ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 954 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค (ครั้งที่ 4) | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค (ครั้งที่ ๔) ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค (ครั้งที่ ๔) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ มี ดังนี้ ๑.๑ รับคำเสนอขายที่ดิน จำนวน ๒๒ จังหวัด เนื้อที่ ๓๐,๗๙๓ - ๐ - ๗๔ ไร่ ๑.๒ เกษตรกรมาตรวจสอบสิทธิ จำนวน ๑,๗๑๘ ราย มีคุณสมบัติครบ ๑,๔๘๘ ราย ๑.๓ เกษตรกรแสดงความประสงค์และพึงพอใจในที่ดิน จำนวน ๑,๐๐๒ ราย เนื้อที่ ๑๔,๒๒๘ - ๓ - ๙๕ ไร่ ๑.๔ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) เห็นชอบแผนการจัดซื้อที่ดิน จำนวน ๒๑ จังหวัด เกษตรกร ๙๒๘ ราย เนื้อที่ ๑๓,๑๒๙ - ๐ - ๘๘ ไร่ ๒. ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตามแนวทางตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ในการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ให้เกษตรกรแสดงตน ณ ส.ป.ก.จังหวัด ที่ประสงค์จะให้จัดซื้อที่ดิน ภายในที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ มีหนังสือแจ้งเกษตรกรที่ยังไม่มาแสดงตนให้มาแสดงตน และให้เจ้าหน้าที่ติดตามเกษตรกรยังภูมิลำเนา โดยในส่วนของเกษตรกรที่แสดงตนแล้วได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เกษตรกรคัดเลือกแปลงที่ดินโดยเร็ว ๓. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ได้กำหนดให้เกษตรกรที่แสดงความประสงค์และพึงพอใจในแปลงที่ดินที่ผ่านความเห็นชอบจากอนุกรรมการและ คปจ. แล้ว ห้ามมิให้ย้ายไปขอรับการจัดที่ดินแปลงอื่น ซึ่งหากเกษตรกรยืนยันไม่ประสงค์ขอรับการจัดที่ดินแปลงเดิมที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ถือว่าเกษตรกรรายนั้น สละสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน ๔. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ได้เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องในการดำเนินงานโดยการสร้างความสามัคคี ปรองดอง และการประสานประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย/กลุ่ม ในสภาประชาชน ๔ ภาค เพื่อลดความขัดแย้งและเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายในการจัดที่ดินให้แก่สมาชิก ๕. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่ ส.ป.ก.จังหวัด จะจัดซื้อตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดหาที่ดินและจัดที่ดินให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาไปได้ก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินลดลง ๖. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประสานงานกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้แจ้งหน่วยงานในสังกัดพิจารณาให้ความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ตามมติคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตลอดจนการรังวัดสอบเขตแปลงที่ดินให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
82 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 2 | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการระยะแรก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินการศึกษาแนวทางการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (NMTIC) ในด้านการปฏิบัติการด้านวิศวกรรม และการออกแบบอาคารปฏิบัติการ ทำการศึกษาองค์ประกอบของศูนย์ย่อย ประกอบด้วยศูนย์การบริหารจัดการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS หน้าที่บทบาทภายในศูนย์ NMTIC รูปแบบการดำเนินการ รวมทั้งการดำเนินการด้านการตลาดและโมเดลทางธุรกิจ เพื่อให้ศูนย์ NMTIC สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอความเห็นชอบจากคณะทำงานกลั่นกรองการขอรับจัดสรรเงินสำหรับการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ๒. กรมการขนส่งทางบกได้จัดทำข้อเสนอโครงการขยายผลการศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางโดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งครอบคลุมการกำหนดแนวทางและมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบ GPS มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะทั้งระบบ และเสนอต่อ กปถ. โดยผ่านการพิจารณาของคณะทำงานกลั่นกรองการขอรับจัดสรรเงินสำหรับการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และคณะอนุกรรมการด้านการวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้ว และจัดทำรายละเอียดขอบเขตของงาน (Term of Reference : TOR) แล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง |
|||||||||||||||||||||||||||
83 | การพิจารณามติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบริหารราชการตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ๒. ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เรื่อง การทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในงานติดตามผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๒.๑ ประเภทเรื่องที่หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีจะต้องรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือพิจารณา ประกอบด้วย ๒.๑.๑ เรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี หากคณะรัฐมนตรีกำหนดระยะเวลาไว้ ให้หน่วยงานของรัฐรายงานตามกำหนดนั้นอย่างเคร่งครัด ๒.๑.๑ เรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี หากคณะรัฐมนตรีมิได้กำหนดระยะเวลาไว้ ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยทุกสามเดือน ทั้งนี้ ตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ กรณีเป็นเรื่องสำคัญ เร่งด่วน และ/หรือที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ให้หน่วยงานของรัฐสามารถรายงานได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ๒.๒ ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบรายงานผลการดำเนินการโดยใช้แบบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบหรือพิจารณา (แบบรายงาน ๐๑) และส่งแบบรายงานดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทาง e-mail : [email protected] ๒.๓ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประเมินผลการติดตามผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ กรณีที่เห็นว่าควรมีการปรับปรุงประเภทเรื่อง แบบรายงาน และระยะเวลาการรายงานผลการดำเนินการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามความเหมาะสม ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการประสานกับสำนักงาน ก.พ. เพื่อพิจารณาปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ เรื่อง เครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. |
|||||||||||||||||||||||||||
84 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร | กค | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร ซึ่งเป็นการติดตั้งกล้องที่จุดผ่านแดนถาวร ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ที่ว่าการศุลกากร เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณพื้นที่ที่มีการเข้า - ออกของบุคคล สินค้า และยานพาหนะ โดยเชื่อมโยงข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (ระยะที่ ๑) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโทรทัศน์วงจรปิด (ระยะที่ ๒) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
85 | การดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามมติคณะรัฐมนตรี | ธปท | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธปท. หารือกับสมาคมธนาคารไทยในการออกมาตรการทางด้านสังคมในการพักชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้เท่าเทียมกับธนาคารภาครัฐ ซึ่งมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ๑.๑ ธปท. ได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสนับสนุนให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้างได้ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๑.๒ ธนาคารสมาชิกทุกแห่งเห็นชอบที่จะกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า SMEs และลูกค้าบุคคลที่ประสบความเดือนร้อนจากอุทกภัย โดยผ่อนผันการชำระเงินต้น และ/หรือดอกเบี้ยเป็นเวลาสูงสุด ๖ - ๑๒ เดือน ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและได้รับความเสียหายมาก ธนาคารพาณิชย์จะพิจารณาพิเศษเป็นรายกรณี ๑.๓ ธปท. ได้ทบทวนหลักเกณฑ์ในการจัดชั้นและกันเงินสำรองให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยให้สถาบันการเงินสามารถคงสถานะการจัดชั้นลูกหนี้เช่นเดิมเหมือนที่เคยจัดชั้นอยู่ก่อนการได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ดังกล่าวไม่ถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) และให้ถือว่ามาตรการในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การให้สินเชื่อใหม่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงการลดเงินต้นและ/หรือ ดอกเบี้ย หรือ Reschedule เป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั่วไป รวมทั้งช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยให้สถาบันการเงินลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้าง ๑.๔ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้มีการตกลงกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลเครดิต โดยลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยสามารถชำระหนี้ได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงใหม่ หรือข้อผ่อนผันที่สถาบันการเงินผ่อนผันให้กับลูกค้าให้รายงานข้อมูลภายใต้สถานะบัญชีปกติแทนการรายงานว่าลูกหนี้ผิดชำระหนี้ ๒. มาตรการอื่นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุการณ์อุทกภัย ๒.๑ ด้านระบบการชำระเงิน เช่น ระบบการโอนเงินระหว่างธนาคาร ระบบบาทเน็ต และระบบการหักบัญชีเช็ค ได้เตรียมศูนย์สำรองไว้ที่พุทธมณฑลสาย ๗ ในส่วนระบบรองรับการโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคาร ได้ประสานกับผู้ให้บริการระบบให้มีการเตรียมความพร้อมทั้งศูนย์หลักและศูนย์สำรอง ๒.๒ ด้านการดูแลสภาพคล่องของระบบการเงิน ธปท. ยังทำธุรกรรมตามปกติเพื่อดูแลสภาพคล่องทั้งเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถทำธุรกรรมทั้งจากศูนย์หลักและศูนย์สำรอง รวมทั้งได้สื่อสารให้ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินไว้ในบัญชีที่ ธปท. เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเบิกถอนได้ตามต้องการ ๒.๓ ด้านการสำรองธนบัตร ธปท. ได้เตรียมธนบัตรไว้เพื่อการเบิกถอนของธนาคารต่าง ๆ อย่างเพียงพอ และสำรองไว้ที่ศูนย์จัดการธนบัตรที่การคมนาคมสะดวก
|
|||||||||||||||||||||||||||
86 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดงานเทศกาลวิทยาศาสตร์เยาวชนเอเปค ครั้งที่ 4 | วท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการจัดงานเทศกาลวิทยาศาสตร์เยาวชนเอเปค ครั้งที่ ๔ โดยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการต่างประเทศ จัดงานดังกล่าวขึ้นภายใต้หัวข้อ From Nature to Technology ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรุปผลการจัดงานได้ ดังนี้
๑. จำนวนผู้เข้าร่วมงานเทศกาลวิทยาศาสตร์เยาวชนเอเปค ครั้งที่ ๔ มีจำนวน ๖๓๔ คน ประกอบด้วย นักเรียนไทยและต่างประเทศ ครูและเจ้าหน้าที่ไทยและชาวต่างประเทศ ส่วนกิจกรรมภายในงานได้มีการบรรยายพิเศษ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก กิจกรรมสำหรับนักเรียน ได้แก่ ค่ายมหัศจรรย์พลังงานนิวเคลียร์ ค่ายความหลากหลายทางชีวภาพ ค่ายท่องโลกดาราศาสตร์ ค่ายจรวดขวดน้ำ ค่ายหุ่นยนต์ปลา ค่ายนักสืบสิ่งมีชีวิตเปล่งแสง ค่ายโอริงามิ ค่ายภูมิปัญญาท้องถิ่น (บัว) และค่ายภูมิปัญญาท้องถิ่น (กล้วย) กิจกรรมสำหรับครู ได้แก่ การอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการบิน และการสาธิตการทำอาหารและขนมไทย รวมทั้งกิจกรรมสันทนาการ อาทิ การแสดงดนตรี และวัฒนธรรม การสาธิตโชว์วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ๒. ผลที่ได้รับจากการจัดงานในครั้งนี้ ทำให้เกิดเครือข่ายนักเรียนที่มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเครือข่ายครูวิทยาศาสตร์ในกลุ่มเอเปค มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ การคิดเชิงวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการทำงานเป็นทีม รวมทั้งประเทศไทยได้รับการยอมรับศักยภาพการจัดงานเทศกาลเยาวชนระดับนานาชาติ สร้างโอกาสในการดึงพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาทำกิจกรรมที่ประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” ได้รับการยอมรับมากขึ้นและก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับนานาชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
87 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. 2554 - 2559 | กษ | 08/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. แผนงานเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดส่งออก ได้แก่ การขยายช่องทางการตลาด โดยศึกษาวิเคราะห์ตลาดและแนวทางการขยายตลาดใหม่ ๕ ตลาด คือ ประเทศไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน อินเดีย และแคนาดา และศึกษาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีต่อการส่งออกในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดตั้งศูนย์กลางกล้วยไม้แบบครบวงจรของสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์กล้วยไม้ อาทิ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ จัดแสดงศักยภาพกล้วยไม้ไทยในการแสดงกล้วยไม้ระดับนานาชาติ ณ ประเทศไต้หวัน จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภาษาอังกฤษ และจัดทำหมู่บ้านกล้วยไม้ไทยเพื่อการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ๒. แผนงานส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้คุณภาพ ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ให้มีความหลากหลาย โดยดำเนินการดูแลรักษา ขยาย และให้บริการเกสรจากต้นพ่อแม่พันธุ์เพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ และจัดอบรมการพัฒนาพันธุ์ และโครงการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการส่งออก โดยจัดอบรมที่ปรึกษาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) แก่เจ้าหน้าที่ และอบรมการส่งเสริมการจัดทำสวน GAP ของเกษตรกร ให้การรับรองสวน GAP แก่เกษตรกร และจัดทำโครงการทดสอบมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับกล้วยไม้ตัดดอก และการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุดอกกล้วยไม้ ๓. แผนงานพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยจัดทำโครงการส่งเสริมงานวิจัยเชิงบูรณาการระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และนักวิจัย ๔. แผนงานพัฒนาองค์กร ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการสร้างคลัสเตอร์กล้วยไม้ที่เข้มแข็ง โดยจัดประชุมส่งเสริมการสร้างคลัสเตอร์กล้วยไม้ที่เข้มแข็งสำหรับเจ้าหน้าที่ จัดประชุมเครือข่ายคลัสเตอร์กล้วยไม้ และจัดประชุมเชื่อมโยงเครือข่ายสำหรับเกษตรกร และโครงการสร้างศูนย์กลางการให้บริการกล้วยไม้แบบเบ็ดเสร็จ โดยการปรับปรุงระบบเครือข่ายข้อมูลกล้วยไม้ จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอาชีพกล้วยไม้ และจัดตั้งศูนย์บริการด้านการตลาดกล้วยไม้ ๕. แผนงานส่งเสริมการใช้และสนับสนุนการส่งออก ได้ดำเนินการจัดทำสวนกล้วยไม้ประดับตกแต่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และจัดงานกล้วยไม้บานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ตลอดเดือนกันยายนของทุกปี) และจัดทำสวนกล้วยไม้ในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานครเป็น Orchid Park ณ สวนลุมพินี และใช้กล้วยไม้ประดับตกแต่งทั่วไป ณ สวนสันติภาพ ๖. การบริหารจัดการโครงการเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ได้จัดประชุมคณะกรรมการกล้วยไม้แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษาคณะทำงานการเตรียมความพร้อมและการประสานงาน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
88 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ตามแผนบูรณาการการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลฯ) | ทส | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลโดยการสร้างปะการังเทียม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการติดตามการดำเนินการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลโดยการสร้างปะการังเทียม ในช่วงระยะเวลา ๕ เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน - สิงหาคม ๒๕๕๔ พบว่ามีทั้งสิ้น ๓๑ แผนงาน/โครงการ ดำเนินการใน ๑๖ จังหวัด โดย ๑๙ หน่วยงาน ซึ่งแบ่งการดำเนินงานการติดตามข้อมูลตามเขตพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ ๑ - ๖ ประกอบด้วย ศูนย์ฯ ๑ (จังหวัดระยอง) ๓ แผนงาน/โครงการ ศูนย์ฯ ๒ (จังหวัดสมุทรสาคร) ๔ แผนงาน/โครงการ ศูนย์ฯ ๓ (จังหวัดชุมพร) ๘ แผนงาน/โครงการ ศูนย์ฯ ๔ (จังหวัดสงขลา) ๙ แผนงาน/โครงการ ศูนย์ฯ ๕ (จังหวัดภูเก็ต) ๔ แผนงาน/โครงการ และศูนย์ฯ ๖ (จังหวัดสตูล) ๓ แผนงาน/โครงการ สรุปรวม ๓๑ แผนงาน/โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๔๒๐.๕๙ ล้านบาท ทำสัญญาแล้ว ๑๖ โครงการ โดยดำเนินการแล้วเสร็จและเบิกจ่ายแล้ว ๔ โครงการ รวมเป็นเงิน ๕๓.๙๗ ล้านบาท ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการโครงการฯ อาทิ การจัดทำปะการังเทียมมีความซ้ำซ้อน ไม่บูรณาการกันระหว่างหน่วยงานจัดสร้าง การจัดทำปะการังเทียมโดยไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองงบประมาณ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตรายต่อการเดินเรือและการสัญจรทางน้ำ รวมทั้งขาดฐานข้อมูลที่ทันสมัยและพิกัดการจัดวางจริง ขาดการติดตามประเมินผลหลังการจัดวาง และการขออนุญาตการจัดวางใช้เวลานาน มีความซ้ำซ้อนและไม่มีความชัดเจน |
|||||||||||||||||||||||||||
89 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2554 เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด | กษ | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานการประชุมหารือร่วมระหว่างกระทรวงมหาดไทย กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ที่กรมพัฒนาที่ดินและกรมประมงจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ระงับการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและสภาพพื้นที่ซึ่งเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งที่ประชุมร่วมกันได้มีความเห็นแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม สรุปได้ ดังนี้
๑. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมพัฒนาที่ดิน และกรมประมง ให้เหตุผลในการสนับสนุนการใช้ร่างหลักเกณฑ์ใหม่ เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดเขตพื้นที่ระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งมีอยู่จำนวน ๔ ข้อ ได้แก่ อยู่ในเขตพื้นที่ชลประทาน อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีคันป้องกันน้ำเค็ม เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับเกษตรกร และมีนโบยายของจังหวัดหรือประเทศในการใช้ที่ดินด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ นั้น เป็นข้อกำหนดเชิงนโยบาย ไม่มีฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นเกณฑ์เพื่อจำแนกพื้นที่ระงับการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเห็นว่าควรให้ใช้หลักเกณฑ์เดิมที่ใช้ในการกำหนดเขตพื้นที่ระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่กรมพัฒนาที่ดินได้จัดทำไว้ให้มีผลบังคับใช้กับสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ และเห็นว่าหลักเกณฑ์ใหม่ที่ร่างโดยกรมพัฒนาที่ดินและกรมประมง ที่ประกอบด้วย ความเค็มของน้ำ ความเค็มของดิน และลักษณะทางกายภาพของดินเฉพาะพื้นที่ดินร่วมมีการระบายน้ำดียังไม่มีความเหมาะสม ส่งผลให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยใช้ความเค็มมีโอกาสขยายพื้นที่ไปในเขตพื้นที่ปลูกข้าวของภาคกลาง ๓. กระทรวงมหาดไทยเห็นว่าหลักเกณฑ์ในการกำหนดพื้นที่ระงับการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต้องมีข้อมูลทางวิชาการมาสนับสนุนเพื่อสามารถอธิบายให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนยอมรับได้ และเห็นด้วยที่กำหนดให้มีคณะทำงานวิชาการระดับจังหวัดเพื่อกำหนดพื้นที่น้ำจืดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
90 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ 8 และครั้งที่ 9) | วธ | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ ๘ และครั้งที่ ๙) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้แก่ การขนย้ายหนังสือและสิ่งของ การจัดทำแผนพัฒนางานสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อขอรับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และการออกแบบรูปรายการในการปรับปรุงอาคารหอสมุดแห่งชาติหลังเดิม เพื่อขอรับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ (ดำเนินการตามระเบียบพัสดุฯ) เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการประมูลการจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัท เอนแอลดิเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาต่ำสุด ซึ่งได้รับการอนุมัติจากกระทรวงวัฒธรรม เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๒ และได้ทำสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๒ ในวงเงิน ๔๓๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณที่ใช้จ่ายเฉพาะภารกิจสร้างอาคาร ๓. การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ (ดำเนินการก่อสร้างอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี หลังใหม่) ผู้รับจ้างได้ปฏิบัติงานทั้งหมดแล้วเสร็จเรียบร้อยตามสัญญา (ความก้าวหน้าของงานตามแผนคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ทำได้จริงร้อยละ ๑๐๐) ๔. โดยสรุปการดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี หลังใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลือการพัฒนางานสารสนเทศเพื่อการจัดเก็บและให้บริการองค์ความรู้ของหอสมุดแห่งชาติและการปรับปรุงอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี หลังเดิม ซึ่งยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
91 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง สรุปผลการประชุมหารือสถานการณ์อุทกภัย | กษ | 27/09/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง สรุปผลการประชุมหารือสถานการณ์อุทกภัย และรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยซ้ำ และการบริหารจัดการลุ่มน้ำให้มีประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำเร่งตรวจสอบแผนงานในความรับผิดชอบที่มีความพร้อมสามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันทีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อดำเนินการในระยะเร่งด่วนโดยเริ่มในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยซ้ำซาก และให้กรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักในการนำแผนงานของกรมทรัพยากรน้ำมาบูรณาการร่วมกับแผนพัฒนาการชลประทานระดับลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นแผนการบริหารจัดการน้ำใน ๒๕ ลุ่มน้ำ ที่กรมชลประทานได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ และวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒. กรมชลประทานได้ประชุมหารือร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้รับทราบแนวทางการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และจะเร่งจัดทำข้อมูลแผนงานที่มีความพร้อม สามารถดำเนินการได้ทันทีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กรมชลประทานเพื่อนำมาบูรณาการร่วมกับแผนการบริหารจัดการน้ำใน ๒๕ ลุ่มน้ำของกรมชลประทาน ส่วนแผนการดำเนินงานระยะกลางและระยะยาว กรมชลประทานจะประสานให้กรมทรัพยากรน้ำมาร่วมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในโอกาสต่อไป ๓. กรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำได้ร่วมเป็นเจ้าภาพในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ จังหวัดพิษณุโลก โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนงานโครงการระยะเร่งด่วนที่จำเป็นต้องดำเนินการ และสามารถดำเนินการได้ทันทีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งสิ้น ๙ ประเภทงาน ๑๔๙ รายการ แยกเป็นแผนงานในลุ่มน้ำยม ๘๓ รายการ ลุ่มน้ำน่าน ๖๖ รายการ ซึ่งแผนการดำเนินงานดังกล่าวจะประกอบด้วยงานที่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี และงานที่ต้องผูกพันงบประมาณมากกว่า ๑ ปีขึ้นไป คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น ๒๑,๙๐๒.๙๙๗ ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนงานในส่วนที่ภาคประชาชนเสนอให้ดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งกรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำจะได้นำข้อคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา หากโครงการมีความเหมาะสมก็จะเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ กรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำได้นำโครงการระยะเร่งด่วนทั้ง ๑๔๙ รายการเสนอไว้ในคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อจะได้ดำเนินการตามแผนงานต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
92 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 8 | ศธ | 27/09/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ ๘ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปการดำเนินงานถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ ในส่วนของการก่อสร้างอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล อาคารศูนย์วิจัย อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย และงานภายนอกอาคารและงานภูมิสถาปัตยกรรม คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๕๕ ของทั้งโครงการฯ ๒. จำนวนเงินงบประมาณที่เบิกจ่ายระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๓,๗๔๕,๙๖๐,๔๗๓.๒๒ บาท ประกอบด้วย งบประมาณแผ่นดิน จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน จำนวน ๑,๓๔๕,๙๖๐,๔๗๓.๒๒ บาท ๓. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการ และแนวทางการแก้ไขปัญหา เนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ลดลงจากที่จัดทำคำขอตั้งงบประมาณไว้ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทำให้ต้องปรับแผนการเบิกจ่ายไปในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งเกินระยะเวลาของสัญญา ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ อย่างไรก็ตาม หากการก่อสร้างแล้วเสร็จตามสัญญาในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายให้ผู้รับจ้างตามสัญญา
|
|||||||||||||||||||||||||||
93 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ครั้งที่ 2/2554 | กษ | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ โดยผลการจัดจ้างผู้บริหารจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๒๑ มีนาคม - ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ผลการประกวดราคา บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน ๓๙๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และได้มีการลงนามสัญญาจ้างฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน คณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน ได้ประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน โดยล่าสุดในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปความก้าวหน้าการดำเนินงาน ณ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย รายการที่กำลังก่อสร้าง จำนวน ๑๓ รายการ ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณ รวม ๑๑๘,๒๖๖,๕๕๐ บาท รายการที่อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน ๘ รายการ วงเงินราคากลาง ๕๘,๖๑๘,๔๐๒ บาท และรายการที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจแบบและราคากลาง จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๓๑,๘๖๗,๐๐๐ บาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ และมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงานไม่เกิน ๙๐ วัน สำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการ มีการดำเนินงานบางส่วนล่าช้ากว่าแผนการปฏิบัติงานที่กำหนด ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ร่วมกับคณะทำงานด้านต่าง ๆ จัดทำแผนการปฏิบัติงานเพิ่มเติม และติดตามงานอย่างต่อเนื่อง โดยกรมวิชาการเกษตรและคณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางแล้วบางส่วน และได้ส่งมอบงานให้ผู้บริหารจัดการงานฯ ดำเนินการต่อแล้ว เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||
94 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 1พ.ศ. 2554 เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และเรื่อง รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ | นร | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และเรื่อง รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีหน่วยงานให้ความเห็นใน ๔ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่น สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่า ประเด็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรมีการศึกษาผลกระทบจากข้อเสนอนี้ รวมทั้งให้มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เห็นควรให้มีการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพเพื่อการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ประเด็นการปฏิรูปโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการยกเลิกแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลทั่วทุกภาค ๓. ประเด็นศิลปวัฒนธรรมกับการสร้างสรรค์และเยียวยาสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) จะนำเรื่องการกำกับดูแลสื่อให้มีรายการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมกับการสร้างสรรค์และเยียวยาสังคมอย่างน้อยร้อยละ ๒๕ ของการนำเสนอทั้งหมดไปประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลต่อไป ๔.ประเด็นการปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน กระทรวงคมนาคมเสนอให้เพิ่มผู้แทนจากกรมเจ้าท่าร่วมเป็นคณะกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติโฉนดชุมชนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
95 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล | ทส | 20/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง การกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเล เมื่อวันที่ ๒๗ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างแข็ง มีรูปแบบโครงสร้างหลายชนิด เช่น รอดักทราย (Groin) กองหินกันคลื่น (Off Shore Break Water) เขื่อนกันคลื่น (Sea Wall) โครงสร้างเหล่านี้ก่อนจะทำการก่อสร้างต้องศึกษาถึงสภาพภูมิประเทศ สภาพทางอุทกศาสตร์ และการเคลื่อนตัวของตะกอนของพื้นที่ รวมทั้งทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Mathemtical Madel) และแบบจำลองในห้องปฏิบัติการ (Physical Model) เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของโครงสร้างต่อพื้นที่ข้างเคียงและป้องกันการกัดเซาะต่อเนื่องไปยังพื้นที่ข้างเคียงอื่น ๆ ๒. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างอ่อน เช่น การปลูกป่าชายเลน โดยชนิดของต้นไม้ที่จะนำมาปลูก ควรมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ตามแบบธรรมชาติ และพบว่าแสมจะเป็นไม้เบิกนำที่ดี ๓. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การถมทรายชายหาด (Beach Nourishment) เป็นการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียงน้อย โดยแหล่งทรายที่จะนำมาถมชายหาดต้องมีการศึกษาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในเรื่องอื่น รวมทั้งขนาดตะกอนทรายต้องมีขนาดใกล้เคียงกับทรายชายหาดเดิม เพราะถ้าขนาดไม่เท่ากันจะทำให้ตะกอนทรายขนาดเล็กกว่าจะถูกคลื่นและกระแสน้ำพาออกไปได้อย่างรวดเร็ว ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยนำปัจจัยทั้งหมดมาประมวลในการพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะใช้โครงสร้างแข็ง โครงสร้างอ่อน หรือไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การกำหนดระยะถอยร่น การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
96 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย | วท | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยมีผลการดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. สนับสนุนนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโครงการ วมว. ไปแล้ว ๓ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๕๑, ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓) รวม ๑๓ ห้องเรียน ใน ๕ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๓ ห้อง โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ๓ ห้อง โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ๓ ห้อง โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ ๓ ห้อง และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ๑ ห้อง ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ วมว. ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบให้คู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน - โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และคู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น - โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ทั้งสิ้น ๑๖ ห้อง โดยดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาเป็นนักเรียนเฉพาะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ห้องเรียน ห้องละ ๓๐ คน รวม ๒๑๐ คน ๔. การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนของทุกมหาวิทยาลัย - โรงเรียนในโครงการ วมว. ให้เป็นไปตามกรอบหลักสูตรกลาง โดยคู่มหาวิทยาลัย - โรงเรียนแต่ละแห่งสามารถเพิ่มเติมรายวิชา และจำนวนหน่วยกิตรายวิชาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๕. การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ วมว. กับศูนย์วิศวกรรมศาสตร์ศึกษาซูนเนอร์ มหาวิทยาลัยโฮคลาโอมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ๖. การวางเส้นทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแก่นักเรียนโครงการ วมว. เพื่อรักษานักเรียนโครงการ วมว. ให้อยู่ในระบบการวิจัย โดยขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยของรัฐให้มีการรับนักเรียนโครงการ วมว. เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยวิธีรับตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||
97 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 | กค | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ ให้แก่เกษตรกรแล้ว จำนวน ๗๖,๗๙๘ ราย เป็นเงิน ๓๘๖,๒๙๘,๒๓๔.๕๒ บาท แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๑) จำนวน ๘,๗๙๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๗,๖๐๖.๑๒ บาท และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๒) จำนวน ๖๘,๐๐๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๗๓,๖๖๐,๖๒๘.๔๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
98 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้ง ๘๑ หน่วยงาน มีหน่วยงานแจ้งผลการดำเนินงาน ๓๔ หน่วยงาน พบว่ามีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการ ๑๘ โครงการ จากจำนวนทั้งสิ้น ๒๑๑ โครงการ และได้รับงบประมาณเป็นเงิน ๑๔๔.๗๒๗๖ ล้านบาท จากงบประมาณที่ตั้งไว้ทั้งสิ้น ๒,๐๑๙.๔๐๓๓ ล้านบาท ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๑๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๒๘.๒๖๖๐ ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท และยุทธศาสตร์ด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๑๑.๔๖๑๖ ล้านบาท สำหรับกรณีแผนงาน/โครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หน่วยงานต่าง ๆ มีการดำเนินการ ปรับเป็นงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณ ๓๓๒.๕๖๙๔ ล้านบาท ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณอื่น ๑๓ โครงการ งบประมาณ ๒๔๙.๑๗๐๐ ล้านบาท และดำเนินการตามงบปกติ ๑ โครงการ งบประมาณ ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒. ในช่วงการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ณ ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย รวม ๑๕ จังหวัด และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๓ ปราจีนบุรี เขต ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา และเขต ๑๗ จันทบุรี ให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเฝ้าระวังคลื่นสึนามิ” พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การจัดการในภาวะฉุกเฉินของแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ และแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||
99 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ 2 | กษ | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) ได้ดำเนินโครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ โดยการควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไม่ให้ทำความเสียหายต่อผลผลิตและท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง โดยการแช่ท่อนพันธุ์ในพื้นที่ ๑๖ จังหวัด หรือคิดเป็นพื้นที่ ๘๗,๙๐๐ ไร่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรให้มีความรู้ ความสามารถด้านการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง รวมทั้งได้กำหนดมาตรการสำหรับควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไว้ ๕ ประการ คือ มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการแจ้งเตือนภัย มาตรการควบคุม มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา และมาตรการติดตามประเมินผล โดยให้ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ใช้งบประมาณจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๓,๕๗๙,๐๐๐ บาท ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ เนื่องจากการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังเกิดจากหลายปัจจัยและแต่ละปัจจัยมีวิธีควบคุมที่แตกต่างกันออกไป ประกอบกับเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังชนิดสีชมพูเป็นศัตรูพืชชนิดใหม่ที่ทำความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เทคโนโลยีและวิธีการควบคุมยังต้องมีการศึกษา วิจัย ทดสอบ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและได้ผลในการกำจัดเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการระบาด |
|||||||||||||||||||||||||||
100 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System: CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร ซึ่งประกอบด้วยผลการดำเนินโครงการระยะที่ ๑ และการดำเนินโครงการในระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการโครงการระยะที่ ๑ ในครั้งต่อไปเมื่อการดำเนินโครงการระยะที่ ๒ แล้วเสร็จหรือภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
|
.....