คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550  เรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างโครงการเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราช
ดำริ  จังหวัดพิษณุโลก  จากเดิม 6,780.80 ล้านบาท  เป็น  8,881.62  ล้านบาท  ระยะเวลาดำเนินโครงการ  9  ปี
(พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2554) โดยมีระดับความสำเร็จตามขั้นที่กำหนดสรุปได้ดังนี้ การก่อสร้างเขื่อนปิดช่องเขาต่ำเสร็จ
(ดำเนินการเองโดยกรมชลประทาน)  ระดับความสำเร็จร้อยละ 100,  จ้างก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ
พร้อมส่วนประกอบอื่น  (เขื่อนแควน้อย และเขื่อนสันตะเคียน)  ระดับความสำเร็จร้อยละ 75.92,  จ้างก่อสร้างเขื่อน
ทดน้ำพญาแมนและอาคารประกอบพร้อมระบบส่งน้ำฝั่งขวา ระดับความสำเร็จร้อยละ 59.91 และจ้างก่อสร้างคลอง
ส่งน้ำและอาคารประกอบ ระดับความสำเร็จร้อยละ 7.81 วงเงินงบประมาณที่ใช้จ่าย 3,967,905,450.83 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความ
ก้าวหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เกี่ยวกับการดำเนินโครงการระบบรถ
ไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-รังสิต มีผลการดำเนินการเป็นไปตามแผน และอยู่ระหว่างการปรับแบบรายละ
เอียด  และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมก่อนดำเนินการออกประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป   ส่วนโครงการ
ระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน  มีผลการดำเนินการร้อยละ  80  ของการดำเนินการตามเป้า
หมาย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ประมาณเดือนเมษายน 2551  และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถ
ไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง มีผลการดำเนินการร้อยละ 90 ของแผน  คาดว่า
จะประกวดราคาและลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ในเดือนธันวาคม 2550 แต่อาจต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเกิดปัญหา
เรื่องการตีความในการพิจารณาเป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ประกอบการ  ซึ่ง รฟท. ได้ส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง
พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการพัฒนา
กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2  (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2566)  ซึ่งมี
เป้าหมายให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก 4 รุ่น รุ่นละ 200 คน จำนวน 800 คน และให้ทุนนักศึกษา
ระดับปริญญาโท-เอก จำนวน 800 คน  รวมเป้าหมายทั้งโครงการ จำนวน  1,600  คน  โดยในส่วนของผลการ
ดำเนินงาน   สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนากำลังคน
ด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ทำหน้าที่กำหนดแนวทางในการดำเนินงาน  กำกับ
ดูแล  บริหารโครงการให้มีประสิทธิภาพ  รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมผู้มีความสามารถพิเศษ
ซึ่งมีการประชุมไปแล้ว  1  ครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาปรับลดเป้าหมายการรับนักศึกษา
สำหรับปัญหา/อุปสรรค  เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2551  ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้
ตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในโครงการ ฯ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่  19  ธันวาคม  2549  เกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยเป้าหมายการดำเนินการ ได้กำหนดเป้าหมายให้สัดส่วนผู้เรียนภาคเอกชนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 20  ในปีการศึกษา 2549  สำหรับผลการดำเนินการ ในปีการศึกษา 2549  สัดส่วนผู้เรียนภาคเอกชนระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นร้อยละ 19  ต่ำกว่าเป้าหมายของแผนที่กำหนดไว้  ส่วนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วย  5  ยุทธศาสตร์  28  มาตรการ นั้น
จากการติดตามผลการดำเนินการพบว่า  มาตรการส่วนใหญ่ได้มีการดำเนินการหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ 21 มาตร
การ และมาตรการที่จะต้องดำเนินการต่อไป 7 มาตรการ

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานสรุปผลการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 เกี่ยวกับโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้ว AAG (Asia America
Gateway) โดยบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)  ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินโครงการ ฯ  ได้ลงนาม
ข้อตกลงสัญญาว่าจ้างก่อสร้างระบบร่วมกับภาคีสมาชิก เมื่อวันที่  27  เมษายน  2550  และชำระเงินงวดแรกตามข้อ
ตกลงสัญญาว่าจ้างก่อสร้างระบบ  เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2550  เป็นเงิน 138 ล้านบาท  รวมทั้งได้ดำเนินการจัดส่ง
ข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณา เมื่อวันที่  15  ตุลาคม  2550
สำหรับการจัดหาวงจร  อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาศึกษาและจัดทำข้อกำหนดเพื่อการจัดหาวงจรในประเทศสิงคโปร์
ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา และอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำข้อกำหนดการจัดซื้ออุปกรณ์

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่  19  มิถุนายน  2550 เรื่อง ขยายวงเงินค่าก่อสร้างโครงการเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริ จังหวัดพิษณุโลก  โดยมีรายการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เพิ่มวงเงิน จำนวน 4 รายการ  ได้แก่  งานเขื่อน
หัวงานและอาคารประกอบ,  งานจ้างบริษัทที่ปรึกษา,  เขื่อนทดน้ำพญาแมนและอาคารประกอบ  และงานคลอง
ส่งน้ำและอาคารประกอบ (ฝั่งซ้าย) งบประมาณทั้งสิ้น  6,180.867  ล้านบาท  เบิกจ่ายแล้ว  3,452.956  ล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 55.87 และเพิ่มรายการใหม่ จำนวน 5 รายการ ได้แก่ ระบบระบายน้ำของพื้นที่ชลประทาน
ฝั่งซ้าย, ถนนทดแทนที่ถูกน้ำท่วมบริเวณบ้านแก่งเจ็ดแคว, สะพานข้ามแม่น้ำแควน้อยท้ายเขื่อนทดน้ำพญาแมน,
งบบุคลากร (เงินเดือนและค่าจ้างประจำ) และเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด งบประมาณทั้งสิ้น 793.07 ล้านบาท

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินการตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550  เกี่ยวกับโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรง
เรียน  โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ที่ให้การสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรห้องเรียนวิทยา
ศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน  4  โรงเรียน  โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพสูงด้านวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนี้  ได้จัดเตรียมความพร้อมการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรห้องเรียนวิทยาศาสตร์ตั้ง
แต่ปลายปีงบประมาณ  พ.ศ. 2550  โดยได้ดำเนินการประกาศรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนเข้าเป็นนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4  ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโครงการ ฯ  ในปีการศึกษา 2551  รวมทั้งจัดงานแถลงข่าวและพิธี
ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโล
ยีและมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 19 ธันวาคม 2549 เกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ รวม  3  มาตรการ  ดังนี้  ผลการ
ดำเนินมาตรการสนับสนุนแรงงานต่างด้าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกใบอนุญาตทำงาน
ให้แก่แรงงานต่างด้าว จำนวน 10,315 คน ส่วนผลการดำเนินโครงการช่วยเหลือสถานประกอบการในเขตพัฒนา
พิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่นายจ้างสถานประกอบการ จำนวน 43 ราย  เป็น
เงิน 145.55 ล้านบาท  มีแรงงานได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 2,129 คน  และผลการดำเนินโครงการพัฒนาฝีมือ
และศักยภาพแรงงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้ฝึกอาชีพให้แก่ราษฎรที่ประสบภัย  26  จังหวัด จำนวน
4,736 คน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่  26  มิถุนายน  2550 เกี่ยวกับการขออนุมัติเปิดโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี (แผน
ระยะที่ 2) โดยผลการดำเนินงานด้านการออกแบบแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเลขที่  สชป. 9 จ.06/2549  สิ้นสุด
สัญญาวันที่  23  กันยายน  2550   ส่วนการใช้ที่ดิน  อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเข้าบรรจุในแผนงาน
สำรวจกันเขตชลประทานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รวมทั้งเตรียมการยื่นขออนุญาตให้ใช้พื้นที่จากหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง  สำหรับการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม  ได้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จตามสัญญา
จ้าง ฯ ในส่วนของงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จะดำเนินการ
เพื่อขอจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2551 จากสำนักงบประมาณ จำนวน  12,000,000  บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ค่าสำรวจปักหลักเขต  ค่าจัดทำแผนที่ดาวเทียม  และงานปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ไปดำเนินการเป็นลำดับแรก
ก่อน และเมื่อดำเนินการในส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงจะขอเสนอแผนงานก่อสร้างโครงการ ฯ อีกครั้งหนึ่ง

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 5 มิถุนายน 2550  เกี่ยวกับความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ  ค.ศ. 2005  โดยกระทรวง
สาธารณสุขได้จัดประชุมเพื่อแจ้งมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้คณะกรรมการ International Health Regulation 2005
ทราบเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 พร้อมทั้งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติ
การตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550  รวมทั้งจะจัดประชุมคณะกรรมการ International 
Health  Regulation  2005 อีกครั้งในวันที่ 10-12 ตุลาคม 2550  เพื่อพิจารณาแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติ
การตามกฎอนามัยระหว่างประเทศก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีในเดือนธันวาคม 2550

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550  เกี่ยวกับโครงการครูสหกิจ  มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูทั้งในเชิง
พื้นที่และเชิงสารัตถะต่าง ๆ เช่น ด้านคณิตศาสตร์  ด้านวิทยาศาสตร์  และภาษาอังกฤษ  เป็นต้น  มีระยะเวลาการ
ดำเนินการ 3 ปี  ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553  เป้าหมายและระดับความสำเร็จคิดจากจำนวนนิสิต
/นักศึกษาครู ที่กำลังศึกษาอยู่  และเข้าร่วมโครงการ ฯ  เพื่อไปปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาที่ขาดแคลนครู ภาค
การศึกษาละ 5,000 คน ใช้วงเงินงบประมาณ 671.1 ล้านบาท มีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ เช่น
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ทำหน้าที่กำหนดแนวทางการดำเนินงานกำกับดูแล บริหารโครง
การ  และกำหนดแนวทางการติดตาม  ประเมินผล  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  สำนัก
งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)  จัดทำข้อมูลโรงเรียนที่ขาดแคลนครูจำแนกตามสาขาวิชา  และสถาบัน
ฝ่ายผลิตครู จัดทำข้อมูลจำนวนนักศึกษาครูที่เข้าร่วมโครงการ  รวมทั้งจัดให้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ
ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2550  ทั้งนี้  คาดว่าจะดำเนินการโครงการแล้วเสร็จ
ภายในเดือนกันยายน 2553

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 19 มิถุนายน 2550 เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2550 (ครั้งที่ 113) เกี่ยวกับการ
ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เจรจาสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)  กับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเพื่อ
ให้เป็นไปตามแผนการนำเข้า LNG โดยเฉพาะในปริมาณ 3 ล้านตันแรก สำหรับโครงการระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2554 ซึ่ง
ผลการเจรจายังไม่มีความก้าวหน้า  เนื่องจากโครงการก่อสร้างสถานี LNG ที่อิหร่านได้เลื่อนจากกำหนดการไปอีก 6
เดือนแล้วเสร็จ ทำให้แผนการนำเข้า LNG ต้องเลื่อนกำหนดออกไปอีก  6  เดือน - 1ปี  ส่งผลกระทบให้ปริมาณก๊าซ
ธรรมชาติเหลวมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้ก๊าซภายในประเทศ อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะพยายาม
ทำสัญญาแหล่ง  LNG  กับแหล่งอื่น  เพื่อให้ปริมาณก๊าซเป็นไปตามแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยในระยะ
ยาว

                 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินโครงการลงทุน
เกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี พ.ศ. 2549-2551  ในส่วนที่กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์รับผิดชอบดังนี้  ผลการพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา  (Contract  Farming)  ในแต่ละ
ปี (ปี พ.ศ. 2549-2551) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการ ฯ  ภายใต้กรอบ ACMECS เป็น
โครงการร่วม (Common Project) ระหว่างไทยกับกัมพูชา-สปป.ลาว-พม่า ได้แก่ โครงการ AC-3 : Cooperation
on Food Safety ดำเนินการที่ สปป.ลาว  โดยมีการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่กักกันพืชที่เวียงจันทน์  และสะหวัน
นะเขต  สปป.ลาว  เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านกักกันพืช  และกำหนดแนวทางปฏิบัติงานด้านกักกันพืช
ให้สอดคล้องกัน  โครงการ AC-4 : Cooperation on agricultural development through contract farming สำนัก
งานเศรษฐกิจการเกษตรได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการปรับปรุงระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจ
ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า)  และโครงการ AC-5 : Joint venture for production of
hybrid seeds of corns,  vegetables  and  flowers  ได้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว
โพดและถั่วเหลืองให้แก่เจ้าหน้าที่ไทย กัมพูชา พม่า สปป.ลาว และเวียดนาม ส่วนการพิจารณาความเป็นไปได้และ
ความเหมาะสม เพื่อจัดทำและเสนอแผนการดำเนินโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract  Farming) พืช
พลังงานในประเทศเพื่อนบ้านและนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตพลังงานทดแทนในประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2549-
2551) อยู่ระหว่างประสานงานกับจังหวัดชายแดนเป้าหมาย เพื่อศึกษาสถานการณ์ และรวบรวมข้อมูลศักยภาพ
เชิงเศรษฐกิจพืชพลังงาน เพื่อผลิตไบโอดีเซล/เอทานอล สำหรับเตรียมการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้อง   รวมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาพืชทดแทนพลัง
งาน โดยมีความเป็นไปได้ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการร่วมลงทุนเชิง
เศรษฐกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกันได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินนโยบายส่งเสริมรถยนต์
ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรม
การส่งเสริมการลงทุน เพื่อออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดคุณสมบัติรถยนต์ประหยัดพลังงาน
มาตรฐานสากล ประกอบกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ให้ความเห็นชอบให้เปิดการส่งเสริมผลิตรถยนต์
ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลพร้อมกำหนดสิทธิประโยชน์และให้ผู้สนใจยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันที่ 30
พฤศจิกายน 2550 ซึ่งมีผู้สนใจยื่นขอรับการส่งเสริมแล้ว  1  ราย  และคาดว่าจะดำเนินการออกประกาศส่งเสริม
การลงทุนได้ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550  ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณา
ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีที่ให้มี
การกระจายอำนาจการจัดการของเสียอันตรายจากโรงงานให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น กรมโรงงานอุตสาห
กรรมได้กำหนดให้จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทั้งภายนอก และภายในนิคมอุตสาหกรรม
รวมทั้งเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ก่อกำเนิดของเสียอันตรายจำนวนมากเป็นพื้นที่นำร่องในการกระจายอำนาจ
การตรวจกำกับดูแลของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น  ส่วนกรณีให้มีการประสาน
การทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม นั้น ได้มีการ
ประสานการทำงานกับส่วนท้องถิ่นให้รับทราบการอนุญาตของเสียอันตรายและข้อมูลที่จำเป็น  ตลอดจนเกณฑ์และ
แนวทางปฏิบัติในการจัดการของเสียอันตราย  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถรับทราบได้โดยตรงที่สำนักงาน
อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่   ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้จากฐานข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมทางสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการประแสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งมีผลการดำเนินโครงการ
ดังนี้ ระยะเวลาก่อสร้างปีงบประมาณ พ.ศ. 2543-พ.ศ. 2550 จำนวน 8 ปี คงเหลือระยะเวลาการดำเนินงานอีก
4 ปี (แล้วเสร็จปีงบประมาณ พ.ศ. 2554) คิดเป็น 67% พื้นที่ชลประทานโครงการ จำนวน 175,000 ไร่ ถึงปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 54,000 ไร่ คิดเป็น 35%  การก่อสร้างเขื่อนหัวงานและส่วนประกอบอื่น  ความสูง
24 เมตร ยาว 2,500 เมตร  ความจุ 248 ล้านลูกบาศก์เมตร  จำนวน  1  แห่ง  ผลงานแล้วเสร็จ 100%  การก่อ
สร้างสถานีสูบน้ำพร้อมอาคารประกอบ  จำนวน  1  แห่ง  ผลงานแล้วเสร็จ 100%  ระบบส่งน้ำฝั่งซ้ายความยาว
23.723 กิโลเมตร ผลงานแล้วเสร็จ 100%  ระบบส่งน้ำฝั่งขวาความยาว  25.824  กิโลเมตร  ผลการดำเนินงาน
56%  และพื้นที่ระบบส่งน้ำส่วนขยายเพิ่มเติม จำนวน 4 โซน  อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดแผนงานก่อสร้าง
เริ่มปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554  สำหรับงบประมาณของโครงการทั้งสิ้น  4,186,520,000  บาท เบิก
จ่ายแล้ว 2,145,983.46 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงาน
ผลการดำเนินการกู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันพร้อมดอกเบี้ย  และค่าเหมาซ่อมพร้อมดอกเบี้ย  โดย ขสมก. ได้กู้เงิน
โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ จำนวน 11,556 ล้านบาท และนำเงินไปชำระหนี้เรียบร้อยแล้วดังนี้ ค่าน้ำมันพร้อม
ดอกเบี้ย จำนวน 10,083.664 ล้านบาท และค่าเหมาซ่อมพร้อมดอกเบี้ย จำนวน  1,472.336  ล้านบาท  สำหรับ
แผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ ขสมก.นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงตามมติคณะ
กรรมการบริหารกิจการ ขสมก. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินการตามแผน
บรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง โดยคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำ
แผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง โดยมีผู้แทนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน) และผู้แทนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ร่วมเป็นอนุกรรมการด้วย  โดยคณะอนุ
กรรมการ ฯ ได้จัดประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2550 ซึ่งผู้แทนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและ
การเกษตรได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะต่อที่ประชุม โดยคณะอนุกรรมการ ฯ จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการทรัพยากร
น้ำแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามลำดับต่อไป