คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ
เกี่ยวกับผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 เรื่อง หนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่จะมีการ
ลงนาม หรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ดังนี้
               1. ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าชี้แจง
และขอความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการการทหาร  คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ  และคณะกรรมาธิการ
กิจการชายแดนไทย  ซึ่งคณะกรรมาธิการทั้งสามรับทราบผลการประชุม  JBC   และร่างข้อตกลงชั่วคราว   รวมทั้ง
ประเด็นคงค้าง ได้แก่ การเรียกชื่อปราสาททั้งในภาษาไทยและภาษาเขมร และพื้นที่สำหรับการปรับกำลังทหาร
               2. ประธาน JBC และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าชี้แจงและขอความเห็นจากคณะกรรมาธิการการทหาร และคณะ
กรรมาธิการการต่างประเทศ ของวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการทั้งสองรับทราบผลการประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่
เสียมราฐ เมื่อวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2551 และแสดงความคิดเห็นในประเด็นข้างเคียง  เช่น  กรณีการเปิดช่อง
ตาเฒ่า การสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหาร
               3. กระทรวงการต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับส่วนราชการกระทรวงกลาโหมเพื่อประสานเกี่ยวกับเรื่อง
การแก้ไขปัญหาชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและกรณีปราสาทพระวิหาร  ซึ่งที่ประชุมมีมติให้มีการประสานงาน
อย่างใกล้ชิดระหว่างสองกระทรวงโดยใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัย เช่น SMS กับเห็นชอบในหลักการที่จะจัดประชุม
ในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง  ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้างคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย
อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
               4. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำ Template หนังสือประท้วงกัมพูชา  และกำลังจัดทำ Glossary คำ
ศัพท์เกี่ยวกับเขตแดนและการดำเนินงานกรณีปัญหาเขาพระวิหาร

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคน
ด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2566) ครั้งที่ 3  โดย
ผลการดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551-ตุลาคม 2551 ได้ปรับลดเป้าหมายการดำเนินโครงการ ฯ
เหลือ 4 รุ่น ๆ ละ 200 คน จำนวน 800 คน รวมเป้าหมายทั้งโครงการ ฯ จำนวน 1,600 คน แบ่งเป็นการให้ทุน
นักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง จำนวน 4 รุ่น ๆ ละ 200 คน จำนวน 800 คน และการให้ทุนระดับ
ปริญญาโท-เอก จำนวน 800 คน  ส่วนเป้าหมายการรับนักศึกษาทุนโครงการ ฯ  จำแนกเป็นระดับตรี-โท-เอก
ต่อเนื่อง รวม 80 ทุน จำแนกปีละ 200 ทุน จำนวน 4 รุ่น  เริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 เป็นปีแรก  และ
ระดับโท-เอก รวม 800 ทุน เริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2551 เป็นปีแรก  นอกจากนี้  สำนักงานคณะกรรม
การการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กำหนดแนวทางการจัดสรรทุนรุ่นปีการศึกษา 2551 และ 2552  โดยปีการศึกษา
2551 มีเป้าหมายรับนักศึกษาทุน  จำนวน 100 ทุน  และในปีการศึกษา 2552  มีเป้าหมายการรับนักศึกษาทุน
ระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง จำนวน 200 ทุน

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการครูสหกิจ ครั้งที่ 3
(เมษายน 2551-ตุลาคม 2551) มีนิสิต/นักศึกษาที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,296 คน จากสถาบันการ
ศึกษา จำนวน 50 แห่ง  ในจำนวนนี้ มีนิสิต/นักศึกษาครูที่ไปปฏิบัติการในโรงเรียนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 28 คน ประกอบด้วย จังหวัดยะลา 9 คน นราธิวาส 10 คน และปัตตานี 9 คน โดย
ได้กระจายการสอนในสถานศึกษาที่ขาดแคลนครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ
สำนักงานการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 1,678 แห่ง ครอบคลุม  73  จังหวัด  ส่วนผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
พ.ศ. 2551 (2 ภาคการศึกษา) ใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 171,050,746 บาท  คงเหลือเงินจำนวน 27,049,254
บาท   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กันเงินเหลื่อมปีเพื่อใช้ดำเนินงานโครงการ ฯ  ในปีงบ
ประมาณต่อไปแล้ว

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย  พ.ศ. 2533  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ตามที่
กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยมีผลการดำเนินการดังนี้
            1. จัดทำกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ  ชนิด  ประเภท  และปริมาณของยาเสพติด  (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2551 เพื่อรองรับตามบทบัญญัติในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดป้องกันการ
ใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 (ฉบับที่ 3)  พ.ศ. 2550  ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับ
รักษา  เพื่อให้ผู้เสพสารระเหยเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ  ทั้งนี้  ร่างกฎ
กระทรวง ฯ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551
             2. คณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้ออกระเบียบคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา
เสพติดว่าด้วยการตรวจพิสูจน์  การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด   การควบคุม   และการปฏิบัติต่อผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 โดยกำหนดรายละเอียดเกี่ยว
กับวงเงินประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้เสพสารระเหย  ทั้งนี้  ระเบียบ ฯ  มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
2551
              3. คณะอนุกรรมการบูรณาการกระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้แต่งตั้ง
คณะทำงานเตรียมการนำผู้ป่วยสารระเหยเข้าบังคับบำบัดรักษา จำนวน 2 คณะ และจัดประชุมคณะกรรมการฟื้น
ฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เพื่อมอบหมายบทบาทภารกิจในการรองรับผู้เสพติด/ผู้ติดสารระเหยของหน่วยงาน
พหุภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งหน่วยปฏิบัติในพื้นที่

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการ
ประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง และโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะ
ที่ 7 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สรุปได้ดังนี้
               1. โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง  การก่อสร้างวางท่อ
ประปาอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบเพื่อจัดทำเอกสารประกวดราคา สำหรับแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการ
คลังได้ยืนยันความต้องการกู้เงินจาก JBIC  ทั้งนี้  จำนวนเงินที่ใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2552  เป็นจำนวน  225.0  ล้าน
บาท คาดว่าจะดำเนินโครงการแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2557
               2. โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย  ระยะที่ 7  ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  ผลการ
ดำเนินโครงการในปี พ.ศ. 2551 สำรวจออกแบบแล้ว 30%  จัดสรรงบลงทุน ปี พ.ศ. 2551 จำนวน 1,742.255
ล้านบาท และปี พ.ศ. 2552 จำนวน 1,150.005 ล้านบาท ผลการดำเนินงานคิดเป็น 0.1% ของโครงการ  คาด
ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2556

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้แก่กอง
ทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 5,227.48 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสมทบชดเชยส่วนต่างราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและ
ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี  2549/2550 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551  (เรื่อง  การกำหนดราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้น
ต้น  ฤดูการผลิตปี  2550/2551  และการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำ
ตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550)
               2. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551  ของกระทรวง
การคลังเกี่ยวกับการจัดหาเงินกู้ให้กองทุน ฯ   และการอนุโลมให้โรงงานชำระภาษีเงินได้ในส่วนของเครดิตโรงงาน
เมื่อได้รับเงินคืนจากกองทุน ฯ
               3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานะของ
กองทุน ฯ และพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงพัฒนากองทุน ฯ ให้มีศักภาพในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขภาระหนี้
ของกองทุน ฯ   รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงระบบแบ่งปันผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม
อ้อยและน้ำตาลทรายให้มีประสิทธิภาพเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรมากยิ่งขึ้น  เช่น   ความ
เป็นไปได้ในการจัดเก็บรายได้เพื่อนำเข้ากองทุน ฯ  จากน้ำตาลทรายที่ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ   การแบ่งปัน
ผลประโยชน์จากเอทานอลซึ่งใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในการผลิตและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่น ๆ เป็นต้น

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการสนับสนุนการ
จัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 3 ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
                1. เป้าหมายการดำเนินการ ปีที่ 1  ปีการศึกษา 2551  จัดการเรียนการสอนใน  4  โรงเรียน  รวม 4
ห้องเรียน นักเรียนห้องละ 30 คน รวม 120 คน งบประมาณทั้งสิ้น 20 ล้านบาท
                2. ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
                    2.1 กำหนดนโยบายหลักเกณฑ์และแผนการคัดเลือกนักเรียน บุคลากรผู้สอน การจัดทำโครงสร้าง
                          หลักสูตรและกิจกรรมเสริมและให้จัดประชุมรวม 8 ครั้ง
                    2.2 จัดงานแถลงข่าวร่วมกับมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ
                    2.3 จัดทำเอกสารแนะนำโครงการเพื่อการประชาสัมพันธ์
                    2.4 ดำเนินการต่าง ๆ  เกี่ยวกับการรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนประจำปีการศึกษา 2551  เสร็จ
                          สิ้นแล้วตามเป้าหมายที่กำหนด
                    2.5 ประสานและผลักดันเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน
                    2.6 การประชุมและศึกษาดูงานโรงเรียนวิทยาศาสตร์
                    2.7 ประกาศรับสมัครและคัดเลือกนักเรียน
                    2.8 จัดประชุม ณ มหาวิทยาลัยในโครงการพร้อมกับเยี่ยมชมโรงเรียน
                    2.9 เตรียมการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินงาน

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินการโครงการ
ยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  (ส่วนของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์)  ครั้งที่ 2
สรุปได้ดังนี้ ความคืบหน้าการดำเนินโครงการ ฯ ครบหนึ่งปีเมื่อวันที่  12  มิถุนายน  2551 คาดว่าจะดำเนินการแล้ว
เสร็จประมาณวันที่ 30 กันยายน 2554  โดยมีการฝึกอบรมเทคนิคและเทคโนโลยีการผลิตในต่างประเทศเพื่อรับการ
ถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูง ฝึกอบรมเทคนิคและเทคโนโลยีการผลิตในประเทศ จัดห้องปฏิบัติการกลาง  รวมทั้งดำเนิน
โครงการต่าง ๆ ด้านการวิจัยและพัฒนา และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามโครงการเพื่อผลักดันวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อมเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ  ด้านพัฒนา
เทคโนโลยี รวมทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินงานโครง
การจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (ครั้งที่ 2) ดังนี้ ผลการจัดซื้อกล้องโทรทรรศน์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
2.4 เมตร และการจัดสร้างหอดูดาวแห่งชาติ  การวางโครงสร้างพื้นฐานของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ  การ
วิจัยและการพัฒนาบุคลากรทางดาราศาสตร์   การสร้างเครือข่ายทางดาราศาสตร์   การสร้างองค์ความรู้โดยการ
สร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้ดาราศาสตร์ และการจัดทำร่างพระราช
กฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีผลการดำเนินงานคิดเป็นร้อยละ 85
ของโครงการ โดยใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 256.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.26 ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรร
คงเหลือจ่ายค่ากล้องโทรทรรศน์ (งวดที่ 5-6) ซึ่งมีกำหนดจ่ายเงินงวดที่ 5  ในเดือนตุลาคม 2551  และคาดว่าจะ
ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2552 สำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการ ฯ ได้แก่ การก่อสร้างอาคาร
หอดูดาวแห่งชาติมีความล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้   เนื่องจากประสบปัญหาการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ที่ได้เปลี่ยนสถานที่ก่อสร้าง จึงต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการขออนุญาตใช้พื้นที่ในการ
ก่อสร้างอีกครั้ง

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคนด้าน
วิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2566) ครั้งที่ 2  ระหว่างเดือน
พฤศจิกายน 2550-พฤษภาคม 2551 โดยผลการดำเนินโครงการ ฯ ระยะที่ 2 ได้มีการปรับลดเป้าหมายการดำเนิน
โครงการ ฯ จาก 2,400 ทุน เป็น 1,600 ทุน  โดยให้ทุนระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง  จำแนกปีละ  200  ทุน
จำนวน 4 รุ่น รวม 800 ทุน  และให้ทุนระดับปริญญาโท-เอก รวม 800 ทุน  รวมทั้งได้กำหนดคุณสมบัติของสถาบัน
การศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ฯ  ในปีการศึกษา 2551  และ  2552  และกำหนดสาขาวิชาที่จะให้ทุน  สำหรับการรับ
นิสิต/นักศึกษา เข้ารับทุนโครงการ ฯ ระดับปริญญาตรี-โท-เอก  ต่อเนื่อง  จะเริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2552
เป็นปีแรก ส่วนระดับปริญญาโท-เอก เริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2551 เป็นปีแรก จำนวน 100 คน

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอภารกิจและความก้าวหน้าของการ
ดำเนินการที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหารและหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ในกำกับของ
ฝ่ายบริหารที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 2  (ระหว่างวันที่  2  มกราคม  2551
ถึง 2 เมษายน 2551)  ซึ่งได้แก่  การจัดทำกฎหมายตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ  และการดำเนินการจัดทำอนุ
บัญญัติ มาตรการ  โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ  ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ  และเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนแนว
ทางและรูปแบบการรายงานผลการดำเนินการในเรื่อง  ภารกิจที่รัฐ/ฝ่ายบริหารต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  2  ตุลาคม  2550  มาใช้แนวทางและรูปแบบการรายงาน
ผลการดำเนินการตามที่คณะกรรมการกำกับและติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ซึ่งมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นประธานกรรมการ กำหนด  ทั้งนี้  ตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามโครงการครูสหกิจ
ครั้งที่ 2 โดยผลการดำเนินโครงการ ฯ ระหว่างเดือนตุลาคม 2550-มีนาคม 2551 มีนักศึกษาครูเข้าร่วมโครงการ ฯ
ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 3,532 คน  โดยกระจายสอนในสถานศึกษาที่ขาดแคลนครูสังกัดสำนัก
งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  จำนวน  1,169  แห่ง  ครอบ
คลุม 61 จังหวัดทั่วประเทศ งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 67,221,600 บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
17  กรกฎาคม  2550   เกี่ยวกับโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด  (Closed Circuit Television System : CCTV
System)  และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร สรุปได้ดังนี้ ระดับความสำเร็จตามขั้นตอน
ที่กำหนด กรมศุลกากรได้กำหนดจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จำนวน 1,212 กล้อง  และแจ้งให้บริษัท กสท โทร
คมนาคม จำกัด (มหาชน) ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนร้อยละของการดำเนินการตามเป้าหมายกรมศุลกากรได้
ดำเนินการศึกษา  วิเคราะห์   และกำหนดรูปแบบการติดตั้งระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว   และอยู่ระหว่างการสำรวจ
พื้นที่จริง ตรวจสอบ รวมทั้งทดสอบระบบเพื่อดำเนินการติดตั้งคิดเป็นร้อยละ 45  ของการดำเนินการตามเป้าหมาย
สำหรับงบประมาณที่ใช้จ่ายเพื่อการนี้  ได้กำหนดการจ่ายเงินค่าใช้บริการเป็นจำนวนเงิน  73,945,292  บาท  เมื่อ
บริษัท กสท. ฯ ส่งมอบบริการระบบเครือข่าย และกรมศุลกากรได้รับมอบไว้ใช้บริการทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะแบ่งจ่าย
เป็นรายเดือนตามเดือนแห่งปฏิทิน รวม 60 เดือน ในอัตราเดือนละ 11,091,793 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับภารกิจและความก้าวหน้า
การดำเนินการที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร และหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ในกำกับ
ของฝ่ายบริหารที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัด
ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน  และคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย  ทั้งนี้  เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ
ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรและคณะกรรมการดังกล่าว และให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและติดตามการดำเนิน
การให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นประธาน ผู้แทน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  ผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้า
ที่ติดตามดูแลและเร่งรัดการดำเนินการตามภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร
แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายเลขา
นุการของคณะกรรมการดังกล่าว และเป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
ที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร  และประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร
เพื่อให้การดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในภาพรวมมีความสอดคล้องและไม่เกิดความซ้ำซ้อน แล้วนำ
เสนอคณะรัฐมนตรี  ส่วนอัตรากำลังและงบประมาณในการดำเนินภารกิจเรื่องนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ประสานกับสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณต่อไป  รวมทั้งให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับและติดตามการดำเนิน
การตามภารกิจที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหารต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบท
บัญญัติของรัฐธรรมนูญ และสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินโครงการ
จัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ  สรุปได้ดังนี้  การจัดซื้อกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 เมตร
ขณะนี้ได้ตรวจรับงานงวดที่ 4 (ตรวจรับงาน 6 งวด) พร้อมเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัทผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้ว  เป็นเงิน
35,188,825  บาท   เมื่อเดือนพฤศจิกายน  2550  โดยบริษัทผู้รับจ้างได้แจ้งว่าได้ดำเนินการสร้างระบบโดมใกล้
เสร็จแล้ว ส่วนโครงสร้างที่เป็นโลหะและไฟเบอร์กล๊าสกำลังถูกทดสอบประกอบเข้าด้วยกัน (Preassembly) คาดว่า
พร้อมจะจัดส่งให้ตามกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์  2551  สำหรับการจัดสร้างหอดูดาวแห่งชาติ  อยู่ในขั้นตอนการ
พิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างอาคาร  หากผลการพิจารณาให้ก่อสร้างอาคารหอดูดาวได้
จะดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างโดยทันที  นอกจากนี้  ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการข้อมูลสารสนเทศและ
ฝึกอบรมทางดาราศาสตร์บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง  จังหวัดเชียงใหม่  เรียบ
ร้อยแล้ว  และได้ดำเนินการออกแบบอาคารสำนักงานใหญ่ซึ่งจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ  76  ล้าน
บาท รวมทั้งร่างข้อบังคับภายในเพื่อเตรียมเป็นองค์การมหาชน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินโครงการจ้างเหมาก่อสร้าง
ทางหลวงหมายเลข 4 อ.ปากท่อ-อ.ชะอำ ตอน 1 ส่วนที่ 1  โดยกรมทางหลวงได้ลงนามจ้างเหมาบริษัท ช.ทวีก่อ
สร้าง จำกัด ตามสัญญาที่ สท.3/6  ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550  ค่างานตามสัญญา 408,928,400 บาท  เริ่ม
ต้นสัญญา 21 กรกฎาคม 2550 สิ้นสุดสัญญา 10 มกราคม 2552  เวลาทำการ 540 วัน  ขณะนี้อยู่ระหว่างการ
ก่อสร้างตามสัญญา  และผลการก่อสร้างถึง  30  พฤศจิกายน  2550  ได้ผลงาน  18.80%  จากแผนงานที่ตั้งไว้
10.24%  ส่วนผลกระทบของการดำเนินโครงการ ฯ ประชาชนที่อาศัยบริเวณทางแยกเขาย้อยไม่ต้องการสะพาน
ข้ามทางแยก  เพราะเมื่อก่อสร้างสะพานแล้วจะปิดบังหน้าร้านค้าและที่อยู่อาศัย   ทำให้การเลี้ยวรถเข้าออกยาก
ซึ่งกรมทางหลวงได้ชะลอการก่อสร้าง รื้อฐานราก และเสาที่ก่อสร้างไว้แล้วบางส่วนออกเพื่อคืนผิวการจราจรเป็น
การบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน  และกำลังดำเนินการขอตัดงานก่อสร้างสะพานข้ามทางแยก  (Over
pass)  กม.136+942.261  ออกจากสัญญา  ทั้งนี้  คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างตามโครงการ  ฯ  แล้วเสร็จ 10
มกราคม 2552

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2550 เกี่ยวกับโครงการยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม
ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ (ส่วนของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) ครั้งที่ 1  ซึ่งมีระดับความสำเร็จตามขั้นตอนที่กำหนด
ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2550 ดังนี้  จัดหาบุคลากรระดับผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอก
ชน จำนวน  52  คน ไปฝึกอบรมเทคนิคและเทคโนโลยีการผลิตในต่างประเทศ  และได้หารือกับเอกชนทำข้อตกลง
ส่งบุคลากรไปฝึกอบรมด้านกระบวนการการผลิตด้วยเทคโนโลยี High  Density  Interconnection (Process/Equip
ment) Development  รวมถึงการจัดฝึกอบรมเทคนิคและเทคโนโลยีในด้าน Advanced Automation, Media, Wafer,
Substrate, IC Design, Metrology & Characterization ให้กับนักวิจัย วิศวกร และช่างเทคนิคเฉพาะสาขา  รวมทั้งจัด
สรรทุนการศึกษาระดับปริญญาโท (Master Degree of HDD Engineering Technology) จำนวน  14  ทุน  และร่วม
มือกับสถาบันอุดมศึกษาและภาคอุตสาหกรรมจัดตั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทาง จำนวน 3 ศูนย์ เพื่อดำเนินการผลักดันให้
เกิดการวิจัยและพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม   สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในช่วงดัง
กล่าว ได้เบิกจ่ายงบประมาณรวมทั้งสิ้น 1.45 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหาผู้เชี่ยวชาญไปฝึกอบรม การคัด
เลือกผู้รับทุนการศึกษา และการประสานงานกับศูนย์วิจัยร่วมเฉพาะทาง เป็นต้น