ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
741 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่าย รายการเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดทำระบบรักษาความลับข้อมูลเกี่ยวกับ RCEP | พณ | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่าย รายการเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดทำระบบรักษาความลับข้อมูลเกี่ยวกับ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) (RCEP Secured Online Platform) สำหรับ ๒ ปีแรก (๒๕๖๒-๒๕๖๓) จากเดิมจำนวน ๑,๖๒๕ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๕๓,๖๒๕ บาท) เป็นจำนวน ๒,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๖๖,๐๐๐ บาท) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นลำดับแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการกำกับดูแลการจ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
742 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นธุรกิจบริการอื่น จำนวน ๓ ธุรกิจ เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในบัญชีสาม (๒๑) ท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้แก่ (๑) ธุรกิจบริการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือในกลุ่มในประเทศ (๒) ธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน พร้อมสาธารณูปโภคให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่ม และ (๓) ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่มเฉพาะด้านบริหารจัดการ ด้านการตลาด ด้านทรัพยากรบุคคล และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมีการติดตามระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง และดูแลมิให้ผู้ประกอบการต่างชาติมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการไทย ควรกำหนดเวลาซึ่งกฎหมายจะมีผลใช้บังคับที่ชัดเจน และควรมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ และนำมาประกอบการพิจารณาเพื่อให้เกิดความรอบคอบและชัดเจน อีกทั้งควรมีการสื่อสาร ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล เพื่อการเตรียมความพร้อมและรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นควบคู่ไปด้วย รวมทั้งควรต้องติดตามระดับการแข่งขันของธุรกิจบริการให้กู้ยืมเงินในประเทศแก่บริษัทในเครือในกลุ่มตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการเงินอื่น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
743 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุชาติ สินรัตน์) | พณ | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุชาติ สินรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
744 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านความมั่นคง ดังนี้ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ดูแลและควบคุมการรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าและส่งเสริมการบริโภคน้ำมันปาล์มในครัวเรือนเพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในสต็อก ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ (เรื่อง ขอความเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการปรับสมดุล้ำมันปาล์มในประเทศ) เพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสค้ากำไร กดราคา หรือบิดเบือนกลไกตลาดในการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร ทั้งนี้ โรงสกัดทุกแห่งจะต้องจัดทำและเก็บรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อผลปาล์มอย่างถูกต้องชัดเจนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
745 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้ารถยนต์ที่ใช้แล้ว โดยกำหนดประเภทของรถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ประเภทของรถยนต์ที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และประเภทของรถยนต์ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการนำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนอาจไม่ต้องทำลาย หรือส่งรถยนต์ดังกล่าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร แต่อาจใช้วิธีการส่งมอบให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการใช้ในการศึกษาทดลอง และการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ควรให้จำหน่ายโดยมีเงื่อนไขให้ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ นอกจากนี้ การกำหนดระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติ ควรให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การห้ามนำเข้าชิ้นส่วนของตัวถังหรือโครงรถของรถยนต์และโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว การงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้ว การงดรับจดทะเบียนรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้านมลพิษ มาตรฐานด้านความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น และควรมีมาตรการกำกับ ดูแล ตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อไม่ก่อให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายหรือการตีความไปในทางที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างประกาศฯ ที่จะป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ปัจจุบันมีกฎซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างยังคงมีผลใช้บังคับอยู่โดยผลของบทเฉพาะกาลมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงควรพิจารณาดำเนินการออกกฎที่เกี่ยวข้องตามบทบัญญัติของกฎหมายปัจจุบันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการมีบทเฉพาะกาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
746 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (จำนวน 2 คน 1. นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ฯลฯ) | พณ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ รวม ๒ คน แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นายปรีชา ส่งวัฒนา กรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
747 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 | กษ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) โดยให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัน เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง รวมทั้งเห็นชอบให้หน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ตามข้อเสนอแนวทางของคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (Public Service Account : PSA) ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด รัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ สอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และพันธกรณีระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินงานตามแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) และแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างใกล้ชิด และให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานที่ทันต่อเหตุการณ์อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร ในการรักษาสมดุลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะการปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งระบบอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง และการควบคุมพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำมันปาล์มในระบบ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ส่งเสริมให้ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ นอกจากนี้ ควรพิจารณาศึกษาแนวทางในการปรับโครงสร้างการผลิตปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์การตลาดของโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะกรณีของสหภาพยุโรปที่จะเลิกใช้น้ำมันปาล์มในปี ๒๐๒๐-๒๐๒๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
748 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๒๙๑๕-๒๕๖๑ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ/มาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในการผลิตรถจักรยานยนต์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
749 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 2 และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญานิมามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สมาพันธรัฐสวิส และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท โดยที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบและรับรองประเด็นต่าง ๆ เช่น การให้ภาคีจัดส่งแหล่งกำเนิดที่ปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทเป็นผู้รวบรวม การจัดทำร่างรายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นมาตรการในการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของกลไกทางการเงิน การคงความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและองค์การแรงงานระหว่างประเทศด้านสุขภาพต่อไป และการจัดส่งข้อมูลการปลดปล่อยปรอทจากกิจกรรมการเผาในที่โล่งให้กับสำนักเลขาธิการฯ เป็นต้น โดยในส่วนของไทยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ (๑) การออกกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เหลือตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ (๒) การนำแนวทางการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ของเสียปรอทมาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับไทย และ (๓) การติดตามความคืบหน้าของการจัดทำแนวทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยปรอทสู่สิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านการผลิต การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักของผู้บริโภค รวมทั้งการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการและขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญานิมามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินการภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
750 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระจกฉนวนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระจกฉนวนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระจกฉนวนต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก.๑๒๓๑-๑๕๖๐ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๐๖๘ (พ.ศ. ๒๕๖๑) โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๓๖๕ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรพิจารณาขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานดังกล่าวให้มีความสะดวกรวดเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการและสร้างบรรยากาศด้านการค้าการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
751 | รายชื่อประเทศคู่เจรจาของไทยเพื่อการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับต่างประเทศ องค์ประกอบคณะผู้แทนรัฐบาลไทย และการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนผ่านช่องทางการทูต | กค | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายชื่อประเทศคู่เจรจาของไทยเพื่อการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับต่างประเทศ จำนวน ๘ ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน แทนซาเนีย มัลดีฟส์ เซเชลส์ รัสเซีย โรมาเนีย ลิทัวเนีย และมองโกเลีย และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนรัฐบาลไทย และการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับต่างประเทศผ่านช่องทางการทูต ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาเลือกใช้วิธีการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ผ่านคณะผู้แทนรัฐบาลไทย หรือผ่านช่องทางการทูต (นำส่งร่างอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังประเทศคู่ภาคี) ตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น กระทรวงการคลังควรพิจารณาเพิ่มเติมรายชื่อประเทศเพื่อเปิดการเจรจาในโอกาสต่อไป และการเพิ่มเนื้อหาในการเจรจาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาษีตามมาตรฐานสากลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Cooperation and Development : OECD) ให้ตรงตามเงื่อนไขการเสนอขายกองทุนรวมของไทยในสหภาพยุโรป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการเจรจาจัดทำอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลาม รวมถึงประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น บราซิล และเม็กซิโก เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
752 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร | กษ | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกร สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร เพื่อชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๑ ปี (๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒) ภายในกรอบวงเงิน ๑,๒๓๒,๕๙๕,๖๔๐ บาท โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งรัดปรับปรุงข้อมูลมูลหนี้รายสัญญาให้เป็นปัจจุบันยิ่งขึ้น เนื่องจากการลดลงของจำนวนมูลหนี้ที่เสนอในการพิจารณาครั้งนี้ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกที่ลดลง และดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความถูกต้องของมูลหนี้รวมกับระยะเวลาสัญญาเงินกู้ วัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเพื่อการเกษตรและความซ้ำซ้อนกับโครงการของภาครัฐที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และมีความจำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณากลุ่มเป้าหมาย และประโยชน์ที่ได้รับอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด การกำกับดูแลการดำเนินตามโครงการฯ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และผลประโยชน์ตกถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ การกำหนดวิธีการจัดลำดับความสำคัญของเกษตรกรสมาชิก สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ไว้คู่มือการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วน และสอดคล้องกับกรอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการคลังมากเกินความจำเป็น รวมทั้งการติดตามประเมินผลโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
753 | ขอความเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ | พณ | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ และขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๒๕ ล้านบาท ออกไปจากเดิมสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรขยายระยะเวลามาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าฯ ส่วนการขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๒๕ ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมทั้งควรมีการจัดทำเอกสารเพื่อใช้ในการติดตามตรวจสอบและเกิดประโยชน์กับเกษตรกรอย่างแท้จริง ตลอดจนเร่งดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ประสบปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
754 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจตามตัวชี้วัดการพัฒนาการได้รับสินเชื่อ (Getting Credit) ของการปรับปรุงสภาพแวดล้อม สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Ease of Doing Business) | นร12 | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีระบบจดทะเบียนทรัพย์สินซึ่งก่อให้เกิดสิทธิในหลักประกันของสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทเร่งดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการจดทะเบียนทรัพย์สินเข้าด้วยกัน โดยใช้ระบบที่เหมาะสม เพื่อให้ฐานข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินมีความครบถ้วน ทันสมัย และสามารถสืบค้นได้ ณ ที่เดียว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และควรมีแนวทางป้องกันเพื่อมิให้เกิดการละเมิดนำข้อมูลไปใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมทั้งควรพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบและพิจารณาให้ครอบคลุมการดำเนินการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) เพื่อให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และควรให้มีการตรวจสอบผู้เข้าถึงแหล่งข้อมูลเพื่อป้องกันการกระทบสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้อง ความปลอดภัยของข้อมูล และการตรวจทานข้อมูลให้มีความถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการศึกษากฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจทั้งระบบ เพื่อพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันของประเทศไทยให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ดำเนินการตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเคร่งครัด เพื่อให้กฎหมายเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
755 | (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 | ทส | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ สำหรับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติกแบบบูรณาการของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) Roadmap โดยตั้งเป้าหมายในการลดและเลิกใช้พลาสติกบางประเภทภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เช่น พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเลิกใช้พลาสติกประเภทถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) และหลอดพลาสติก ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งมีการกำหนดหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap ในทุกภาคส่วน และกำหนดกลไกต่าง ๆ ในการขับเคลื่อน เช่น สร้างความรู้ ความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือการดำเนินงานรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง (ร่าง) Roadmap และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๗๓ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ] ก่อนเสนอไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และข้อเสนอแนะของกระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น (๑) ควรให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนสูงให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) หากจะให้ (ร่าง) Roadmap มีความสอดคล้องกับทิศทางของการหารือในเวทีระหว่างประเทศและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอาจพิจารณาเพิ่มมิติของการบริหารจัดการขยะด้วย (๓) ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำ/ปรับปรุงแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap และให้นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
756 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการในการรับรองตนเองผ่านระบบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การพิจารณาอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียม การกำหนดมาตรการเพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงของการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในการตราพระราชกฤษฎีกาตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
757 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (จำนวน 8 คน 1. พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ฯลฯ) | พณ | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จำนวน ๘ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ จำนวน ๔ คน ได้แก่ ๑.๑.๑ พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ๑.๑.๒ นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ๑.๑.๓ นางปัทมา เธียรวิศิษฏ์สกุล ๑.๑.๔ นางปิยนุช วุฒิสอน ๑.๒ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน จำนวน ๔ คน ได้แก่ ๑.๒.๑ นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ ๑.๒.๒ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิพิฐ พิรเวช ๑.๒.๓ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ๑.๒.๔ นางศิริรัตน์ เด่นวรพงษาสุข ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
758 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่างรวม ๕ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๙ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ประธานกรรมการ ๒. นายชายพงษ์ นิยมกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเธียรพันธุ์ บุญทรงษีกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายรังสรรค์ ตุลชีวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ขจีพร วงศ์ปรีดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
759 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร โดยไม่รวมถึงวัตถุหรือของอย่างเดียวกันที่คัดแยกออกจากของเสียดังกล่าวที่ได้กำหนดพิกัดอัตราศุลกากรไว้แล้ว โดยเป็นการปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
760 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 เรื่อง การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน | กษ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน และให้ใช้แนวทางการปฏิรูประบบบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน แบ่งเป็น โครงการสร้างระบบบริหารนมโรงเรียน (คณะกรรมการกลาง/สถานภาพขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย/งบประมาณ/วิธีการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียน/คู่สัญญาซื้อขาย) และแนวทางการบริหารจัดการนมโรงเรียน (จัดสรรปริมาณน้ำนมดิบ ปริมาณการจำหน่าย และพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียนให้กับผู้ประกอบการ/เกษตรกรผู้มีสิทธิ์จำหน่ายน้ำนมดิบ/นมที่จัดส่งให้โรงเรียน/บทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนกลไกในการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนทั้งระบบ เพื่อให้การบริหารจัดการเกี่ยวกับโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดความซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย สำหรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารจัดการให้แก่คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนทุกคณะ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทการบริหารให้เกิดความชัดเจนก่อน โดยพิจารณาถึงความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะได้รับ อย่างรอบคอบ รวมถึงการพิจารณาแหล่งเงินให้ครอบคลุมครบถ้วน และจัดทำแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมวัตถุประสงค์ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสม จำเป็น ตามนัยกฎหมายวินัยการเงินการคลังและกฎหมายวิธีการงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรมีการบังคับใช้แนวทางบริหารจัดการกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวด เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ดื่มนมที่มีคุณค่าอย่างมีคุณภาพตามเจตนารมณ์ของโครงการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็น เหมาะสมในการนำผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ด (เช่น นมอัดเม็ดสวนจิตรลดา) มาเป็นอาหารเสริมให้แก่นักเรียนเพิ่มเติมจากอาหารเสริม (นม) โรงเรียนด้วย
|
.....