ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 297 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 5921 - 5940 จากข้อมูลทั้งหมด 11339 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5921 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กรอบวงเงินในการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กรอบวงเงินในการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว โดยกระทรวงการคลังรายงานว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ กรมการค้าภายใน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ซึ่งได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าว โดยให้ธนาคารเบิกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ภายในวงเงิน ๖๘๖ ล้านบาท) และได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบและดำเนินการต่อไปด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5922 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยศัตรูพืชระบาด (เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล) ปี 2553 | กษ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยศัตรูพืชระบาด (เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล) ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังนี้
๑. ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยศัตรูพืชระบาด (เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล) จำนวน ๔๒,๗๓๔ ราย ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ กาญจนบุรี พิจิตร พิษณุโลก ลพบุรี นครสวรรค์ และพระนครศรีอยุธยา คิดเป็นพื้นที่การเกษตรที่เสียหาย จำนวน ๘๑๘,๖๗๙.๗๕ ไร่ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๙๖,๑๑๙,๙๒๘.๕๐ บาท โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ๒. ตรวจสอบหลักฐานการยืนยันความเสียหายจากภัยศัตรูพืชระบาดของเกษตรกร พบว่า ไม่ซ้ำซ้อนกับกรณีการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก |
||||||||||||||||||||||||||||||
5923 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 พ.ศ. .... | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม โดยได้มีการพิจารณาทบทวนรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกโครงการหรือรายการที่เป็นงบลงทุนตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความเสียหายและมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ จำนวน ๙,๙๐๐ ล้านบาท รวมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและโครงสร้างแผนงานเพื่อรองรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ และแผนงานฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยพิบัติ ทั้งนี้ รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๘๔,๑๔๒.๖ ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๕,๙๕๗.๔ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยยังชีพผู้พิการหรือทุพพลภาพ และงบประมาณรายจ่ายสำหรับส่วนราชการในการฟื้นฟูความเสียหายและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ จำนวน ๙,๙๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... พร้อมเอกสารงบประมาณ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงานและระยะเวลาที่ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับข้อพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ แล้ว ๑.๔ คำของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานนั้น ๆ ๒. ให้นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5924 | ขอความเห็นชอบแนวทางดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีของ ธ.ก.ส. | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของหน่วยงาน และเห็นชอบแนวทางดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธ.ก.ส. ตามมติคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแนวทางการดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธ.ก.ส . มีดังนี้ ๑.๑ การนำข้อบังคับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่แก้ไขเพิ่มเติมไปถือปฏิบัติกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ ให้ถือว่าการดำเนินการส่วนนี้ให้ถือเป็นงบการเงินตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account) ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง เพื่อดูแลความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรดังกล่าว ๑.๒ กรณีเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่อาจจะเป็นหรือไม่เป็นสมาชิก กฟก. แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหนี้กับ กฟก. ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ขอให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามแนวทางของ ธ.ก.ส. ที่ปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับเพิ่มเติม ๒. สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ เท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5925 | ขออนุมัติใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และขอกันเขตพื้นที่ออกจากพื้นที่ป่า เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรม | อก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมบริเวณเขาหนองโอ่ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๘ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดชั้นของป่าต้นน้ำลำธารและการทำเหมืองในพื้นที่ป่าปิด) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปดำเนินการให้ผู้ได้รับอนุญาตประทานบัตรจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนก่อนดำเนินการต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของราษฎรในพื้นที่ และความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการพิจารณาเพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดไว้ และเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่กับประชาชน รวมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และให้มีกองทุนสุขภาพอนามัยในช่วงการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อประกันความเสี่ยงสุขภาพของพนักงานและราษฎรบริเวณใกล้เคียง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. กรณีการขออนุมัติใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ๑ บีอาร์ บริเวณเขาคลองโกน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนและตรวจสอบข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศิลปากร อีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5926 | ระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ในการประชุม ค.ต.ป. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการจัดทำตัวชี้วัดการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๑ กันยายน ๒๕๕๓) รวมทั้งข้อเสนอของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เสนอต่อที่ประชุมปลัดกระทรวงเกี่ยวกับระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ [Government Evaluation System (GES)] ทั้งนี้ เมื่อดำเนินงานตามระบบประเมินผลดังกล่าวในส่วนราชการแล้ว ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาปรับใช้ในการประเมินผลของจังหวัดและองค์การมหาชนต่อไป ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ค.ต.ป. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการระบบสารสนเทศฐานข้อมูลกลางทั้งข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวชี้วัดตามระบบการประเมินผลแบบบูรณาการ ควรให้หน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการทั้งในการทดสอบและนำร่องดำเนินงานเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในทางปฏิบัติ ส่วนแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการเพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี การเลื่อนเงินเดือน และการจัดสรรเงินรางวัล เห็นควรหารือรายละเอียดในประเด็นของหลักการ แนวทางการดำเนินการ ตลอดจนความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะนำระบบฯ ไปให้ส่วนราชการดำเนินการ สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ควรให้มีการดำเนินการทดสอบและนำร่องการดำเนินงานตามระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการไปก่อน จากนั้นจึงดำเนินงานเต็มรูปแบบ และขยายการดำเนินงานตามระบบประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการนำไปปรับใช้ในการประเมินผลของจังหวัดและองค์การมหาชนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีกลไกการบริหารจัดการฐานข้อมูลกลางของหน่วยงานภาครัฐและการเชื่อมโยงระบบเครือข่าย เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยงานและฐานข้อมูลกลางอย่างเต็่มประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5927 | ผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกระทรวงมหาดไทย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการบริหารจัดการระบบตามโครงการฯ รายงานว่า ขณะนี้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ทำสัญญาจ้างโครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้กับบริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ให้ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
5928 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ แก้ไขคำนิยามของ “รัฐวิสาหกิจ” และ “การอุดหนุนทางการเงิน” ๑.๒ ปรับปรุงตำแหน่งกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๓ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๔ ปรับปรุงการกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ ๑.๕ กำหนดขั้นตอนการขอรับและพิจารณาเงินอุดหนุนของรัฐวิสหากิจ ๑.๖ กำหนดให้รัฐวิสาหกิจจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะตามที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาปรับปรุงร่างระเบียบฯ ให้สอดคล้องกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ ที่ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่ามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในเรื่องใดที่เป็นบริการสังคมของรัฐวิสาหกิจ ก็อาจปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (PSO) ต่อไป โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการพิจารณาบริการสาธารณะที่เป็นนโยบายพิเศษของรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากการให้บริการสาธารณะที่ดำเนินการเป็นประจำทุกปี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจ ควรกำหนดเพิ่มเติมให้รัฐวิสาหกิจต้องจัดทำข้อเสนอที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยเคร่งครัด และควรกำหนดกรอบระยะเวลาการยื่นข้อเสนอของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นเป็นให้ยื่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๓ เดือน ก่อนเริ่มปีงบประมาณ รวมทั้งการขอรับเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกรณีค่าใช้จ่ายจากการให้บริการสาธารณะ ควรระบุเพิ่มเติมให้ชัดเจนเฉพาะกรณีที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถควบคุมได้เท่านั้น นอกจากนี้ การจ่ายเงินชดเชยผลขาดทุนให้แก่รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะในรูปของเงินงบประมาณตามจำนวนของส่วนต่างของราคาค่าบริการกับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ควรคำนึงถึงต้นทุนที่เป็นมาตรฐานที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5929 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | กค | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง วาระแห่งชาติการส่งเสริมคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตของคนไทยและโครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ) ซึ่งกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ และวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยมีประเด็นข้อหารือรวม ๔ ประเด็นคือ การกำหนดราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ การกำหนดราคามาตรฐานครุภัณฑ์และมาตรฐานสิ่งก่อสร้าง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดหาพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ และการจ้างที่ปรึกษา ๑.๒ อนุมัติให้มีการทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันโดยกำหนดให้ในกรณีที่หัวหน้าหน่วยงานได้ให้ความเห็นชอบราคากลางงานก่อสร้างที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางของหน่วยงานได้คำนวณไว้แล้วและยังไม่ประกาศสอบราคา ประกาศประกวดราคา หรือประกาศร่าง TOR ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่หัวหน้าหน่วยงานได้ให้ความเห็นชอบให้หัวหน้าหน่วยงานสั่งการให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางที่คำนวณราคากลางงานก่อสร้างของหน่วยงานนั้นพิจารณาทบทวนราคากลางใหม่ให้มีความเป็นปัจจุบัน และนำเสนอหัวหน้าหน่วยงานพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการประกาศสอบราคา ประกาศประกวดราคา หรือประกาศร่าง TOR อีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับหลักเกณฑ์และตรวจสอบราคากลางงานก่อสร้าง ทำหน้าที่ในระดับปฏิบัติแทนคณะอนุกรรมการกำกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง กับคณะอนุกรรมการกำกับนโยบายการตรวจสอบราคากลางงานก่อสร้างต่อไป โดยคณะกรรมการกำกับหลักเกณฑ์และตรวจสอบราคากลางงานก่อสร้าง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมเป็นปัจจุบันและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง รวมทั้งให้พิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ้างที่ปรึกษาออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างให้เหมาะสม โดยอาจพิจารณากำหนดปริมาณและจำนวนงานที่บริษัทที่ปรึกษาจะรับผิดชอบดำเนินการในคราวเดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลสูงสุด และการพิจารณากลไกที่จะไม่ให้บริษัทที่ปรึกษาเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทที่ทำการก่อสร้างให้ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||
5930 | ผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต เกาะพระทอง จังหวัดพังงา) | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต เกาะพระทอง จังหวัดพังงา) ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้รับผิดชอบ ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา ส่วนโครงการขยายเขตติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เกาะต่าง ๆ (เกาะปันหยี จังหวัดพังงา) อยู่ในขั้นตอนขออนุญาตกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5931 | การดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ปี 2553 | มท | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง เงินค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ที่ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนการจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามขั้นตอนเดิม โดยจังหวัดโอนเงินไปให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จากนั้น อบจ. โอนให้สาธารณสุขจังหวัด เพื่อจะได้จัดสรรให้ อสม. ต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ปี ๒๕๕๓ โดยไม่รวมอยู่ในงบประมาณที่อยู่ในสัดส่วนของเงินอุดหนุนที่รัฐต้องจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5932 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายซึ่งมิใช่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย พ.ศ. .... | มท | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายซึ่งมิใช่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ ให้ผู้อำนวยการท้องถิ่นหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุงเทพมหานครแห่งพื้นที่ที่ทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่รายงานต่อผู้อำนวยการจังหวัดหรือผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร เมื่อเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้เสียหายจากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๑.๒ กรณีที่ผู้เสียหายมิได้อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เสียหายและทรัพย์สินที่เสียหาย ผู้เสียหายนั้นอาจร้องขอชดเชยความเสียหายต่อผู้อำนวยการท้องถิ่นหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุงเทพมหานครแห่งพื้นที่ที่ทรัพย์สินของผู้เสียหายตั้งอยู่ ๑.๓ ให้คณะกรรมการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง หากไม่อาจดำเนินการได้ทันภายในกำหนดจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งทราบเพื่อพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสามสิบวัน ๑.๔ ให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าชดเชยความเสียหายโดยคำนึงถึงสภาพของทรัพย์สิน ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด หรือเทียบราคาที่อ้างอิงจากราคากลางที่ทางราชการกำหนดตามที่เป็นอยู่ในวันที่เกิดความเสียหาย การเสื่อมราคาจากการใช้ การที่ทางราชการได้บรรเทาหรือแก้ไขความเสียหายไปแล้ว และปัจจัยอื่นที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรม โดยนำหลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินที่ต้องเรียกชดใช้ตามความรับผิดทางละเมิดตามที่กระทรวงการคลังกำหนดมาใช้โดยอนุโลม ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดกรณีเมื่อผู้มีอำนาจแต่งตั้งวินิจฉัยความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นจำนวนเท่าใดแล้ว ให้จังหวัดหรือกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้เสียหายนั้น โดยให้ใช้เงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นั้น เป็นการจ่ายเงินจากงบกลาง ซึ่งรายการเงินสำรองจ่ายฯ เป็นค่าใช้จ่ายที่จัดสรรสำรองให้สำหรับกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่สามารถกำหนดเป้าหมายและวงเงินค่าใช้จ่ายเป็นการล่วงหน้าได้ เมื่อส่วนราชการฯ มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ จะต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ งบประมาณที่จะนำไปชดเชยความเสียหายดังกล่าวไม่ควรกำหนดให้ใช้เฉพาะจากงบประมาณแผ่นดินที่เป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ แต่ควรกำหนดให้สามารถใช้จากงบประมาณของส่วนราชการและเงินจากแหล่งอื่นด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5933 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 7 | ศธ | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ ๗ (พฤษภาคม - พฤศจิกายน ๒๕๕๓) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สกอ. ได้ดำเนินการโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุน แยกเป็น ทุนในประเทศ โดยประสานสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นสถาบันฝ่ายผลิตให้จัดส่งรายละเอียดพร้อมหลักฐานของนักเรียนทุนทุกระดับ และทุนในต่างประเทศ โดยประสานสำนักงาน ก.พ. และโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนเพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับนักเรียนทุนโครงการฯ ที่พร้อมจะเดินทางไปศึกษาได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยยาน ๒๕๕๓ จำนวน ๓๗ คน ประกอบด้วย ระดับปริญญาตรี ๔ คน และระดับปริญญาโท - เอก ๓๓ คน จากนักเรียนทุน ๖๑ คน ๑.๒ สกอ. ได้พิจารณาจัดสรรทุนที่เหลือจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยนำทุนที่เหลือจากการสอบแข่งขันฯ และงบประมาณของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มารวมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อพิจารณาจัดสรรทุนและประกาศสอบแข่งขันเพื่อรับทุนโครงการฯ ปีการศึกษา ๒๕๕๓ - -๒๕๕๔ ในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท - เอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทุนระดับปริญญาตรี - โทในต่างประเทศ โดยการพิจารณาจัดสรรทุนในปีการศึกษา ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ เพื่อให้ได้สาขาวิชาที่มีความจำเป็น หรือขาดแคลน หรือเป็นสาขาวิชาที่ตอบสนองการพัฒนาศักยภาพของสถาบันอุดมศึกษา รวม ๑๙๖ ทุน ซึ่งผลการสอบแข่งขัน มีผู้สนใจสมัครสอบ จำนวน ๗๐๕ คน มีผู้สอบผ่านเพื่อรับทุนโครงการฯ จำนวน ๘๕ คน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีทุกสิ้นปีงบประมาณจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5934 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. 2553 - 2557 | กษ | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ ดังนี้
๑. พัฒนาฟาร์มสุกรให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานฟาร์ม ๓,๙๕๘ ฟาร์ม ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ส่งเสริมความรู้การจัดการของเสียในฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต จำนวน ๑,๘๙๓ ฟาร์ม ๓. ฟาร์มสุกรในพื้นที่สำนักสุขศาสตร์และสุขอนามัยที่ ๒ ได้รับการรับรองปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย จำนวน ๑๓๙ ฟาร์ม จากฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการ ๖๘๘ ฟาร์ม ๔. พัฒนาสถานที่จำหน่ายเนื้อสุกรต้นแบบที่สะอาดในตลาดสด จำนวน ๑๙๑ แห่ง ๕. ผู้ประกอบการโรงฆ่าสุกรในประเทศมีใบอนุญาต (ฆจส.๒) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๕๓๗ แห่ง ๖. กรมปศุสัตว์รับรองโรงอาหารสัตว์สำหรับสุกรผ่าน GMP จำนวน ๓๒ แห่ง และผ่าน HACCP จำนวน ๒๙ แห่ง ๗. คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์ เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... แทนฉบับเดิมที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ๘. ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข เนื่องจากขั้นตอนการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้เสร็จสิ้นแล้ว และในช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในการดำเนินงานตามแผนพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5935 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่าง FAO กับรัฐบาลไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม FAO COFI Sub-Committee on Aquaculture สมัยที่ 5 | กษ | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) กับรัฐบาลไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (FAO COFI Sub-Committee on Aquaculture) สมัยที่ ๕ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับมอบอำนาจเต็ม (Full Power) จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ยอมรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ และดำเนินการตามบันทึกความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย และ FAO สำหรับการประชุมฯ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้จัดประชุม ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน - ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ จังหวัดภูเก็ต และได้ดำเนินงานตามหนังสือแลกเปลี่ยนและบันทึกความรับผิดชอบฯ เป็นที่เรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ด้วยดี สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมรวมทั้งสิ้น ๙,๗๓๔,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5936 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 28 กันยายน 2553 [เรื่อง การยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย] | กษ | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียน จากองค์กรส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สรุปได้ ดังนี้
๑. อ.ส.ค. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมบัญชีกลาง เพื่อพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจเพื่อพิจารณาเห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ และวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ให้กับกรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนสำหรับภาคเรียนที่ ๒/๒๕๕๓ และก่อนปิดภาคเรียนที่ ๒/๒๕๕๓ ซึ่งปฏิบัติไปตามแนวทางการปฏิบัติเดิม เนื่องจากได้ดำเนินการจัดซื้อไปก่อนแล้ว ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้ชี้แจงว่า กรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีโดยจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจาก อ.ส.ค. ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ส่วนการจัดซื้อก่อนวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เป็นดุลยพินิจของหน่วยงานจัดซื้อที่จะปฏิบัติตามแนวทางเดิมได้ โดยให้ อ.ส.ค. แจ้งความจำนงพร้อมข้อมูลประกอบการพิจารณาให้ชัดเจนว่าประสงค์จะขอผ่อนผันสำหรับการจัดซื้อจำนวนกี่ครั้ง และแต่ละครั้งมีวงเงินเท่าใด ๒. คณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนได้พิจารณาตามข้อ ๑ และมีมติให้กรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความประสงค์จะขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีจัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของกรมบัญชีกลางให้ อ.ส.ค. ดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5937 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยามคำว่า “กระทรวง” “สภาวิชาการ” “วิทยาเขต” “คณะ” “บัณฑิตวิทยาลัย” “สำนัก” เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ๑.๒ กำหนดให้สภาสถาบันการพลศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของสถาบันตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ๑.๓ กำหนดให้สถาบันการพลศึกษาเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๑.๔ กำหนดเพิ่มบัณฑิตวิทยาลัยเป็นส่วนราชการในสถาบันการพลศึกษา เพื่อยกฐานะให้สถาบันการพลศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างหลากหลายสาขา และสามารถจัดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นได้ ๑.๕ แก้ไของค์ประกอบของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้อธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการสภาสถาบันโดยตำแหน่ง และให้สภาสถาบันแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหนึ่งซึ่งมิใช่กรรมการสภาสถาบัน เป็นกรรมการและเลขานุการสภาสถาบันโดยคำแนะนำของอธิการบดี ๑.๖ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอนุมัติหลักสูตรการศึกษาของสถาบัน การแต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี รองอธิการบดีประจำวิทยาเขต ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี คณบดี หัวหน้าส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ฯลฯ รวมทั้งวางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบัน ๑.๗ แก้ไขวิธีการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบัน และการพ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งแก้ไขคุณสมบัติของอธิการบดี รองอธิการบดี และรองอธิการบดีประจำวิทยาเขต ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้สภาสถาบันการพลศึกษาวางระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการเงินโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของส่วนราชการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนการกำหนดให้สถาบันพลศึกษาเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เห็นควรนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ที่ให้ระงับการจัดตั้งหรือขยายหน่วยงาน มาประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย นอกจากนี้ บทบัญญัติมาตรา ๗ วรรคสอง ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติฯ ที่บัญญัติว่า “ให้สถาบันการพลศึกษามีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” นั้น โดยผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ สถาบันการพลศึกษามีสถานะเป็นส่วนราชการ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงไม่จำเป็นต้องมีข้อความตอนท้ายที่บัญญัติให้สถาบันเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณอีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
5938 | ความคืบหน้ากรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเสนอความคืบหน้ากรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย โดยได้มีการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อขอทราบขั้นตอนการดำเนินงานและแนวทางในการผนวกกรอบยุทธศาสตร์ฯ เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายแล้ว สำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ ได้จัดประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. เร่งรัดการดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบยุทธศาสตร์ฯ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและระดมความเห็นต่อการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ๒. คัดเลือกดำเนินการประเด็นที่มีความสำคัญก่อน ๓. ตั้งคณะกรรมการหรืออนุกรรมการภายใต้บริบทของพระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารแห่งชาติเพื่อบริหารจัดการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่เลือกดำเนินการ ๔. กำหนดตัวชี้วัด (KPI) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติหรือพิจารณาเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่แล้วได้อย่างชัดเจน และสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ ๕. พัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับกรอบยุทธศาสตร์ฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||
5939 | ความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2556)(รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552-2556) | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖) สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้ดำเนินการจัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือนจากการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการตำรวจ และได้มีมติจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยคำนึงถึงความจำเป็นของส่วนราชการแต่ละประเภท ประเภทของภารกิจ และประเภทตำแหน่ง ดังนี้ จัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือนคืนให้ส่วนราชการทั้งหมด รวม ๒,๓๖๘ อัตรา โดยพิจารณาเกลี่ยกำลังคนตามความจำเป็นของส่วนราชการ จัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจคืนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด รวม ๒,๐๓๓ อัตรา เพื่อเกลี่ยเป็นอัตรากำลังตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการ คปร. กำหนด และจัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนให้กระทรวงศึกษาธิการทั้งหมด รวม ๔,๖๓๙ อัตรา สำหรับการยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำ คปร. ได้ยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำที่ว่างจากการเกษียณอายุและว่างระหว่างปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ รวม ๙,๐๐๐ อัตรา จำแนกเป็นยุบเลิกจากอัตราว่างจากการเกษียณอายุ จำนวน ๖,๘๗๗ อัตรา และอัตราว่างระหว่างปี จำนวน ๒,๑๒๓ อัตรา ๒. มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๒.๑ ยุทธศาสตร์การบริหารกำลังคนให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภารกิจ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการศึกษาทบทวนการใช้กำลังคนเพื่อปรับรูปแบบการจ้างงานและวางแผนปรับเปลี่ยนการใช้กำลังคนในส่วนราชการ เพื่อสำรวจข้อมูลการใช้กำลังคนภาครัฐประเภทต่าง ๆ (ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ) ในส่วนราชการ เพื่อเสนอแนะรูปแบบการใช้กำลังคนให้เหมาะสมกับภารกิจ ๒.๒ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการวางแผนและติดตามประเมินผลการใช้กำลังคน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาแนวทาง วิธีการ และเครื่องมือสำหรับการวางแผนกำลังคนในส่วนราชการ ๒.๓ ยุทธศาสตร์การพัฒนาผลิตภาพและความคุ้มค่าของกำลังคนภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้สำหรับนำไปประกอบการกำหนดแนวทาง วิธีการ และเครื่องมือสำหรับการประเมินและพัฒนาผลิตภาพกำลังคน เพื่อให้ส่วนราชการใช้กำลังคนอย่างคุ้มค่า ๒.๔ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการบริหารกำลังคน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. มีแผนที่จะปรับปรุงระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคลระดับกรม/จังหวัด โดยมุ่งเน้นความสมบูรณ์ ความครบถ้วน ความถูกต้อง และทันเวลาของข้อมูลข้าราชการพลเรือนสามัญ รวมทั้งพัฒนาและปรับปรุงฐานข้อมูลของพนักงานราชการและลูกจ้างประจำเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวางแผนกำลังคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ส่งเสริมให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารและประเมินผลการปฏิบัติราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5940 | ความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ | มท | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้โอนจัดสรรงบประมาณโดยเบิกจ่ายจากงบเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นเงิน ๑๖๖,๓๐๑,๕๐๐ บาท และเบิกจ่ายจากเงินกันเหลื่อมปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ รายการเงินอุดหนุนสำหรับสิทธิประโยชน์ข้าราชการและลูกจ้างถ่ายโอน (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓) เป็นเงิน ๗๔,๗๕๒,๕๐๐ บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพในงวดที่ ๒ (งวดสุดท้าย) จำนวน ๑ เดือน (เดือนกันยายน ๒๕๕๓) จำนวน ๔๘๒,๑๐๘ คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๔๑,๐๕๔,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....