ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 55 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1081 - 1100 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1081 | รายงานการส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดกิจกรรมส่ง
เสริมให้เยาวชนและประชาชน มีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2547 ตาม ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้และบริหารสนามกีฬาของสถานศึกษาและหน่วยงาน ราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน ได้มีการเปิดสนามกีฬาภายในศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา และ นันทนาการจังหวัด 75 แห่ง ศูนย์กีฬา (กกท.) 5 ภาค วิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่ง โรงเรียนกีฬา 13 แห่ง และสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ ให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เล่น กีฬา ออกกำลังกาย มีผู้ใช้บริการ 27,538,854 คน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาบุคลากรกีฬาอย่างเป็น ระบบ ได้จัดอบรม สัมมนา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา สุขภาพ นันทนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา มีผู้ เข้าร่วมกิจกรรม 120,519 คน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการการกีฬาทุกระดับให้ต่อเนื่องและยั่งยืน ได้ส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรมกีฬา ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 15,924,823 คน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารองค์กรเครือข่ายกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ โดย จัดประชุม สัมมนาคณะกรรมการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายคณะกรรมการกีฬา สมาคมกีฬา ผู้บริหารระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ผู้จัดการสถานกีฬา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 49,000 คน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การช่วยเหลือนักกีฬาซึ่งทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ โดยการ จัดจ้างนักกีฬาทีมชาติ หรือนักกีฬาที่ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติเข้าทำงานรวมทั้ง สิ้น 3,119 คน
|
||||||||||||||||||||||||
1082 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี) เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอมติที่ประชุม กกถ. ครั้งที่ 3 /2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ที่มีมติให้นำเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,600 ล้านบาท ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเท่านั้น และให้เน้นการดำเนินการโครงการระบบประปา หมู่บ้าน สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรให้เป็นไปตามที่ กกถ. กำหนด และหากมีเงินเหลือจ่ายจากการ ดำเนินการดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำตามความจำเป็นและเหมาะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน |
||||||||||||||||||||||||
1083 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1084 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1085 | ขอหารือการจัดส่งข้าวสารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาด | นร | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดส่งข้าว
สารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาดว่า องค์การตลาดได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ซึ่งในขณะนั้น อาจมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับตลาดเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนดำเนินการมากยิ่ง ขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นและมีพื้นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรซึ่งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีตลาดเป็นส่วนหนึ่งแห่งภารกิจด้วย จึงสมควร มีการพิจารณาทบทวนว่า การดำรงองค์การตลาดไว้จะยังมีความจำเป็นอยู่อีกต่อไปหรือไม่ และจะสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 87 หรือไม่ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อ สังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1086 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1087 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 3/ 2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี จำนวน 4,600,000,000 บาท โดยร้อยละ 10 จำนวน 460,000,000 บาท จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วน จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ตามสัดส่วนจำนวนประชากรในเขตจังหวัด และกรุงเทพมหานคร และร้อยละ 90 จำนวน 4,140,000,000 บาท จัดสรรให้แก่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหารส่วน ตำบล โดยในส่วนนี้จะเป็นการจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งกรณีเร่งด่วน จำนวน 1,345,190,000 บาท ที่ เหลืออีกจำนวน 2,794,810,000 บาท จะจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||
1088 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง"แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การจัดสวัสดิการสงเคราะห์ของรัฐ ควรมีการทบทวนการ เพิ่มบริการสถานสงเคราะห์หรือบ้านพักคนชราที่แยกผู้สูงอายุออกจากชุมชน แต่ควรส่งเสริมบริการที่มีลักษณะ หลากหลายในชุมชน โดยรัฐสนับสนุนด้านงบประมาณให้ชุมชนดำเนินการ เป็นต้น การจัดระบบคุ้มครองดูแล ผู้สูงอายุของรัฐ ควรเน้นระบบการคุ้มครองผู้สูงอายุระยะยาว รวมทั้งขยายและกระจายบริการสวัสดิการที่ตอบ สนองความต้องการพื้นฐานให้ผู้สูงอายุในชนบทให้ครอบคลุมกว้างขวางทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ต้องทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดาร และจัดทำระบบฐานข้อมูลผู้สูงอายุในชนบททั้งประเทศ เพื่อแยกแยะ จัดประเภท ระดับการจัดบริการผู้สูงอายุในชนบทให้มีหลายระดับทั้งในระยะวิกฤต ระยะสั้น และระยะยาว เป็นต้น การส่ง เสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ควรเตรียมความพร้อมของบริการในอนาคตเพื่อรองรับกับแนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะ มีอายุยืนยาวและมีจำนวนมากขึ้น ส่งเสริมบริการการจัดหางานที่สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุที่เหมาะสมและสอด คล้องกับวัยของผู้สูงอายุ และควรเพิ่มสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นต้น การประสาน ความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการ ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีความเข้มแข็งเป็นกลไกหลักในการดูแลผู้สูงอายุและผู้คนในชุมชนและจัดทำฐาน ข้อมูลผู้สูงอายุเพื่อจำแนกกลุ่มปัญหา จัดระบบความช่วยเหลืออย่างมีคุณภาพ ปรับรื้อโครงสร้างและทบทวน ภารกิจใหม่ของศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้าน เป็นต้น การจัดสรรงบประมาณให้แก่ผู้สูงอายุ ควรทบ ทวนระบบการพิจารณาและกระบวนการจ่ายเบี้ยยังชีพ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุเองและชุมชน เพื่อ ให้บริการถึงมือผู้ที่เดือดร้อนและจำเป็นจริง ๆ เพื่อให้ตรงตามเจตนารมณ์และเกิดความเป็นธรรม และมีมาตร การในการลดหรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบุตรที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลบิดามารดา สำหรับการบังคับใช้ตามกฎ หมาย ควรส่งเสริมการจัดบริการพื้นฐานสำหรับผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 โดยส่งเสริม การจัดสวัสดิการทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุที่ครอบคลุมทั่วถึงต่อเนื่องและเป็นธรรม นอกจากนี้ การมีส่วนร่วม ของประชาชนรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ควรสนับสนุนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว เครือญาติ เพื่อน บ้านเพื่อนผู้สูงอายุในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจและทักษะการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วย ด้วยโรคต่าง ๆ เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบ ประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1089 | การตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา | ตผ | 24/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 (ฝ่าย
กฎหมาย ระบบราชการ และการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินราย งานการตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามนัยพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 มาตรา 44 วรรคท้าย โดยไม่ต้อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 ที่ให้ระงับการจัดซื้อรถรับรอง และให้กระทรวงมหาด ไทยรับไปพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ของหน่วยบริหารราชการ ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่ แก้ไขเพิ่มเติมและแจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับทราบต่อไป รวมทั้งรับทราบรายงานผลการตรวจ สอบการจัดซื้อรถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมรวม 19 ราย ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดินและแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1090 | การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ (Agenda based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอแนวทาง
การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตร การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยการพัฒนาเมืองพนมรุ้งและปรับปรุงเส้นทางคมนาคม ที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดบุรีรัมย์ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์เร่ง จัดทำสรุปข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค ตลอดจนแผนงานโครงการที่สมควรจะดำเนินการในพื้นที่เสนอนายก รัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณา และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) นำไปประกอบการพิจารณา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เพื่อพิจารณาปรับปรุงแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และอนุมัติวงเงินเบื้องต้น เพื่อดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,303.912 ล้านบาท โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณาในรายละเอียดของการจัดงบประมาณค่าใช้จ่ายร่วมกับสำนักงบประมาณ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ความจำเป็นเร่งด่วน กำลังเงินงบประมาณของรัฐ รวมทั้งงบ ประมาณที่จะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1091 | แนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ(Agende based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ ดังนี้ เห็นชอบในหลักการให้
จัดให้มีระบบประปาหมู่บ้านให้แก่หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ที่สะอาดให้ครบ 14,580 หมู่บ้าน ภายในปี พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาบรรจุโครงการและงบประมาณไว้ในแผนปฏิบัติการภายใต้แผน การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ต่อไป โดยงบประมาณเพื่อการนี้ในส่วนใดหรือท้องที่ใด ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบและมีความพร้อม ให้ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้น ๆ ทั้งนี้ อาจเร่งดำเนินการในส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้เป็นตัวอย่างนำร่องก่อน และเห็นชอบในหลัก การโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ของกระทรวงอุตสาหกรรม และให้กระทรวงการคลัง พิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่งต่อไป สำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากภาวะภัยแล้ง ของกระทรวง มหาดไทย ซึ่งเป็นการขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด เป็น ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในวงเงิน 177.78 ล้านบาท มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุ สมบัติ) รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน เนื่องจากยังมีพืชเกษตรชนิดอื่น ๆ ที่ประสบภาวะภัยแล้งกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นอีกมาก และหากเป็นกรณี จำเป็น ให้ใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ ภัย ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเจ้า ภาพหลักตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ร่วมกับกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ 2 ลุ่มน้ำตัวอย่างแบบบูรณากร โดยพิจารณารวมข้อเสนอการขอ งบกลางเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง วงเงิน 1,238.38 ล้านบาท ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย และให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณา แก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตั้งแต่แหล่งน้ำต้นทุน แหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ ตลอดจนควบคุม ดูแลการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้อง กับสภาพแต่ละพื้นที่ รวมทั้งประสานความร่วมมือในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งพิจารณาร่วมกับรอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดซื้อ ระบบ GIS ให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม และแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับลุ่มน้ำและภัยแล้ง ตลอดจนที่ดินทำกินของประชาชนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1092 | การตรวจราชการเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด | พน | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรี
และจังหวัดตราด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) สรุปได้ดังนี้ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำ เพื่อการเกษตร ก่อสร้างฝายชั่วคราว (ฝายกระสอบดิน) ขุดลอกบ่อ ขุดบ่อน้ำตื้น และเป่าล้างบ่อบาดาล โดยใช้ เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (กรณีภัยแล้ง) ไปแล้ว 14.23 ล้านบาท งบฉุก เฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.90 ล้านบาท และงบของหน่วยราชการอื่น ๆ (งบปกติ) 14.07 ล้านบาท ในการนี้ จังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว อาทิ โครงการวางท่อกระจายน้ำจากโรงสูบ น้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัด โครงการปรับปรุงและเปลี่ยนฝายยางกั้นแม่น้ำจันทบุรี โครงการก่อสร้างอ่าง เก็บน้ำคลองวังโตนด เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดตราด จังหวัดได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำเพื่อการเกษตร สูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่ การเกษตร และจังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเขื่อนดินปิดกั้นลำคลองสะพานหิน ก่อสร้างเขื่อนสะตอ และก่อสร้างฝายตามลำน้ำคลอง สะตอ โดยสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายและทุเลาลงแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
1093 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา | มท | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยผลการประชุมสรุปได้ว่า เทศบาลนครนครราชสีมายินดีสมทบงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม ร้อยละ 20 วงเงิน 760 ล้านบาท เป็นร้อยละ 30 วงเงิน 1,140 ล้านบาท และจะดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าใช้ น้ำประปาให้สามารถบริการกิจการประปาให้มีกำไร เพื่อให้ถึงจุดคุ้มการลงทุนโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ขอให้รัฐบาล จัดสรรงบประมาณ ในส่วนที่นอกเหนือจากเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการที่เสนอมีความ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองของนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมี การขยายตัวมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงเห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 วงเงิน 2,660 ล้านบาท โดยให้ถือว่า วงเงิน จำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้สำนัก งบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ เกิดประโยชน์แก่ประชา ชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่น จังหวัดนครราชสีมาและเทศ บาลนครราชสีมาจึงควรพิจารณาดำเนินการให้ท้องที่ซึ่งเป็นทางผ่านท่อส่งน้ำดิบได้ร่วมใช้ประโยชน์เพื่อการอุป โภคและบริโภคด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1094 | การแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพรวม | อก | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการติดตามดูแลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพ
รวมในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้มีการ แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคในทุกอำเภอ รวมทั้งขุดลอกแหล่งน้ำ และซ่อมสร้างทำนบ ฝาย ขณะนี้สถานการณ์ ภัยแล้งของจังหวัดได้พ้นวิกฤติแล้ว แต่ยังมีการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคบางพื้นที่ สำหรับในเขตพื้นที่ จังหวัดตรัง ได้มีการช่วยเหลือเช่นเดียวกับจังหวัดกระบี่ ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลายเนื่องจากมีฝนตกใน พื้นที่ แต่ทุกส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
1095 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางเพื่อจ่ายเป็นเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่บุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จ ดำรงชีพให้แก่ข้าราชการครู กรุงเทพมหานคร จำนวน 879,555,700 บาท พนักงานครูเทศบาลและภารโรง จำนวน 350,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,229,555,700 บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบและ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1096 | การกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดฉะเชิง
เทราและจังหวัดนครนายก ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) สรุปได้ดังนี้ การ แก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ติดตั้งจุดจ่ายน้ำ และรับน้ำที่ระบายจากเขื่อน บางปะกง และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ส่งเข้าคลองหลักและคลองย่อยเพื่อใช้ในการเกษตร เป่าล้างบ่อบาดาลและซ่อม เครื่องสูบน้ำ ขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติม และก่อสร้างประตูระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำ และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้น ที่ที่เป็นต้นน้ำ ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดนครนายก ได้ให้ความช่วยเหลือน้ำอุปโภคบริโภค และประสาน งานกับโครงการส่งน้ำรังสิตเหนือเพื่อขอน้ำมาเติมในคลองส่งน้ำสายใหญ่เพื่อให้มีน้ำใช้ในการเกษตร และดำเนิน การเป่า ล้างบ่อบาดาล ซ่อมบ่อบาดาล ติดตั้งจุดจ่ายน้ำ และเจาะบ่อบาดาล รวมทั้งดำเนินโครงการแก้ไขปัญหา ขาดแคลนน้ำใช้-น้ำเพื่อการปศุสัตว์แบบยั่งยืน โดยขุดสระน้ำประจำไร่-นา หมู่บ้านละ 10 ครัวเรือน เพื่อใช้เป็น แหล่งน้ำกิน และการปศุสัตว์ ในการนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ระยะยาว โดยภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนควรเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนทั้งในด้านการ กำจัดผักตบชวา การสร้างอ่างเก็บน้ำ การขุดลอก การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและอื่นๆ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดฉะเชิงเทราในฐานะหัวหน้ากลุ่มจังหวัดประชุมร่วมกับจังหวัดในกลุ่มเพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำอย่าง เป็นระบบทั้งในด้านการวางแผนแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยดูเป็นลุ่มน้ำเพื่อจะได้แก้ปัญหา ครบถ้วน และเชิญทุกภาคส่วนคือ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามา มีส่วนร่วมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1097 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา | มท | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ โดยให้รอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับรัฐมนตรีว่า กระทรวงยุติธรรม (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และ การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินโครงการ ฯ เช่น สัดส่วนงบประมาณลงทุนโครง การ ฯ ที่รัฐบาลสมควรอุดหนุนและที่เทศบาลจะสมทบ การจัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม และการกำหนดราคา จำหน่ายน้ำประปาที่เหมาะสม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของ สศช. และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกต ของคณะรัฐมนตรี โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า โครงการ ฯ ที่เสนอเป็นโครงการขนาดใหญ่ มี วงเงินดำเนินการสูง และมิได้บรรจุอยู่ในพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หากจะ ดำเนินการโดยใช้งบกลางบางส่วน และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ต่อไป ควรแสดงเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนของการดำเนินโครงการนี้ให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นลักษณะโครง การที่อาจจะมีปัญหาความจำเป็นในพื้นที่อื่น ๆ ลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน และกรณีเงินอุด หนุนจากรัฐบาลดังกล่าว จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรงบประมาณตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้ สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1098 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 15) | มท | 19/04/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสรุปข้อมูลความเสียหายและ
การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ครั้งที่ 15) จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2548 ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยพิบัติบริเวณ พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล มีพื้นที่ประสบภัย รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,017 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,961 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,481 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,845 คน (คนไทย 1,937 คน คนต่างประเทศ 908 คน) และเด็กกำพร้ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,221 คน ด้านความ เสียหายต่อทรัพย์สิน ประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 3,302 หลัง และเสียหายบางส่วน 1,504 หลัง พื้นที่การเกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 6,625,174.50 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,808,891,883 บาท ปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605.50 บาท และสถาน ประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 13,101,249,720 บาท ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้แ ก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสีย หายประเมินขั้นต้นประมาณ 1,057.39 ล้านบาท และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสีย หายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจ่ายเงินช่วย เหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 319,220,471 บาท การจ่ายเงินช่วย เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 เมษายน 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 439,434,110 บาท และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย จำนวน 4,237 ราย เป็นเงิน 83,910,000 บาท ในส่วน ฃของการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัยได้สำรวจจำนวนความต้องการ (ณ วันที่ 8 เมษายน 2548) มีเป้า หมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,786 หลัง โดยก่อสร้างเสร็จแล้ว 433 หลัง และราษฎรขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 547 ราย นอกจากนี้ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อ สร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และการจัดระเบียบชายหาด โดยทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขาหลัก และช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย ทำการรังวัดปู เขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย และการจัดระเบียบที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||
1099 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยแบ่งการจัดสรรออกเป็น ดังนี้ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 17,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ จำนวน 15,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาศักยภาพ ของหมู่บ้านหรือชุมชน (SML) จำนวน 9,400 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความ ยากจนของประชาชน จำนวน 4,000 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการ ตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จำนวน 4,600 ล้านบาท และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1100 | ส่งรายงานประจำปี 2546 | นร | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2546 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยรายงาน ฯ เป็นการนำเสนอผลการปฏิบัติงาน อาทิ การกระจายอำนาจด้าน ภารกิจ อำนาจหน้าที่ การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง งบประมาณ และการถ่ายโอนบุคลากร เป็นต้น และผลการดำเนินงานในด้านอื่นๆ อาทิ การศึกษาปรับปรุงกฎหมายกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น สรุปผลการประชุมระดมความคิดเห็น "ระบบจูงใจเพื่อการถ่ายโอนบุคลากรไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" และ สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานกระจายอำนาจ รวมทั้งปัญหา และ อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
.....