คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงานกรณีทหาร 
ถูกหาว่ากระทำความผิดอาญา พ.ศ. .... ที่ได้ปรับปรุงจากร่างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร่างที่กระทรวงมหาด  
ไทยเป็นเจ้าของเรื่อง     โดยยกเลิกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย  เรื่อง  การปฏิบัติและ 
ประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ. 2538  และฉบับแก้ไขเพิ่ม 
เติมอีก  4  ฉบับ  แล้วยกร่างขึ้นใหม่เป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจัดหมวดหมู่และกำหนดสาระเท่าที่จำเป็น 
เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายอื่น ๆ การปรับปรุงสังกัดและโครงสร้างของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ความ 
จำเป็นของราชการทหาร  ตำรวจ  พนักงานฝ่ายปกครอง  ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ  และให้ดำเนิน 
การต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมไทยกับกระทรวง 
กลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน  เรื่อง  การให้ความช่วยเหลือทางทหารแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย โดยให้
กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลง ฯ  แล้วประสานไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อ
ดำเนินการต่อไป รวมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทนกระทรวงกลาโหมไทยในการลงนามกับผู้
แทนกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขยายระยะ  
เวลากันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีไม่มีหนี้ผูกพันรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  รายการปรับปรุงห้อง  
ปฏิบัติการวิจัยและทดสอบอาหาร  จำนวน 3,598,300 บาท  จากวันที่  29  พฤศจิกายน  2544  เป็นวันที่  2  
มกราคม 2545 เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 395 ร. เรื่อง  ทิศทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี  ของ
นายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และกระทู้ถามที่ 403 ร. เรื่อง  การจัดมาตรฐานทาง 
การศึกษาของแต่ละโรงเรียนให้มีความเท่าเทียมกัน ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (บัญชีราย 
ชื่อ)  โดยกระทู้ถามที่ 395 ร. ถามว่า  รัฐบาลมีนโยบายกำหนดทิศทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  12  ปี  ไว้อย่างไร 
และมีมาตรการช่วยเหลือเด็กระดับอนุบาลจำนวน 524,399 คน  อย่างไร  ถ้าไม่มีมาตรการช่วยเหลือเพราะเหตุ
ใด     และกระทู้ถามที่  403  ร. ถามว่า  กระทรวงศึกษาธิการมีมาตรฐาน  แผนงาน  หรือแนวทางการปรับปรุง
การจัดมาตรฐานทางการศึกษาของแต่ละโรงเรียนให้มีความเท่าเทียมกันอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความยุติ
ธรรมให้แก่นักเรียนทั่วประเทศและเป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนแต่ละแห่งให้ทัดเทียม
กัน  รวมทั้งได้มีการวางแผน   ตลอดจนแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษา   
ต่อในระดับอุดมศึกษา หรือไม่  อย่างไร  เพื่อให้มีความสอดคล้องกับแผนงานปฏิรูปการศึกษาอันจะนำไปสู่การ 
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพทางการศึกษาของประเทศไทย  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ  และให้ประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

            รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกต  
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ   พ.ศ.  2544   
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา   ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ   โดยมีประเด็นเกี่ยวข้องในส่วนของการจัดสรร 
งบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด   การถ่ายโอนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  
การครอบครองที่ราชพัสดุของส่วนราชการต่าง  ๆ   ทั่วประเทศ   การป้องกันและปราบปรามการลักลอบการนำ 
เข้าสินค้า  การจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  การตั้งงบประมาณรายจ่ายและการกู้เงินของ  
รัฐบาลเพื่อมาดำเนินการในโครงการและงานต่าง  ๆ    การประมาณการรายได้ในการจัดทำงบประมาณรายจ่าย  
ประจำปี การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรรัฐวิสาหกิจเพื่อรองรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ  การจัดสรรงบประมาณให้  
แก่หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ  การปฏิรูประบบงานบริหารราชการและการจัดหน่วยงานภาครัฐ   ภาระหนี้
จากการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน รวมทั้งการจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง  แล้วให้
แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาปัญหา  
เขตแดนของประเทศไทย จากเดิม เป็นให้ผู้อำนวยการกองความมั่นคงด้านการเมือง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่ง 
ชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ  และมีกรรมการอื่นอีก 17 คน  มีอำนาจหน้าที่หลักในการพิจารณาปัญหาเกี่ยว 
กับเขตแดนของประเทศไทย โดยให้มีขอบเขตหน้าที่คลุมถึงเขตแดนทั้งทางบก   ทางน้ำ   และทางทะเลกับประเทศ
เพื่อนบ้านทุกด้าน เว้นแต่ปัญหาการแบ่งเขตไหล่ทวีป และอำนาจหน้าที่อื่นอีก  3  ประการ  ตามที่สำนักงานสภา 
ความมั่นคงแห่งชาติเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างอาคารปฏิบัติการและฝึก
อบรมด้านสิ่งแวดล้อมออกไปอีก  12  เดือน  (จาก 7 มีนาคม 2544 - 6  มีนาคม  2545)  ตามที่กรมส่งเสริม  
คุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ และเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างเนื่องจาก  
เปลี่ยนแปลงและแก้ไขแบบรูปรายการอีกจำนวน  2,891,500  บาท   จากวงเงินเดิม  36,895,545.45  บาท 
และวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานดังกล่าวอีกจำนวน  57,830  บาท จากวงเงินเดิม  670,000  บาท โดย 
วงเงินที่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้นจำนวน  2,949,330  บาท   ให้ใช้เงินเหลือจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2544 ดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับ
การจัดทำแผนการเบิกจ่ายเงินโครงการดังกล่าวไปดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของการจัดโครงสร้างส่วนราชการในระดับกระทรวง  เป็น  17 
กระทรวง และ  1  ทบวง  ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ  และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหาร   
ราชการแต่ละกระทรวง ทบวง เป็นผู้ดูแลรายละเอียดของกระทรวง ทบวง ในสายงานของตน  โดยเพิ่มรองนายก 
รัฐมนตรี (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์) ดูแลรับผิดชอบการจัดรายละเอียดของสำนักนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นอีก  
กระทรวงหนึ่ง  และให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายปองพล  อดิเรกสาร)  เข้าร่วมหารือด้วย  สำหรับกระทรวงและ
ส่วนราชการใดที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์) รับผิดชอบ หากกระทรวงและส่วนราชการนั้น  
รองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) เคยกำกับดูแล และได้จัดทำในเรื่องนี้มาแต่ต้น  ให้รองนายก  
รัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมกันพิจารณาจัดทำรายละเอียดด้วย  ทั้งนี้  ให้สำนักงาน  ก.พ.  และคณะกรรมการปฏิรูป   
ระบบราชการร่วมกันเสนอข้อมูลและแนวทางการจัดรายละเอียดของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม  โดยไม่กระทบ   
โครงสร้างใหญ่ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว  กับให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดจัดทำรายละเอียด 
แต่ละกระทรวงให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม  2544    ส่วนในด้านกฎหมายซึ่งในเรื่องนี้ต้องออกกฎหมาย
และปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ  (นายมีชัย 
ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ)  ได้ร่วมศึกษาตั้งแต่ต้นและเตรียมการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้แล้วเสร็จโดย
ด่วน เพื่อให้ทันเสนอรัฐสภาในสมัยประชุมสามัญทั่วไปสมัยหน้า

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้น 
เศรษฐกิจ (ครั้งที่ 9/2544) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  โดยที่ 
ประชุมมีมติอนุมัติโครงการปรับปรุงและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใน
อุทยานแห่งชาติ  ของกรมป่าไม้  รวมทั้งเห็นชอบกรอบแนวทางการจัดทำโครงการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชน 
 โดยในสรุปสาระสำคัญ  ข้อ 2.1.2 ให้ตัดข้อความในวงเล็บ "(ไม่เป็นโครงการด้านก่อสร้างถนนและแหล่งน้ำ)" ออกทั้ง 
หมด   และข้อ 2.1.5  3) ให้แก้ไขเป็น "...งบประมาณการบริหารและดำเนินการโครงการพัฒนาเศรษฐกิจระดับ 
ชุมชนจะพิจารณาใช้จากงบค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯ..." และรับทราบเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 
 จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่  กรอบแนวทางการจัดทำข้อเสนอแผนงาน (National Program) ด้านอุตสาหกรรม/  
SMEs และโครงการพัฒนาเกาะช้างและพื้นที่ใกล้เคียง  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การจัดซื้อเครื่องเอกซ
เรย์ขนาดใหญ่เพื่อตรวจสอบสินค้า ของกรมศุลกากรจำนวน 2 เครื่อง จำนวนเงินประมาณ 500 ล้านบาท 
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องจัดซื้อ  ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับ
สำนักงบประมาณว่า จะใช้เงินจากที่ใด  และโดยที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นการสร้างรายได้หลักให้แก่ประเทศ 
ตลอดจนการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรกันเงินจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ  จำนวน  12,000  ล้านบาท  
เพื่อใช้จ่ายเฉพาะการแก้ไขราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเพียงอย่างเดียว

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตผลิตสุราแช่ สุราแช่พื้นเมือง  
และผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกินสิบห้าดีกรี   ตามที่กระทรวงการคลัง  (กรม  
สรรพสามิต)  เสนอ   และให้กระทรวงการคลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังในเรื่องนี้โดย 
ด่วน    ทั้งนี้   ให้นำประเด็นอภิปรายของที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  4
(เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องจำนวนและคุณสมบัติของบุคคลผู้ขออนุญาตจะต้องมีความชัดเจนและสอด  
คล้องกับพระราชบัญญัติวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ระหว่างการยกร่างของรัฐบาล   ส่วนแนวคิดที่ต้องการเปิดกว้างให้ 
การผลิตสุราแช่เป็นการสร้างความร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกันของกลุ่มชาวบ้านในท้องถิ่น  ผู้ขออนุญาตต้อง 
เป็นสหกรณ์หรือกลุ่มบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทยตามกฎหมายเกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ 
จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์  พ.ศ. 2542  และมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่สถานที่ผลิตสุราตั้งอยู่ขณะที่
ขออนุญาต  หรือนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่มีผู้ถือหุ้นทุกคนมีสัญชาติไทย  และมีภูมิลำ 
เนาอยู่ในพื้นที่สถานที่ผลิตสุราตั้งอยู่ในขณะที่ขออนุญาต  รวมทั้งการกำหนดสถานที่ผลิต  การตรวจสอบและ 
วิเคราะห์คุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ในภูมิภาคและภาคเอกชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ 
ตลอดจนค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้  นอกจากนี้  กระบวนการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ควร 
ให้คณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดมาตรฐานสุราที่กรมสรรพสามิตตั้งขึ้นรับไปพิจารณาแนวทางการดำเนิน 
การต่อไป สำหรับฉลากที่ใช้ปิดภาชนะบรรจุสุราให้ระบุส่วนประกอบหลักของสุราเพิ่มไว้ด้วย และให้ผู้ผลิตซื้อ 
และปิดแสตมป์สุราที่ปากภาชนะบรรจุทันทีโดยไม่ต้องรอให้มีการขนส่งออกจากสถานที่ผลิตเพื่อความสะดวก
และเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี) ไปประกอบการพิจารณาด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 150 เรื่อง การประกาศขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟ ของ   
นายอำนวย   คลังผา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ซึ่งถามว่า  รัฐบาลมีมาตรการแก้ไขการประกาศ 
ขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือไม่ อย่างไร  และปัญหาการขาดทุนของกิจ  
การรถไฟควรจะปรับลดในส่วนที่ไม่จำเป็น  และนำรายได้อื่นมาชดเชย   มีแผนการปรับปรุงและพัฒนาอย่างไร    
หรือไม่   ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ    และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้
แทนราษฎรต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) รับไป 
ดำเนินการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2539 เรื่อง  การดำเนินการเร่งรัดติดตาม กรณี 
เงินของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล สุขาภิบาล และรัฐวิสาหกิจขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่ทุจริต โดยจัดทำ 
เป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการให้ใช้ผลการศึกษาโครงการจัดทำกรอบและประสานการบริหาร  
จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นกรอบแผน สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่ม  
น้ำเจ้าพระยา    และให้สำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  เป็นหน่วยงานกลางในการประสานการ  
ดำเนินงานรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานและองค์กรต่าง  ๆ  ในลุ่มน้ำ   รวมทั้งจัดทำแผนโดยละเอียดเพื่อให้ 
สามารถนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์)  ประธานกรรมการ  
ทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง  
ชาติ  (ที่ให้เร่งรัดการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ   ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ  และยกร่างพระ 
ราชบัญญัติทรัพยากรน้ำให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน  และเอื้อต่อการมีส่วนร่วมของประ
ชาชนในพื้นที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามกรอบที่เสนอ  ตลอดจนปรับ
ปรุงองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ให้สามารถเป็นกลไกในการสนับสนุนการบริหารจัดการ
น้ำรวมไปถึงให้ความสำคัญกับการมีองค์กรบริหารจัดการในระดับลุ่มน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุ่มน้ำย่อยให้สามารถ   
บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ได้อย่างจริงจัง    และต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะ  
ดำเนินการในแต่ละช่วงที่ชัดเจนและมีผลต่อการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ ต้อง 
มีการจัดทำรายละเอียดโครงการ  การจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  และการจัดทำการรับฟังความ 
คิดเห็นของประชาชนและองค์กรประชาชนในพื้นที่ตามขั้นตอนต่อไป) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 อนุมัติ 
หลักการตามกรอบและแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างระบบค่าตอบแทนของพนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมด รวมทั้ง 
เห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจที่แจ้งความประสงค์ขอจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ จำนวน  14  รัฐวิสาหกิจ  (ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่  
ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ  หรือมติคณะรัฐมนตรี  ซึ่งเป็นอำนาจคณะกรรมการของ  
รัฐวิสาหกิจในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว) จ่ายเงินเพิ่มเติมให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบและแนว  
ทางตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  โดยให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจเป็นผู้พิจารณาการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษเท่า 
ที่จำเป็น  และให้จ่ายเฉพาะพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานหลักซึ่งหาบุคลากรทดแทนได้ยาก และปฏิบัติงาน 
ด้าน  Science and Technology  กับให้พนักงานในตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งเคยได้รับเงินเพิ่มพิเศษอยู่เดิมก่อนที่คณะ   
รัฐมนตรีมีมติให้ระงับการจ่ายเงิน หรือมีตำแหน่งต่ำกว่าระดับผู้อำนวยการฝ่าย หรือตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่อ  
เป็นอย่างอื่นลงมา   โดยต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งเคยปฏิบัติงานในหน้าที่และสายงานที่จำเป็นต้องใช้คุณวุฒิดัง 
กล่าว   ส่วนการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้จ่ายได้ไม่เกินวงเงินที่ได้มีการจ่ายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่  31  ธันวาคม  2541  
(ก่อนระงับการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลน)    โดยผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษต้องเป็นผู้ที่มีเวลา 
ปฏิบัติงานไม่ต่ำกว่า 120 ชั่วโมง ในเดือนที่จะขอรับเงินเพิ่มพิเศษ  หรือไม่ต่ำกว่า 110 ชั่วโมง ในเดือนที่มีวันหยุด 
นักขัตฤกษ์หรือวันหยุดตามประเพณี  รวมไปถึงวันหยุดชดเชยมากกว่า 3 วัน โดยอัตราการจ่ายเงินไม่เกิน 4,000 
บาท ต่อเดือนต่อคน หรืออาจจ่ายต่ำกว่าได้ขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจนั้น  สำหรับระยะเวลาที่จะเริ่ม   
จ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ให้คณะกรรมการ ฯ เป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมและจำเป็น  โดยพิจารณาจากฐานะการ 
เงินของรัฐวิสาหกิจประกอบด้วย   ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  ทั้งนี้  เงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวเป็นเงินนอกเหนือ 
จากเงินเดือน   จึงไม่ใช้เป็นฐานในการคำนวณประโยชน์ต่าง  ๆ   และให้รัฐวิสาหกิจแจ้งรายละเอียดของการจ่าย 
เงินเพิ่มพิเศษให้กระทรวงการคลังทราบ เมื่อได้อนุมัติให้มีการจ่ายเงินดังกล่าวทันที

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการประชุมเพื่อหาแนวทางพัฒนา และแก้ไขปัญหาของพื้นที่การท่องเที่ยว 
เกาะสมุย และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2544 ณ อำเภอเกาะสมุย  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยที่ 
ประชุม ฯ ได้เห็นชอบร่วมกันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในด้านต่าง ๆ ต่อไป และกำหนดระยะเวลาให้แล้ว  
เสร็จโดยเร็ว  ซึ่งที่ประชุม ฯ ได้กำหนดกลยุทธ์ในระยะยาวเพื่อปฏิบัติ ได้แก่ การควบคุมการขยายตัวของการท่อง  
เที่ยวเกาะสมุย  โดยเทียบจากปริมาณที่พักแรม  ไม่ให้เกิน  11,000  ห้อง  ในปี  พ.ศ. 2548  หรือมีนักท่องเที่ยว    
ประมาณ  950,000  คน  โดยเน้นให้เป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ   มีวันพักเฉลี่ยนานขึ้น   และมีจำนวนนักท่อง  
เที่ยวสูงสม่ำเสมอตลอดทั้งปี แก้ไขปัญหาสถานบริการที่อยู่นอกระบบให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย  ปรับปรุงการ  
บริการสาธารณะให้เพียงพอกับระดับที่กำหนดไว้  ยกระดับมาตรฐานการบริการ  และบุคลากร   และเพิ่มรายได้
ของประชากรให้สูงขึ้น   รวมทั้งอนุรักษ์และฟื้นฟูความสวยงามทางธรรมชาติของเกาะสมุย โดยให้เป็นการพัฒนา 
อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การพัฒนาในระยะสั้น ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการนำ (Leadership  
Capacity) ในการพัฒนาให้สูงขึ้นเพื่อประสานแผนงานโครงการ   และการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว    และมี 
ทิศทาง  วางกรอบและทิศทางการใช้ที่ดินให้ชัดเจนเป็นสัดส่วน  พัฒนาชุมชนให้สะอาดและสวยงาม  จัดการด้าน
การบริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการให้เพียงพอและมีคุณภาพ ส่งเสริมและควบคุมการบริการท่องเที่ยว 
ให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดรักษาสภาพแวดล้อม  และจัดการของเสียอย่างเร่งด่วนทั้งในระดับชุมชนและส่วนกลาง 
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้การศึกษาแก่เยาวชน  ประชาชน  ผู้ประกอบการ   และนักท่องเที่ยว   ตามที่รัฐมนตรี 
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายสมศักดิ์   เทพสุทิน)  ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสนอ 
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในด้านต่าง ๆ ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  4  ที่เห็นชอบ
ตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2544 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2544 
ที่ให้ปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างสำหรับลูกจ้างระดับผู้ปฏิบัติงาน  (ผู้ดำรงตำแหน่งต่ำกว่าผู้อำนวย  
การฝ่ายหรือตำแหน่งที่เทียบเท่าลงมา)  ผู้มีสิทธิได้รับเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน  ซึ่งปฏิบัติงานใน  
ช่วงก่อนเกษียณอายุติดต่อกันครบ  15  ปีขึ้นไป ให้ได้รับเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานเป็นจำนวนเท่า    
กับเงินเดือนค่าจ้างอัตราสุดท้ายสองร้อยสี่สิบวัน (8 เท่าของเงินเดือน) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2544
เป็นต้นไป ตามที่ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มีมติ
อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนากรมที่ดินและเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 4  พ.ศ. 2545 - 
2547  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  สำหรับค่าใช้จ่ายของโครงการ  ฯ  ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีทั้งจำนวนในวงเงิน 1,330,727,500 บาท  โดยให้ขอตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกับภารกิจในแต่ละ  
ปีด้วย และให้กรมที่ดินพิจารณาทบทวนแผนงานตามโครงการ ฯ  ให้สอดคล้องกับวงเงินงบประมาณ  โดยทำ   
ความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป  ทั้งนี้  ให้รับข้อสังเกตและความเห็นของสำนักงานปลัด    
สำนักนายกรัฐมนตรี  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  และสำนักงาน  ก.พ.  
(เกี่ยวกับการปรับปรุงแผนงานตามโครงการ  ฯ  ควรให้ความสำคัญแก่แผนงานบินถ่ายภาพ และสร้างระวาง   
แผนที่รูปถ่าย   รวมถึงแผนงานการประเมินทรัพย์สิน  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน 
ของรัฐ และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการเวนคืนที่ดิน  ตลอดจนพิจารณาแนวทาง  หลักเกณฑ์  และศึกษา
ความเหมาะสมในการดำเนินการพัฒนาองค์กรให้มีการจัดเก็บข้อมูลที่สมบูรณ์และทันสมัย  เพื่อประโยชน์ใน  
การจัดเก็บภาษีในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ  โดยมีโครงสร้างที่เป็นสากล  และควรเร่งดำเนินการออก 
โฉนดที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว   เพราะค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดเป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถนำเงินงบประมาณ  
ปกติของประเทศมาดำเนินการได้  จึงควรยุติการกู้เงินในโครงการ  ฯ  ระยะที่  4   นอกจากนี้  ควรพิจารณา   
ตั้งงบประมาณโครงการในลักษณะของงบประมาณปกติแทนการกู้เงินจากธนาคารโลก)  ไปพิจารณาดำเนิน 
การด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อชำระค่า  
น้ำมันและดอกเบี้ย จำนวน 4,152.753 ล้านบาท (ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 3,749.024 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยปรับ   
403.729 ล้านบาท) ให้แก่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) โดยให้ ขสมก. เจรจาต่อรองกับ ปตท. ขอ 
ชำระหนี้ดังกล่าวเป็นเงินทั้งสิ้น 3,900 ล้านบาท (ทั้งค่าน้ำมันและดอกเบี้ย) โดยให้ ขสมก.  ชำระหนี้ให้เสร็จ    
สิ้นภายใน 30 วัน  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีเห็นว่า  หนี้สินของ ขสมก. เป็นปัญหายืดเยื้อมานาม ควรต้องแก้ไขโดย  
เร็วและจริงจัง จึงให้ ขสมก. จัดทำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ ขสมก. ให้ชัดเจน  เช่น  เส้นทางเดินรถ  อัตราค่าโดย 
สาร  ต้นทุนการเดินรถ  และให้จัดทำแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ  การจัดหารายได้
การลดค่าใช้จ่าย เส้นทางเดินรถ และการบริการ  โดยให้เร่งจัดทำให้เสร็จภายใน  3  เดือน  แล้วเสนอนายก 
รัฐมนตรีพิจารณา

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการปรับปรุงระบบการค้ำ
ประกันสินเชื่อให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แบบการค้ำประกันกลุ่มสินเชื่อที่มีการรับความ  
เสี่ยงร่วมกัน (Risk Participation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดย  บสย.  ได้จัด
ทำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการค้ำประกันกลุ่มสินเชื่อที่มีการรับความเสี่ยงร่วมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  และได้  
นำเสนอกับสถาบันการเงิน  ได้แก่  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)  
ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์  จำกัด  (มหาชน)  รวมทั้งบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม  
ขนาดย่อม  (บอย.)  ซึ่งในส่วนของธนาคารกรุงไทย ฯ  คณะกรรมการธนาคาร ฯ  ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่  17  
กรกฎาคม  2544    ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดวันเพื่อจัดทำข้อตกลงใช้บริการ   คาดว่าจะมีการค้ำประกันให้แก่  
SMEs ผ่านโครงการ Risk Participation จำนวน 5,000 ล้านบาท ในปีนี้  และเมื่อวันที่  30  กรกฎาคม  2544
  บสย. และที่ปรึกษากฎหมายของ บสย. ได้ร่วมกันหารือกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยฯ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎ
หมายในเรื่องร่างข้อตกลงการใช้บริการ  ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้พิจารณาและต่างเห็นชอบร่วมกันโดยเพิ่มรายละเอียด  
เล็กน้อยบางเรื่องเพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติต่อกัน   ทั้งนี้  ธนาคารจะนำร่างข้อตกลงที่แก้ไขแล้วนำเสนอผู้ 
บริหารและนัดหมายเพื่อจัดทำข้อตกลงใช้บริการต่อไป สำหรับสถาบันอื่น ๆ อยู่ระหว่างการนำเสนอขอความ 
เห็นชอบต่อคณะกรรมการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้าน  
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 8 ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 
29 - 30  สิงหาคม  2544  ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้จัดคู่ขนานกับการประชุมภาคธุรกิจเอเปคด้านวิสาหกิจ 
ขนาดกลางและขนาดย่อมและนิทรรศการ (APEC SME  Business  Forum  and  Exhibition) โดยที่ประชุมได้
หารือภายใต้หัวข้อหลัก  "ศตวรรษใหม่ ความท้าทายใหม่ : นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจ  
ขนาดกลางและขนาดย่อม"  ซึ่งมีมาตรการสำคัญในการนำเสนอ 3 ประเด็น ได้แก่ การพัฒนานวัตกรรมทาง  
เทคโนโลยี  การอำนวยความสะดวกทางด้านการเงิน  รวมทั้งการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมต่างๆ  เพื่อการพัฒนา 
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และจากผลการประชุมดังกล่าวมีข้อสังเกตจากที่ประชุมและสิ่งที่กระทรวง  
อุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการ  ได้แก่  การปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนา SMEs  ไทย  การเสริมสร้าง 
ศักยภาพบุคลากร  การพัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน   การส่งเสริมงานวิจัย  
และพัฒนาของ SMEs ไทย  การใช้เงินทุนร่วมลงทุนของกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ตลอดจนการ   
ดำเนินงานร่วมกับผู้ประกอบการ  SMEs  ทั้งนี้  ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปี 2546  
และกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่ดูแลการจัดประชุมรัฐมนตรีและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ซึ่ง   
ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคธุรกิจเป็นสำคัญเพื่อให้การจัดประชุมสำเร็จลงด้วยดี    และเห็นความจำเป็น 
จะต้องเร่งดำเนินการตามแนวทางเอเปคด้วยการสนับสนุนงบประมาณตามความเหมาะสมให้แก่ผู้แทนของผู้
ประกอบการ SMEs ไทยได้เข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นไป