ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 296 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 5901 - 5920 จากข้อมูลทั้งหมด 11339 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5901 | รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) | นร | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ งวดที่ ๑ เป็นเงิน ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีหนังสือถึงจังหวัดเพื่อจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในงวดที่ ๑ จำนวน ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวน ๕,๑๗๘,๐๕๒ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท พร้อมแนวทางปฏิบัติ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปแล้ว ๔ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มกราคม ๒๕๕๔) ๒. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ วงเงิน ๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้สูงอายุทั้ง ๗๕ จังหวัดแสดงความประสงค์เพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๓. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังดำเนินโครงการศึกษาการปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและพัฒนาระบบต้นแบบ และได้นำเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบภารกิจเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเป็นส่วนราชการเจ้าของงบประมาณจัดทำงบประมาณในรูปแบบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อใช้จ่ายในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะ รวมทั้งพัฒนารูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผ่านระบบธนาคารไปยังผู้สูงอายุโดยตรง โดยให้ดำเนินการลักษณะเป็นโครงการนำร่องในเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีสถาบันทางการเงินให้บริการในพื้นที่ ตลอดจนพัฒนากระบวนการการลงทะเบียนและการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยการเชื่อมโยงข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก โดยใช้ระบบ Off Line ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์จากระบบทะเบียนราษฎร์ |
||||||||||||||||||||||||
5902 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ รายการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร จำนวน ๔ รายการ ได้จัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว วงเงิน ๙๘,๗๗๐,๐๐๐ บาท สำหรับรายการอื่น ๆ อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบและประกวดราคา ในส่วนของการรวบรวมพรรณไม้สำหรับการเรียนรู้และตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ๑.๒ จัดส่งรายละเอียดให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณและการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเชิญชวนต่างประเทศเข้าร่วมงานในเบื้องต้นแล้ว สำหรับการเตรียมการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเบื้องต้นเพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานแล้ว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรี (๓ สิงหาคม ๒๕๕๓) เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายรับ-รายจ่าย แผนบริหารรายได้และแผนความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม รวมทั้งการจัดทำแผนความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Financial Plan) ตลอดจนการศึกษาวิเคราะห์แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารจัดการ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
5903 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี) | วท | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดการน้ำชุมชน ได้ดำเนินโครงการ ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างแม่ข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในพื้นที่ ๑๕ ชุมชน และโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ๘๔ แห่ง ๒. การศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ประสานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อขยายขอบเขตการวิจัยและจัดทำฐานข้อมูลให้ครอบคลุมเรื่องแสง โดยได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ภายใต้โครงการประเมินสมดุลรังสีดวงอาทิตย์อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งปกคลุมดินในจังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ที่สัมพันธ์กัน และมีความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ โครงการจัดทำฐานข้อมูลลมของประเทศไทย งานวิจัยด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ และงานศึกษาและวิเคราะห์ความเสี่ยงน้ำท่วมน้ำแล้งเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตรในพื้นที่ศึกษาลุ่มแม่น้ำโขง ๓. การบริหารจัดการน้ำ การปิด เปิด ระบายหรือรับน้ำ มีการดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ โครงการแก้มลิงอเนกประสงค์ คลองสนามชัย - มหาชัย กรุงเทพมหานคร - สมุทรสาคร มีความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการร้อยละ ๙๐ และได้จัดทำแปลงเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่าชายเลนเพื่อใช้ในการดำเนินงานฟื้นฟูคลองหลวง และคลองสหกรณ์สาย ๓ ปรับปรุงประตูระบายน้ำที่มีอยู่เดิม และก่อสร้างประตูระบายน้ำขนาดเล็กเพิ่มเติม รวมถึงติดตั้งระบบโทรมาตรเพื่อติดตามระดับน้ำในแก้มลิงเอกชน ๓.๒ โครงการศึกษาและจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำจังหวัดนครนายก ได้ดำเนินงานร่วมกับกรมชลประทานศึกษาข้อมูลด้านน้ำสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และมีแผนดำเนินงานในระยะที่ ๒ เพื่อต่อยอดการศึกษาผลักดันให้เกิดภาพบริหารจัดการในพื้นที่ระดับชุมชน รวมทั้งศึกษาระบบผังน้ำเพื่อเชื่อมต่อกับลุ่มน้ำบางปะกงต่อไป ๓.๓ การดำเนินงานเกี่ยวกับแหล่งน้ำใต้ดิน ได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการประยุกต์ใช้ไอโซโทปและเคมีเทคนิคเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล พื้นที่ลุ่มน้ำซีตอนบน ส่วนที่ ๑ และ ๒ จังหวัดชัยภูมิ โดยการประยุกต์ใช้แบบจำลองน้ำผิวดินและแบบจำลองน้ำบาดาล เพื่อใช้อธิบายวงจรน้ำใต้ดินต้นน้ำชี และประยุกต์ใช้ไอโซโทปศึกษาแหล่งที่มาและการกระจายตัวของน้ำฝน และกระบวนการเติมน้ำใต้ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำยม - น่าน ๔. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ได้ดำเนินการติดตามระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยและติดตามอุณหภูมิพื้นผิวทะเล รวมทั้งจัดทำแบบจำลองลม และนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ประกอบกับภาพถ่ายจากดาวเทียมการกัดเซาะชายฝั่งของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อนำไปสู่มาตรการเพิ่มแนวป้องกันการปะทะและกัดเซาะชายฝั่งทะเล (Soft Break)
|
||||||||||||||||||||||||
5904 | ความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย | กษ | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย ดังนี้
๑. จัดทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดดำเนินการและถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรและชาวประมงผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัย อย่างเคร่งครัด และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาก่อน แจ้งขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรและตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือให้ถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการจ่ายเงิน ๒. จัดส่งเอกสารให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อขออนุมัติเงินงวดรวมทั้งสิ้น จำนวน ๖๖ จังหวัด วงเงิน ๑๕,๘๒๙.๙๗ ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ได้โอนเงินให้ ธ.ก.ส. สาขาแล้ว จำนวน ๕๘ จังหวัด วงเงิน ๑๒,๔๙๙.๓๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. สาขาโอนเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว ๓๑๔,๕๙๐ ราย วงเงิน ๘,๔๓๓.๖๔ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
5905 | ความคืบหน้าในการวางแผนรองรับความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายในการรับซื้อหรือแทรกแซงราคายางและแผนการจัดหาแหล่งทุน | นร | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานความคืบหน้าในการวางแผนรองรับความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายในการรับซื้อหรือแทรกแซงราคายางและแผนการจัดหาแหล่งทุนของกระทรวงเกษตรและสกหรณ์ สรุปได้ดังนี้
๑. องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโรงงานยางแท่ง STR 20 พร้อมเครื่องจักรอุปกรณ์ จำนวน ๓ แห่ง ที่จังหวัดศรีสะเกษ อุดรธานี และนครพนม และศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพารา จำนวน ๖ ศูนย์ ที่จังหวัดพะเยา กำแพงเพชร พิษณุโลก ชัยภูมิ เลย และนครพนม โดยทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างเสร็จและทดลองเดินเครื่องได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ และจะดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๒. อ.ส.ย. ได้วางแผนรองรับความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายในการซื้อหรือแทรกแซงราคา ไว้ ๒ กรณี คือ (๑) ในกรณีแทรกแซงราคาตามนโยบายรัฐบาล ราคาซื้อขายจะเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด และ (๒) ในกรณีที่ อ.ส.ย. ซื้อเพื่อดำเนินการตามภารกิจปกติ อ.ส.ย. กำหนดราคาซื้อตามสภาวะราคายางและกลไกตลาด โดยซื้อผ่านระบบเครือข่ายเกษตรกร สถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจรที่ อ.ส.ย. ได้จัดตั้งไว้แล้วทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน รวมทั้งรับซื้อที่ศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพาราทั้ง ๖ ศูนย์ นอกจากนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการจัดหาวัตถุดิบและการผลิตยางแท่ง STR 20 โดยเฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จะดำเนินการรับซื้อผลผลิตยางตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๔ เพื่อเป็นการเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับเริ่มทำการผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๓. อ.ส.ย. มีแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินงานโรงงานยางแท่ง STR 20 จากเงินทุนหมุนเวียนของ อ.ส.ย. ประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท และเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ ๔. อ.ส.ย. กำหนดเป้าหมายการขายผลผลิตยางในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และอินเดีย ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ โดยใช้ทั้งระบบขายตรงและผ่านตัวแทน (broker) ส่วนที่เหลือขายภายในประเทศ โดยพิจารณาจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||
5906 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรณีการบินในช่วงฤดูหนาว | คค | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ (การดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามเส้นเสียงฤดูหนาว) และเห็นชอบให้เสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ เส้นเสียงฤดูหนาวมีอาคารจำนวน ๖,๔๒๔ อาคาร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบงบประมาณการชดเชยผลกระทบด้านเสียงครอบคลุมกรณีการบินในช่วงฤดูหนาวไว้แล้ว เป็นเงิน ๔,๐๘๘.๔๕๒ ล้านบาท ๑.๒. ทอท. ได้จัดจ้างกลุ่มบริษัท T.E.N. ในการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเสียงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อใช้ตรวจสอบระดับเสียงมาตรฐานที่มีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยโดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดเสียง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายแล้วเสร็จ คงเหลือเฉพาะการติดตั้งทดสอบระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เครื่องบันทึกระบบสื่อสารการบิน และการทดสอบรวมทั้งระบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถตรวจรับงานได้ในกลางปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรี (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓) เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
5907 | การติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ [การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย)] | มท | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒, ๑๖ และ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย) จำนวน ๑,๐๐๙,๑๓๔ ครัวเรือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท ดังนี้
๑. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งข้อมูลจำนวนครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยและวาตภัยที่จังหวัดได้ยืนยันและรับรองความถูกต้อง จำนวน ๗๔๔,๒๐๑ ครัวเรือน ให้ธนาคารออมสินเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ๒. ธนาคารออมสินได้จ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยและวาตภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๖๘๙,๒๕๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓,๔๔๖,๒๖๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นการจ่ายเงินร้อยละ ๙๒.๖๒ ของยอดจำนวนครัวเรือนที่ส่งธนาคารออมสิน ส่วนที่เหลือ ๕๔,๙๔๘ ครัวเรือน อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย
|
||||||||||||||||||||||||
5908 | ความคืบหน้าโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีรายงานความคืบหน้าโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยความคืบหน้า ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ได้ให้สินเชื่อตามโครงการฯ แก่ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารปรับอากาศ ๗๔๕ คัน คิดเป็นเงิน ๑,๐๐๖.๙๙ ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ๒๐ ราย คิดเป็นเงิน ๐.๙๘ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
5909 | การกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจ | นร | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ (เรื่อง การกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจ) โดยสำนักงาน ก.พ. ได้จัดการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม และมีความเห็นเบื้องต้นว่า การดำเนินการตามข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผลกระทบต่องบประมาณในระยะยาว ซึ่งรายละเอียดในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องเพิ่มขึ้นยังมีข้อมูลที่แตกต่างกัน จึงเห็นควรจัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดในเชิงลึกให้ได้ข้อยุติที่ตรงกันเกี่ยวกับผลกระทบจากงบประมาณที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว และเพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากผลการพิจารณามีข้อสรุปเป็นประการใด สำนัก ก.พ. จะได้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
5910 | รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีราษฎรร้องทุกข์เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย | นร | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเกี่ยวกับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีราษฎรร้องทุกข์เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดย ๑.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมชะลอการขยายพื้นที่ใหม่หรือการขอประทานบัตร ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด แปลงที่ ๑๐๔/๒๕๓๘ และแปลงอื่น ๆ ไว้ก่อนจนกว่าจะได้ข้อสรุปของสาเหตุการเกิดสารปนเปื้อน ผลการประเมินความคุ้มค่าของฐานทรัพยากรธรรมชาติและค่าภาคหลวงแร่กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และผลการประเมินผลด้านสุขภาพ หรือ HIA ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดให้ความร่วมมือกับจังหวัดเลยในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพน้ำบริเวณเหมืองดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ และให้มีความถี่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจและกำกับการทำเหมืองของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมถึงเสียงและกลิ่นที่รบกวนในช่วงเวลากลางคืน การตรวจกระบวนการทำเหมืองให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อป้องกันการซึมของสารไซยาไนด์ รวมทั้งการเพิ่มความถี่ในการเฝ้าระวังคุณภาพของน้ำให้มากยิ่งขึ้น และควรเปลี่ยนจุดตรวจคุณภาพของน้ำอยู่เสมอ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ราษฎร ๑.๓ ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรึกษาหารือกันเพื่อหาแนวทางในการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงขั้นตอนในการเกิดสารปนเปื้อนในพื้นที่ดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการเปิดทำการเหมืองของบริษัทฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นั้น ประชาชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดขอบเขตการศึกษา (Public scoping) และนำเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมในทางกายภาพ ชีวภาพ และสังคม เพื่อให้รายงานการศึกษาผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชน และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ตรวจสอบสารปนเปื้อนดำเนินการตรวจสอบสารปรอทด้วย เนื่องจากมีการพบว่ามีปริมาณสารปรอทสูงมากเมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่นในสภาพปกติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปประเมินความคุ้มค่าของภาคหลวงแร่ที่ได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและเร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง นโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ) |
||||||||||||||||||||||||
5911 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในร่างข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่างประเทศ | กษ | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในร่างข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่างประเทศ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานกำกับ ดูแลด้านมาตรฐานบังคับแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย ด้านการตรวจสอบและรับรองสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๓ ๒. ข้อตกลงดังกล่าวมีผลกระทบด้านบวกต่อหน่วยงานตรวจสอบรับรองสินค้าสัตว์น้ำส่งออกและนำเข้าของกรมประมงและของสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และผู้ประกอบการผลิตสินค้าสัตว์น้ำแช่เยือกแข็งและผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋องที่ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศแอฟริกาใต้ โดยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยในสินค้าสัตว์น้ำที่มีการจำหน่ายระหว่างกัน ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำ ณ ประเทศปลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้สินค้าสัตว์น้ำของไทยผ่านด่านตรวจสอบการนำเข้าและส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
5912 | โครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้น้ำ 115 เควี (วงจรที่ 3) ไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี | มท | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการก่อสร้งสายส่งเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวงเงินลงทุนรวม ๓,๙๙๔ ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ในประเทศ วงเงิน ๒,๙๙๔ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยในส่วนของการกู้เงินในประเทศกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ๑.๒ ผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่เกาะสมุยในอัตราพิเศษที่แตกต่างจากอัตราที่เรียกเก็บในพื้นที่อื่น โดยอาจพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากบ้านอยู่อาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า ๔๐๐ หน่วยต่อเดือน ให้เรียกเก็บในอัตราปกติเช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน ๔๐๐ หน่วยต่อเดือน และผู้ใช้ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้เรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ โดยรวมต้นทุนการก่อสร้างโครงการและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม และเห็นควรให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยการเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินโครงการให้ประชาชนในพื้นที่ทราบผ่านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ระยะเวลาอย่างน้อย ๗ วัน รวมทั้งให้ กฟภ. ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานแห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการและทำการเลือกแนวหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานได้ แล้วให้จัดทำแผนผังแสดงรายละเอียดของลักษณะทิศทางและแนวเขตในการวางระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๐๖ ต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5913 | ความคืบหน้ามาตรการฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวและการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตปัญหาการเมืองภายในประเทศ : การขอยกเลิกการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ | คค | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีรายงานความคืบหน้ามาตรการฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวและการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตปัญหาการเมืองภายในประเทศ : การขอยกเลิกการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ โดยที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ครั้งที่ ๓๕/๒๕๕๓ ครั้งที่ (๑๐๙) เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ถูกเรียกเก็บค่าไฟฟ้าขั้นต่ำและผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง สำหรับสถานประกอบการที่มีสถานที่ตั้งบริเวณที่มีการชุมนุมทางการเมืองและเกิดการจลาจลในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ๒๕๕๓ ในพื้นที่จำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ประกอบด้วย คลองเตย ย่านถนนพระราม ๔ แขวงคลองเตย สี่แยกราชประสงค์ แนวถนนพระรามที่ ๑ ถนนเพลินจิต ถนนราชดำริ และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงพญาไท จำนวนทั้งสิ้น ๑๕ ราย โดยให้การไฟฟ้านครหลวงรับภาระในส่วนต่างของค่าไฟฟ้าตามการใช้จริงกับค่าไฟฟ้าขั้นต่ำดังกล่าวเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒,๖๓๓,๐๒๓ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
5914 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (การจัดการน้ำและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) | มท | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามพระราชดำริในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (การจัดการน้ำและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทยได้ศึกษาค้นคว้า รวบรวมแนวคิด ทฤษฎี หลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ และประชุมสัมมนาร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนราชการ/หน่วยงานในการบริหารจัดการน้ำ และนำมาเรียบเรียงจัดทำหนังสือการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นคู่มือให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศใช้ศึกษาและเป็นแนวทางปฏิบัติงาน รวมทั้งประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ นอกจากนี้ ได้นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เช่น ระบบการเตือนภัยและติดตามสถานการณ์น้ำ โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเพื่อการจัดการน้ำ และการปรับปรุงจัดการน้ำในระดับเมือง และระดับชุมชน ๒. การดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนา และตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนต่ำเพื่อสกัดน้ำมันปาล์มดิบจำหน่าย และนำผลพลอยได้ไปใช้ประโยชน์พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของสมาชิกสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ได้รับประโยชน์จำนวน ๓,๙๘๐ ครัวเรือน ส่วนสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ได้จัดทำโครงการปรับปรุงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งนี้ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์ใช้น้ำมันปาล์มดิบในการทอดผลปาล์มตามกระบวนการผลิตเฉลี่ย ๔๐๐ ลิตร/รอบการผลิต สหกรณ์จึงมีโครงการผลิตไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนโดยใช้น้ำมันปาล์มดิบที่ใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบ ๓. การดำเนินงานตามโครงการจัดพัฒนาที่ดินฯ ตามพระราชประสงค์หุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพงได้ดำเนินการการปฏิรูปที่ดินโดยการพัฒนาที่ดินว่างเปล่า จัดสรรให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินในการเพาะปลูกเป็นของตนเองประกอบอาชีพตามวิธีการเกษตรแผนใหม่ แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน และได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรโดยใช้หลักและวิธีการสหกรณ์แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับสมาชิกตั้งแต่เริ่มการผลิตจนถึงการจำหน่ายออกสู่ตลาด ส่วนสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเลี้ยงไก่ไข่ระบบปิด โครงการปลูกป่านศรนารายณ์ โครงการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง โครงการสวนทับทิมไทย-อิสราเอล เป็นต้น สำหรับปัญหาเรื่องน้ำ การประกอบอาชีพ สังคมและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทานได้ดำเนินการขุดลอกเพื่อขยายความจุของอ่างเก็บน้ำ การขอรับการสนับสนุนการทำฝนหลวงในพื้นที่ รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
5915 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทาน พระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (การจัดทำแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย การดำเนินการศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และโครงการระบบโทรมาตรโครงการเครือข่ายสถานีฝนอัตโนมัติ) | ทก | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทาน พระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ดังนี้
๑. สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้จัดทำแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ และจัดประชุมระดมความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีแผนการดำเนินงานในการจัดตั้งกลไกในการบริหารจัดการระบบสถิติ การส่งเสริมความรู้ในการบริหารระบบสถิติของประเทศ และการจัดทำมาตรฐานสถิติ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทฯ โดยใช้งบประมาณของ สสช. พร้อมทั้งให้รับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย ๒. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ดำเนินการวิเคราะห์ภูมิอากาศในอนาคต นอกเหนือจากภารกิจที่ทำอยู่เป็นประจำ และได้ทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโดยการประมวลผลภูมิอากาศในอนาคตจากสถานการณ์จำลอง ภูมิอากาศโลก (Climate secnario) แบบ A2 (มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย) ด้วยแบบจำลองการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศ PRECIS (Porviding Regional Climate for Impact Studies) คาดการณ์ภูมิอากาศในอดีตและอนาคตตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๖๔๓ และนำมาเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัดจริงของสถานีตรวจอากาศอุตุนิยมวิทยาทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๕๒ ๓. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ดำเนินการโครงการระบบโทรมาตรโครงการเครือข่ายสถานีฝนอัตโนมัติ โดยทำการติดตั้งสถานีฝนอัตโนมัติทั้งประเทศ จำนวน ๘๒๐ สถานี แล้วส่งข้อมูลเข้าศูนย์ปฏิบัติการระบบโทรมาตร อันเป็นการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังและการเตือนภัยด้านน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหล และน้ำล้นตลิ่งให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เกิดการบูรณาการข้อมูลด้านน้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ด้านการเตือนภัย มีข้อมูลเพื่อการบริหารทรัพยากรน้ำ การวางแผนและตัดสินใจของผู้บริหารประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
5916 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ 7) | วธ | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ ๗) ดังนี้
๑. ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๑.๑. ดำเนินการขนย้ายหนังสือและสิ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๑.๒ จัดทำแผนพัฒนางานสารสนเทศ สำนักหอสรมุดแห่งชาติ และได้รับอนุมัติจากกรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เพื่อของบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ออกแบบรูปรายการในการปรับปรุงอาคารหอสมุดแห่งชาติหลังเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อของบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ดำเนินการประมูลการจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัท เอนแอลดิเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาต่ำสุด และได้ทำสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๒ ในวงเงิน ๔๓๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณที่ใช้จ่ายเฉพาะภารกิจสร้างอาคาร ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๑๑๒,๕๔๐,๐๐๐ บาท ๓. ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ (ดำเนินการก่อสร้างอาคาร) โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ความก้าวหน้าของงานตามแผน ร้อยละ ๗.๙๙ ทำได้จริง ร้อยละ ๔.๕๐ งบประมาณที่ใช้จ่าย จำนวน ๕๖,๔๖๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ - ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ความก้าวหน้าของงานตามแผน ร้อยละ ๖๐ ทำได้จริง ๔๓.๐๙ งบประมาณที่ใช้จ่าย จำนวน ๒๖๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
5917 | ขอแก้ไขเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแนวทางการดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรี ของ ธ.ก.ส. | กค | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกข้อความของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอความเห็นชอบแนวทางดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีของ ธ.ก.ส.) ตามข้อ ๓.๑.๑ ของหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๑๐๐๖/๑๙๐๔ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ “๓.๑.๑ สำนักงาน กฟก. ควรหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ในการแก้ไขหนี้ของลูกหนี้ เพื่อให้มีการกลั่นกรองความเหมาะสมของเกษตรกรที่สมควรได้รับการแก้ไขตามพระราชบัญญัติ กฟก. พ.ศ. ๒๕๔๒” ๒. เห็นชอบในหลักการให้เกษตรกร จำนวน ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ ๑ เกษตรกรที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวนประมาณ ๘๐,๐๐๐ ราย กลุ่มที่ ๒ เกษตรกรที่อาจจะเป็นหรือไม่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรแต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหนี้ จำนวนประมาณ ๓๕๐,๐๐๐ ราย และกลุ่มที่ ๓ เกษตรกรลูกหนี้สถาบันการเงินอื่น สหกรณ์ฯ และนิติบุคคลที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกำหนด จำนวนประมาณ ๘๐,๐๐๐ ราย ที่เสียชีวิต พิการ หรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ให้จำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในรายละเอียดต่าง ๆ ร่วมกับสำนักงบประมาณและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเกี่ยวกับวงเงินค่าใช้จ่ายและการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
|
||||||||||||||||||||||||
5918 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และจัดส่งแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ให้หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานที่ร่วมบูรณาการตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้ง ๘๑ หน่วยงาน พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ไปสู่การปฏิบัติ โดยให้นำแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ไปบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนินการครบถ้วนทุกประการแล้ว ดังนี้ ๒.๑ ขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ได้บูรณาการร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศแล้ว ซึ่งได้แจ้งว่าไม่มีแผนงาน/โครงการที่รองรับกิจกรรมตามแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ ๕ ปี) แต่ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มขีดความสามารถหากเกิดภัยพิบัติขึ้น ๒.๒ จัดทำคู่มือเตรียมความพร้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิของชุมชน และคู่มือชาวบ้านการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากคลื่นสึนามิ โดยแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยคลื่นสึนามิ ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ๒.๓ กำหนดบรรจุโครงการสร้างระบบประเมินการเกิดคลื่นสึนามิและบูรณาการระบบการเตือนภัยคลื่นสึนามิของประเทศไทย วงเงิน ๖๗ ล้านบาท ไว้ในแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ โดยจะขอตั้งงบประมาณดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ |
||||||||||||||||||||||||
5919 | ขออนุมัติปรับรูปแบบโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 | ศธ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการปรับรูปแบบการดำเนินงานและจำนวนทุนโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๐) โดยปรับรูปแบบการดำเนินงานและจำนวนทุนการผลิตครู สควค. เป็น ๒ ประเภท ได้แก่ ทุนประเภทที่ ๑ Premium จำนวนปีละ ๔๐๐ ทุน และทุนประเภทที่ ๒ Super Premium จำนวนปีละ ๑๘๐ ทุน เพื่อผลิตครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยในส่วนของวงเงินค่าใช้จ่ายของโครงการจำนวนประมาณ ๔,๓๘๘,๕๙๔,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงบประมาณกำหนด โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ว่างจากการเกษียณอายุของข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาของโครงการ สควค. ทุกคน ควรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่ให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) จัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ว่างจากการเกษียณอายุของข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ ในแต่ละปีสำหรับบรรจุครู สควค. โดยต้องไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุนประเภทที่ ๒ Super Premium เพื่อผลิตครูที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน ต้องใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายสูง และอาจเป็นภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต กระทรวงศึกษาธิการควรคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นในการผลิตครูประเภทนี้ และควรมีการบริหารจัดการโดยวิธีการอื่น เช่น การสรรหาบุคลากรด้านการสอนจากภายนอกเพื่อให้ได้ครูที่มีทักษะใช้สื่อภาษาอังกฤษในการสอนที่เพียงพอต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดส่งรายละเอียด เหตุผลความจำเป็นให้ คปร. พิจารณาจัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการที่ว่างจากผลการเกษียณอายุเป็นรายปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5920 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลและการศึกษาปริมาณการสูบน้ำบาดาลในระดับที่ยอมรับได้ว่าปลอดภัย (Safe Yield) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในภาคอุตสาหกรรมไทย | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลและการศึกษาปริมาณการสูบน้ำบาดาลในระดับที่ยอมรับได้ว่าปลอดภัย (Safe Yield) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในภาคอุตสาหกรรมไทย ดังนี้
๑. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาโครงการที่จะได้รับการช่วยเหลือและอุดหนุนจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณา และเมื่อกระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วจะได้เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนาม ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ๒. กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เชิญผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุมหารือ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการจัดทำแผนการบริหารเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ซึ่งที่ประชุมได้มีมติร่วมกันให้ใช้ผลการสำรวจที่เคยมีการศึกษามาแล้วโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาทำการศึกษาและเปรียบเทียบใหม่ต่อไป ๓. โครงการศึกษาเพื่อการกำหนดค่า Safe Yield รายอำเภอในพื้นที่วิกฤตการณ์น้ำบาล ได้ดำเนินการปรับแบบจำลองในขั้นต้นและในภาพรวมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปจะเริ่มทดลองคำนวณค่า Safe Yield รายอำเภอเบื้องต้นบนพื้นฐานการควบคุมระดับน้ำไม่ให้ต่ำกว่าระดับ ๓๐ เมตร ใน ๓ ชั้นน้ำบาดาลตอนบน โดยจะเริ่มดำเนินการคำนวณแบบจำลองการทรุดตัวของแผ่นดินควบคู่กันไป
|
.....