ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 139 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2761 - 2780 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2761 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 | อก | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ 10/2552 เมื่อวันที่ 1 ธันวา คม 2552 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ 1.1 กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 เป็นรายเขต ในอัตราตันอ้อยละ 917.87 บาท ณ ระดับค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. โดยกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 55.07 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 เท่ากับ 393.37 บาทต่อตันอ้อย 1.2 การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2552/2553 ในอัตราตันอ้อยละ 965.00 บาท ณ ระดับค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. โดยกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 57.90 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2552/2553 เท่ากับ 413.57 บาทต่อตัน อ้อย 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผน ปฏิบัติการพัฒนาอ้อยและแนวทางที่กำหนดในวาระอ้อยแห่งชาติ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตาม กำกับ และทบทวนแนวทางการดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาอ้อย นอกจากนี้ ให้ พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 เกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกอัตราการนำเงิน กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายหลังจากครบกำหนดชำระหนี้ของกองทุน ฯ ที่คาดว่าจะครบกำหนดประมาณเดือน พฤศจิกายน 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมในการพิจารณาทบทวนราคาน้ำตาลทรายใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในปัจจุบันที่ราคาอ้อยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2762 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ รวม 4 ฉบับ | นร | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวง รวม 4 ฉบับ ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ โดยเพิ่มกลุ่ม ตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการเพื่อให้สอดคล้อง กับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป 2. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป 3. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอด คล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป 4. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้อง กับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2763 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าว
เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ให้เมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศ สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือ รับรองในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร 2. ต้องนำสินค้าตามข้อ 1. เข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านศุลกากรที่มีด่านตรวจพืชและด่านอาหารและยา ตามเงื่อนไขการนำเข้าสำหรับแต่ละสินค้าที่กำหนดเพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพและมาตร ฐานสินค้า 3. หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกหนังสือรับรอง รวมทั้งรายชื่อด่านศุลกากรที่มีด่าน ตรวจพืชและด่านอาหารและยา ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศประกาศกำหนด 4. ให้สินค้าที่นำเข้าตามประกาศนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นที่มิใช่มาตรการทางภาษี ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2764 | ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของข้าวแต่ละชนิด รายจังหวัด และการกำหนดพันธุ์ข้าวที่ทางราชการรับรองโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | พณ | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบยืนยันการกำหนดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของข้าวแต่ละชนิด รายจังหวัด โครงการประกันราย ได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ที่คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการผลิตได้ทบทวน แล้ว 2. เห็นชอบให้ผ่อนผันให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์อื่น ๆ นอกเหนือจากพันธุ์ข้าว 29 พันธุ์ ที่ทางราชการให้การรับรองสามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ได้ ยกเว้นพันธุ์ข้าวที่มีอายุสั้นต่ำกว่า 100 วัน ซึ่งเมื่อสีแปรสภาพได้ข้าวสารคุณภาพต่ำ ได้แก่ พันธุ์ 75, พันธุ์ซี -75, พันธุ์ราชินี, พันธุ์พวงทอง, พันธุ์พวงเงิน, พันธุ์พวงเงิน พวงทอง, พันธุ์พวงแก้ว, พันธุ์ขาวปทุม, พันธุ์สาม พราน 1 และพันธุ์มาเลเซีย และพันธุ์อื่น ๆ ที่มีอายุต่ำกว่า 100 วัน ซึ่งมีคุณลักษณะเช่นเดียวกับที่ประกาศยก เว้นไว้ โดยให้เกษตรกรใช้สิทธิชดเชยราคาและประมาณรับประกันต่อครัวเรือนเช่นเดียวกับชนิดข้าวเปลือกเจ้า พันธุ์ที่ทางราชการรับรอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2765 | การจัดส่งข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์และสาธารณรัฐเฮติ | นร | 02/02/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. การจัดส่งข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นการให้ความช่วยเหลืออันเนื่อง มาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุกิสนา (Ketsana) ในช่วงเดือนกันยายน 2552 ซึ่งระยะเวลาล่วงเลยมานานพอสม ควร แต่การจัดส่งข้าวดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ จึงให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดติดตามการดำเนินการเรืองนี้ร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยด่วน 2. การบริจาคข้าวช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐเฮติ ในส่วนของการจัดส่งข้าวล็อตที่สองจำนวน 4,000 ตัน และข้าวล็อตที่สามในส่วนที่เหลือ ให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบและพิจารณากำหนดชนิดข้าวที่จะส่งไป ช่วยเหลือให้ชัดเจนเหมาะสม โดยประสานหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการจัดส่งไปยังสาธารณรัฐเฮติให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2766 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐเฮติ | กต | 26/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้ความ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐเฮติ สรุปได้ดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 เอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก ได้เป็นผู้แทนไทยในพิธีส่งมอบหนังสือ ความช่วยเหลือของไทย มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับเอกอัครราชทูตเฮติประจำเม็กซิโก โดยทางสถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก จะนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้ออาหารและเวชภัณฑ์ส่งไปเฮติโดยเรือและเครื่องบินของ เม็กซิโก ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจัดส่งจากเม็กซิโกในวันที่ 29 มกราคม 2553 2. กระทรวงการต่างประเทศส่งอัครราชทูตที่ปรึกษาประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก เดิน ทางไปยังเฮติ เพื่อส่งมอบสิ่งของตามข้อ 1 ให้แก่รัฐบาลเฮติ พร้อมทั้งได้ส่งคณะผู้แทนเพิ่มเติมจากประเทศไทยไป สมทบอัครราชทูตที่ปรึกษา เพื่อเป็นคณะสำรวจล่วงหน้าจากประเทศไทยไปสำรวจแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมในเฮติ 3. กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินเกี่ยวกับ ความพร้อมที่จะส่งคณะแพทย์และพยาบาล จำนวน 10-15 คน ไปยังเฮติ 4. ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ เมื่อวันที่ 22 มกรา คม 2552 มีมติให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความอนุเคราะห์ในการจัดส่งข้าว 5 เปอร์เซนต์ จำนวน 100 ตัน ไปยังสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานให้โครงการอาหารโลก (World Food Programme-WFP) เป็นผู้รับมอบ สำหรับการจัดส่งข้าวระยะต่อไป ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดจะส่ง ข้าว 4,000 ตัน ไปยังสาธารณรัฐโดนิมิกันโดยทางเรือ 4 เที่ยว เที่ยวละ 1,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งจากประเทศ ไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 9 กุมภาพันธ์ 16 กุมภาพันธ์ และ 23 กุมภาพันธ์ ศกนี้ 5. กระทรวงการต่างประเทศได้นำเสนอให้รัฐบาลพิจารณามอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็น หน่วยงานกลางของไทยในการประสานงานกับประเทศต่าง ๆ และองค์กรระหว่างประเทศในการบริจาคและการ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่เฮติ ซึ่งขณะนี้องค์การสหประชาชาติและประเทศเม็กซิโกพร้อมให้ความร่วมมือแก่ไทยใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังหารือกับสหรัฐอเมริกาอีกทางหนึ่งว่า กองทัพเรือ สหรัฐ ฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกจะช่วยขนสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้จากประเทศไทยไปยังเฮติได้หรือไม่ 6. ส่วนการรับบริจาคเงินจากประชาชน โดยผ่านศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติที่ทำเนียบ รัฐบาล และศูนย์รวบรวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเฮติของกระทรวงการต่างประเทศ นั้น กระทรวงการต่าง ประเทศกำลังเสนอให้รัฐบาลนำเงินและสิ่งของบริจาคของประชาชนผ่านรัฐบาลทั้งสองส่วนดังกล่าวส่งมอบให้แก่ สหประชาชาติและเครือข่ายองค์กรของสหประชาชาติ และ/หรือการประสานโดยตรงกับมิตรประเทศที่พร้อมร่วม มือกับไทยในการขนส่งสิ่งของบริจาค 7. กระทรวงการต่างประเทศกำลังเสนอให้อาเซียนพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการในกรอบ อาเซียนร่วมกันในระยะการฟื้นฟูเฮติ เช่น การร่วมกันส่งกองกำลังทหารไปร่วมก่อสร้างและฟื้นฟูเฮติ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2767 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์ ดร. ถวิล พึ่งมา ฯลฯ) | พณ | 26/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรม
การองค์การคลังสินค้า จำนวน 7 คน เนื่องจากประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะ กรรมการองค์การคลังสินค้าได้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. ศาสตราจารย์ ถวิล พึ่งมา ประธานกรรมการ 2. ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร รองประธานกรรมการ 3. นายพุทธิสัตย์ นามเดช กรรมการ 4. นายณัฏฐชัย ณครแก้ว กรรมการ 5. นางสาวสมคิด บัวเพ็ง กรรมการ 6. นางพรศิริ มโนหาญ กรรมการ 7. นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ กรรมการ (ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2768 | ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบที่ 1) เพิ่มเติม | พณ | 26/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบปัญหาในทางปฏิบัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 (รอบที่ 1) เพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 กรณีเกษตรกรตกหล่นไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร 1.2 กรณีเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กำหนดวันใช้สิทธิให้ซึ่ง ไม่ใช่วันที่เกษตรกรเลือก 1.3 กรณีเกษตรกรมีที่นาหลายแปลงแต่เกษตรอำเภอขึ้นทะเบียนให้เพียงแปลงเดียว 1.4 กรณีเกษตรกรปลูกข้าว 2 ชนิด ทำสัญญาประกันรายได้วันเดียวกันแต่ ธ.ก.ส. กำหนดวันใช้สิทธิ ต่างกัน 1.5 กรณี ธ.ก.ส. จ่ายเงินชดเชยรายได้ให้เกษตรกรแล้วขอคืนบางส่วน 1.6 กรณีเกษตรกรขอให้จ่ายส่วนต่างชดเชยช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 1.7 กรณีเกษตรอำเภอออกหนังสือรับรองให้เกษตรกรไม่ตรงตามชนิดข้าวที่เกษตรกรปลูก 1.8 กรณีเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. นำเงินชดเชยมาจ่ายให้เกษตรกรและคิดค่าใช้จ่ายจากเกษตรกร 2. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาให้เป็น ไปตามกรอบและหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดและเสนอคณะคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณา ตามลำดับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2769 | ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) (ระหว่างวันที่ 16 - 18 มกราคม 2553) | พณ | 26/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2553 ตามโครงการ "โลจิสติกส์การค้าสัญจรเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย" ครั้งที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสำรวจ ติดตามความคืบหน้า และสร้างโอกาสขยายการค้าเส้นทางโลจิสติกส์การค้าตามแนวด่านชายแดนไทย- ลาว รวมทั้งได้ประชุมหารือและรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนระดับสูงของ สปป.ลาว ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การขยาย เส้นทางรถไฟจากท่านาแล้งไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ การลงทุนก่อสร้างสถานีขนถ่ายตู้สินค้า (Inland Container Depot : ICD) การส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว การก่อสร้างสะพาน ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) และการพัฒนา Single Stop Inspection ด่านชายแดนไทย-ลาว เป็น ต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมหารือ ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ทางด้านการค้า การลงทุนและโลจิสติกส์ จากภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจใน สปป.ลาว อาทิ บริษัทในเครือปูน ซิเมนต์ไทย ธนาคารกรุงเทพ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ธนาคารกรุงไทย บริษัท ช.การช่าง จำกัด บริษัท เอส ซี ที จำกัด ฯลฯ โดยภาคเอกชนได้เสนอแนะว่าในปี พ.ศ. 2553 เป็นปีที่มีความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐประชาธิป ไตยประชาชนลาวครบรอบ 60 ปี และเป็นปีสมโภชฉลองนครหลวงเวียงจันทน์ครบรอบ 450 ปี จึงเห็นควรให้มีการ จัดกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลอง ได้แก่ การต่อเส้นทางรถไฟจากสถานีท่านาแล้งถึงนครหลวงเวียงจันทน์ การติดตั้งไฟฟ้า จากสะพานมิตรภาพไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึง นครหลวงเวียงจันทน์ และการจัดงานแสดง สินค้า Thailand Trade Exhibition ในเดือนกรกฎาคม 2553 พร้อมทั้งได้ฝากปัญหาให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขเกี่ยว กับปัญหาความล่าช้าการผ่านพิธีการ ณ ด่านฝั่งไทย และการขอ Passport รถ หรือ Sticker ตัว T จากกรมการขน ส่งทางบกของไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2770 | การเร่งรัดการชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้า | นร | 26/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปเร่งรัดดำเนินการให้มีการชำระเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของโกดังสินค้าที่องค์การคลังสินค้าเช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตร ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคม 2553 และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย ตามที่นายก รัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2771 | การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย | อก | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในการสนับ สนุนส่งเสริมการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศที่ผลิตได้ตามมาตรฐาน ให้สามารถแข่งขันในการประกวดราคาจัดซื้อจัด จ้างกับพัสดุที่ผลิตจากต่างประเทศได้อย่างเป็นธรรม นั้น จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมประการใด หรือไม่ หากเห็นว่าควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในการอุดหนุนโดยการคืนภาษีให้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกเป็นการขัดหรือแย้งต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงขององค์การ การค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ หรือไม่ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับ ไปติดตามตรวจสอบด้วย หากพบว่าการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศกรณีใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาห กรรมและผู้ผลิตสินค้าในประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measures) ตามนัยพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 ต่อ ไป 3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้มากขึ้น โดยให้ประสานเชื่อมโยง การทำงานกับหน่วยงานที่สนับสนุนด้านองค์ความรู้ การวิจัยพัฒนา และนวัตกรรม เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการที่มีคนไทยเป็นเจ้าของในการเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2772 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ทำสัญญาเช่าอาคารสำนัก
งานตั้งอยู่ที่ เลขที่ 840 และ 846 ถนน Moreau de Justo Alicia 840, 846 Piso 2, Puerto Madero, Capiral Federal, Buenos Aires ชั้น 2 เลขที่ 11 พื้นที่ใช้สอยประมาณ 125 ตารางเมตร สำหรับเป็นสำนักงานส่งเสริม การค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 โดยอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการส่งออก จะได้ทำความตกลงไว้กับผู้ให้เช่า เป็นเงิน 259,512 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 9,082,920 บาท ส่วนค่าเช่าใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 82,662 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 2,893,170 บาท ให้กรมส่งเสริมการส่ง ออกใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้ว สำหรับงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอขอตั้ง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2773 | ผลการติดตามการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร กรณีของข้าวภาคใต้ | นร | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรม
การประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการชี้แจงต่อเกษตรกรหรือดำเนินมาตรการที่เหมาะสมตามหลัก การของโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในเขตภาคใต้ ในช่วงระยะเวลาที่เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวและมีปริมาณข้าว เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในระยะนี้ก่อน รวมทั้งเร่งรัดให้กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งจดทะเบียนจัดทำประชาคม ออกใบรับรองเกษตรกร และทำสัญญาประกันรายได้ กับเกษตรกรโดยเร็ว 2. เห็นชอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนและเสนอ กลไกในลักษณะที่ถาวรหรือออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตร กรมีลักษณะที่ต่อเนื่องในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2774 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 จังหวัดพัทลุง | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 จังหวัดพัทลุง ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ กรณีให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์จำแนกเป็นแต่ละพื้นที่ภาคต่าง ๆ กัน เนื่องจากมติคณะ รัฐมนตรีวันที่ 22 กันยายน 2552 ได้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการจ่ายเงินชดเชยให้ เกษตรกร โดยให้ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกแต่ละชนิดเป็นราคาเดียวกันเพื่อใช้ในการจ่ายเงินให้แก่เกษตร กรทั้งประเทศ หากจะมีการเปลี่ยนแปลง สมควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาให้รอบคอบก่อนเสนอ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2775 | ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 และการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลสรุปการแก้ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบ
ที่ 1 และการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว แห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการออกหนังสือรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 1 ออกไปจน ถึงวันที่ 15 มกราคม 2553 และขยายระยะเวลาการทำสัญญาประกันรายได้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปเป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2553 สำหรับเกษตรกรที่ตกสำรวจซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเกษตร กรและผ่านการประชาคมผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 รอบที่ 1 ที่ไม่สามารถออกหนังสือรับรองเกษตรกรผู้ ปลูกข้าว รอบที่ 1 ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมทั้งเกษตรกรที่ได้มีการแก้ไขข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ที่ตกสำรวจให้ถือวันทำประชาคมเป็นวันทำสัญญา และเกษตรกรที่ได้แก้ไขข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้ใช้วันที่ออกใบ รับรองเกษตรกรที่กรมส่งเสริมการเกษตรออกให้ครั้งแรก ไม่ใช้วันที่ปรับปรุงข้อมูลเป็นวันทำสัญญา ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และไม่ได้ทำประชาคม ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกร 2. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปริมาณรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ต่อครัวเรือน เท่ากับ ปริมาณประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฯ รอบที่ 1 คือ ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 และข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์ที่ทางราช การรับรอง โดยมีปริมาณประกันรายได้ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียวปริมาณประกันรายได้ครัวเรือนละ 16 ตัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2776 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้า จำนวน 38 รายการ และบริการ จำนวน 1 รายการ รวม 39
รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 มกรา คม 2553 เป็นสินค้าและบริการควบคุมในปี พ.ศ. 2553 ยกเว้นสินค้า 1 รายการ คือ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและ บริการ พ.ศ. 2542 ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2777 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเฉพาะกรณีตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเฉพาะกรณีตามกฎ หมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้นำซากสัตว์ ออกนอกราชอาณาจักร สำหรับซากสัตว์ประเภทหนังโค และหนังกระบือ และยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ นำเข้าซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับซากสัตว์ประเภทไขมันสุกรแข็ง (Back Fat) ไส้แกะ และไส้สุกร ที่นำเข้าในราชอาณาจักร สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเพื่อการส่งออกจำหน่ายนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า ในการยกเว้นค่าธรรม เนียมใบอนุญาตให้นำไขมันสุกรแข็ง ไส้แกะ และไส้สุกรเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการ ผลิตอาหารเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร จะต้องมีมาตรการรองรับเพื่อควบคุมให้มีการส่งออก ไปนอกราชอาณาจักรทั้งหมด โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2778 | เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในเรื่องการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - สหภาพยุโรป | พณ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในเรื่อง
การจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ประกอบด้วย ผู้แทนจากภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาค รัฐ โดยมีนายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง เป็นประธานกรรมการ มีบุคคลอื่นร่วมเป็นกรรมการอีก 15 คน และมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่หลักในการรวบรวมข้อมูล ความเห็นทั้งในด้านประโยชน์ ที่จะได้รับและข้อกังวลต่าง ๆ รวมถึงมาตรการรองรับเพื่อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นำมาประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ รวมถึงผลดีผลเสียในการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพ ยุโรป และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2779 | ปัญหาราคาไข่ไก่และแนวทางแก้ไข | พณ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน
การตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. ด้านการตลาด 1.1 ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานเชื่อมโยงการจำหน่ายให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่นำผลผลิตไปจำหน่าย ให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง ในสถานที่ราชการและแหล่งชุมชน และจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายไข่ไก่ ภายใต้ Farm Outlet ที่จัดภายในงานธงฟ้า รวมทั้งเพื่อรณรงค์เชิญชวนให้มีการบริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น 1.2 ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวง ศึกษาธิการ มอบหมายหน่วยงานในสังกัด อาทิ กองทัพเรือ เรือนจำ โรงพยาบาล และโรงเรียน รับซื้อไข่ไก่จาก เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่โดยตรง ในราคา ณ แหล่งผลิต ตามภาวะตลาด เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายในช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ 2553 เพื่อให้เกษตรกรสามารถระบายไข่ไก่ส่วนเกินได้อย่างน้อยจำนวนวันละ 1,000,000 ฟอง โดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานกลางในการประสานเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานราชการกับเกษตรกร ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 2. ด้านการผลิต โดยเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายและ พัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2553 ที่ให้ลดกำลังการผลิตโดยขอ ความร่วมมือผู้ผลิตไก่ไข่พันธุ์และผู้เลี้ยงไก่ไข่ขนาด 100,000 ตัวขึ้นไป ชะลอการนำลูกไก่เข้าเลี้ยง และปลดแม่ไก่ ยืนกรงเร็วขึ้นก่อนอายุการปลดปกติที่ 78 สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2780 | ขออนุมัติงบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ ปี 2553 | พณ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการเร่งด่วนเพื่อเป็นการช่วยเหลือและ ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการธงฟ้า...มหาชน และโครง การพัฒนาและส่งเสริมศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) ในวงเงินรวม 180 ล้านบาท สำหรับโครง การส่งเสริมตลาดสดสีฟ้า (Blue Fresh Mart) และโครงการพัฒนารูปแบบการค้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพ นั้น ให้ กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวให้พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกระทรวงพาณิชย์ตามความเหมาะสมต่อไป
|
.....