ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 954 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก | สธ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓ - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. แผนงานที่ ๑ หนังสือเล่มแรก ๑.๑ การมอบหนังสือเล่มแรก ๑.๑.๑ เด็กแรกเกิด จำนวน ๗๙๐,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มแรก ชื่อ ตั้งไข่ล้ม ๑.๑.๒ เด็กอายุ ๖ เดือน จำนวน ๒๖๔,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๒ ชื่อ ติ๊กต่อก ๑.๑.๓ เด็กอายุ ๑๒ เดือน จำนวน ๑๓๒,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๓ นิทานอิสป ๑.๒ อบรมพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกจังหวัดให้มีทักษะสอนพ่อแม่ใช้หนังสือกับลูกได้ถูกต้อง จำนวน ๑๒,๕๕๖ คน สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑๒,๐๐๐ คน ๒. แผนงานที่ ๒ การพัฒนาคุณภาพศูนย์เด็กเล็ก ๒.๑ ครูพี่เลี้ยง จำนวน ๖,๔๑๙ คน ได้รับการอบรมการให้บริการเด็กในศูนย์เด็กเล็ก เน้นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยพัฒนาการ ส่งเสริมโภชนาการ และการเจริญเติบโต ๓. แผนงานที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขและชุมชน ๓.๑ อบรมอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๙,๔๑๒ คน เป้าหมาย ๖,๔๑๙ คน ให้มีความรู้และสามารถแนะนำพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็กให้ใช้หนังสือเล่มแรกกับลูกได้ถูกต้อง ๓.๒ อาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ คน ได้รับคู่มือปฏิบัติงานสำหรับอาสาสมัคร เพื่อการปฏิบัติงาน และเยี่ยมบ้าน ส่งเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิด ๔. แผนงานที่ ๔ การบริหารจัดการ ๔.๑ จังหวัดมีคณะกรรมการกำกับติดตามงานระดับจังหวัด ๔.๒ เผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่วไปทราบ ๔.๓ ผลิตสื่อการสอนให้ความรู้กับพ่อแม่ทุกโรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเกี่ยวกับการขึ้นราคาค่าเช่านาของผู้ให้เช่าอย่างไม่เป็นธรรม | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๑) และเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามผลการหารือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญของกฎหมายที่ควรปรับปรุง ได้แก่ เรื่องระยะเวลาการเช่าที่นา การบอกเลิกการเช่านา ข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายที่นาของผู้ให้เช่า โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก.) ตำบล และจังหวัด หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่า และปัญหาอื่น ๆ เช่น การเช่าชั่วคราว การเช่าช่วงนา สิทธิหน้าที่ของผู้รับโอน เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นผู้รับขึ้นทะเบียนและออกหนังสือรับรองเกษตรกรจะต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ให้เหมาะสมต่อไป ส่วนการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดและยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นคณะทำงานด้วย และควรมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับและการบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global positioning System: GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 1 | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ ๑ และเห็นชอบในหลักการแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน มีดังนี้ ๑.๑ แนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ รวบรวม ศึกษา วิเคราะห์สภาพการใช้รถสาธารณะ กำหนดกลุ่มและจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งแนวทางการปรับแก้กฎหมาย ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินโครงการนำร่องตามกลุ่มรถที่จัดลำดับแล้วภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ปรับแก้ไขกฎหมาย ข้อบังคับ และประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบ GPS มาติดตั้งกับรถสาธารณะ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๓ ระยะที่ ๓ จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS และศูนย์ฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบ GPS ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้ประกอบการขนส่งภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๔ ใช้ระบบ GPS ในการกำกับดูแลการเดินรถสาธารณะเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ มาตรการในการดำเนินงานในระยะแรกภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒.๑ ให้บริษัท วิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เร่งรัดการศึกษาออกแบบสถาปัตยกรรมศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (NMTIC) ซึ่งจะเป็นภาพรวมการบริหารจัดการคมนาคมขนส่งของประเทศ ๑.๒.๒ ให้กรมการขนส่งทางบกขยายผลการศึกษาโครงการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางโดยใช้เทคโนโลยีให้ครอบคลุมการกำหนดแนวทางและมาตรการในการนำระบบ GPS มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะทั้งระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ตรวจสอบ และยกระดับความปลอดภัยทางถนน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะที่ ๑ ควรศึกษารูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานที่เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนรูปแบบและโครงสร้างองค์กรที่จะเป็นกลไกในการดำเนินงานและความสัมพันธ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการติดตามควบคุมการเดินรถ การวางแผน และการให้บริการต่อสาธารณะได้อย่างแท้จริง ส่วนการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS ตามที่กำหนดในระยะที่ ๓ ควรพิจารณาดำเนินการภายหลังจากการศึกษารูปแบบ โครงสร้างองค์กร การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับแล้วเสร็จ และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศจากการดำเนินโครงการทั้งในเชิงสาธารณะและเชิงพาณิชย์เพื่อลดภาระงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในการนำระบบ GPS มาใช้กับรถสาธารณะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เห็นควรให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของระบบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการ และบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ โดยที่ประชุม กนร. ได้มีมติเห็นชอบตามคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ดังนี้ ๑.๑ ไม่สมควรนำโครงการรถโดยสารประจำทางฟรีเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) หากรัฐบาลประสงค์จะดำเนินบริการรถโดยสารประจำทางฟรีเป็นนโยบายระยะยาวอาจพิจารณานำระบบคูปองรถโดยสารที่สามารถใช้ได้ในทุกเส้นทางทั้งเส้นทางของ ขสมก. และเส้นทางของเอกชนมาใช้ทดแทน ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการของ ขสมก. โดยการจัดหารถโดยสารใหม่ทดแทนรถโดยสารเก่าที่ปลดระวาง เสียหาย ซ่อมบำรุงไม่ได้ และมีอายุการใช้งานเกิน ๑๗ ปี ขึ้นไป ในจำนวนไม่เกิน ๑,๙๕๗ คัน ประกอบด้วย รถธรรมดา ๑,๕๗๙ คัน และรถปรับอากาศ ๓๗๘ คัน ทั้งนี้ ให้ใช้บริการอุตสาหกรรมการต่อรถและซ่อมบำรุงรถในประเทศเป็นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศสำหรับในส่วนของเครื่องยนต์แชสซีส์ (Chassis) ให้ดำเนินการโดยจัดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในกระบวนการสรรหา ๑.๓ เห็นชอบการปรับบทบาทการกำกับดูแลระบบขนส่งมวลชนของ ขสมก. โดยให้กระทรวงคมนาคมทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) พร้อมทั้งจัดทำแนวทางการปรับบทบาทการกำกับดูแลและการดำเนินงานระบบการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และนำเสนอ กนร. ในคราวต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอขอความอนุเคราะห์ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าของบริษัท เอส วี ลิสซิ่ง ไชน่ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไปพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบขนส่งมวลชนและการปฏิรูปองค์กร ขสมก. ทั้งระบบ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดหารถโดยสารทดแทนดังกล่าวควรอยู่บนหลักการของการแข่งขันด้านราคาที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อรถโดยสารในประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งเร่งศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างการดำเนินงานระบบการเดินรถโดยสารประจำทางและการกำกับดูแลการให้บริการรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย สำหรับกรณีที่ กนร. เห็นว่าไม่สมควรนำโครงการรถโดยสารประจำทางฟรีเข้าสู่ระบบ PSO นั้น ให้กระทรวงการคลังประสานกับกระทรวงคมนาคมดำเนินการศึกษาความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการดำเนินการตามมติ กนร. โดยเฉพาะความครอบคลุมประชาชนที่ได้รับบริการและภาระทางการเงินของภาครัฐเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการในปัจจุบันและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2554 | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธาน กนร. เสนอ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการกำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำความเห็นของ กนร. เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานตามร่างกฎหมายฉบับนี้ ควรมีอำนาจอย่างเหมาะสมในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ ไปประกอบการพิจารณาในการร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวต่อไป ๑.๒ รับทราบการติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินขององค์การตลาด องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การสะพานปลา และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาผลขาดทุนของบริษัท ไม้อัดไทย จำกัด (มอท.) โดยพิจารณาแนวทางการจัดการสินทรัพย์ หนี้สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพนักงานของ มอท. ที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้นำนัยของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๔ (๑) พิจารณาประกอบด้วย และให้นำเสนอ กนร. พิจารณาภายใน ๓ เดือน ๑.๔ เห็นชอบผลการศึกษาของฝ่ายเลขานุการฯ ในเรื่องอัตราส่วนลด (Discount Rate) ในการคำนวณมูลค่าผลตอบแทนปัจจุบัน (Present Value) ของโครงการในอัตราร้อยละ ๑๐ ว่าเป็นอัตราที่ยอมรับได้ และความสามารถในการรับตู้สินค้า (Capacity) ของท่าเรือแหลมฉบังว่ายังคงมีปริมาณส่วนเกิน (Excess Capacity) แม้จะมีการขยายระยะเวลาก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D (D1 D2 และ D3) จากเดิมที่จะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ การแก้ไขสัญญาจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๕ ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดังนี้ ๑.๕.๑ เห็นชอบแผนพลิกฟื้นของ กคช. โดยให้คงธุรกรรมโครงการบ้านเอื้ออาทรไว้กับ กคช. และเห็นชอบในหลักการสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ โดยให้ กคช. เสนอหลักเกณฑ์รายละเอียดและกรอบการลงทุนตามขั้นตอน รวมทั้งระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๕.๒ เห็นชอบมาตรการอุดหนุนหรือชดเชยเพิ่มเติมจากรัฐ สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังคงไว้ที่ กคช. โดยขยายวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมจากเดิม ๗๘๐ ล้านบาท เป็น ๒,๒๔๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้ออาคารคืนจากสถาบันการเงินและนำกลับมาขายใหม่ในกรณีผู้ซื้อที่ขาดการชำระติดต่อกัน ๓ เดือน และการอุดหนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นสำหรับหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ยังไม่สามารถขายได้ และที่ยังไม่เคยได้รับการอุดหนุนตามจำนวนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๒๙๗ ล้านบาท และการอุดหนุนชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินทรัพย์รอการพัฒนาในลักษณะเงินยืมไม่เกิน ๒ ปี เพื่อให้ กคช. นำทรัพย์สินดังกล่าวมาจำหนายให้เกิดรายได้โดยเร็ว ๑.๕.๓ สำหรับการขอเสนอขายโครงการในลักษณะยกอาคารหรือยกขายทั้งโครงการโดยสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่า ๓๙๐,๐๐๐ บาท แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินโดยบริษัทกลาง ๒. สำหรับเรื่องการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค (ครั้งที่ 3) | กษ | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค (ครั้งที่ ๓) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค สรุปผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ จนถึงวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๑ รับคำเสนอขายที่ดิน จำนวน ๒๑ จังหวัด เนื้อที่ ๒๖,๕๕๔ - ๓ - ๖๙ ไร่ ๑.๒ เกษตรกรมาตรวจสอบสิทธิ จำนวน ๑,๖๙๐ ราย มีคุณสมบัติครบ จำนวน ๑,๔๗๓ ราย ๑.๓ เกษตรกรแสดงความประสงค์และพึงพอใจในที่ดิน จำนวน ๘๘๗ ราย เนื้อที่ ๑๒,๙๗๙ - ๒ - ๑๖ ไร่ ๑.๔ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) เห็นชอบแผนการจัดซื้อที่ดิน จำนวน ๒๐ จังหวัด เกษตรกร จำนวน ๗๘๘ ราย เนื้อที่ ๑๑,๓๖๗ - ๓ - ๑๔ ไร่ จำแนกเป็น ๑.๔.๑ ที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ประกอบด้วย คปจ. เห็นชอบแผนการจัดซื้อ จำนวน ๓๘๖ ราย เนื้อที่ ๕,๔๒๗ - ๓ - ๕๙ ไร่ จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ ส.ป.ก. แล้ว จำนวน ๒๘๓ ราย เนื้อที่ ๓,๙๐๘ - ๐ - ๙๓ ไร่ และจัดทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับเกษตรกรแล้ว จำนวน ๘๑ ราย เนื้อที่ ๑,๒๑๕ - ๑ - ๕๔ ไร่ ๑.๔.๒ ที่ดินตั้งอยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดิน ประกอบด้วย คปจ. เห็นชอบแผนการจัดซื้อ จำนวน ๑๑ จังหวัด เกษตรกร จำนวน ๔๐๒ ราย เนื้อที่ ๕,๙๓๙ - ๓ - ๕๕ ไร่ และ คปก. มีมติอนุมัติให้กำหนดเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน ๗ จังหวัด เกษตรกร จำนวน ๓๘๘ ราย เนื้อที่ ๕,๗๘๔ - ๐ - ๔๐ ไร่ ๒. ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และดำเนินการออกประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ให้เกษตรกรแสดงตน ณ ส.ป.ก. จังหวัดที่ประสงค์จะให้จัดซื้อที่ดินภายใน ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ รวมทั้งมีหนังสือแจ้งเกษตรกรที่ยังไม่มาแสดงตนให้มาแสดงตน ทั้งนี้ ในกรณีที่เกษตรกรแสดงตนแล้วได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เกษตรกรคัดเลือกแปลงที่ดินให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้การพิจารณาจัดซื้อที่ดินทั้งที่อยู่ในและนอกเขตปฏิรูปที่ดินเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องสถานที่สร้างสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. 2555 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) (การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ฯ) | นร | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ที่ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) รับไปพิจารณาดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. ๒๕๕๔ (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งกรรมการควรคำนึงถึงความเหมาะสมของตำแหน่งของผู้ที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการด้วย นั้น เพื่อความเหมาะสม จึงขอตัดข้อความว่า “โดยมีองค์ประกอบตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓” ออก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำชุมชน และการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งมีผลความคืบหน้าในการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องตามพระราชดำริ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับรองรับการพัฒนาฐานข้อมูลและการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยจัดทำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถนำเข้า สืบค้น เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการบริหารตัดสินใจและบริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพร้อมของประเทศในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแนวทางการพัฒนารองรับสถานการณ์อย่างเป็นระบบในระยะยาว นอกจากนี้ ได้มีการประสานและเสนอผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ร่วมทำงานและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) ๒. การจัดการน้ำชุมชน ได้จัดทำโครงการการจัดการน้ำชุมชน เพื่อให้มีการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาโดยกระบวนการของชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้ามามีส่วนร่วมและใช้สิทธิในการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง ๓. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ได้ดำเนินการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน องค์กรชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศ และฟื้นฟูแนวชายฝั่งด้วยระบบธรรมชาติทั้งป่าชายเลน และป่าชายหาด รวมทั้งศึกษาวิจัยรูปแบบและวิธีป้องกัน รักษา และฟื้นฟูป่าชายเลนและป่าชายหาดที่เสื่อมโทรมจากการกัดเซาะชายฝั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องสถานที่สร้างสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. 2555 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) (การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานฯ) | มท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) รับไปพิจารณาดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. ๒๕๕๕ (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยมีองค์ประกอบตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ โดยมีองค์ประกอบจากผู้แทนของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) และสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งกรรมการควรคำนึงถึงความเหมาะสมของตำแหน่งของผู้ที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 กันยายน 2553 (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด) | กษ | 14/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรมประมงได้ยกร่างแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทย ระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๘) ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำถึงระดับกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว และจะนำเสนอให้คณะทำงานจัดทำแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยเป็นผู้พิจารณา ๑.๒ ให้กรมประมงร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินจัดทำโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำการศึกษาในฟาร์มเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม และโรงเพาะฟักกุ้งก้ามกราม ๑.๓ ให้กรมประมงรวบรวมข้อมูลจำนวนเกษตรกรและพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำที่มีการใช้ความเค็มในพื้นที่น้ำจืด เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการดำเนินงานและจัดเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ๑.๔ ในการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการด้านการประมง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ประชุมได้พิจารณาการห้ามใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด และรับทราบปัญหาของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งในพื้นที่น้ำจืด โดยให้กรมประมงรวบรวมความเห็นและข้อร้องเรียนเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. ให้ชะลอการดำเนินการศึกษาวิจัยผลกระทบจากการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดไว้ก่อน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการพัฒนาศิริราช สู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 7 | ศธ | 14/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ ๗ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ในส่วนของอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล อาคารศูนย์วิจัย อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย และงานภายนอกอาคารและงานภูมิสถาปัตยกรรม รวมทั้งจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ - พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น ๒,๔๙๗,๓๑๐,๙๒๗.๑๘ บาท แบ่งเป็นงบประมาณแผ่นดิน ๑,๒๙๑,๘๔๙,๖๐๐.๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ๑,๒๐๕,๓๖๒,๓๒๗.๑๘ บาท สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คาดว่าจะใช้จ่ายงบประมาณ ๑,๙๖๙,๘๔๔,๗๔๖.๕๔ บาท แบ่งเป็นงบประมาณแผ่นดิน ๑,๑๐๘,๐๕๑,๔๐๐.๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ๘๖๑,๗๙๓,๓๔๖.๕๔ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553 | กษ | 08/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๓ สรุปผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ การให้ความช่วยเหลือในระยะที่ ๑ ได้มีการจัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยสำรองเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง จำนวน ๑๖,๓๙๐ ตัน และแจ้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อจัดส่งเมล็ดพันธุ์ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ โดยมีการจัดส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวแล้ว จำนวน ๑๐,๗๔๙.๗ ตัน และอยู่ระหว่างจัดส่ง จำนวน ๑,๒๑๓.๔ ตัน รวมเป็นจำนวน ๑๑,๙๖๓.๑ ตัน คาดว่าจะดำเนินการจัดส่งแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นอกจากนี้ ยังมีองค์กรและภาคเอกชนให้การช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรเพิ่มเติม ประกอบด้วย องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จำนวน ๑๒๙.๙ ตัน และสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ๓ จำนวน ๑,๓๘๐.๕ ตัน ๑.๒ การให้ความช่วยเหลือในระยะที่ ๒ เมื่อได้รับข้อมูลจากพื้นที่ครบทุกจังหวัดแล้วจะตรวจสอบรายละเอียดให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ในเรื่องการตรวจสอบจำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าวให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในการรายงานครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ | 01/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีผลความคืบหน้าการดำเนินการฯ ของกรมชลประทาน สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ดำเนินโครงการวิจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกต่อฝนสูงสุดที่อาจเป็นไปได้ของพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะดำเนินโครงการวิจัยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และโครงการวิจัยการวิเคราะห์ความถี่การเกิดภัยแล้งโดยใช้ดัชนีวัดความแห้งแล้ง ๒. ดำเนินการเฝ้าติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งวางแผนบริหารจัดจราจรน้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ เพื่อให้พื้นที่ที่รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด โดยกำหนดเกณฑ์การเก็บกักน้ำในอ่าง (Rule Curve) ในแต่ละช่วงเวลาไม่ให้เกิดภาวะน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ และมีการประเมินสภาพน้ำในอ่างโดยใช้โปรแกรม Reservoit Operation Simulation เป็นการจำลองการคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างล่วงหน้าเพื่อใช้กำหนดแผนการระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้ช่วยชะลอและลดความเร็วน้ำหลากไม่ให้หลากลงมาอย่างรวดเร็วเป็นการลดปริมาณน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ๓. ดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซียในการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกเพื่อรักษาแนวเขตแดนของไทยและมาเลเซียให้มีเสถียรภาพ และมีแผนการศึกษาร่วมแบบจำลองชลศาสตร์ด้านการประเมินผลโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกต่อพื้นที่บริเวณชายฝั่ง โดยมุ่งเน้นศึกษาทั้งด้านการกัดเซาะชายฝั่งและผลกระทบของการสร้างโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกต่อพื้นที่โดยรอบในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล [(ครั้งที่ 5) ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553)] | ศธ | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล (ครั้งที่ ๕) ข้อมูล ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้มอบหมายให้ศูนย์การศึกษาพิเศษร่วมมือกับโรงพยาบาลจัดศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล จำนวน ๒๙ ศูนย์การเรียน สามารถให้บริการทางการศึกษาแก่เด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาลระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน ๒๕๕๓ เฉลี่ยเดือนละประมาณ ๒,๓๐๐ คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (แผนฟื้นผูเศรษฐกิจระยะที่ ๒ : ๒๕๕๓) แผนงานยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ทั้งระบบให้ทันสมัย โครงการพัฒนาครูทั้งระบบ เฉพาะค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ จำนวน ๗,๙๐๓,๔๗๖ บาท ส่วนงบประมาณการอบรมสัมมนาครูอัตราจ้างที่ทำหน้าที่สอนที่โรงพยาบาล/บุคลากร นิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล และสื่อการเรียนการสอน วงเงิน ๓,๒๒๖,๔๖๐ บาท ไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการนี้ต่อคณะรัฐมนตรีทุกสิ้นปีงบประมาณจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีผลการดำเนินโครงการฯ ดังนี้ ๑.๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้ดำเนินงานเตรียมการเบื้องต้น ได้แก่ งานก่อสร้างถนนเข้าโครงการและถนนภายในโครงการ งานก่อสร้างอาคารที่ทำการและบ้านพักชั่วคราว และงานขยายเขตไฟฟ้าแรงสูง มีผลการดำเนินงานร้อยละ ๑๐๐ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๗๖,๔๔๓,๐๐๐ บาท ๑.๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีแผนเริ่มงานก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดหาผู้รับจ้าง โดยกำหนดวันเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และคาดว่าเริ่มปฏิบัติงานได้ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งในการดำเนินงานได้ใช้งบประมาณจากเงินงบประมาณปกติ จำนวน ๒,๖๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน และการศึกษาและกำหนดมาตรการลดผลกระทบจากการดำเนินโครงการและติดตามตรวจสอบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบและการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันการแย่งน้ำและการทำการเกษตรจนเกินศักยภาพของน้ำต้นทุนที่โครงการฯ จะสามารถจัดหาได้ รวมทั้งการจัดทำเกณฑ์การจัดสรรน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำที่เป็นที่ยอมรับได้จากผู้ใช้น้ำในทุกกิจกรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) | ทส | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมตรวจสอบควบคุมเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมการติดตาม ประเมินผล อำนวยการ และประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๓. กิจกรรมจัดสร้างและวางปะการังเทียม ได้ดำเนินการก่อสร้างหล่อแท่งคอนกรีต (ปะการังเทียม) เสร็จเรียบร้อย และอยู่ในขั้นตอนการวางปะการังเทียมในพื้นที่เป้าหมาย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจ้างบริษัท แสงวิชัยวัสดุก่อสร้าง จำกัด จัดวางปะการังเทียมในอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๔. กิจกรรมทำความสะอาดบ้านปลา ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๕. กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๖. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ พบว่าการให้ความเห็นชอบและอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าช้า โดยการอนุญาตเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ และการอนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมประมง และกรมเจ้าท่า ตามลำดับ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของกองทัพเรือได้ให้ความเห็นชอบจุดพิกัดเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ รายการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร จำนวน ๔ รายการ ได้จัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว วงเงิน ๙๘,๗๗๐,๐๐๐ บาท สำหรับรายการอื่น ๆ อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบและประกวดราคา ในส่วนของการรวบรวมพรรณไม้สำหรับการเรียนรู้และตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ๑.๒ จัดส่งรายละเอียดให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณและการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเชิญชวนต่างประเทศเข้าร่วมงานในเบื้องต้นแล้ว สำหรับการเตรียมการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเบื้องต้นเพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานแล้ว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรี (๓ สิงหาคม ๒๕๕๓) เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายรับ-รายจ่าย แผนบริหารรายได้และแผนความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม รวมทั้งการจัดทำแผนความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Financial Plan) ตลอดจนการศึกษาวิเคราะห์แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารจัดการ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี) | วท | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดการน้ำชุมชน ได้ดำเนินโครงการ ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างแม่ข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในพื้นที่ ๑๕ ชุมชน และโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ๘๔ แห่ง ๒. การศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ประสานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อขยายขอบเขตการวิจัยและจัดทำฐานข้อมูลให้ครอบคลุมเรื่องแสง โดยได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ภายใต้โครงการประเมินสมดุลรังสีดวงอาทิตย์อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งปกคลุมดินในจังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ที่สัมพันธ์กัน และมีความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ โครงการจัดทำฐานข้อมูลลมของประเทศไทย งานวิจัยด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ และงานศึกษาและวิเคราะห์ความเสี่ยงน้ำท่วมน้ำแล้งเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตรในพื้นที่ศึกษาลุ่มแม่น้ำโขง ๓. การบริหารจัดการน้ำ การปิด เปิด ระบายหรือรับน้ำ มีการดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ โครงการแก้มลิงอเนกประสงค์ คลองสนามชัย - มหาชัย กรุงเทพมหานคร - สมุทรสาคร มีความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการร้อยละ ๙๐ และได้จัดทำแปลงเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่าชายเลนเพื่อใช้ในการดำเนินงานฟื้นฟูคลองหลวง และคลองสหกรณ์สาย ๓ ปรับปรุงประตูระบายน้ำที่มีอยู่เดิม และก่อสร้างประตูระบายน้ำขนาดเล็กเพิ่มเติม รวมถึงติดตั้งระบบโทรมาตรเพื่อติดตามระดับน้ำในแก้มลิงเอกชน ๓.๒ โครงการศึกษาและจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำจังหวัดนครนายก ได้ดำเนินงานร่วมกับกรมชลประทานศึกษาข้อมูลด้านน้ำสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และมีแผนดำเนินงานในระยะที่ ๒ เพื่อต่อยอดการศึกษาผลักดันให้เกิดภาพบริหารจัดการในพื้นที่ระดับชุมชน รวมทั้งศึกษาระบบผังน้ำเพื่อเชื่อมต่อกับลุ่มน้ำบางปะกงต่อไป ๓.๓ การดำเนินงานเกี่ยวกับแหล่งน้ำใต้ดิน ได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการประยุกต์ใช้ไอโซโทปและเคมีเทคนิคเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล พื้นที่ลุ่มน้ำซีตอนบน ส่วนที่ ๑ และ ๒ จังหวัดชัยภูมิ โดยการประยุกต์ใช้แบบจำลองน้ำผิวดินและแบบจำลองน้ำบาดาล เพื่อใช้อธิบายวงจรน้ำใต้ดินต้นน้ำชี และประยุกต์ใช้ไอโซโทปศึกษาแหล่งที่มาและการกระจายตัวของน้ำฝน และกระบวนการเติมน้ำใต้ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำยม - น่าน ๔. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ได้ดำเนินการติดตามระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยและติดตามอุณหภูมิพื้นผิวทะเล รวมทั้งจัดทำแบบจำลองลม และนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ประกอบกับภาพถ่ายจากดาวเทียมการกัดเซาะชายฝั่งของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อนำไปสู่มาตรการเพิ่มแนวป้องกันการปะทะและกัดเซาะชายฝั่งทะเล (Soft Break)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรณีการบินในช่วงฤดูหนาว | คค | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ (การดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามเส้นเสียงฤดูหนาว) และเห็นชอบให้เสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ เส้นเสียงฤดูหนาวมีอาคารจำนวน ๖,๔๒๔ อาคาร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบงบประมาณการชดเชยผลกระทบด้านเสียงครอบคลุมกรณีการบินในช่วงฤดูหนาวไว้แล้ว เป็นเงิน ๔,๐๘๘.๔๕๒ ล้านบาท ๑.๒. ทอท. ได้จัดจ้างกลุ่มบริษัท T.E.N. ในการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเสียงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อใช้ตรวจสอบระดับเสียงมาตรฐานที่มีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยโดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดเสียง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายแล้วเสร็จ คงเหลือเฉพาะการติดตั้งทดสอบระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เครื่องบันทึกระบบสื่อสารการบิน และการทดสอบรวมทั้งระบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถตรวจรับงานได้ในกลางปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรี (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓) เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ [การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย)] | มท | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒, ๑๖ และ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย) จำนวน ๑,๐๐๙,๑๓๔ ครัวเรือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท ดังนี้
๑. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งข้อมูลจำนวนครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยและวาตภัยที่จังหวัดได้ยืนยันและรับรองความถูกต้อง จำนวน ๗๔๔,๒๐๑ ครัวเรือน ให้ธนาคารออมสินเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ๒. ธนาคารออมสินได้จ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยและวาตภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๖๘๙,๒๕๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓,๔๔๖,๒๖๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นการจ่ายเงินร้อยละ ๙๒.๖๒ ของยอดจำนวนครัวเรือนที่ส่งธนาคารออมสิน ส่วนที่เหลือ ๕๔,๙๔๘ ครัวเรือน อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย
|