ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 294 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 5861 - 5880 จากข้อมูลทั้งหมด 11339 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5861 | ความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การพัฒนาระบบการเงินการคลังสุขภาพแห่งชาติ | สช | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การพัฒนาระบบการเงินการคลังสุขภาพแห่งชาติ ดังนี้
๑. นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ๒. คณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๓ และได้ออกระเบียบสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขว่าด้วยการบริหารงานของสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ นอกจากนั้นได้แต่งตั้งให้นายเทียม อังสาชน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ๓. คณะกรรมการอำนวยการฯ ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเสนอรายชื่อคณะกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พร้อมทั้งได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๔. นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ๕. สำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติอยู่ระหว่างเตรียมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติเพื่อเสนอแผนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
5862 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการของรัฐต่อการคิดค่าความเสียหายจากประชาชนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน | ทส | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการของรัฐต่อการคิดค่าความเสียหายจากประชาชนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ไปพิจารณาในรายละเอียดรวมกับเรื่องข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ (เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
5863 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย | พณ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย ดังนี้
๑. โครงการสร้างเว็บไซต์ “ผู้ผลิตผู้บริโภคตื่นตัว (Produce & Consumer Alert) ได้รวบรวมข้อมูลด้านราคา ด้านปริมาณการผลิต ด้านปริมาณพ่อพันธุ์/แม่พันธุ์ และด้านการเคลื่อนย้ายของสินค้าหมู ไก่ ไข่ และกำหนดรูปแบบเว็บไซต์ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างขอบเขตงาน (TOR) ๒. โครงการจัดจำหน่ายไข่ไก่เป็นกิโลกรัม เริ่มดำเนินการวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ในกรุงเทพมหานคร จุดจำหน่ายตลาดสด ๕ แห่ง ห้าง Modern Trade ๒ แห่ง ในภูมิภาค ๔ แห่ง ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อ่างทอง เชียงใหม่ โดยสหกรณ์ไก่ไข่ขายตรงผู้บริโภค ๓. การทบทวนเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า ได้ออกประกาศแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องการกำหนดเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพื่อทำหน้าที่ทบทวนเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดต่อไป ๔. การปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ได้มีการนำเสนอเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า อยู่ระหว่างรอเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๕. ศึกษารูปแบบองค์กรการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าเป็นองค์กรอิสระ ได้จัดทำ TOR เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ ๖. จัดตั้งคณะทำงานติดตามข้อมูล - พฤติกรรม โดยออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและพฤติกรรมทางการค้าของผู้ประกอบการสินค้าไข่ไก่ ไก่เนื้อ และสุกร เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ๗. มาตรการแจ้งปริมาณ/สถานที่เก็บข้าวโพด คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ให้ออกประกาศกำหนดให้แจ้งปริมาณสถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๔ ประกาศเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ -๕๕๔ ๘. ประกาศไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบให้ออกประกาศกำหนดไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุม มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
5864 | การดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด | พณ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินการที่ผ่านมา ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาและศึกษากฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดทำโครงการจัดจ้างออกแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชนออกแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่และเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ รวมถึงการทำการตลาด เพื่อจูงใจภาคเอกชนในการลงทุน และการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี โดยสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดตากได้ดำเนินการยื่นเรื่องเข้าสู่คณะอนุกรรมการพัฒนาที่ดินประจำจังหวัด เพื่อตั้งคณะทำงาน ๒ คณะ ดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์กับประชาชนในพื้นที่คณะหนึ่ง และสำรวจพื้นที่ ๕,๖๐๓ ไร่ ๕๖ งาน ระหว่างตำบลแม่ปะ - ตำบลท่าสายลวด ที่จะใช้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดอีกคณะหนึ่ง ๑.๒ การดำเนินงานขั้นต่อไป ได้แก่ การจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชนออกแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่ เพื่อให้ได้พื้นที่ที่ชัดเจนในการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ศูนย์บริการนำเข้า - ส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ วนอุทยานนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้าทัณฑ์บน โลจิสติกส์พาร์ค ศูนย์ขนถ่ายกระจายสินค้า จุดตรวจปล่อยจุดเดียว พื้นที่สำหรับหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่อาศัย และสวนสาธารณะ รวมทั้งการกำหนดรูปแบบการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด องค์กร และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาวิเคราะห์ของคณะอนุกรรมการฯ ๒. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๔๐,๐๔๔,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการจัดจ้างออกแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยให้หน่วยงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรกำหนดขอบเขตของการดำเนินโครงการให้มีความชัดเจน โดยเน้นถึงผลที่จะได้รับการดำเนินโครงการ ๓ ด้านสำคัญ ได้แก่ การออกแบบการใช้พื้นที่เบื้องต้นของโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ลักษณะการลงทุนและการวิเคราะห์ความคุ้มค่าด้านการเงิน และรูปแบบการบริหารจัดการในส่วนของงบประมาณที่เห็นควรให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งเห็นควรเพิ่มเติมขอบเขตของการดำเนินโครงการครอบคลุมถึงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment) เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และการเตรียมการรองรับผลกระทบดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอทางเลือกในการพัฒนาที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ในการจัดตั้งองค์กรเพื่อบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จะต้องกำหนดขอบเขตภารกิจและอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้มีความชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๔. ให้โครงการจัดจ้างออกแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดดำเนินการเมื่อได้ข้อยุติในเรื่องของพื้นที่ป่าไม้ที่จะใช้ดำเนินการแล้ว โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||
5865 | การรวบรวมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2554 (เพิ่มเติม) | นร | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ/กิจกรรมในความรับผิดชอบของส่วนราชการที่เกี่ยวกับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ (เพิ่มเติม) จำนวน ๘๓ โครงการ/กิจกรรม จาก ๖ หน่วยงาน ดังนี้
๑. กระทรวงการคลัง จำนวน ๒ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราชันย์ และโครงการกรุงไทยต้นกล้าสีขาว ๒. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน ๖ โครงการ/กิจกรรม อาทิ จัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์เชิงรุก สัปดาห์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวามหาราช โครงการเทศกาลโคมไฟ สีสันเมืองใต้ และโครงการสวัสดีเมืองไทย กิจกรรมไหว้พระขอพร ๙ อารามหลวง ไหว้พระประจำรัชกาล และไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ๓. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๕ โครงการ/กิจกรรม อาทิ กิจกรรมนิทรรศการพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ โครงการ “สัปดาห์เศรษฐกิจพอเพียง พระคุณพ่อสูงสุดมหาศาล” และ “ในหลวงกับการปฏิรูปที่ดิน” ๔. กระทรวงแรงงาน จำนวน ๙ โครงการ/กิจกรรม อาทิ โครงการแรงงานไทยร่วมใจปลูกต้นไม้ถวายพ่อ (ชส.) โครงการแรงงานอาสาพัฒนาท้องถิ่นถวายพ่อของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สตป.) ๕. กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๖ โครงการ/กิจกรรม อาทิ โครงการอาสาสมัครป้องกันสถาบัน (อสป.) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โครงการ ๘๔ ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระดับอำเภอต้นแบบ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๖. กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๑๕ โครงการ/กิจกรรม อาทิ โครงการจัดงานนิทรรศการบีโอไอแฟร์ ๒๐๑๑ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โครงการ “ร้อยดวงใจ อุตสาหกรรมไทยทำดีเพื่อพ่อ” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และโครงการรักในหลวง ... ห่วงความปลอดภัย ระยะที่ ๒ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
5866 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมชลประทานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาจ้างงานก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ภายในวงเงิน ๒,๖๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔๐๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒,๒๔๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญและได้เจรจาต่อรองจนถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งให้ดำเนินการกำหนดเงื่อนไขในการจัดหายานพาหนะของผู้ควบคุมงาน เพื่อความคล่องตัวในการควบคุมงาน โดยให้พิจารณาเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานและเป็นไปโดยประหยัดงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
5867 | ข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ 2555 | สช | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แก้ไขตัวเลขวงเงินงบประมาณที่มีความคลาดเคลื่อนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง ข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็น ดังนี้
๑. อนุมัติข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕ รายการ รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑๔๗,๓๙๓,๓๕๓,๘๐๐ บาท ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบอัตราเหมาจ่ายวงเงิน ๑๓๙,๙๕๓,๐๓๔,๘๐๐ บาท (อัตราเหมาจ่ายรายหัว เท่ากับ ๒,๘๙๕.๖๐ บาท ต่อประชากร) สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๔๘,๓๓๓,๐๐๐ คน ทั้งนี้ ไม่รวมจำนวนประชาชนที่จะลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพิ่มขึ้น ๑.๒ อนุมัติงบบริการสุขภาพ สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ จำนวน ๑๕๗,๖๐๐ ราย วงเงิน ๒,๙๔๐,๐๕๕,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติงบบริการทดแทนไต สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำนวน ๒๑,๔๗๖ ราย วงเงิน ๓,๘๕๗,๘๙๓,๐๐๐ บาท ๑.๔ อนุมัติงบบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง) จำนวน ๑,๖๑๔,๒๑๐ ราย วงเงิน ๔๓๗,๘๙๕,๐๐๐ บาท ๑.๕ อนุมัติงบบริการสุขภาพผู้ป่วยจิตเวช จำนวน ๑๒๑,๓๗๐ ราย วงเงิน ๒๐๔,๔๗๖,๐๐๐ บาท ๒. ในการเสนอของบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจัดทำตัวเลขข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงเทียบเคียงกับสมมติฐานของปีที่จะเสนอของงบประมาณ แล้วส่งให้สำนักงบประมาณใช้ประกอบการพิจารณาในการเสนอของบประมาณต่อไป พร้อมทั้งให้เสนอมาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
5868 | ขอเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน เฉพาะทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ไปเป็นของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) | วท | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอนทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รวม ๓ รายการ ได้แก่ สัญญาเลขที่ ๖๐/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๘ จ้างที่ปรึกษาโครงการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ [กิจการร่วมค้า บริษัท อิเล็กโทรวัตต์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิส จำกัด (EWE)] สัญญาเลขที่ ๕๖/๒๕๔๐ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ จ้างเหมาออกแบบและก่อสร้างอาคารเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยพร้อมเครื่องปฏิกรณ์ระบบผลิตไอโซโทปพร้อมอุปกรณ์ ระบบจัดการกากกัมมันตรังสีพร้อมอุปกรณ์ (บริษัท เจนเนอรัล อะตอมมิกส์ จำกัด) และเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย ๑/ปรับปรุงครั้งที่ ๑ (ปปว-๑/๑) ไปเป็นของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๙ มีผลใช้บังคับ (วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๙) และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำกับดูแลและเร่งรัดติดตามการดำเนินการของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรักษาประโยชน์ของรัฐอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
5869 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ | พณ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ ดังนี้
๑. การผลิต ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ได้สรุปสถานการณ์การผลิตปัจจุบัน มีแม่ไก่ไข่ยืนกรง จำนวน ๓๘ - ๓๙ ล้านตัว ปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นในระบบการเลี้ยงไก่ไข่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา ทำให้อัตราการให้ไข่โดยรวมลดลงร้อยละ ๒๐ ส่งผลให้ผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงจากวันละ ๓๐ - ๓๑ ล้านฟอง เหลือวันละ ๒๔ - ๒๕ ล้านฟอง ๒. การตลาด ปริมาณไข่ไก่ที่เข้าสู่ระบบตลาดมีจำนวนลดลง ผู้ประกอบการค้าส่งไข่ไก่ได้รับไข่ไก่ลดลงกว่าปกติ ปริมาณที่ขาดไปเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ ๑๐ - ๓๐ สำหรับด้านการส่งออกไข่ไก่ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ มีการส่งออกไข่ไก่ จำนวน ๗ ล้านฟอง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๗๕ (มกราคม ๒๕๕๓ ส่งออกไข่ไก่ จำนวน ๒๘ ล้านฟอง) โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณไข่ไก่ที่ลดลง ไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ และข้อเสียเปรียบประเทศคู่แข่งในด้านราคา ๓. การดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ มีดังนี้ ๓.๑ กำกับดูแลราคาขายส่งขายปลีก และการเปิดป้ายแสดงราคาขายปลีก โดยติดตามตรวจสอบภาวะการค้า และขอความร่วมมือผู้ค้ากำหนดราคาขายส่งขายปลีกให้สอดคล้องกับภาวะอุปสงค์อุปทานและต้นทุนที่แท้จริง รวมทั้งเผยแพร่ราคาขายปลีกไข่ไก่แนะนำเพื่อเป็นข้อมูลด้านการตลาดให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคทราบ โดยราคาขายปลีกแนะนำสำหรับไข่ไก่ เบอร์ ๒ อยู่ที่ฟองละ ๓.๕๐ บาท และเบอร์ ๓ อยู่ที่ฟองละ ๓.๔๐ บาท และได้ประสานเชื่อมโยงผู้เลี้ยงไก่ไข่นำไข่ไก่ไปจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ภายในงานธงฟ้าที่จัดขึ้นทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ ๓.๒ กำกับดูแล รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการอาหารสัตว์ให้จำหน่ายอาหารสัตว์ในราคาที่สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ๓.๓ การติดตามพฤติกรรมทางการค้า ภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ และการติดตามกำกับดูแลด้านราคา ภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ รวมทั้งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ ด้านการลดค่าครองชีพสินค้า สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ของรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๔ โดยการกำหนดให้ไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุม การกำหนดมาตรการให้ผู้ครอบครองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีปริมาณตั้งแต่ ๕๐ ตันขึ้นไปต้องแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้า และการจัดจำหน่ายไข่ไก่เป็นกิโลกรัม
|
|||||||||||||||||||||||||||
5870 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 กันยายน 2553 (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด) | กษ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรมประมงได้ยกร่างแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทย ระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๘) ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำถึงระดับกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว และจะนำเสนอให้คณะทำงานจัดทำแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยเป็นผู้พิจารณา ๑.๒ ให้กรมประมงร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินจัดทำโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำการศึกษาในฟาร์มเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม และโรงเพาะฟักกุ้งก้ามกราม ๑.๓ ให้กรมประมงรวบรวมข้อมูลจำนวนเกษตรกรและพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำที่มีการใช้ความเค็มในพื้นที่น้ำจืด เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการดำเนินงานและจัดเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ๑.๔ ในการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการด้านการประมง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ประชุมได้พิจารณาการห้ามใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด และรับทราบปัญหาของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งในพื้นที่น้ำจืด โดยให้กรมประมงรวบรวมความเห็นและข้อร้องเรียนเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. ให้ชะลอการดำเนินการศึกษาวิจัยผลกระทบจากการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดไว้ก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||
5871 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การขอยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาโล และเลื่อนสถานะกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล | กต | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง การขอยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาโล และเลื่อนสถานะกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล โดยแก้ไขชื่อเมืองในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เพื่อให้ตรงตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. จาก ยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาโล เป็นสถานกงสุลใหญ่ประจำนครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เป็น ยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาลู เป็นสถานกงสุลใหญ่ประจำนครเซาเปาลู สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ๒. จาก เลื่อนสถานะ นางทรรศนีย์ วันเดอร์ลีย์ วานิค เดอ ซูซา กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เป็น เลื่อนสถานะ นางทรรศนีย์ วันเดอร์ลีย์ วานิค เดอ ซูซา กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาลู เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาลู สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
|
|||||||||||||||||||||||||||
5872 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการ โดยยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ๑.๒ กำหนดให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับกรรมการในคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือโดยประกาศพระบรมราชโองการ หรือโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยรัฐมนตรีเจ้าสังกัดซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบสูง ปฏิบัติงานในด้านการกำหนดนโยบายอันมีผลกระทบต่อการบริหาร เศรษฐกิจ สังคมในภาพรวมของประเทศหรือเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ๑.๓ กำหนดให้อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการตามข้อ ๑.๒ ๑.๔ กำหนดให้เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งตามอัตราเบี้ยประชุมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน เว้นแต่บทบัญญัติของกฎหมาย หรือประกาศพระบรมราชโองการ หรือคำสั่งที่จัดให้มีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้กำหนดให้มีเลขานุการมากกว่าหนึ่งคน ให้เลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน และผู้ช่วยเลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน ๒. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ในส่วนราชการที่คณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้ได้รับค่าตอบแทนหรือเงินสมนาคุณเป็นรายเดือน แทนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... แทน ๓. เห็นชอบอัตราวงเงินเบี้ยประชุมขั้นต่ำและสูงเพื่อกระทรวงการคลังประกาศกำหนด โดยเบี้ยประชุมรายครั้ง อัตราครั้งละ ๘๐๐ บาทถึง ๓,๐๐๐ บาท สำหรับเบี้ยประชุมรายเดือนเห็นควรคงอัตราเดิม คือ อัตราเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗
|
|||||||||||||||||||||||||||
5873 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการพัฒนาศิริราช สู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 7 | ศธ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ ๗ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ในส่วนของอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล อาคารศูนย์วิจัย อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย และงานภายนอกอาคารและงานภูมิสถาปัตยกรรม รวมทั้งจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ - พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น ๒,๔๙๗,๓๑๐,๙๒๗.๑๘ บาท แบ่งเป็นงบประมาณแผ่นดิน ๑,๒๙๑,๘๔๙,๖๐๐.๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ๑,๒๐๕,๓๖๒,๓๒๗.๑๘ บาท สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คาดว่าจะใช้จ่ายงบประมาณ ๑,๙๖๙,๘๔๔,๗๔๖.๕๔ บาท แบ่งเป็นงบประมาณแผ่นดิน ๑,๑๐๘,๐๕๑,๔๐๐.๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ๘๖๑,๗๙๓,๓๔๖.๕๔ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
5874 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2554 | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการ กรอ. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบตามมติคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ และส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ที่เห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ แต่เห็นควรให้มีแนวทาง/มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้ยางพารา เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) ดำเนินการตามแนวทาง/มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้ยางพารา ตามมติคณะทำงานร่วมฯ และแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาตอุตสาหกรรมไม้ทุกประเภท (รวมถึงไม้ยางพารา) ที่ได้ปรับปรุงแล้วเสร็จ ไปปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ และให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้รับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าว และนำไปปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) เร่งรัดการออกระเบียบ ข้อกำหนด และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการจัดทำบัญชีไม้ การกำหนดค่ามาตรฐานในการแปลงค่าน้ำหนักเป็นปริมาตรเพื่อประกอบการจัดทำบัญชีไม้ และปรับปรุงการออกและต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ๑.๒ รับทราบผลการศึกษาการยกเลิกอัตราการนำเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยให้คงอัตราการนำเงินเข้ากองทุนฯ ๕ บาท ต่อกิโลกรัมจนกว่ากองทุนฯ จะชำระหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย) แล้วเสร็จ รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบตามข้อเสนอบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย และให้ สศช. ประสานกับภาคเอกชนเพื่อพิจารณาในรายละเอียดการดำเนินงานต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เต็มตามศักยภาพ รวมทั้งการพัฒนาระบบข้อมูลการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าให้เป็นมาตรฐานสากล และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์และข้อเสนอด้านงบประมาณในการจัดพิมพ์บัตร ตม.๖ ให้เพียงพอ รวมทั้งการปรับปรุงกฎกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบหนังสือเดินทางล่วงหน้าด้วย ๑.๕ รับทราบรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมของพื้นที่มาบตาพุด และให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทำหนังสือพร้อมหลักฐานการส่งข้อมูลแผนแม่บทการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาบนพื้นที่ถมทะเลให้กับคณะกรรมการ ๔ ฝ่าย (ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และนักวิชาการ) ด้วย ๑.๖ รับทราบผลการดำเนินการของกรมศุลกากร ตามมติคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ แนวทางแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ ในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ประชุมได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหานำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการกำหนดหน่วยงานที่เป็น Contact Point ให้ชัดเจน โดยให้ สศช. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. พิจารณาต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ กรณีการขอผ่อนปรนกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หากผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่ามีประเด็นใดที่ต้องมีการทบทวนหรือปรับปรุงแก้ไข ก็ควรระบุให้ชัดเจน เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องตรงกันต่อไป ๒.๒ การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) เนื่องจากปัจจุบันยังมีการใช้ประโยชน์จากความตกลงดังกล่าวค่อนข้างน้อย เช่น ความตกลงการค้าไทย - นิวซีแลนด์ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - อินเดีย เป็นต้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหาแนวทางเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนใช้ประโยชน์ของความตกลงการค้าและลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งควรขยายกรอบของความตกลงการค้าเพื่อให้สามารถขยายขอบเขตการลงทุน ฐานการผลิตในประเทศ และการส่งออก ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
5875 | ความคืบหน้าการใช้งานตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย | ทก | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าการใช้งานตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย โดยหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือในการติดตั้งฟอนต์สารบรรณ และฟอนต์ทั้ง ๑๓ ฟอนต์ ตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย เพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการที่รองรับภาษาไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ปัญหาอุปสรรคในการใช้งาน คือ ตัวอักษรของฟอนต์ TH Sarabun PSK มีลักษณะจางไม่คมชัดในการใช้งานในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ปรับปรุงเพื่อให้สามารถแสดงผลให้คมชัดมากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการทดสอบความสมบูรณ์ก่อนนำฟอนต์ TH Sarabun PSK รุ่นปรับปรุงเผยแพร่ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ นำไปใช้แทนรุ่นเดิมที่มีปัญหา ทั้งนี้ สำนักงานฯ ได้แจ้งวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้หน่วยงานต่าง ๆ โดยผู้ใช้ที่พบปัญหาสามารถตั้งค่าการแสดงผลของระบบปฏิบัติการให้ฟอนต์ TH Sarabun PSK คมชัดขึ้นระดับหนึ่งอันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
5876 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553 | กษ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๓ สรุปผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ การให้ความช่วยเหลือในระยะที่ ๑ ได้มีการจัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยสำรองเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง จำนวน ๑๖,๓๙๐ ตัน และแจ้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อจัดส่งเมล็ดพันธุ์ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ โดยมีการจัดส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวแล้ว จำนวน ๑๐,๗๔๙.๗ ตัน และอยู่ระหว่างจัดส่ง จำนวน ๑,๒๑๓.๔ ตัน รวมเป็นจำนวน ๑๑,๙๖๓.๑ ตัน คาดว่าจะดำเนินการจัดส่งแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นอกจากนี้ ยังมีองค์กรและภาคเอกชนให้การช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรเพิ่มเติม ประกอบด้วย องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จำนวน ๑๒๙.๙ ตัน และสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ๓ จำนวน ๑,๓๘๐.๕ ตัน ๑.๒ การให้ความช่วยเหลือในระยะที่ ๒ เมื่อได้รับข้อมูลจากพื้นที่ครบทุกจังหวัดแล้วจะตรวจสอบรายละเอียดให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ในเรื่องการตรวจสอบจำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าวให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในการรายงานครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
5877 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และขออนุมัติโครงการส่งเสริมการวิจัย การพัฒนานักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และการสงเคราะห์ผู้ป่วย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา | ศธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ เรื่อง ขออนุมัติจัดตั้งศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้ “ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเงินอุดหนุนแก่มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่ออุดหนุนสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นการประจำตามความจำเป็นทุกปี และให้ทุกหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการอนุมัติให้ข้าราชการหรือพนักงานไปทำงานในสถาบันดังกล่าวได้โดยถือว่าไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ” ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมการวิจัย การพัฒนานักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และการสงเคราะห์ผู้ป่วย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสม และจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ ๐๕๐๖/ว(ล) ๒๕๔ ลงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๔ ที่ขอให้ทุกกระทรวงแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ทั้งที่ดำเนินการแล้วและที่จะดำเนินการไปยังรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเพื่อจัดทำสรุปข้อมูลทั้งหมดในภาพรวม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
5878 | การกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจ | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามสรุปผลการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน ก.พ. กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขออนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจ โดยให้มีโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้นหรือเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปีสองขั้นสำหรับผู้มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีเด่นได้ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของจำนวนข้าราชการตำรวจ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยมีสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
๑. ให้เริ่มมีผลใช้บังคับในการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ครั้งวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป เนื่องจากมิได้มีการตั้งงบประมาณรองรับเพื่อการนี้ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับวงรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ๒. กรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือนร้อยละ ๖ จะต้องครอบคลุมการเลื่อนขั้นเงินเดือนและการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ (กรณีผู้ที่เงินเดือนถึงขั้นสูง) ทั้ง ๒ ครั้ง คือ ครั้งวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคม เนื่องจากปัจจุบันการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในครั้งวันที่ ๑ เมษายน ยังไม่ถูกรวมอยู่ในกรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือนร้อยละ ๖ (รวมเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในครั้งที่ ๑ ตุลาคม) ๓. ให้การเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าวมีผลครอบคลุมถึงข้าราชการทหารเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำสำหรับข้าราชการที่เลื่อนขั้นเงินเดือนในระบบโดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกัน (ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ ๑๒ ล้านบาท/เดือน) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนไปใช้หลักการกำหนดขั้นสูงขั้นต่ำเป็นช่วง และนำระบบการเลื่อนเงินเดือนเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญมาปรับใช้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การเลื่อนขั้นเงินเดือนที่กล่าวมาข้างต้นจึงไม่ต้องมีผลใช้บังคับกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
5879 | ร่างพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวกับการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ และบัญชีค่าตอบแทนของประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยปรับเพิ่มบางอัตราและปรับเพิ่มเป็นร้อยละที่แตกต่างกันร้อยละห้าถึงร้อยละสิบ ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตรา ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตรา ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการอัยการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการอัยการ โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตรา ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตรา ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตราสำหรับข้าราชการทุกประเภท ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้ตัดบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจท้ายร่างพระราชกฤษฎีกานี้ออก และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติรับไปดำเนินการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เมื่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๔. ให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติรับร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วไปดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท้ายร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เมื่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๕. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แบบที่ ๑ เป็นกรณีที่แก้ไขตามมติคณะรัฐมนตรีที่ประสงค์จะกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มตามบัญชีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มท้ายพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มตามบัญชีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อได้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในครั้งต่อไป ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงแก้ไขให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้รับเลือกตั้งจากการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปครั้งใหม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ตั้งแต่วันที่เข้ารับหน้าที่เป็นต้นไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๖. ให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติรับร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและประโยชนตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. .... ไปดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติเงินดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เมื่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๗. ให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติรับไปดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอื่น ๆ เมื่อร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
5880 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมชลประทานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาจ้างงานจ้างก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในวงเงิน ๑,๐๘๘,๘๗๖,๒๐๐ บาท โดยใช้งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๗๓,๒๑๒,๕๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๙๑๕,๖๖๓,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน รวมทั้งพิจารณาถึงความเหมาะสมของจำนวนยานพาหนะที่จำเป็นจะต้องใช้กำกับการควบคุมงานของบริษัทที่ปรึกษา เนื่องจากสัญญาจ้างจะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาควบคุมงานก่อสร้าง และให้นำค่าใช้จ่ายที่จะประหยัดได้ไปคำนวณลดจากค่าควบคุมงานและค่าก่อสร้างตามสัดส่วนด้วย นอกจากนี้ ในการกำหนดเงื่อนไขในการจัดหายานพาหนะของผู้รับจ้างให้พิจารณาเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานและเป็นไปโดยประหยัดงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....