ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 137 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2721 - 2740 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2721 | โครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52 | กษ | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ค่าใช้จ่าย
สำหรับโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552) และอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบ ประมาณ จากงบรายจ่ายอื่น รายการชำระเงินกู้ค่าดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/2552 จำนวน 71,657,328 บาท เป็นงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการค่าใช้จ่ายใน การรับฝากและเก็บรักษาสินค้าตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/2552 ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน การระบายผลผลิตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่มีอยู่เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาในแต่ละปีและลด การขาดทุนจากการดำเนินโครงการของรัฐบาล อันเกิดจากการเสื่อมสภาพของผลผลิตจนทำให้มูลค่าลดลง ไป พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2722 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นางวัชรี วิมุกตายน ฯลฯ) | พณ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวง พาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. นางวัชรี วิมุกตายน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน 2. นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ 3. นายมนัส สร้อยพลอย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 4. นายวิจักร วิเศษน้อย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||
2723 | แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ | พณ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ ตามที่กระทรวง
พาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. กรณีเกษตรกรมีผลผลิตข้าวเปลือกเฉลี่ยต่อไร่มากกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวง เกษตรและสหกรณ์กำหนดไว้ ให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินได้ทั้งหมดโดยให้กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่นั้นรับรองผลผลิตส่วนเกินดังกล่าว 2. ให้โรงสีในจังหวัดภาคใต้รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงโดยให้ใช้เงินทุน ของโรงสีซึ่งเป็นกลไกตลาดตามปกติ โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนในส่วนของค่าขนส่งตันละ 600 บาท อันเป็น หลักการเดียวกันกับการตั้งโต๊ะรับซื้อของรัฐบาลในภาคใต้ ภายใต้กรอบวงเงินค่าใช้จ่าย จำนวน 860 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว 3. ให้กระทรวงพาณิชย์หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้โรงสีและ ตลาดกลางกู้ยืมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อรองรับผลผลิตในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักเจรจากับประเทศมาเลเซียเพื่ออำนวยความสะดวก ในการขนข้าวสารส่งผ่านแดนไปยังสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งและแก้ไขปัญหา ด้านราคาข้าวในภาคใต้ 5. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ประธานอนุกรรมการ กขช. ด้านการตลาดเป็นผู้ให้ความเห็นชอบแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการดำเนินโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกภายใต้กรอบวงเงินไม่เกินไปกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ และราย งานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไป 6. กรณีปัญหาผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้จัดระบบการประกันรายได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบรับมาพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2724 | ขออนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกขององค์การคลังสินค้า | พณ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ของรัฐบาล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1.1 ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก จากเดิมตันละ 55 บาท เป็นตันละ 75 บาทต่อเดือน กรณีฝากเก็บไว้เกินกว่า 3 เดือน มีค่าใช้จ่ายในอัตราก้าวหน้าเป็นค่าพลิกกลับกองตันละ 30 บาท/ ครั้ง และน้ำหนักสูญเสียร้อยละ 0.5-1 ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วันที่ 10 มีนาคม 2553 1.2 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกของ อคส. ตามที่เกิดขึ้นจริง และค่า Overhead ตันละ 45 บาท ให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยไม่ต้องระบุอัตรารวมไม่เกินตันละ 100 บาท โดยให้กรมการค้าภายใน กรมบัญชี กลาง และ อคส. ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของอัตรารวม และเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ รองประธาน กขช. และประธานอนุกรรมการ กขช. ด้านการตลาด ให้ความเห็นชอบ 1.3 ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและการสูญเสียน้ำหนักในการดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อแก้ไขปัญหาราคา ข้าวเปลือกตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ ให้เบิกจากวงเงินจ่ายขาด 860 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประกอบด้วย 1.3.1 ค่าใช้รถตัก ค่าชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ค่าวัสดุอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการ รับซื้อข้าวเปลือก ในกรอบวงเงินประมาณ 6 ล้านบาท 1.3.2 ค่าขนส่งข้าวเปลือกจากจุดรับซื้อในภาคใต้ไปยังโรงสีในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอน ล่างที่เข้าร่วมโครงการให้นำไปหักออกจากเงินค่าขายข้าวเปลือกที่ได้รับก่อนที่จะนำไปชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 1.3.3 ค่าสูญเสียน้ำหนักระหว่างพักรอที่จุดรับซื้อ การขนถ่าย และการขนส่งไปยังจุดปลายทาง รวมทั้งน้ำหนักสูญเสียที่เกิดจากอัตราความชื้นที่ลดลงวตามที่เกิดขึ้นจริงแต่รวมกันไม่เกินร้อยละ 2 1.4 มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธาน กขช. และประธานคณะอนุ กรรมการ กขช. ด้านการตลาด เป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนิน โครงการตั้งโต๊ะรับซื้อของรัฐบาลภายใต้กรอบวงเงินไม่เกินไปกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติและรายงานคณะรัฐมนตรี ทราบ 2. เห็นชอบให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นหน่วยงานดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าว เปลือกอีกหนึ่งหน่วยงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
2725 | การเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ของประเทศไทย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัด ประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่าง ประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้า ภาพจัดงานดังกล่าว ต้องเริ่มการรณรงค์เพื่อขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศ และการขอเสียงสนับสนุน จากประชาคมโลกนับตั้งแต่จากนี้ไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) เพื่อให้ประเทศไทยได้ เป็นเจ้าภาพงานมหกรรมโลก และให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาขั้นตอนการดำเนินการเตรียม เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการต่อไป และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับนำเสนอหัวข้อการจัดงาน (Theme) ต้องสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงและทิศทาง การพัฒนาในระยะ 10 ปีข้างหน้า อาทิ กระแสแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสร้างความสมดุลของ การพัฒนาความต้องการด้านอาหารและพลังงานทางเลือก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระแสการบริโภคที่ต้อง การอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ให้ สสปน. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อศึกษาขั้น ตอนการเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การสนับสนุน งบประมาณดำเนินโครงการ และการกำหนดแผนรองรับการใช้ประโยชน์จากงานออกแบบและก่อสร้างโครงการ ให้ชัดเจนภายหลังจากงานมหกรรมเสร็จสิ้น ไปพิจารณาต่อไป 2. สำหรับงบประมาณการดำเนินงานเบื้องต้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของ สสปน. ซึ่งได้รับจัดสรรไว้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 749.797 ล้านบาท และเสนอขอจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 25 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
2726 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย (พ.ศ. 2552 - 2556) | กษ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย (พ.ศ. 2552-2556) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแปลงแผนแม่บทการจัดการประมง ทะเลไทย (พ.ศ. 2552-2556) ช่วงระยะที่ 1 (พ.ศ. 2552-2556) ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ประกอบ ด้วย 5 กลยุทธ์ 88 โครงการ ดังนี้ 1.1 กลยุทธ์ที่ 1 ปรับปรุงระบบการจัดการประมงทะเลให้มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 15 โครงการ วงเงินรวม 1,882.88 ล้านบาท 1.2 กลยุทธ์ที่ 2 ปรับปรุงโครงสร้างและศักยภาพองค์กรภาคประมง ประกอบด้วย 23 โครงการ วง เงินรวม 965.85 ล้านบาท 1.3 กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรประมงทะเลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน ประกอบ ด้วย 21 โครงการ วงเงินรวม 1,129.63 ล้านบาท 1.4 กลยุทธ์ที่ 4 ฟื้นฟูระบบนิเวศและพัฒนาแหล่งประมงทะเลเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และคุณภาพสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 12 โครงการ วงเงินรวม 1,598.00 ล้านบาท 1.5 กลยุทธ์ที่ 5 ส่งเสริมและพัฒนาการประมงนอกน่านน้ำไทย ประกอบด้วย 17 โครงการ วงเงิน รวม 833.25 ล้านบาท 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง อุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดให้มีมติที่เกี่ยว กับการกำหนดให้ผู้ประกอบการไทยผิดชอบ เมื่อเกิดกรณีการทำประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบทลงโทษและความ รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือลูกเรือเมื่อถูกจับกุม และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาศักยภาพการทำการประมง นอกน่านน้ำไทย ควรระบุความรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือลูกเรือในกรณีต่าง ๆ ไว้ในขอบ ข่ายการดำเนินงานของกองทุนใด ๆ ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นแล้ว และสามารถเชื่อมโยงกับการให้ความช่วยเหลือลูกเรือ ประมงดังกล่าว และควรให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบการประมงนอกน่านน้ำให้ถูกต้องตามเงื่อนไขและข้อตกลง ระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการร่วมทุนและลงทุนในประเทศที่สามและการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ประเทศ ที่เรือประมงไทยเข้าไปทำประมงเพื่อให้เกิดการประมงที่รับผิดชอบและยั่งยืน นอกจากนี้ ควรกำหนดเป้าหมาย ผล ตอบแทนและความคุ้มค่าของการลงทุนตามแผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะผลต่อผลิตภาพการผลิตในแต่ละปี รวมทั้ง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพชาวประมงให้สามารถเพิ่มมูลค่าของสัตว์น้ำในแต่ละขั้นตอน และส่งเสริมการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ในส่วนของการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน เพื่อให้เกิดการบูรณาการโครงการฯ ภายใต้แผนหลักต่าง ๆ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านเป้าหมายและพื้นที่ ดำเนินการ และสามารถเชื่อมโยงให้เกิดผลลัพธ์ในระดับยุทธศาสตร์ได้ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญที่ต้องเร่งดำเนิน การตามความจำเป็นเร่งด่วนสอดคล้องกับศักยภาพของหน่วยงาน และควรพิจารณาปรับระยะเวลาให้สอดคล้องกับ สถานภาพในปัจจุบัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
2727 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องข้าวระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2553 ในส่วนที่ให้นำบันทึกความเข้าใจในเรื่องนี้เสนอ รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป 2. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงการค้าและ อุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 3. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามใน MOU ดัง กล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวให้ผู้ลงนาม ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี 4. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามใน MOU ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
2728 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 16 | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่
เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2553 ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นผู้แทนฝ่ายไทยเข้าร่วมการประชุม โดยสาระ สำคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. การติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียน 1.1 การปรับปรุง AEC Scorecard ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับปรุงการวัดผลตาม AEC Scorecard ใน ด้านการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้า การขนส่ง รวมทั้งบริการ โลจิสติกส์ 1.2 การดำเนินมาตรการตามแผนงาน AEC Blueprint ที่ประชุมมอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจ เร่งรัดการดำเนินงานที่ล่ากว่าเป้าหมาย โดยเน้นเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิใน ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเงิน 1.3 การปฏิรูปโครงสร้างและกฎระเบียบภายในอาเซียน ที่ประชุมเห็นควรให้จัดลำดับความสำคัญของ สาขาที่จะปฏิรูป โดยให้ประเทศสมาชิกระบุสาขาที่ต้องการ Capacity Building และมอบสำนักเลขาธิการอาเซียนจัด ทำ Work Plan on Regulatory Reform เสนอในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 42 ในเดือนสิงหาคม 2553 1.4 Trade Policy Dialogue and Review (TPRD) ที่ประชุมมอบหมายสำนักเลขาธิการอาเซียนใช้ข้อมูล ที่ประเทศสมาชิกรายงานต่อ WTO จัดทำรายงานนโยบายด้านเศรษฐกิจในกรอบอาเซียน เสนอให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ อาเซียนพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป 1.5 พัฒนาการของสถาปัตยกรรมภูมิภาคและการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ที่ประชุมได้มอบให้สำนัก เลขาธิการอาเซียนศึกษาและประมวลผล FTA ที่อาเซียนได้จัดทำกับประเทศคู่เจรจาเพื่อใช้กำหนดยุทธศาสตร์การเป็น ศูนย์กลางของอาเซียน 1.6 ASEAN-Gulf Cooperation Council (GCC) และ MERCOSUR ที่ประชุมได้รับรองข้อเสนอและการ ประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนที่มอบหมายให้สำนักเลขาธิการอาเซียนเริ่ม แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องกฎระเบียบการค้าและการลงทุนกับ GCC และ MERCOSUR และให้สำนักเลขาธิการอาเซียนจัด สัมมนาโต๊ะกลมกับฝ่ายเลขา ฯ ของ GCC ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอาเซียนเพื่อหารือแนวทางในการร่วมมือกันต่อไป 2. ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 2.1 การมีผลบังคับใช้ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) ซึ่งไทยได้แจ้งว่าบรรลุข้อตกลง เรื่องข้าวกับฟิลิปปินส์แล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการภายในประเทศและคาดว่าจะสามารถให้สัตยาบันความตกลง ATIGA ได้ภายในเดือนเมษายนศกนี้ 2.2 การเปิดเสรีด้านการลงทุน (ASEAN Comprehensive Investment Area : AGIA) ไทยได้แจ้งว่าจะให้ สัตยาบันในความตกลงเมื่อรายการข้อสงวน (Reservation List) ของสมาชิกอาเซียนทั้งหมดได้รับความเห็นชอบ ซึ่ง เหลือเพียงรายการข้อสงวนของอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียวที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ 2.3 ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาร่างแถลงการณ์ของผู้นำ เรื่อง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยังยืนของ อาเซียน โดยไทยขอเพิ่มประเด็นเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจพอเพียง 2.4 ที่ประชุมเห็นชอบทิศทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนหลังปี 2015 โดยให้สำนักเลขาธิ การอาเซียนรวบรวมความคิดเห็นของประเทศสมาชิกโดยให้พิจารณาแนวโน้มทางเศรษฐกิจและการเมืองประกอบเพื่อ เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับรัฐมนตรีหารือในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2729 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวเข้ามาในราชอาณา
จักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มี สาระสำคัญดังนี้ 1. ให้ข้าวตามพิกัดอัตราศุลกากร 10.06 ที่มีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชา ชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองแสดงต่อ กรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรในการนำเข้า มาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 2. การนำเข้าข้าวที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรจะต้องนำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแปร รูปอาหารเพื่อการอุปโภคบริโภคสำหรับมนุษย์เท่านั้น โดยไม่รวมถึงอุตสาหกรรมแปรสภาพ (การสีข้าว) ของโรง สี และต้องนำเข้าระหว่างเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม และระหว่างเดือนสิงหาคม ตุลาคม และต้องนำเข้าทางด้าน ศุลกากรที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
2730 | สถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ [ด้านการผลิตและการตลาด (ข้าวนาปรังและ มันสำปะหลัง) ฯ] | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. แนวโน้มสถานการณ์ 1.1 ข้าวนาปรัง สภาพภัยแล้งในปีนี้คาดว่าจะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากปริมาณ น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ลดลง ประกอบกับการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคใบหงิก โรคเขียวเตี้ยที่เกิด ขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ส่งผลให้ผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวในระยะต่อไปมีแนวโน้ม ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากจนอาจเกิดผลกระทบต่อภาวะการค้าโดยเฉพาะการส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปด้วย 1.2 มันสำปะหลัง ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ 25 จังหวัดได้ ทำให้ปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะผลิตได้ 27.759 ล้านตัน ลดลงเหลือเพียง 23.22 ล้านตัน และแนวโน้ม ผลผลิตอาจจะลดลงอีก 1.3 สุกร จากการระบาดของโรคทางเดินหายใจ และโรคอุบัติใหม่ ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทำให้อัตรา การสูญเสียลูกสุกรและสุกรขุนมีมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น และสุกรมีชีวิตที่เข้าสู่ตลาดมีปริมาณ ลดลงและขาดช่วงทำใก้ราคาสุกรมีชีวิตได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 เป็นต้นมา นอก จากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2553 ซึ่งสภาพอากาศร้อนจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ขาดแคลนสุกรมากขึ้น เนื่อง จากสุกรจะกินอาหารได้น้อยและโตช้า 2. แนวทางการแก้ไข 2.1 เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืช และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ขาดน้ำในการ เพาะปลูกข้าว 2.2 เร่งดำเนินการชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทราบถึงแนวทางแก้ไขและ การป้องกันการระบาดของเพลี้ยแป้ง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดรณรงค์ให้ความรู้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในระดับ พื้นที่ 2.3 ให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสุกร เพื่อบรรเทาภาระความสูญเสีย ของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร รวมทั้งได้กำหนดมาตรการบริหารจัดการอุปสงค์อุปทานมิให้เกิดผลกระทบต่อระบบการ ผลิต/การตลาด ตลอดจนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ผู้ประกอบการและผู้บริโภคในประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
2731 | รายงานผลดำเนินการโครงการแทรกเซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 (ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553) | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานผลการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาด
รับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 ดังนี้ 1. ผลการรับซื้อข้าวเปลือก ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 มีการเปิดจุดรับซื้อรวม 22 จัหงวัด จำนวน 83 จุด แยกเป็น องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 68 จุด และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 15 จุด มีการรับซื้อข้าวเปลือกแล้ว 8 จังหวัด จำนวน 21 จุด ปริมาณรวมทั้งสิ้น 29,568 ตัน แยก เป็น อคส. จำนวน 11 จุด ปริมาณ 21,138 ตัน อ.ต.ก. จำนวน 10 จุด ปริมาณ 8,430 ตัน 2. ภาวะการค้าและราคาข้าวเปลือก ช่วงระหว่างวันที่ 22-31 มีนาคม 2553 ข้าวเปลือกหอมมะลิราคา ตันละ 13,500-14,300 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาตันละ 10,500-11,000 บาท และข้าวเปลือกเจ้า ราคา ตันละ 8,300-9,500 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
2732 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีโดย 5971/53) | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวง การค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และให้นำบันทึกความเข้าใจเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็น ชอบต่อไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาก่อนการ ลงนามด้วย ดังนี้ 1.1 แก้ไขข้อ 4 ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ เป็น "4. During the invocation of the Protocol to Provide Special Consideration for Rice and Sugar, the Philippines shall maintain the level of rice importation from Thailand in line with historical importation during the past three (3) years which on average is about 367,000 MT annually, unless international price and/or domestic production do not allow the maintenance of such level of importation ........." ทั้งนี้ เนื่องจากคำว่า "trade" มีความหมายปกติว่า "การค้า" หรือ "แลกเปลี่ยน" ซึ่งมีความหมายเป็นการ ค้าสองฝ่ายซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการตีความในอนาคต และควรปรับร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้ สอดคล้องกันโดยเปลี่ยนคำว่า "การค้า" เป็น "การนำเข้า" 1.2 ในส่วนท้ายของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ควรแก้ไขดังนี้ 1.2.1 แก้ข้อความ "The MOU shall enter into force from the date of Signing until 31st December 2014" เป็น "This MOU shall enter into force on the date of signing and be effective until 31st December 2014." 1.2.2 เพิ่มข้อความดังต่อไปนี้ ก่อนวรรคสุดท้าย "IN WITNESS WHEREOF the undersigned, being duly authorized there to by their respective Governments, have signed this MOU." และแก้ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้สอดคล้อง กันว่า "เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลของแต่ละฝ่ายได้ลง นามบันทึกความเข้าใจนี้" 1.2.3 สำหรับวรรคสุดท้าย เห็นควรตัดคำว่า "two" หน้าคำว่า "duplicate" ออก 2. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือที่ผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจ ให้ผู้ลงนามใช้ดุลพินิจใน เรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 3. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ |
||||||||||||||||||||||||
2733 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบ
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรแห่งชาติให้เหมาะสมสอดคล้องกับทางปฏิบัติ เช่น ให้รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจเป็นรองประธานกรรมการ ไปพิจารณาปรับปรุงร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อน นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
2734 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ถอนร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้า
มาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ที่อยู่ ระหว่างจัดทำขึ้นใหม่ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
2735 | รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ระหว่างวันที่ 1 - 31 ธันวาคม 2552) | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทาง
ปัญญา ตามที่ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2552 จับกุมได้ 55 คดี ยึดของกลางได้ 168,193 ชิ้น
|
||||||||||||||||||||||||
2736 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะทำงานระดับสูงของอาเซียนว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน | กต | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายประดาป พิบูลสงคราม เป็นผู้แทนไทยในคณะทำงานระดับสูง
ของอาเซียนว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและ สนับสนุนการทำงานของผู้แทนไทยดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า การพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน มีขอบเขตกว้างขวางและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของหลายหน่วยงานภายในประเทศ จำเป็นจะต้องประสานการ ดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ โดยที่อาเซียนในกรอบอาเซียน+1 (อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี อาเซียน-อินเดีย และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) แล้วเสร็จ ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่อาเซียนจะขยายขอบเขตการจัดทำ เขตการค้าเสรีออกไปในระดับภูมิภาคที่กว้างขวางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในกรอบอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) หรืออาเซียน+6 (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย) ไทยในฐานะประเทศสมาชิกอา เซียนควรกำหนดยุทธศาสตร์เรื่อง ความเชื่อมโยงในกรอบภูมิภาคดังกล่าวที่ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้ เกิดประโยชน์สูงสุดกับไทย |
||||||||||||||||||||||||
2737 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันการเช่าอาคารที่ทำการสำนักงาน
ของหน่วยงานกรมส่งเสริมการส่งออก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เกิน กว่า 3 ปีงบประมาณ โดยมีระยะเวลาการเช่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2556 ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะได้ ทำความตกลงไว้กับผู้ให้เช่า เป็นเงินทั้งสิ้น 374,354.53 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 13,102,400 บาท คิดอัตรา แลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 35 บาท โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 83,980.27 ดอล ลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 2,939,300 บาท ให้กรมส่งเสริมการส่งออกใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้ว งบ ประมาณส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณผูกพันรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 ต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
2738 | แถลงการณ์ของผู้นำอาเซียนเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของอาเซียน | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ประกาศแถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน เรื่อง การ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของอาเซียน ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 16 และการประชุมอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2553 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับ ปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในแถลงการณ์ดังกล่าว ขอให้นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะ รัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ดัง กล่าวก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ 2.1 ข้อ 1 ย่อหน้าที่ 4 ประโยคแรก ถ้อยคำว่า "to reverse the fiscal and monetary stimulus" ให้ ความหมายว่า "กลับผลของมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการเงิน" มีข้อพิจารณาแง่นโยบายว่า มีความหมาย ตรงตามที่ส่วนราชการเจ้าของเรื่องประสงค์เช่นนี้หรือไม่ 2.2 ข้อ 3 ย่อหน้าที่ 1 บรรทัดที่ 8 แก้ไขเป็น "... to draw up specific timetables for realizing the goals of ASEAN Connectivity, taking into account the different levels of development of ASEAN Member States, and to develop ..." เพื่อให้สอดคล้องก้บขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยความเชื่อม โยงระหว่างกันในอาเซียน 2.3 ข้อ 3 ย่อหน้าที่ 4 บรรทัดที่ 3 แก้ไขเป็น "and look forward to consolidating and prioritizing existing plans on connectivity into the Master Plan, taking into account related existing sub-regional cooperation frameworks. We also look forward to the implementation of more projects ..." ด้วยเหตุผลเดียว กับข้อ 2.2
|
||||||||||||||||||||||||
2739 | แนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำจังหวัดสงขลา | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำจังหวัดสงขลา โดยเปลี่ยนวิธีการ
ตั้งโต๊ะรับซื้อในภาคใต้ โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว จากเกษตรกรในราคาตามเกณฑ์กลางอ้างอิง และส่งมอบข้าวเปลือกที่รับซื้อให้โรงสีในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนล่าง สำหรับค่าขนส่งรถบรรทุกให้รัฐบาลรับภาระค่าขนส่งโดยเบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการแทรกแซงตลาด รับซื้อข้าวเปลือกที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ อคส./อ.ต.ก. ไว้แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ การกำหนด อัตราค่าขนส่งรถบรรทุกให้ใช้อัตราค่าขนส่งของ อคส. โดยคำนวณตามระยะทางจริง
|
||||||||||||||||||||||||
2740 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2553 | นร | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2553 โดยที่ประชุมได้พิจารณารายงานความก้าวหน้าโครงการศึกษาความเป็นไปได้การจัดตั้งอุตสาหกรรมเหล็ก ขั้นต้น ระยะที่ 1 รายงานติดตามและประเมินผล FTA ปี 2552 (มกราคม-กันยายน) และการแต่งตั้งกรรมการใน คณะกรรมการ กรอ. รวม 3 เรื่อง 2. เห็นชอบข้อเสนอตามมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการศึกษา ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้น ระยะที่ 1 โดยนำผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคใต้ เพื่อนำมากำหนดทิศ ทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการ และการศึกษาการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเศรษฐกิจเชิงนิเวศน์ (Eco- Industrial Town) ไปประกอบการศึกษาด้วย 2.2 มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) รับไปจัดทำยุทธศาสตร์ ในภาพของประเทศด้านการเปิดเสรีทางการค้าประเทศต่าง ๆ ที่ชัดเจน ทั้งในด้านการกำหนดทิศทางของประเทศ ไทยด้าน FTA กลุ่มประเทศเป้าหมาย กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ ดุลการค้าของประเทศ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งสู่ฐานการค้าและการลงทุนที่มากขึ้น รวมทั้งการกำหนดนโยบายการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น 2.3 มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์เร่งทบทวนปัญหาและอุปสรรค์ การดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการผ่านกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความ สามารถของประเทศ และกองทุนจัดทำโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับ ผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาด กลางและขนาดย่อมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และรายงานผลต่อคณะกรรมการ รศก. อย่างต่อเนื่อง 2.4 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และมาตรการด้านความปลอดภัย ของสินค้าเกษตร เช่น มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary : SPS) เป็นต้น เพื่อให้ สินค้านำเข้ามีคุณภาพมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่อผู้บริโภคในประเทศ 2.5 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงรูปแบบรายงานประเมินผล FTA ให้ครอบคลุมถึงการ วิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศทั้งในกรณีก่อนและหลังการทำข้อตกลง FTA และการเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ เกิดขึ้นจริงจากการทำข้อตกลง FTA กับผลการศึกษาที่ได้ศึกษาไว้ก่อนดำเนินการ เพื่อให้สามารถประเมินผลดีและ ผลเสียจากการทำ FTA ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 2.6 เห็นชอบการแต่งตั้งนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นกรรมการในคณะกรรม การ รศก. เพิ่มเติม
|
.....