คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  23  พฤศจิกายน  2542  เรื่อง  โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร
ครั้งที่  8  (เดือนตุลาคม - ธันวาคม  2544)  คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครง
สร้างภาคเกษตรได้พิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการ รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ วงเงิน 18,911.52 ล้าน
บาท  โดยยกเลิก  1  โครงการ   สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายแล้ว จำนวน  16  โครงการ
วงเงิน 12,139.95 ล้านบาท  ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโครงการส่วนใหญ่จะปรากฏผลลัพธ์ที่เป็นวัตถุสิ่ง
ก่อสร้างตามโครงการ แต่ผลสำเร็จและผลกระทบของกิจกรรมนั้น ๆ  ยังไม่ปรากฏผลต่อกลุ่มเป้าหมาย
จนกว่าสิ่งก่อสร้างต่าง  ๆ   จะเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานแล้ว      สำหรับผลการดำเนินงานตามกรอบ
มาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) รวม 72 รายการ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ  22  รายการ  ส่วนที่
เหลืออีก 50 รายการ ซึ่งประกอบด้วย มาตรการที่เป็นเงื่อนไขการเบิกเงินกู้งวดจูงใจพิเศษ 10 รายการ
 ดำเนินการแล้วเสร็จ 9 รายการ มาตรการที่เป็นเงื่อนไขการเบิกเงินงวดสุดท้าย  11  รายการ  ดำเนิน
การแล้วเสร็จ 6 รายการ และมาตรการที่ไม่เป็นเงื่อนไขการเบิกเงินกู้ 29 รายการ ดำเนินการแล้วเสร็จ
21 รายการ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตร ฯ ได้ส่งเสริมโครงการ/กิจกรรม ที่มีลักษณะบูรณาการ การมี
ส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ   องค์กรชุมชนและเกษตรกร กิจกรรมที่ชัดเจน คือ การกำหนดมาตรการ
ให้เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการชลประทานในโครงการปรับปรุงระบบชลประทาน
มีวัตถุประสงค์สำคัญ  คือ  เพื่อปรับปรุงการส่งน้ำ   การใช้ประโยชน์    และการบำรุงรักษา   ระบบชล
ประทานให้ดีขึ้นสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการชลประทานซึ่งผลการดำเนินงานระยะเริ่มต้นต้อง
เพิ่มการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมนมทั้งระบบ ตามที่กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์เสนอ  โดยในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ มอบให้รองนายก
รัฐมนตรี  (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์)  เป็นประธานกรรมการ   และให้คณะกรรมการ ฯ  นำความเห็น
ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 2  (ฝ่ายเศรษฐกิจ) (เกี่ยวกับการปรับปรุงการอุดหนุนของรัฐให้มีความเหมาะสม เพื่อป้องกันการ
แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการ  ส่วนสถานภาพของคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ ไม่ควรมีสถาน
ภาพที่ถาวร   รวมไปถึงการกำหนดองค์ประกอบและจำนวนกรรมการให้กำหนดในลักษณะกว้าง  ๆ  เป็น
การทั่วไป  โดยไม่ต้องระบุรายชื่อกรรมการ  แต่กำหนดตัวบุคคลผู้มีอำนาจแต่งตั้งไว้  ส่วนปัญหาด้านการ
กระจายอำนาจควรกำหนดให้ชัดเจนหรืออาจมอบอำนาจให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการ
จัดซื้อนม หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่มีคุณค่าทางอาหาร นอกจากนี้ อาจนำหลัก Area Appoach มาใช้ในการแก้
ปัญหา ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดต้นทุนในการผลิตและขนส่งได้) ไปพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้แนวทาง
การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีระบบและยั่งยืน   ทั้งนี้   ให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา
ด้วย  และให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อ
พิจารณาวางระบบและแนวทางในการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการ ฯ และให้ประสานข้อมูล
กับคณะกรรมการ  ฯ   ด้วย    กับให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งทีมงานทั้งใน
ระดับจังหวัดและท้องถิ่น เพื่อติดตามดูแลและประสานงานการดำเนินงานโครงการ ฯ ในจังหวัดให้เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการถ่วงดุลย์และตรวจสอบซึ่งกันและกัน

                        อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  (คกก.4)
ที่มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. .... (ให้มีกฎหมายว่า
ด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของ
ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2542) ที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษาเสนอ    และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.4 และความเห็นของคณะอนุกรรม
การอำนวยการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เกี่ยวกับการกำหนดอัตรา
เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย บทกำหนดโทษทางวินัย  และจำนวน
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย  ไปพิจารณา    แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้
แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป  กับให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่ง
ชาติ (กงช.) รับไปพิจารณาเกี่ยวกับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว โดยพิจารณาให้ครอบคลุม
ข้าราชการทั้งระบบให้เหมาะสม  เป็นธรรม   ทั้งนี้  ให้พิจารณารวมไปถึงเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของ
ข้าราชการครูซึ่งคงจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐ
กิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ระยะที่ 2 (เมษายน - กันยายน 2544)
ของสำนักนายกรัฐมนตรี  โดยมีภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ต้องดำเนินการ  ประกอบด้วย  การพัฒนา
ศักยภาพฃองคนไทย ได้แก่ การเสริมสร้างและพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และสุนทรียภาพทางจิตใจแก่คน
การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการการศึกษาและฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพ   และการพัฒนาศักยภาพ
คนด้านสุขภาพและพลานามัย  การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคน
ได้แก่  การป้องกัน  และแก้ไขปัญหาอาชญากรรม   ยาเสพติด   เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขในสังคม   และ
การเสริมสร้างวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาคนและสังคม  การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและ
ชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน  ชน
บท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการงานพัฒนาทั่วไป การ
พัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต  ได้แก่  การพัฒนาพื้นที่ชุมชน
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ และการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อ
สร้างรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ปรับปรุงบทบาท
ของภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน  การพัฒนาประชารัฐ ได้แก่ การปรับปรุงบท
บาทการบริหารจัดการของส่วนราชการ  และการบริหารจัดการเพื่อการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ  ได้แก่ 
งานวิเคราะห์งบประมาณ  ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ  และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการนำแนวทาง วิธีการ รูปแบบการท่องเที่ยวอย่าง
ยั่งยืนไปดำเนินการให้กว้างขวาง  เสริมสร้างศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา  จัดตั้งองค์กรบริหารจัดการใน
ระบบลุ่มน้ำและส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์  ควบคุมมลพิษ  เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติ
ชุมชน ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนในระบบบำบัดและ
กำจัดของเสีย) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมการปกครองดำเนินการตามโครงการเงินกู้  OECF  เพื่อพัฒนา
และส่งเสริมการท่องเที่ยว ระยะที่ 3 โครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมือง
พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  วงเงิน 
102,474,000 บาท เป็นเงินกู้  73,781,000  บาท  และเงินงบประมาณ  28,693,000  บาท  โดยใน
ส่วนที่เป็นเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2544
จำนวน 12,745,000 บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2545 จำนวน  3,184,000  บาท  และผูกพันงบ
ประมาณปี พ.ศ. 2546 จำนวน 12,764,000 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติ
เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย (กทม.) คงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2540 เรื่อง
กำหนดให้ส่วนราชการที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 250,000 หน่วยต่อเดือน  ซื้อไฟฟ้าในอัตราเดียวกับธุรกิจเอกชนทั่วไป
โดยให้ กทม. รับประเด็นอภิปราย (เกี่ยวกับกรณีของ กทม. ว่า  ควรได้รับความช่วยเหลือ แต่ไม่ควรใช้วิธีการ
ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว กทม. ควรเข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากกอง
ทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป   และให้การไฟฟ้าผ่อนปรนการเรียกเก็บ
เบี้ยปรับกรณีชำระค่าไฟฟ้าเกิน  15  วัน  เป็นเวลา  2  ปี  จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ทั้งนี้  ให้ส่วน
ราชการปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้ทันกำหนดเวลาต่อไป  ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ
นโยบายพลังงานแห่งชาติ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษัตริย์  กับทรัพย์สินของกระทรวงการคลังดำเนินการแลกเปลี่ยนทรัพย์สิน คือ ที่ดินบริเวณ
สวนมิสกวันและคุรุสภา  ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์   กับหลักทรัพย์ที่กระทรวงการ
คลังถือใน บมจ. ปตท. ตามเงื่อนไขการแลกเปลี่ยน  ทั้งนี้ ให้มีผลหลังจาก 180 วัน นับจากวันปิดการ
เสนอขายหุ้น บมจ. ปตท. (วันที่  27  พฤศจิกายน  2544)  และอนุมัติในหลักการให้ดำเนินการแลก
เปลี่ยนหุ้นของกระทรวงการคลังกับที่ดินหรือหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์  โดยมี
แนวทางและหลักการการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับทรัพย์
สินของกระทรวงการคลัง รวมทั้งอนุมัติให้ดำเนินการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของกระทรวงการคลังในที่
ดินบริเวณดังกล่าวได้  โดยไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการ
หรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ  พ.ศ. 2504 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้
รับความเห็นเพิ่มเติมของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการปรับปรุงให้ราคาของทรัพย์
สินทั้ง  2  แห่งเท่ากัน  เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา  7  แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่าย
พระมหากษัตริย์  พ.ศ. 2479 ไปดำเนินการด้วย

                คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้กระทรวงการคลังรับเรื่องการปรับปรุงให้การกู้เงินภายในประเทศของ
ส่วนราชการมีความคล่องตัว ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ  เพื่อแก้ไขปัญหาให้ส่วนราชการสามารถกู้เงิน
ภายในประเทศได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น  เนื่องจากปัจจุบันเงินกู้ในประเทศมีสภาพคล่องตัวสูงและมีอัตรา
ดอกเบี้ยต่ำ แต่ยังมีข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ อยู่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับการกู้เงินจากต่างประเทศ  โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งข้อจำกัดในด้านกฎหมาย ซึ่งหากต้องแก้ไขกฎหมาย ก็ให้ยกร่าง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ระยะที่ 2  (เมษายน - กันยายน 2544)  ของ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   โดยมีภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ดำเนินการ  จำนวน  64  งาน/โครงการ
ประกอบด้วย   ส่วนที่  4  การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
ของประชาชนอย่างทั่วถึง  ได้แก่  การส่งเสริมและขยายการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร   และ
การกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น  โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์  ส่วนที่  5  การพัฒนาสมรรถนะ
ทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต ได้แก่  การปรับโครงสร้างการผลิตให้เข้มแข็งเพื่อ
ให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  ส่วนที่ 6 การจัดการทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การฟื้นฟูทรัพยากรดินที่ผ่านการใช้ประโยชน์และขาดการดูแลรักษา การ
สร้างโอกาสให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น    และ
ส่วนที่ 7 การพัฒนาประชารัฐ  ได้แก่  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาของทุกภาคส่วน  เช่น 
การถ่ายโอนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ท้องถิ่น    ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ    โดยให้
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (ให้จัดทำรายงานสรุปผล
การดำเนินงานในภาพรวมของยุทธศาสตร์และแนวทางต่าง  ๆ  ตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2539 - 2544   เป็นการเพิ่ม
เติมเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับเป้าหมายที่กำหนดไว้   วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จและความ
ล้มเหลวของการดำเนินงาน   และสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ต่าง  ๆ   เพื่อใช้
เป็นแนวทางในการปรับปรุงและขยายผลการดำเนินงานในระยะต่อไป   ตลอดจนเร่งรัดการดำเนินงานตาม
แนวทางที่ยังไม่มีความก้าวหน้าหรือมีผลการดำเนินการที่ยังไม่ชัดเจน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ระยะที่ 2  (เมษายน - กันยายน 2544)  ของ
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ดำเนินการ จำนวน 103 งาน/โครงการ ประกอบ
ด้วย  ส่วนที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของคนไทย ได้แก่ การพัฒนาคนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ และการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีมากขึ้น  ส่วนที่ 3  การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้ส่งเสริมและ
สนับสนุนการพัฒนาคน ได้แก่ การปรับปรุงระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ อุบัติภัย  และสาธารณ
ภัย  ส่วนที่ 4 การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
อย่างทั่วถึง ได้แก่ การส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา
ชุมชน และการกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  ส่วนที่ 5  การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการ
พัฒนาคนและคุณภาพชีวิต ได้แก่ การปรับโครงสร้างการผลิตให้เข้มแข็งเพื่อให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงใน
ตลาดโลก  และส่วนที่ 6 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ได้แก่  การลดปริมาณมลพิษและการ
แพร่กระจายมลพิษในสภาพแวดล้อม      รวมทั้งการเพิ่มบทบาทความร่วมมือในการจัดการสิ่งแวดล้อมระหว่าง
ประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ
กิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในเรื่องผลผลิตและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ
อุตสาหกรรม  การผลักดันโครงการนำร่องนิคมอุตสาหกรรมเกษตรแบบครบวงจร  การเพิ่มประสิทธิภาพการ
เบิกจ่ายเงินและการดำเนินงานโครงการตามแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
รวมถึงเร่งดำเนินการแปลงแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร   (พ.ศ. 2543 - 2547)   สู่การ
ปฏิบัติ   และจัดให้มีระบบติดตามการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง   และเร่งปรับปรุงแผนพัฒนาการผลิตอ้อยในปี
พ.ศ. 2545 - 2549  เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายมีเสถียรภาพทั้งทางด้าน
การผลิต การตลาด และราคา และดำเนินกลยุทธ์กับโรงงานที่มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้มีการลงทุนระบบ
สาธารณูปโภคและสาธารณูปการให้เต็มศักยภาพพื้นที่เพื่อให้การใช้ทรัพยากรของประเทศเกิดประโยชน์คุ้มค่า
ตลอดจนสามารถควบคุมปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าสมควรให้มีการเบิกจ่าย
เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร งวดที่ 2 จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ต่อไป หรือไม่ และหากยก
เลิกจะกระทำได้หรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสม คุ้มค่า ประโยชน์  และผลกระทบในด้าน
ต่าง ๆ  และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน  สำหรับโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรในพื้นที่โครง
การปรับปรุงระบบชลประทานขนาดเล็ก วงเงิน 48.56 ล้านบาท  และโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรใน
พื้นที่โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อผลิตแหล่งพัฒนาของชุมชน วงเงิน 121.32 ล้านบาท  เห็น
ชอบในหลักการทั้ง 2 โครงการ ส่วนการเงินหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้าง ฯ ก็ให้ใช้
เงินกู้ดังกล่าว  แต่หากไม่เห็นชอบ ก็ให้เสนอขอใช้จ่ายจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯ ต่อ
ไป  รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวงเกษตร ฯ เสนอ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินการในส่วนของ
โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกร 13 แห่ง วงเงิน  89.53  ล้าน
บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการปรับปรุงร่องน้ำ เพื่อการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำ
ล้านช้าง - แม่น้ำโขง  ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการขนส่งทางน้ำ และมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ   โดยคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า เรื่องนี้อาจ
มีผลกระทบกับเวียดนามและกัมพูชา  ซึ่งเป็นประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่เหลือ   จึงให้กระทรวงการ
ต่างประเทศรับไปประสานทำความเข้าใจกับประเทศทั้ง 2 ด้วย และโดยที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจกระทบ
ต่อความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการปักปันเขตแดนซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงกลาโหม จึงขอให้
กระทรวงกลาโหมเร่งพิจารณาแล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงระเบียบพิธีการเข้าเมือง
เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่ม
เติม  (เกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงระเบียบพิธีการเข้าเมืองสนับสนุนการท่องเที่ยว ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่  11  กันยายน  2544  จะต้องมีการออกระเบียบหรือประกาศเพื่อการบังคับใช้ และเป็นเรื่องที่เกี่ยว
ข้องกับหลายหน่วยงาน   จึงมอบให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เช่น
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
เพื่อกำหนดขั้นตอนและแนวทางในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบาย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียน นักศึกษา
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัย รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพของครู
และระบบการเรียนการสอน เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้รู้จักคิด   และศึกษาถึงผลดีผลเสียของระบบการสอนใน
ปัจจุบันซึ่งไม่มีการให้เด็กตกซ้ำชั้นแต่ใช้วิธีให้มีการสอบซ่อมแทน และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งควร
นำแนวทางการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนดรุณสิกขาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนนำร่องของมหา
วิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยได้มีการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแนวใหม่ ตามพระราช
บัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2542  โดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเรียนรู้ตลอดชีวิต  ซึ่งมุ่ง
เน้นให้ผู้เรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการ  ทักษะชีวิต   และความรู้ทางเทคโนโลยีจากการปฏิบัติ
จริง  (Activity  Based  Learning)  ทำให้สามารถเชื่อมโยงความรู้แขนงต่าง  ๆ    เข้าด้วยกันได้เป็นภาพรวม
(Holistic Approach)  โดยไม่แบ่งออกเป็นรายวิชาตามแนวการเรียนการสอนแบบเดิม ทำให้บรรเทาปัญหา
การขาดแคลนอัตรากำลังครูผู้สอน ซึ่งเดิมยึดตามรายวิชาที่ผู้สอนแต่ละคนรับผิดชอบอยู่นำมาศึกษาและใช้
ประกอบการพิจารณาในการปฏิรูปการศึกษาด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายการวิทยุโทรทัศน์ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  
(นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์) รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี    
(นายสมศักดิ์  เทพสุทิน  และพลเอก ธรรมรักษ์  อิศรางกูร ณ อยุธยา) เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนา
สื่อวิทยุโทรทัศน์ของรัฐในภาพรวมทั้งหมดให้มีคุณภาพ  มีความเข้มแข็ง  นำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง  เหมาะ
สม และดำเนินการในเชิงรุก และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (เงินกู้ SAL) สำหรับโครงการ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศของกรมประชาสัมพันธ์ ในวงเงิน 820.446 ล้านบาท
โดยมีเงื่อนไขว่า  เครื่องมืออุปกรณ์วิทยุโทรทัศน์ที่จะจัดซื้อตามโครงการดังกล่าว มีเทคโนโลยีและราคาค่อน
ข้างสูง   ดังนั้น   สำนักงบประมาณและกรมประชาสัมพันธ์ จะต้องให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณ
ประจำปี   เพื่อการบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์และจัดจ้างบุคลากรประจำเพื่อใช้ประโยชน์ได้เต็มที่   และมี
ประสิทธิภาพ   กรมประชาสัมพันธ์ควรจัดหารายได้เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว   โดยไม่เป็น
ภาระแก่งบประมาณแผ่นดิน  และมีมติรับทราบการจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ   สำหรับ
โครงการอื่น ๆ ของกรมประชาสัมพันธ์อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดหาอุปกรณ์  ห้องส่งวิทยุโทรทัศน์
ขนาดใหญ่ ช่อง 11  ถนนวิภาดีรังสิต กรุงเทพ ฯ วงเงิน 232.50 ล้านบาท  โครงการปรับปรุงอุปกรณ์ผลิต
ข่าว  และรายการโทรทัศน์ของสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศ วงเงิน 128.25 ล้านบาท  และโครง
การปรับปรุงสมรรถนะในด้านข่าว และรายการของสำนักประชาสัมพันธ์เขต  1- 8  วงเงิน 44.0 ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  นอกจากนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา
ดำเนินการ   (มีผู้เรียกร้องว่า    ในพื้นที่ต่างจังหวัดหลายแห่งไม่สามารถรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ของกรม
ประชาสัมพันธ์  (สทท.11.)  ได้  ขอให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องและตอบสนองความต้องการ
ของประชาชน   การจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง  ๆ    ควรจัดซื้อในระบบดิจิตอล   การจัดซื้อเครื่องมือ
อุปกรณ์วิทยุโทรทัศน์จากต่างประเทศให้นำหลักการค้าขายต่างตอบแทนมาใช้โดยอนุโลม      ให้ปรับปรุง
ประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตรายการให้มีสาระเป็นประโยชน์    รวมทั้งการจัดตั้งหอกระจายข่าว
ประจำหมู่บ้านไปพิจารณาปรับปรุงและดำเนินการจัดตั้งให้ครบถ้วนทั่วประเทศ  และสามารถใช้ประโยชน์
ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป)

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพ 
และประสิทธิผลของงานราชการ    โดยกำหนดกรอบแนวความคิดในการส่งเสริมประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ของส่วนราชการ  และกรอบแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ เพื่อขอรับเงิน
รางวัลประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545     รวมทั้งพิจารณาแนวทางการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2544 โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544  เรื่อง  การปรับปรุงประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลของงานราชการข้อ 5.5.1 ดังนี้  ผู้ที่จะได้รับเงินรางวัลประจำปีต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมในงานโครง
การที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล  และเป็นผู้ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในรอบแรก (1 เมษายน)
และรอบสอง  (1  ตุลาคม)  รวมกันไม่น้อยกว่า  1  ขั้น ...  และมอบหมายให้ กระทรวงการคลังยกร่างพระราช
กฤษฎีกาหรือระเบียบกระทรวงการคลัง เพื่อจ่ายเงินรางวัลประจำปี ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหลักการ ตามที่สำนักงานก.พ.เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปประสานเพื่อจัดประชุมหัวหน้า 
ส่วนราชการต่าง ๆ  เพื่อรับทราบแนวนโยบายของรัฐบาลและทิศทางการดำเนินงานของส่วนราชการ  
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐ กับให้ทบวงมหาวิทยาลัยรับไปประสาน
เพื่อจัดการประชุมอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนเพื่อระดมความคิดในเชิงวิชาการ และ
มอบหมายการดำเนินการวิเคราะห์ ตรวจสอบ ติดตามผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและรัฐวิสาห
กิจ  (Performance & Efficiency Auditing)  เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนิน
งานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ   โดยเน้นในเรื่องการปรับปรุงค่าใช้จ่ายภาครัฐ   ระบบการตรวจ
สอบ ติดตาม และการทำงานของนิสิต นักศึกษา ในช่วงปิดภาคเรียน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 092 ร. เรื่อง การโอนถนนสายเกาะเกตุ หนองระเริง  
ตะคร้อ ไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมโยธาธิการไปให้กับกรมทางหลวง ของนาย
นิยม วรปัญญา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ซึ่งถามว่า  ขอให้กรมโยธาธิการโอนความรับผิดชอบ 
ถนนสายเกาะเกตุ หนองระเริง  ตะคร้อ  ไพศาลี  จังหวัดนครสวรรค์  ส่งมอบให้กับกรมทางหลวงโดยเร็วจะได้ 
หรือไม่ เป็นประการใด  กรมทางหลวงเคยทำหนังสือขอรับมอบอำนาจถนนสายดังกล่าว จากกรมโยธาธิการ  
แล้ว แต่กรมโยธาธิการยังมิได้ดำเนินการส่งมอบให้ เป็นเพราะเหตุใด หากกรมโยธาธิการยังไม่ส่งมอบถนนนี้ 
ให้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง  จะขอให้มีการปรับปรุงถนนสายนี้ให้มีมาตรฐานเป็นกรณีเร่งด่วน 
จะได้หรือไม่  ประการใด  ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อ 
ไป