ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 30 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 581 - 600 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
581 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าเช่าที่ดิน EECi อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง | อว. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมวิทยาศาสตร์บริการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าวข้างต้น
จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เดิม จำนวน ๒๒,๙๑๙,๐๐๐ บาท
เป็นจำนวน ๒๙,๔๒๒,๖๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว จำนวน ๔,๕๘๓,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๔,๘๓๘,๘๐๐ บาท
ให้กรมวิทยาศาสตร์บริการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และให้กรมวิทยาศาสตร์บริการปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
582 | ขอความเห็นชอบการร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการเกษตรกรรมยั่งยืน ระบบอาหารที่ยืดหยุ่น และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Sustainable Agriculture, Resilient Food Systems, and Climate Action) ในการประชุม COP28 UNFCCC สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | กษ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
ระบบอาหารที่ยืดหยุ่น และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Sustainable Agriculture, Resilient Food
Systems, and Climate Action) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารที่จะมีการร่วมลงนามรับรองในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ
ครั้งที่ ๒๘ (COP28 UNFCCC) ในวาระ World Climate
Action วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติที่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเกษตรและอาหาร
การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน และการแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นของระบบนิเวศและสนับสนุนความพยายามต่าง
ๆ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญาฯ
เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
583 | การขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและการจัดทำเอกสารภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน (Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย (ARISE Plus - Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า” | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน
(Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย
(ARISE Plus-Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า”
และอนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือฯ ของฝ่ายไทย รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการ (Execution Period) ออกไปอีก ๙ เดือน เฉพาะในส่วนของระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ (Implementation
Period) จากเดิม ๔๒ เดือน เป็น ๕๑ เดือน (สิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๙) ซึ่งต้องจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน
(Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย
(ARISE Plus-Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า”
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
584 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ และอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๗๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรติดตามและกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการค้าข้าวดำเนินการรับซื้อและเก็บสต็อกข้าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ
อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและรายได้ของเกษตรกรชาวนาในช่วงสงกรานต์ดังกล่าวจากการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ และการขอรับชดเชยดอกเบี้ยสำหรับสัญญาเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ควรกำหนดว่าเป็นการชดเชยสำหรับสัญญาเงินกู้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อข้าวเท่านั้น
และควรมีการตรวจสอบคุณภาพสต็อกข้าวเป็นประจำตลอดระยะเวลาที่เก็บรักษา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและภาคเกษตรต่อจากนี้ไป
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินมาตรการ/โครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพ
(Productivity) ของภาคการเกษตร การพัฒนาภาคเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทานหรือเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง
การจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
585 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๙ คณะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ ๒.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๓.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๔. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๕. คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๖. คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ๗. คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
586 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงพาณิชย์
จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๒. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ๓. คณะกรรมการว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา
(Duty free Quota Free
Scheme : DFQF) ๔. คณะกรรมการนโยบายอาหาร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
587 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งได้มีการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
588 | ขอความเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ รอบปี ค.ศ. 2023-2029 (Country Programme Framework: CPF) | อว. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
(International Atomic Energy Agency :
IAEA) รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙ (Country Programme Framework : CPF) (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๒) และมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในกรอบความร่วมมือฯ
ดังกล่าว โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับ IAEA
ในด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีซึ่งครอบคลุมทุกสาขา
เช่น ด้านการเกษตร โภชนาการ การแพทย์ อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม
การวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติควรให้ความสำคัญกับการจัดทำชุดความรู้ด้านความปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนได้รับทราบในวงกว้าง
รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของประเทศไทยในการพึ่งพาเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในสาขาต่าง
ๆ การดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยจะต้องครอบคลุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ ในประเด็นการขาดแคลนน้ำ
น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจภายใต้บริบทของประเทศไทยด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
589 | ผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers: AJSMJ) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers : AJSMJ)
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และเห็นชอบแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว มีการปรับแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น การระบุวันที่ สถานที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินความร่วมมือตามแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และร่างแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรมดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงความร่วมมือด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
590 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา | อว. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา (Department of Foreign Affairs, Trade and
Development of Canada : DFATD) และให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อสร้างความร่วมมือที่ไม่ใช่ทางการเงินและการสนับสนุนอุปกรณ์
การให้บริการและการฝึกอบรมแบบให้เปล่า
เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของไทยในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีและจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ของไทยและการฝึกอบรมระดับชาติ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา เพื่อสนับสนุนหลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ยั่งยืนในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการขอยกเว้นภาษีนำเข้า
ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม
และภาษีอื่นใดที่อาจเกิดจากการขนส่งอุปกรณ์หรือการให้บริการอันเนื่องมาจากการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้น
กระทรวงการคลังขอให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติพิจารณาและดำเนินการตามระเบียบการนำเข้าของที่ได้รับยกเว้นอากร
ตามที่กรมศุลกากรกำหนด และควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้าน อากร ภาษี
และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อันเกิดจากการส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ให้มีความสอดคล้องตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
591 | การแก้ไขสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Amendments to the Framework Agreement for Reimbursable Advisory Services) | กค. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Amendments
to the Framework Agreement for Reimbursable Advisory Services)
ว่า ไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม
เนื่องจากในทางปฏิบัติเป็นที่ยอมรับกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารโลก เห็นชอบร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข และอนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังลงนามในร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
592 | การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ | นร. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ
และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติโดยเร็ว
จึงขอให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการดำเนินการตามมติดังกล่าวให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน
๓ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
593 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ (1. นายวัลลภ นาคบัว ฯลฯ จำนวน 5 คน) | อื่นๆ | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ
จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายวัลลภ นาคบัว ๒. นายพิศุทธ์ อรรถกมล ๓. นายสมพร สืบถวิลกุล ๔. นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ๕. นายไกรรวี ศิริกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
594 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/67 (เพิ่มเติม) | กษ. | 14/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
ปีการผลิต ๒๕๖๖/๖๗ (เพิ่มเติม)
และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
การชดเชยต้นทุนเงินและดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้คงหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการชดเชยอัตราต้นทุนทางการเงินที่ต้องขอรับชดเชยจากภาครัฐในอัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ประจำไตรมาส บวก ๑ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง
และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการชดเชยดังกล่าว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนการดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ ต่อไป ๒.
ให้กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นเป็นตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
595 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 14/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ดังนี้ ๑.
การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ในส่วนของระยะเวลาการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จากที่เสนอไว้เดิม ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
เป็น ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
596 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (1. นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ฯลฯ จำนวน 22 คน) | อว. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
จำนวน ๒๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๑.๑ นายชัยวัฒน์
ชื่นโกสุม ๑.๒ ศาสตราจารย์บัณฑิต
เอื้ออาภรณ์ ๑.๓
ศาสตราจารย์ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ๑.๔ นางภัทรพร วรทรัพย์ ๑.๕ นายยุทธนา สาโยชนกร ๑.๖ รองศาสตราจารย์สาโรช รุจิรวรรธน์ ๑.๗ นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล ๑.๘
รองศาสตราจารย์คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ๑.๙ นางรวีวรรณ ภูริเดช ๑.๑๐ นายวันชัย พนมชัย ๑.๑๑ ศาสตราจารย์อภิชาติ
อัศวมงคลกุล ๒.
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ ๒.๑ นายเกรียงไกร
เธียรนุกุล ๒.๒ นายธรรมศักดิ์
เศรษฐอุดม ๒.๓ ศาสตราจารย์ประสาท
สืบค้า ๒.๔ ศาสตราจารย์ปิยะมิตร
ศรีธรา ๒.๕
รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ๒.๖ ศาสตราจารย์สิริฤกษ์
ทรงศิวิไล ๒.๗ รองศาสตราจารย์สุธรรม
อยู่ในธรรม ๒.๘ นายสุเมธ
ตั้งประเสริฐ ๒.๙ นายสุวิทย์
วิบุลผลประเสริฐ ๒.๑๐ นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ๒.๑๑ นายอาทิตย์
นันทวิทยา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
597 | ร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์ - เลสเต เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของติมอร์ - เลสเต | พณ. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในสารัตถะของร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ของติมอร์-เลสเต
ซึ่งเป็นตราสารที่จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงผลการเจรจาทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางการค้าที่ติมอร์-เลสเต
จะให้ในกรอบ WTO ตามกระบวนการภาคยานุวัติเป็นสมาชิก WTO
โดยผลการเจรจาระหว่างประเทศไทยกับติมอร์-เลสเต
ในการลดภาษีสินค้านำเข้าและข้อผูกพันเฉพาะรายสาขาการค้าบริการของติมอร์-เลสเต
ต่อไทยที่บรรจุในร่างพิธีสารฯ จะนำไปรวมกับผลการเจรจาระหว่างติมอร์-เลสเตกับประเทศสมาชิกอื่น
ๆ และจะกลายเป็นส่วนต่อท้าย (addendum)
ของพิธีสารภาคยานุวัติ (Protocol of Accession) เข้าเป็นสมาชิก
WTO ของติมอร์-เลสเต และมอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO
และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของติมอร์-เลสเต
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
598 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ เมืองหลวงพระบาง
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ต่อคณะรัฐมนตรี รวม ๑๘ ฉบับ
โดยแบ่งเป็นเอกสารที่รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนจะร่วมกันรับรอง (adopt) จำนวน ๑๗ ฉบับ
และเอกสารที่รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนจะลงนาม จำนวน ๑ ฉบับ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมาย
สำหรับการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงอาเซียน โดยร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศในภูมิภาครวมถึงประเทศคู่เจรจาที่สำคัญ
และเป็นการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์และแผนงานฉบับต่าง ๆ ของอาเซียน รวมทั้งสอดคล้องกับแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
(ASEAN Connectivity) เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน
และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน
ให้มีประสิทธิภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
อันจะนำไปสู่การสร้างประชาคมอาเซียนให้มีความเข้มแข็ง
และเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๘ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
599 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี พ.ศ. 2566 | พณ. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกาว่าด้วยว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่
กระทรวงกลาโหม (กองทัพบกและกองทัพเรือ) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน
และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกวดขันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและเต็มประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในท้องตลาดและช่องทางออนไลน์และเร่งดำเนินคดีกับผู้ผลิตสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต้นน้ำ
การละเมิดลิซสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในภาคเอกชนและการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ผ่านอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการสตรีมและดาวน์โหลด ๒. หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตาม “แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์
(Software : ซอฟต์แวร์)
และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ”
อย่างเคร่งครัดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๓.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
เพื่อนำไปสู่การออกกฎหมายให้เท่าทันกับสถานการณ์และรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศต่อไป ๔.
กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเร่งรัดการพิจารณากำหนดให้ตำแหน่งผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้ได้รับเงินเพิ่ม ๕. กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่ากรณีการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม
นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.
๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔ วรรคสอง กำหนดข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา
พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเดิม อนุญาตให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาก่อนนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการส่งเสริมและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้ตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวงเงินที่กระทรวงการคลังกำหนด ควรให้มีการบูรณาการและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
และการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ นั้น
ในขั้นตอนการปฏิบัติ หน่วยงานต่าง ๆ จะต้องพิจารณาดำเนินการ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมาย
ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
600 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2566/67 | พณ. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.รับทราบสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๖/๖๗ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ นบมส.
และช่วยเหลือสภาพคล่องของสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรโดยไม่เร่งระบายผลผลิต
เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
ซึ่งจะส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๖/๖๗ และโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์
และให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๖/๖๗ วงเงิน
๒๖,๖๗๐,๐๐๐ บาท
ให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้กระทรวงพาณิชย์เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.๒
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
ปี ๒๕๖๖/๖๗ วงเงิน ๓๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
โครงการในส่วนที่ใช้เงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและรัฐบาลได้มีการชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการดำเนินโครงการดังกล่าว
ให้กระทรวงพาณิชย์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรร่วมกันพิจารณาอัตราการชดเชยให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นอย่างแท้จริง
โดยอยู่ในอัตราที่เท่ากันกับอัตราการชดเขยของมาตรการที่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกันในสินค้าเกษตรอื่นและไม่ควรมากกว่าอัตราการชดเชยในอดีตที่ผ่านมาของโครงการในลักษณะเดียวกันเพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการของทั้ง ๒
โครงการดังกล่าวข้างต้น เป็นตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖)
เป็นต้นไป
|