควตา ให้อยู่ในตำแหน่งกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือกรรมการสถานศึกษา เป็นต้น และรับทราบตามที่กระทรวง ศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และเห็นชอบให้ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการต่อไป โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้ สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1111 | รายงานการดำเนินการฟื้นฟู พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 4 | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เสนอดังนี้ รับทราบรายงาน
การดำเนินการของ อนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อมและชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ในคราวประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประสานความ ร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 26 มกราคม 2548 และผลการดำเนินการของคณะทำ งานประสานชุมชนและประชาสังคม เพื่อจัดทำแผนพัฒนาและฟื้นฟูนิเวศชุมชน ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 และให้ยกเว้น การดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนกว่าการปฏิบัติ ภารกิจเร่งด่วนจะเสร็จสิ้น เนื่องจากการดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรแหล่งน้ำ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ อุปโภคบริโภค และน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย เป็นการดำเนินการเฉพาะกิจและต้องดำเนินการ อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการฟื้น ฟูและพัฒนาแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดหาน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย และให้กรมทรัพยา กรน้ำบาดาล ดำเนินการโครงการ/กิจกรรม เพื่อสำรวจ จัดหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตั้งของโรงเรียน และ ชุมชนที่สร้างใหม่ จัดหา ซ่อมแซม ปรับปรุงในพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการในช่วงแรก รวมทั้งให้เร่ง สำรวจ ฟื้นฟู และจัดหาแหล่งน้ำ จำนวน 2 โครงการ ภายใต้กรอบโครงการ/กิจกรรม ตามอนุมัติมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ระยะเร่งด่วน ในส่วนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกรอบโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับ อนุมัติตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือและแก้ไข ปัญหาจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติในหลักการ และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ฯ ต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงาน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ/กิจกรรม ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานก่อน หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับการดำเนินการตามแผนงานปกติ และเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1112 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 24 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -24 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 62 จังหวัด 600 อำเภอ 55 กิ่งอำเภอ 4,503 ตำบล 43,623 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,279,527 ครัวเรือน 8,339,670 คน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 7 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,251,741 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,942,541 ไร่ พืชไร่ 2,962,393 ไร่ พืชสวน 346,807 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,537,780,440 บาท ด้านการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ การเกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็น เงินทั้งสิ้น 716,113,238 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 541,991,214 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117,435,302 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,686,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1113 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาไทยรายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปได้ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติ รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,925 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน) บาด เจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,965 คน (คนไทย 2,023 คน คนต่างประเทศ 942 คน) และเด็กกำพร้าที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิต มีจำนวนทั้งสิ้น 882 คน ความเสียหายต่อทรัพย์สินประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6,824 หลัง (เสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหายบางส่วน 3,209 หลัง) พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะ เลี้ยงสัตว์น้ำและเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ความเสียหายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำ จืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ ในด้านการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต สามารถ ยืนยันได้แล้ว (Identified) 1,870 ศพ (ไทย 1,471 ศพ ต่างชาติ 399 ศพ) ญาติรับศพไปแล้วเป็นคนไทย 1,260 คน คนต่างชาติ 280 คน และยังยืนยันไม่ได้ (Unidentified) 2,873 ศพ (ไทย 1 ศพ ต่างชาติ 1,279 ศพ ระบุไม่ได้ 1,593 ศพ) ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลศพคนต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีศพคนต่างชาติคงเหลือเพื่อตรวจพิสูจน์ 1,487 ศ พ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการจ่าย เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 283,704,356 บาท จ่ายเงินช่วย เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 232,796,143 บาท และจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนัก นายกรัฐมนตรี 100,000,000 บาท และจากกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น 83,810,000 บาท นอก จากนี้ ยังมีผลการดำเนินการช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย อยู่ระหว่าง จัดหาพื้นที่ที่เหาะสมเพื่อก่อสร้างบ้านถาวร 281 หลัง และประชาชนผู้ประสบภัยขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 178 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบ ชายหาด ในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักผัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้น ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงาา รวมทั้งการยุติการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่น ยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือของศูนย์ ฯ ในด้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่ดำเนิน การเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจัดระบบการบริหารจัดการมอบให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามภารกิจอำนาจหน้าที่แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1114 | การแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน | ทส | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น วงเงิน 823,980,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้ง เป็นกรณีเร่งด่วน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ ทุกแห่งที่มีความพร้อมในด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง กลาโหม (หน่วยทหารพัฒนาและทหารช่าง) เป็นต้น เพื่อร่วมดำเนินการ โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ของกิจกรรมและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้วดำเนินการให้เต็มศักยภาพ โดยให้ขอตกลง ในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ประสานและเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ให้ความร่วมมือและรับผิดชอบ ในการบูรณะฟื้นฟู บำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาล อ่างเก็บน้ำ และเครื่องสูบน้ำ อันเป็นภารกิจที่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||
1115 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจและการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | กค | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงิน เหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ และการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัด ซื้อจัดจ้าง โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. แจ้งผลการประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการให้กระทรวงการ คลังทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดำเนินการจัดสรรเงินดังกล่าวให้ส่วนราชการนำไปใช้จ่ายเพื่อการ พัฒนาบุคลากรและหรือพัฒนาองค์กรได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2541 เพื่อให้กระทรวงการคลังอนุมัติการกันเงินงบประมารเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อม ปีรายการเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือรายการเพื่อพัฒนาองค์กร สำหรับการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบ ประมาณเหลือจ่าย ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณถือปฏิบัติตามนัยข้อ 25 ของระเบียบว่าด้วย การบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2546 และให้โอนเปลี่ยนแปลงเงินงบประมาณเหลือจ่ายที่ได้รับอนุมัติให้กัน เงินเป็นรายการใด ๆ ไปเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือเพื่อพัฒนาองค์กรโดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนัก งบประมาณ และแจ้งกรมบัญชีกกลางเพื่อเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ส่วนกรณีมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ หรือวงเงินงบประมาณเหลือจ่ายเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ มอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ ร่วมกันพิจารณากำหนดตามความเหมาะสม และสำหรับกรณีที่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นจะนำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่ายดังกล่าวมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจมาอนุโลมใช้ นั้น ให้ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อหาแนวทางในการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมิน ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลัก Good Governance ก่อน แล้วรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ควรประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดสรรเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดหรือ ประหยัดเพื่อเป็นสิ่งจูงใจและเงินรางวัลให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุก ภาคส่วนได้ร่วมมือกันบริหารงบประมาณของหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยจะต้องมีกลไกและ หลักเกณฑ์ในการควบคุม ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานอย่างเหมาะสมด้วย เช่น การ กำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1116 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 17 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -17 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 61 จังหวัด 587 อำเภอ 57 กิ่งอำเภอ 4,363 ตำบล 38,703 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,967,860 คน 2,189,251 ครัวเรือน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,133,982 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,876,221 ไร่ พืชไร่ 2,945,500 ไร่ พืชสวน 312,261 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,514,823,634 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 663,951,937 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 491,529,040 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 115,766,175 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,656,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1117 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่น
ดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,911 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,531 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,991 คน (คนไทย 2,032 คน คนต่างประเทศ 959 คน) บ้านเรือนเสียหาย 6,824 หลัง แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหาย บางส่วน 3,209 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ เครื่องมือประมงเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ด้านปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,506 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ส่วนความเสียหายด้านสิ่งสาธารณ ประโยชน์ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,060.74 ล้านบาท และความเสียหาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลสำรวจพบความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย การ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 281,690,056 บาท การจ่ายเงิน ช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 214,597,868 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 4,221 ราย เป็นเงิน 83,590,000 บาท และการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย (บ้านพักถาวร) จังหวัดพังงา อยู่ ระหว่างก่อสร้าง 760 หลัง จังหวัดระนอง ก่อสร้างแล้วเสร็จ 65 หลัง จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างก่อสร้าง 81 หลัง จังหวัดกระบี่ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 8 หลัง จังหวัดตรัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 19 หลัง และจังหวัดสตูล ราษฎร ขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอ ง จำนวน 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินการให้ ความช่วยเหลือในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้าง พื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผลการติดตามให้ความช่วยเหลือและกำหนดมาตรการฟื้นฟูแก่ผู้ ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1118 | แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพและความสามารถ
ในการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อม ที่จะดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับถ่ายโอน รวมทั้งใช้จ่ายเงินที่ได้รับการจัดสรรให้แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้น การที่รัฐบาลจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดปัญหาในด้าน การดำเนินกิจการบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำไปสู่ปัญหาทุจริต ประพฤติมิชอบได้ง่าย จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณากำหนดแนวทาง การดำเนินการที่เหมาะสม แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1119 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับบุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินเดือนค่าจ้างจากงบประมาณรัฐ | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็น เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับครูผู้ดูแลเด็กที่เป็นบุคลากรซึ่งถ่ายโอนมาจากส่วนราชการ และครูอัตรา จ้างในโรงเรียนเทศบาลที่ได้รับค่าจ้างจากเงินอุดหนุนของรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 คนละ 1,000 บาทต่อเดือน โดยให้สำนักงบประมาณประสานกับกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งเงินงบประมาณและวงเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1120 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 3 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 557 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,265 ตำบล 38,387 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,380,453 คน 2,133,610 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตร เสียหาย 13,281,498 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 10,011,104 ไร่ พืชไร่ 2,958,742 ไร่ พืชสวน 311,652 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,570,089,969 บาท ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 488,923,764 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 347,096,108 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 88,688,656 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 53,139,000 บาท
|
.....